ตอนที่ 923 ลินนิจและอาร์ค

-A A +A

ตอนที่ 923 ลินนิจและอาร์ค

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 923 ลินนิจและอาร์ค

เมื่อเซี่ยเฟยสามารถทะลวงผ่าน 2 ระดับได้ภายใน 72 ชั่วโมง คลื่นพลังจากการเลื่อนระดับของเขาก็ช่วยให้ลินนิจฟื้นฟูพละกำลังกลับมาให้มีความแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม น้ำเสียงของเขาจึงดูดีกว่าเมื่อ 3 วันก่อนอย่างเห็นได้ชัด

ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เพราะการที่เขาได้มีพลังในระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุด มันก็หมายความว่าขั้นต่อไปเขาจะต้องท้าทายอุปสรรคของระดับราชันย์ ถ้าหากว่ารากฐานในตอนนี้ไม่มั่นคงการท้าทายอุปสรรคครั้งต่อไปย่อมยากลำบากขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย เขาจึงพยายามรวบรวมสมาธิปรับสมดุลย์พลังให้คงที่อย่างเงียบ ๆ

ขณะเดียวกันระยะทางระหว่างดินแดนกฎกับดินแดนลับก็ห่างไกลกันมาก ถึงแม้ว่าแท่งทองจะใช้ทางลัดภายในช่องว่างมิติ แต่มันก็จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาเดินทางค่อนข้างนาน ซึ่งในระหว่างนี้พวกเท็มเพลสก็ยุ่งอยู่กับการรื้อเครื่องส่งสัญญาณออกจากสถานีวิจัย

แม้ว่าเครื่องส่งสัญญาณเหล่านี้จะใช้งานภายในช่องว่างมิติไม่ได้ แต่พวกมันจะแสดงประสิทธิภาพออกมาในทันทีเมื่อพวกเขาออกมาจากช่องว่างมิติ

เซี่ยเฟยตั้งใจที่จะยึดสถานีวิจัยนี้มาใช้เอง เขาจึงจำเป็นจะต้องรื้อถอนอันตรายที่ซ่อนอยู่ออกไปทั้งหมดเพื่อที่จะได้เอามันไปตั้งภายในดินแดนลับอย่างปลอดภัย

36 ชั่วโมงต่อมาในที่สุดชายหนุ่มก็ปรับสมดุลย์พลังของตัวเองได้แล้วเสร็จ เขาจึงค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณเกี่ยวข้องกับอาร์คยังไงกันแน่?” เซี่ยเฟยเริ่มถามในสิ่งที่เขาสงสัย

“ทำไมนายถึงถามแบบนั้นล่ะ?” ลินนิจถามด้วยความตกใจ

“คุณอย่าปิดบังผมดีกว่า ครั้งสุดท้ายที่ผมได้ดูดซับพลังจากชิ้นส่วนอาร์คมันก็ทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของผมขยายกว้างออกมาเป็น 101%” 

“คราวนี้หลังจากที่ผมได้ดูดทรัพย์พลังงานภายในชิปของคุณไป พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของผมก็ขยายกว้างออกเป็น 102% แม้เปอร์เซ็นต์การเปิดกว้างพื้นที่สมองส่วนที่ 7 จะเพิ่มขึ้นจากเดิมแค่เล็กน้อย แต่มันก็ช่วยให้ผมทะลวงขีดจำกัดที่คนอื่น ๆ ไม่สามารถทำได้ และด้วยความสัมพันธ์ที่เหมือนกันขนาดนี้ แม้แต่คนโง่ก็บอกได้ว่าคุณมีความเกี่ยวข้องกับอาร์ค” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทั่วทั้งจักรวาลมีผู้เปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้สูงสุดเพียงแค่ 100% แต่ชิ้นส่วนอาร์คทำให้เขาสามารถทำลายขีดจำกัดที่มีอยู่แต่เดิม ซึ่งเรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเขาเท่านั้น แต่มันยังเป็นการทำลายกฎเกณฑ์ของจักรวาลที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณอีกด้วย

“ทักษะการวิเคราะห์ของนายมันน่ากลัวจริง ๆ ใช่แล้ว ฉันคือคนที่มาจากอาร์ค” ลินนิจกล่าว

“อะไรนะ?! คุณมาจากอาร์คงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามกลับไปอย่างเร่งรีบ

การมีความเกี่ยวข้องกับอาร์คกับการมาจากอาร์คเป็นสองสิ่งที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนแรกเซี่ยเฟยคิดว่าลินนิจมีความเกี่ยวข้องกับอาร์คเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าเขาคือคนที่มาจากอาร์ค ผู้ซึ่งเป็นยานรบในตำนานที่นำชีวิตมายังจักรวาลแห่งนี้

“เมื่อนานมาแล้วฉันเดินทางมายังจักรวาลแห่งนี้ด้วยยานลำหนึ่ง ต่อมายานลำนั้นก็เกิดการระเบิดแตกออกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ตัวฉันเป็นเพียงชิปที่เคยติดอยู่กับยาน ซึ่งหลังจากล่องลอยอยู่ในจักรวาลมานานหลายปี ฉันก็พยายามสร้างร่างกายของตัวเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและท่องไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่เพียงลำพัง”

“ต่อมาฉันก็รู้สึกว่าการอยู่คนเดียวมันน่าเบื่อ ฉันเลยก่อตั้งเผ่าจักรกลขึ้นมาเป็นเพื่อน แต่เนื่องมาจากว่าฉันเป็นคนก่อตั้งเผ่าพันธุ์ขึ้นมา จักรกลทุกคนจึงแต่งตั้งให้ฉันเป็นราชาของพวกเขา” ลินนิจเล่าเรื่องราวในอดีต

จากสิ่งที่ลินนิจได้เล่ามามันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังงานคล้ายกับชิ้นส่วนอาร์ค นั่นก็เพราะว่าลินนิจก็เคยเป็นส่วนหนึ่งภายในอาร์คมาก่อนนั่นเอง

“เมื่อก่อนคุณเคยเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญามาก่อนงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม

“ไม่ ฉันเป็นวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อควบคุมอาร์คโดยเฉพาะ น่าเสียดายที่ยานลำนั้นถูกทำลายตั้งแต่การเดินทางในครั้งแรก” ลินนิจกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“คุณพอจะเล่าเรื่องอาร์คกับเรื่องประตูจักรวาลให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?” เซี่ยเฟยถาม

“ความทรงจำของฉันค่อนข้างที่จะเลือนลางไปมากแล้ว สิ่งที่ฉันจำได้มีเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น ภารกิจของอาร์คคือการบรรทุกผู้โดยสารให้เดินทางผ่านประตูจักรวาล แต่พวกเราถูกโจมตีเพียงแค่ไม่นานหลังจากออกเดินทางโดยเงาปริศนาที่ไม่ว่าฉันจะพยายามแค่ไหนฉันก็ไม่สามารถกำจัดพวกมันได้”

“หลังจากถูกจู่โจมอยู่นานอาร์คก็ระเบิดทันทีหลังจากผ่านประตูจักรวาลมาได้สำเร็จ ผู้โดยสารเพียงหนึ่งเดียวบนอาร์คใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อปิดผนึกประตูจักรวาลเอาไว้ ทำให้ศัตรูที่โจมตีพวกเราไม่สามารถข้ามผ่านประตูจักรวาลตามพวกเรามาได้” ลินนิจพยายามเล่าเรื่องราวเท่าที่เขานึกออก

“ทำไมศัตรูถึงจู่โจมใส่พวกคุณด้วย?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสับสน

“ฉันพยายามนึกเรื่องนี้มานานมากแล้วแต่ฉันจำอะไรไม่ได้เลย สิ่งที่ฉันจำได้มีเพียงบนยานมีผู้โดยสารคนเดียวและบนยานยังบรรทุกสิ่งของอื่น ๆ เอาไว้อีกอย่างมากมาย” ลินนิจกล่าว

“ตอนนี้ผู้โดยสารคนนั้นอยู่ไหน? ในตอนสุดท้ายเขาได้ตายไปหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามอีกครั้ง

“ฉันจำได้แค่ว่าเขาแข็งแกร่งมาก จนถึงขนาดปิดผนึกประตูจักรวาลเอาไว้ได้เพียงลำพัง พลังของเขามันช่างเป็นพลังที่น่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ”

“หลังจากนั้นอาร์คก็ระเบิดอย่างรุนแรง การระเบิดกินเวลานานถึง 3 วัน 3 คืน ยานทั้งลำแตกกระจายออกเป็นชิ้น ๆ แม้แต่ตัวฉันก็กระเด็นออกมาจากจุดระเบิดด้วย โชคดีที่ชิปของฉันคือส่วนควบคุมงานหลักมันเลยมีการป้องกันในระดับสูง ฉันเลยรอดชีวิตมาจากการระเบิดครั้งนั้นได้ แต่มันก็ทำให้ฉันสูญเสียความทรงจำไปด้วยเหมือนกัน”

เซี่ยเฟยพยายามถามลินนิจถึงเรื่องต่าง ๆ อยู่ยากมากมาย แต่สิ่งที่ลินนิจจำได้มีเพียงเทคโนโลยีบางส่วนเท่านั้น เรื่องราวนอกประตูจักรวาลต่างก็หายไปพร้อมกับแรงระเบิดทั้งหมด มันจึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย เพราะตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองจะได้รู้ความลับที่ซ่อนอยู่ด้านหลังประตูจักรวาลแล้ว

อย่างไรก็ตามความรู้ของลินนิจก็ทำให้เซี่ยเฟยตระหนักว่านอกประตูจักรวาลมีสิ่งมีชีวิตอันทรงพลังซุกซ่อนอยู่ และเมื่อไหร่ก็ตามที่ประตูจักรวาลถูกเปิดออก เมื่อนั้นมันก็จะเป็นฝันร้ายสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด

“ที่ตำนานบอกว่าอาร์คเป็นคนนำพาชีวิตมาสู่จักรวาลนี้ มันคือเรื่องจริงหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถาม

“แต่เดิมจักรวาลนี้ก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่ก่อนแล้ว แต่การระเบิดของอาร์คทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของสิ่งมีชีวิตในจักรวาลนี้ถูกเปิดออก หรือก็คืออาร์คเป็นคนนำพาพลังเหนือธรรมชาติเข้ามาสู่จักรวาลนี้นี่เอง” ลินนิจกล่าว

“การระเบิดของอาร์คทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของสิ่งมีชีวิตถูกเปิดออกงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ใช่แล้ว ดินแดนกฎเกิดขึ้นหลังจากการระเบิดของอาร์ค เมื่อสิ่งมีชีวิตได้รับพลังเหนือธรรมชาติ พวกเขาก็เริ่มสร้างเทคโนโลยีออกเดินทางมาจากดาวเคราะห์ของตัวเอง จะเรียกว่าอาร์คนำความเจริญมาสู่จักรวาลนี้ก็คงไม่ผิด แต่ถ้าจะเรียกว่าอาร์คนำพาชีวิตมาให้จักรวาลนี้มันคงจะผิดไปสักหน่อย” ลินนิจกล่าว

“หลังจากดินแดนกฎถูกก่อตั้งขึ้นมาประตูจักรวาลเคยถูกเปิดออกมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นพวกอสูรร้ายบุกเข้ามาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และเกือบที่จะทำให้ดินแดนกฎล่มสลายลงไป เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถต้านทานการบุกโจมตีของอสูรร้ายได้”

“ต่อมาจู่ ๆ พวกอสูรร้ายก็ถอนตัวกลับไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และดินแดนกฎก็แบ่งออกเป็น 2 ขั้วอำนาจเพื่อทำสงครามซึ่งกันและกันมาจนถึงทุกวันนี้” ลินนิจอธิบายอีกครั้ง

“คุณเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั่นเลยเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม

“ไม่ใช่ ข้อมูลพวกนั้นเป็นข้อมูลที่ฉันหาเจอในบริษัทฟิกส์ ย้อนกลับไปฉันยังเป็นเพียงแค่เศษซากที่ล่องลอยอยู่ในจักรวาลแล้วยังไม่สามารถที่จะสร้างร่างกายของตัวเองขึ้นมาได้เลย” ลินนิจกล่าว

“แล้วพวกดาร์คไนท์ที่อยู่นอกดินแดนกฎล่ะ? คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกมันไหม?” เซี่ยเฟยถาม

“สิ่งมีชีวิตพวกนั้นเกิดการวิวัฒนาการหลังจากการระเบิดของอาร์คด้วยเหมือนกัน แต่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของพวกมันไม่ได้เปิดออกเหมือนกับผู้คนในดินแดนกฎ บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นในระหว่างการวิวัฒนาการ”

“แม้ว่าสิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์จะไม่ได้วิวัฒนาการไปในทางการเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 แต่พวกมันก็มีสัญชาตญาณอันเฉียบแหลม เมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงประตูจักรวาลที่เริ่มไม่เสถียรพวกมันจึงเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง”

“ผู้คนในดินแดนกฎจึงเชื่อกันว่าการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์เป็นสัญญาณของความไม่เสถียรของทางด้านประตูจักรวาล และมันก็เป็นช่วงเวลาสำคัญที่มักจะเกิดสงครามระหว่างสองขั้วอำนาจในดินแดนกฎด้วยเหมือนกัน”

การเดินทางภายในช่องว่างมิติไปยังดินแดนลับค่อนข้างที่จะเงียบสงบ ซึ่งในบางครั้งพวกเขาก็ได้พบหนอนด้วงมิติระหว่างทางบ้าง แต่หนอนด้วงมิติพวกนั้นก็รีบวิ่งหนีไปเมื่อพวกมันได้เห็นขนาดร่างกายอันใหญ่โตของแท่งทอง

ระหว่างการเดินทางชายหนุ่มยังคงยุ่งอยู่กับการฝึกฝน โดยมุ่งเน้นไปที่การฝึกกฎแห่งความโกลาหลและกฎแห่งความเร็ว

ส่วนงานในการจัดการสถานีวิจัยตกเป็นภาระหน้าที่ของปรมาจารย์ทั้งสามคน แม้ว่าในอดีตพวกเขาจะไม่ชอบสถานีวิจัยแห่งนี้มาก แต่ในปัจจุบันสถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว

เมื่อสถานีวิจัยหลุดจากการควบคุมของบริษัทฟิกส์ พวกเขาก็เหมือนกลับกลายเป็นเจ้าของสถานีวิจัยนี้อยู่ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นทุกคนจึงต่างก็พยายามปรับปรุงซ่อมแซมบ้านหลังใหม่ของตัวเองอย่างเต็มที่

ระหว่างการเดินทางนี้เท็มเพลสคือคนที่สะดวกสบายมากที่สุด เพราะเขาคือเทพนักประดิษฐ์ที่ไม่สามารถเข้ามาช่วยงานเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้มากนัก อย่างมากที่สุดเขาจะช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในระหว่างการเดินทางได้เท่านั้น

ในไม่ช้าเซี่ยเฟยก็ได้รับข่าวร้ายมา 2 เรื่อง โดยเรื่องแรกคือลินนิจเริ่มอ่อนแอลงอีกครั้ง เขาจึงจำเป็นจะต้องพัฒนาเพื่อส่งพลังออกไปฟื้นฟูความแข็งแกร่งของลินนิจให้กลับคืนมาแข็งแรงดังเดิม

เรื่องที่ 2 คือเมื่อก่อนลินนิจได้อาศัยความผันผวนของพลังงานอาร์คเพื่อเอาชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อชายหนุ่มดูดซับพลังงานพวกนั้นไป ลินนิจจึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาความผันผวนของพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาในระหว่างการเลื่อนระดับพลังของชายหนุ่มเท่านั้น หมายความว่าลินนิจจะต้องพึ่งพาเซี่ยเฟยไปเรื่อย ๆ จนกว่าเขาจะฟื้นตัวกลับมาอย่างสมบูรณ์

เซี่ยเฟยไม่ได้ออกความเห็นอะไรในเรื่องนี้มากนัก เพราะเขาเคยชินเรื่องที่มีวิญญาณตามติดตั้งแต่สมัยที่เขาออกเดินทางกับอันธแล้ว การมีวิญญาณมาอยู่กับตัวเพิ่มอีกหนึ่งตนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา

อย่างไรก็ตามวิธีการอยู่รอดของลินนิจก็ค่อนข้างจะทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย เพราะถ้าหากเขาต้องการให้ลินนิจมีชีวิตอยู่รอดต่อไป มันก็หมายความว่าเขาจะต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วที่บ้าคลั่งมากกว่าเดิม

การพัฒนาพลังในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกับในอดีตอีกต่อไป เพราะไม่ว่าจะเป็นกฎมิติ, กฎแห่งความโกลาหลหรือกฎแห่งความเร็วต่างก็มีระดับค่อนข้างสูงแล้ว การพยายามเลื่อนระดับกฎใดกฎหนึ่งใน 3 กฎนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก

ระหว่างพักผ่อนจากการฝึกฝนเซี่ยเฟยก็มักที่จะขอให้เท็มเพลสช่วยสอนเรื่องเกี่ยวกับการประดิษฐ์ เพราะท้ายที่สุดบรรพบุรุษก็ต้องการให้เขาเติบโตกลายไปเป็นผู้เชี่ยวชาญรอบด้าน เขาจึงมักจะมาเรียนรู้เรื่องการประดิษฐ์ทุกครั้งเมื่อเขามีเวลาว่าง

เท็มเพลสค่อนข้างที่จะประหลาดใจมากเมื่อได้เห็นว่านักรบอย่างเซี่ยเฟยต้องการจะมาฝึกฝนกฎแห่งการประดิษฐ์ด้วย เพราะโดยปกตินักรบจะไม่ค่อยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสายงานในการผลิตมากนัก

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเริ่มสอนเซี่ยเฟย มันก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกตกตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม เพราะชายหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นนักรบที่เก่งกาจเท่านั้น แต่เขายังมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการหลอมพลังงาน, การประดิษฐ์, การปรุงยาและเรื่องเทคโนโลยีอีกด้วย เรียกได้ว่าคนคนนี้เพียงคนเดียวมีความเชี่ยวชาญในความรู้แขนงต่าง ๆ ของจักรวาลเกือบครบถ้วน

ในที่สุดเวลาก็ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งในตอนนี้แท่งทองก็ได้นำพาศูนย์วิจัยลับมาจนถึงจุดหมายปลายทางแล้ว

***************

ไหน ๆ มีใครคิดถึงตัวตะกละขนอุยบ้าง รอบนี้หายไปนานเชียว

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.