ตอนที่ 6 คุกเข่าขอโทษ ไม่มีทาง!

ร้อยเล่ห์เกมรัก

-A A +A

ตอนที่ 6 คุกเข่าขอโทษ ไม่มีทาง!

จบบริบูรณ์
เปิดขาย

คฤหาสน์ตระกูลหลี่ รถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้าน เฟิร์นเปิดประตูรถลงไปแล้วเดินเข้าบ้านโดยไม่สนใจคนที่ตามมาข้างหลังที่มีสีหน้าเย็นชา
เธอเดินไปที่ห้องส่วนตัวเล็กๆของเธอแล้วไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพักผ่อน
ส่วนหลี่อวี้หานเดินขึ้นบันไดไปเปิดประตูเข้าห้องตัวเองทิ้งตัวนอนลงบนเตียงเขาต้องการสงบสติอารมณ์ให้ดีกว่านี้
เขาไม่ใช่คนโมโหง่ายเขาไม่เคยลืมตัวไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมาต่อหน้าคนอื่นแบบนี้มาก่อน
เขาสับสนและไม่เข้าใจตัวเอง
พอลุกขึ้นมานั่งเตรียมตัวจะไปอาบน้ำก็เหลือบไปเห็นกำไลข้อมือ
ทำให้นึกขึ้นได้ว่าวันนั้นเขาอยู่กับหรงเอ๋อร์จนเขาลืมเอาไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ 
จึงหยิบกำไลขึ้นมาดูอีกครั้งแล้วบ่นพึมพำว่า
" ก็แค่กำไลเงินไม่กี่บาท ไม่มีค่าอะไร เจ้าของคงไม่ตามหาหรอก "
พูดจบก็ทิ้งกำไลลงไปในถังขยะจากนั้นก็เดินเข้าไปอาบน้ำ
ทางด้านเฟิร์นเธอกำลังวีดีโอคอลคุยกับธาวินอย่างมีความสุข
" เฟินเฟินทำงานเป็นไงบ้าง เพื่อนร่วมงานดีมั้ย "
" ก็สนุกดีนะ เพื่อนร่วมงานดีทุกคนเลย "
ความจริงเธออยากจะระบายความเหนื่อยให้กับธาวินฟังแต่กลัวเขาจะเป็นห่วงจึงเลือกที่จะโกหกไป
" งั้นก็ดีแล้ว อยู่คนเดียวดูแลสุขภาพตัวเองดีๆ มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ ห้ามเกรงใจ "
" ค่ะ เอ่อพี่วินงั้นแค่นี้ก่อนนะคะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า "
" ครับบ้ายบายฝันดีนะดูแลตัวเองด้วย "
" เช่นกันค่ะ บาย "
บอกลากันเสร็จทั้งสองก็วางสายไปพร้อมกัน
เธอรู้สึกผิดที่ต้องโกหกคนรักของตัวเอง เธอกลัวว่าถ้าวันหนึ่งธาวินรู้ความจริงเขาจะรับไม่ได้กับงานที่เธอทำ
แม้มันจะดูเห็นแก่เงินเห็นแก่ตัวจนไม่สนผิดถูกแต่เธอจนเธอขอแค่ครอบครัวเธออยู่สุขสบายเธอก็ยอมถ้าธาวินจะเกลียดเธอ
เธอล้มตัวนอนลงแล้วเผลอหลับไปเพราะวันนี้เธอเหนื่อยมากจริงๆ
ตั้งแต่เข้าไปในบริษัทใหญ่ของหลี่อวี้หานเธอก็ถูกใช้งานอย่างหนักแทบไม่มีเวลาพักหายใจ
เช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็ไปทำงานปกติไปถึงพวกพนักงานก็ใช้งานเธอสารพัดราวกับเธอเป็นหุ่นยนต์
ทั้งไปซื้อของให้ ชงชา กาแฟ ถ่ายเอกสาร และงานจุกจิกอื่นๆอีกมากมาย
เธอวิ่งไปวิ่งมาระหว่างแผนกออกแบบและการตลาดจนเท้าบวมปวดขาไปหมดเป็นแบบนี้ทุกวันจนทั้งสองแผนกรู้จักเธอกันหมด เวลาเหนื่อยท้อเธอจะคอยบอกกับตัวเองเสมอว่า
" เฟิร์นอดทนนะอดทน เธอต้องทำได้ อดทนสู้ๆ ขอแค่ครอบครัวสบายเธอก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว "
เธอทำงานแบบนี้ทุกวันจนพนักงานส่วนใหญ่รู้สึกเอ็นดูเธอ แต่ก็ยังมีบางส่วนแสดงท่าทางดูถูก
เธอทำงานรับใช้คนอื่น เธอรู้ว่ามันต่ำต้อยเป็นงานที่ไร้เกียรติ
บางวันเธอกัดฟันทนเมื่อมีคนแกล้งเธอเข้าห้องน้ำก็มีคนไปขังเธอ บางคนทำกาแฟหกใส่เสื้อผ้าเธอ จนเธอต้องเตรียมชุดเผื่อไว้ทุกวัน บางคนแกล้งให้เธอวิ่งไปซื้อของซ้ำหลายรอบ
...แผนกการตลาด...
เฟิร์นเดินเข้าไปทำงานปกติก็มีพนักงานสาวคนหนึ่งเรียกใช้เธอ
" เสี่ยวเฟินเธอไปชงกาแฟมาให้หน่อย "
" ได้ค่ะ " 
เธอไปชงกาแฟให้พนักงานแล้วถือกลับมา
" กาแฟได้แล้วค่ะ "
พนักงานสาวยกกาแฟขึ้นมาดื่มทำหน้าไม่พอใจขึ้นมา
" เสี่ยวเฟินนี่เธอกะจะแกล้งฉันใช่มั้ยเธอไม่ชอบที่ฉันให้เธอไปซื้อของให้เลยชงกาแฟขมปี๋นี่มาให้ฉันใช่มั้ย "
เฟิร์นงงมากแต่ทำอะไรไม่ได้จึงรีบแก้ตัวทันที
" ไม่ใช่นะคะฉันไม่คิดจะทำแบบนั้นเลยคุณจะกล่าวหาก็ควรมีเหตุผลหน่อยสิคะอีกอย่างคุณไม่ได้บอกไว้ว่าต้องการหวานน้อยหรือหวานพอดีฉันเองก็ไม่รู้นึกว่าคุณต้องการแบบอริจินอล "
" เธอหาว่าฉันไม่มีเหตุผลหาเรื่องใส่ร้ายเธออย่างงั้นเหรอ "
พูดจบพนักงานสาวก็เอาแก้วกาแฟร้อนๆสาดใส่เฟิร์นทันที
เฟิร์นโมโหมากเสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนไปด้วยคราบกาแฟเธอรีบโค้งตัวตามสัญชาติตญาณเพื่อให้น้ำร้อนโดนตัวน้อยที่สุด
จากนั้นพนักงานสาวยิ้มเยาะอย่างสะใจเข้ามากระซิบข้างหูเธออย่างเยาะเย้ยว่า
" ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้เธอไปขัดหูขัดตาคุณหนูหรงกับท่านประธานกันล่ะ "
เห็นท่าทีที่ไม่รู้สึกผิดเฟิร์นโกรธมากจึงใช้มือดึงเส้นผมของพนักงานสาวให้ออกห่างจากเธออย่างแรงแล้วเอ่ยถามอย่างแข็งกร้าวว่า
" เธอพูดอีกทีสิใครเป็นคนบงการเธอนะ "
พนักงานสาวสีหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
" เธอปล่อยฉันนะ โอ้ย "
" ฉันบอกให้เธอพูดออกมา พูด! "
เฟิร์นตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธจนพนักงานสาวทนความเจ็บปวดไม่ไหวร้องให้ออกมาพร้อมกับพูดว่า
" เป็นคุณหนูหรงกับท่านประธาน คุณหนูหรงบอกว่าเธอจงใจไปล่อลวงท่านประธานทำให้ท่านประธานโกรธจึงส่งเธอมาเป็นคนใช้ของพนักงาน ผู้ช่วยหลงก็เคยบอกว่าท่านประธานบอกว่าเรียกใช้เธอได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจ "
" อย่างงั้นเหรอ! พวกคุณพนักงานผู้สูงส่งเลยกลั่นแกล้งฉันสารพัดก็ได้งั้นสินะ "
" โอ้ย ฉันบอกเธอแล้วปล่อย ฉันเจ็บ โอ้ย "
" งั้นคนที่ขังฉันไว้ในห้องน้ำทั้งคืนก็ฝีมือเธอเหมือนกันสินะ "
พนักงานสาวรีบปฏิเสธ
" ไม่ใช่ฝีมือฉันนั่นเป็นฝีมือพนักงานออกแบบ "
" อ๋อที่แท้ก็สมรู้ร่วมคิด เธอคุกเข่าขอโทษฉันแล้วฉันจะปล่อยเธอ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอเจ็บมากกว่านี้อีก วันนี้เธอทำเกินไป "
ตอนนี้เฟิร์นรู้สึกแสบร้อนที่หน้าอกมากเจ็บแสบไปหมดครั้งนี้เธอยอมไม่ไหวแล้วจริงๆ
เธอคลายมือที่กำผมออกรอให้หญิงสาวตรงหน้าคุกเข่าขอโทษ
แต่หญิงสาวยังไม่ทันได้คุกเข่าก็มีเสียงที่เย็นชาทรงพลังดังมาจากด้านหลังของคนที่มามุงดู
" ไม่ต้องคุกเข่า "
หญิงสาวตรงหน้าดีใจเหมือนปลากระดี่ได้น้ำความหวาดกลัวหายไปจากแววตาทันทีต่อด้วยการใส่ร้ายป้ายสี
" ท่านประธานคะเธอเสียสติไปแล้วฉันไม่ได้ตั้งใจทำกาแฟหกใส่เธอ จู่ๆเธอก็เกิดบ้าคลั่งลงไม้ลงมือเลยทุกคนเป็นพยานได้ "
เฟิร์นจ้องมองหลี่อวี้หานอย่างเกลียดแค้นที่เขาสั่งคนมารุมใช้งานเธอไม่พอยังกลั่นแกล้งถึงขั้นรุนแรง
หลี่อวี้หานจ้องเฟิร์นอย่างเย็นชาพูดขึ้นน้ำเสียงเยือกเย็น
" คุกเข่าขอโทษเธอซะ "
เฟิร์นได้ยินที่หลี่อวี้หานเข้าข้างพนักงานจนไม่แยกแยะความผิดถูกความโกรธในใจก็ยิ่งทวีคูณเธอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
" ไม่มีทาง! หลี่อวี้หานนายนี่ช่างเป็นประธานบริษัทที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลย ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า หน้าไม่อาย "
หลี่อวี้หานโมโหจนเส้นเลือดปูดแววตาราวกับปีศาจจ้องเธอราวกับจะฆ่าทิ้งแล้วฝ่ามือใหญ่ก็ฟาดลงบนใบหน้าของเฟิร์นอย่างแรงจนเฟิร์นล้มลงไปกับพื้นเธอรู้สึกมึนและได้กลิ่นคาวเลือดในปาก
หลี่อวี้หานง้ามือเตรียมจะฟาดลงอีกครั้งแต่ผู้ช่วยหลงก็รีบมาคุกเข่าขวางไว้พูดแทนเฟิร์น
" ท่านประธานโปรดอภัยด้วยครับ คุณหนูเฟิร์นเธอพูดไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เธอไม่ได้ตั้งใจจะว่าให้ท่านประธานเสียหายท่านประธานโปรดอภัยให้เธอด้วยครับ "
หลี่อวี้หานผู้เลือดเย็นจิตใจอำหิตเป็นที่รู้กันทั่วเขาไม่ปราณีใคร แต่ตอนนี้เขาไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โตจึงเอ่ยขึ้นอย่างเลือดเย็น
" ครั้งนี้จะถือว่าเป็นการเตือนเธอนะหากเธอยังไม่รู้จักสำนึกอีกล่ะก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนและเรื่องในวันนี้อย่าให้ผมรู้ว่ามีคนเอาไปแพร่พรายข้างนอกไม่งั้นจะลงโทษสถานหนัก "
พนักงานทุกคนตอบ " ครับ/ค่ะ " ด้วยอาการสั่นกลัว
พูดจบเขาก็เดินออกไป ทุกคนต่างก็ไปแยกย้ายกันทำงาน
ผู้ช่วยลู่พยุงเฟิร์นลุกขึ้นแล้วพาเธอไปโรงพยาบาลทันที
ระหว่างทางเขาเห็นเธอร้องให้ไม่หยุดน้ำตาไหลอาบแก้มดวงตาแดงก่ำแต่เสียงสะอึกสะอื้นกลับไม่มีเลย
เขาอยากปลอบใจเธอใจแทบขาดสงสารจับใจแต่ทำไม่ได้ได้แต่แอบห่วงห่างๆ
หลังจากเกิดเรื่องเธอก็มาทำงานปกติ ทุกคนให้เกียรติเธอมากขึ้นใช้งานเท่าที่จำเป็น
เธอไม่ใช่คนจิตใจดีไม่ใช่แม่พระบางครั้งเธอเกือบจะหลุดปากด่าคนเกือบจะเอาคืนในหลายๆหนแต่เธอก็เลือกที่จะสงบนิ่งทนทำงานนี้ทุกวันๆ
หนึ่งเดือนผ่านไป คฤหาสน์ตระกูลหลี่ คุณท่านหลี่ที่กำลังเดินเล่นออกกำลังกายในสวนก็เอ่ยถามผู้ช่วยลู่
" ทางเสี่ยวเฟินเป็นยังไงบ้าง มีอะไรคืบหน้ามั้ย "
ผู้ช่วยลู่ส่ายหัวเบาๆเอ่ยตอบอย่างนอบน้อมว่า
" ยังครับ แต่ดูเหมือนคุณหนูเฟิร์นจะได้รับความลำบากไม่น้อย "
" ทำไมคุณถึงบอกว่าเธอได้รับความลำบากล่ะ "
" เอ่อ คือคุณชายใช้ให้เธอไปเป็นผู้ช่วยพนักงานครับดูเหมือนจะถูกกลั่นแกล้งทุกวันจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้วครับ "
คุณท่านหลี่พอรู้แบบนี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
" แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับผมเชื่อว่าคนฉลาดอย่างคุณหนูเฟิร์นไม่ยอมถูกกลั่นแกล้งฟรีๆหรอกครับ "
" คุณคิดว่าเธออดทนเพื่อแผนการที่ยอดเยี่ยมกว่าอย่างงั้นเหรอ "
" ครับ "
" งั้นเราก็ควรสนับสนุนเธอ ไปเอาประวัติเธอมาให้ผมที่ห้องทำงาน "
" ครับ ผมจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ "
ในวันต่อมาคุณท่านหลี่ก็เรียกทุกคนเข้าประชุมทำให้เป็นทีฮือฮาในบริษัท
เพราะท่านประธานใหญ่ไม่เข้ามาในบริษัทนานหลายปีแล้วอยู่ๆก็มากะทันหัน
แม้แต่หลี่อวี้หานยังไม่ทันตั้งตัว พนักงานทุกคนในบริษัทก็พากันคาดเดาไปต่างๆนาๆ
" เธอรู้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่อยู่ๆท่านประธานใหญ่ก็มาที่บริษัทด้วยตนเอง "
" ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเดี๋ยวหัวหน้ากลับมาเราก็คงรู้เองแหละว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ "
" หรือว่าท่านจะแต่งตั้งท่านประธานให้รับช่วงต่อทั้งหมด "
" มันก็ไม่แน่ "
ภายในห้องประชุมทุกคนรอฟังอย่างเงียบกริบคุณท่านหลี่กวาดสายตาไปรอบๆแล้วเอ่ยขึ้น
" ที่ผมเรียกประชุมด่วนวันนี้ที่จริงก็ไม่มีอะไรมากแค่อยากจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับล่ามของบริษัทไว้ "
และในตอนนี้เองผู้ช่วยก็เปิดภาพเฟิร์นขึ้นบนจอแล้วอธิบายประวัติเธอคร่าวๆแน่นอนว่าประวัตินี้ของเฟิร์นจริงครึ่งเท็จครึ่ง
หลี่อวี้หานเห็นดังนั้นเลยแย้งขึ้น
" ท่านประธานใหญ่ครับผมว่าบริษัทเราไม่จำเป็นต้องจ้างล่ามมาก็ได้ครับ "
คุณท่านหลี่รู้ว่าต้องเป็นแบบนี้หลานชายเขาต้องไม่ยอมแน่แต่ต่อหน้าคนอื่นหลานชายเขาไม่กล้าทำอะไรที่ไม่เป็นการเคารพเขาแน่นอน คุณท่านหลี่จึงเอ่ยต่อว่า
" ผมเห็นว่าสมควรและคิดไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วนอกจากเธอจะเป็นล่ามแล้ว
ผมยังมอบตำแหน่งเลขาส่วนตัวของประธานหลี่อวี้หานให้เธอด้วย ประธานบริษัทนอกจากผู้ช่วยแล้วควรมีเลขาส่วนตัว
เป็นมือซ้ายมือขวาช่วยกันทำงานร่วมกับผู้ช่วยหลง
ช่วยลดภาระงานให้ผู้ช่วยหลงอีกด้วยเพราะผมรู้สึกว่าที่ผ่านมาผู้ช่วยหลงคงจะงานยุ่งไป
หากมีล่ามคนนี้เข้ามาช่วยงานในบริษัทเวลาที่ออกไปเจรจากับลูกค้าหรือไปงานเลี้ยงต่างๆก็จะสะดวกมากขึ้นไม่ต้องไปกังวลถึงข่าวซุบซิบไร้สาระนั่นอีก "
ทุกคนเงียบกริบพยักหน้าเห็นด้วย เห็นจะมีแต่หัวหน้าแผนกออกแบบและหัวหน้าแผนกการตลาดที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก
เมื่อคุณท่านหลี่เห็นสีหน้าของสองคนนี้ก็ยิ้มขึ้นซึ่งรอยยิ้มนั้นกลับทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
" ผมหวังว่าท่านประธานแผนกการตลาดและการออกแบบจะเห็นด้วยและรู้ว่าควรทำอะไรหลังจากนี้ "
ทั้งสองเหงื่อผุดออกมาจนเปียกชุ่มเอ่ยพร้อมกันว่า
" ครับ/ครับ "
หลี่อวี้หานนั่งเงียบกริบ สีหน้าเย็นชา เขานึกไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้ปู่เขาต้องออกโรงปกป้องถึงบริษัท
[ ดูแล้วเธอคนนี้เขาจะประมาทไม่ได้แล้ว ]
คุณท่านหลี่เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็เอ่ยว่า
" วันนี้พอแค่นี้แยกย้ายกันไปทำงานเถอะ "
ทุกคนลุกขึ้นโค้งตัวแสดงความเคารพจากนั้นก็เดินออกไป
ในห้องเหลือเพียงคุณท่านหลี่และหลี่อวี้หาน หลี่อวี้หานเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
" คุณปู่มาทำแบบนี้คิดว่าจะหยุดผมได้เหรอครับ "
คุณท่านหลี่ยิ้มขึ้นแล้วเอ่ยออกมาว่า
" ปู่แค่หวังดีต่อหลาน ไม่ได้คิดจะทำอะไร ปู่เห็นว่าเสี่ยวเฟินเธอมีหน้าตาสะสวยบุคลิกก็ดี เหมาะที่จะจ้างมาออกงานคู่ "
ความหวังดีของคุณปู่มันทำให้เขาโกรธมาก
" คุณปู่หวังดีจริงๆเหรอครับถ้าคุณปู่หวังดีแล้วคุณปู่มาทำแบบนี้ทำไมคุณปู่ก็รู้ผมมีหรงเอ๋อร์เป็นคู่ออกงานแล้ว "
เมื่อได้ยินแบบนี้คุณท่านหลี่ก็โมโหขึ้นมาเล็กน้อยจนหางตากระตุก
" หรงเอ๋อร์อย่างงั้นเหรอ เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนทำไมแกถึงมองไม่ออก ออกงานคู่แกทีไรก็ตามด้วยข่าวซุบซิบนินทาตลอดแกเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลหลี่มีศัตรูรอบด้านมีคนจับจ้องมากมายตระกูลหรงน่ะหน้าซื่อใจคตแกยังดูไม่ออกเหรอ "
หลี่อวี้หานโกรธจนหน้าดำหน้าแดงพูดขึ้นเสียงดัง
" คุณปู่ไม่ว่าคุณปู่จะใช้วิธีอะไรผมก็จะไม่มีวันเลิกกับหรงเอ๋อร์ คุณปู่อยากทำอะไรก็เชิญ แต่ผมจะไม่มีวันปราณีคนของปู่แน่หากเธอกล้าแตะต้องหรงเอ๋อร์ "
พูดจบหลี่อวี้หานก็เดินออกไปด้วยความโกรธ คุณท่านหลี่มองตามแผ่นหลังนั้นอย่างเหนื่อยใจแล้วค่อยๆนั่งลง
ตราบใดที่เขายังหาตัวคนร้ายลอบวางระเบิดบนเครื่องบินไม่ได้เขายังไม่สบายใจที่จะมอบตำแหน่งผู้สืบทอดทั้งหมดให้หลานชาย
สิ่งเดียวที่เขารู้คือลูกชายทั้งสองและลูกสะใภ้คนโตไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุทางเครื่องบินแต่มีคนลอบฆ่าเป้าหมายคือฆ่าทุกคนเพียงแต่โชคดีที่วันนั้น 
หลานชายทั้งสองของเขาไม่สามารถเดินทางพร้อมพ่อแม่ได้จึงรอดชีวิตคนที่ลอบวางระเบิดได้หนีหายไปจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบเบาะแส
ผู้ช่วยลู่เดินเข้ามาพร้อมกับเฟิร์นในสภาพมอมแมมเห็นคุณท่านหลี่ที่นั่งเหม่อลอย
เฟิร์นดูแล้วรู้สึกว่าคุณท่านหลี่แม้จะรวยก็ไม่ได้มีความสุขเท่าที่ควร ดูแล้วจะทุกข์และกังวลอยู่ตลอดเวลา
[ แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่า เงินซื้อความสุขไม่ได้ ว่าแต่คุณท่านหลี่มีเรื่องทุกข์ใจอะไรกันแน่นะ ]
เธอพึมพำในใจก่อนจะเอ่ยทักทาย
" สวัสดีค่ะคุณปู่ เรียกพบหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ "
คุณท่านหลี่เงยหน้าขึ้นมองมายังเธอสีหน้าเหม่อลอยเมื่อครู่กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
" อ้อ มาแล้วเหรอนั่งสิ "
" ขอบคุณค่ะ "  เฟิร์นกล่าวขอบคุณจากนั้นก็นั่งลง
" หลังจากวันนี้เป็นต้นไปหนูไม่ต้องไปเป็นผู้ช่วยพนักงานแล้วนะ 
เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้หนูไปทำหน้าที่เลขาส่วนตัวของอวี้หานทำงานคู่กับผู้ช่วยหลง
ผู้ช่วยหลงจะคอยชี้แนะมีอะไรไม่เข้าใจก็ถามเขาเขาจะเป็นคนสอนงานให้หนูเอง "
" ขอบคุณค่ะคุณปู่ "
เธอกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งเธอรู้ว่านอกจากภารกิจที่ต้องทำแล้วคุณท่านหลี่ต้องการปกป้องเธอ
" หนูสัญญาว่าหนูจะซื่อสัตย์และทำงานที่ที่คุณปู่มอบหมายให้ให้สำเร็จให้ได้ค่ะ "
เฟิร์นพูดขึ้นอย่างแน่วแน่ในแววตาฉายแววความแค้นที่สะสมมานาน
เธออดทนอย่างยากลำบาก ถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง รังแก ถูกคนดูถูกเหยียดหยาม ความอัปยศอดสูนี้ล้วนเป็นหลี่อวี้หานกับหรงเอ๋อร์ที่มอบให้เธอ
แค้นนี้เธอต้องชำระ
เธอเคยสงสารของพวกเขาแต่พวกเขาล่ะคอยแต่จะทำร้ายเธอ
เธอไม่ลืมที่หรงเอ๋อร์ให้คนเอากาแฟร้อนที่เธอชงเองกับมือสาดใส่เธอจนเป็นรอยแผลและยิ่งไม่ลืมที่หลี่อวี้หานตบหน้าเธอจนปากแตกแก้มบวมกินข้าวไม่ได้หลายวัน
เธอจะทำทุกวิถีทางให้พวกเขาลิ้มรสชาติของความเจ็บปวดและยิ่งต้องรีบทำให้สำเร็จจะได้หลุดพ้นจากคนเผด็จการบ้าอำนาจเร็วๆ
คุณท่านหลี่เห็นแววตาของเธอก็รู้สึกเจ็บปวด ที่ดึงเธอที่บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ความสดใสร่าเริงถูกแทนทีด้วยความโกรธความเกลียดไปแล้ว
คุณท่านหลี่ยื่นมือออกไปแตะหัวเธอเบาๆเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน
" เสี่ยวเฟินปู่ขอโทษนะที่ทำให้หนูถูกรังแกเป็นความผิดพลาดของปู่เอง "
เฟิร์นดึงสติกลับมาเธอไม่อยากทำให้คนแก่ต้องทุกข์ใจจึงปรับสีหน้าแววตาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่สดใสทันที
" ไม่เป็นไรค่ะคุณปู่ไม่ใช่ความผิดของปู่เลย  "
" ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วหนูไปทานข้าวเป็นเพื่อนปู่ได้มั้ย "
เฟิร์นพยักหน้าตอบ " ได้ค่ะ "
จากนั้นทั้งสามคนก็ออกไปจากบริษัทแล้วไปทานข้าวในร้านอาหาร คุณท่านหลี่คอยตักให้เฟิร์นปากก็เอ่ยว่า
" อันนี้อร่อย หนูทานเยอะๆนะ อันนี้ก็อร่อยสมัยปู่ยังหนุ่มๆปู่ชอบมาทานร้านนี้บ่อยๆ ทานเยอะๆนะ "
เฟิร์นตอบ " ค่ะ "  
ทั้งสองนั่งทานข้าวอย่างมีความสุขคุณท่านหลี่ทั้งรักและเอ็นดูเฟิร์นมากความจริงเขาอยากมีหลานเยอะๆอยากได้หลานผู้หญิงแต่ตระกูลเขาไม่มีผู้หญิงเลย

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.