ตอนที่ 922 จักรพรรดิระดับสูงสุด
ตอนที่ 922 จักรพรรดิระดับสูงสุด
เมื่อลินนิจหายตัวไปอย่างเงียบ ๆ มันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเป็นกังวลมาก เพราะทุกสิ่งที่เขาทำลงไปก็คือการช่วยอีกฝ่ายออกมาจากบริษัทฟิกส์ ส่วนสิ่งอื่นที่เขาได้รับมาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นของแถมด้วยกันทั้งนั้น
ชายหนุ่มนั่งตรวจสอบชิปประมวลผลของลินนิจอย่างระมัดระวัง ตราบใดก็ตามที่ชิปนี้ยังคงอยู่ลินนิจก็สามารถเปลี่ยนร่างกายใหม่ได้ทุกเมื่อ แม้ว่าร่างกายเดิมของเขาจะถูกบริษัทฟิกส์ทำลายลงไปแล้วก็ตาม
แต่ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะพยายามตรวจสอบชิปโบราณชิ้นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็ได้พบว่ามันไม่ได้มีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นลินนิจก็ยังคงนิ่งเงียบไป
ระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังสับสนอยู่นั่นเอง จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเบา ๆ ขึ้นมาภายในหัว โดยมันเป็นน้ำเสียงที่คุ้นเคยและเสียง ๆ นั้นนั่นก็คือเสียงของลินนิจ
“นายรู้ไหมว่าตอนที่นายดูดพลังงานไป มันเกือบจะฆ่าฉันจนตายแล้ว” ลินนิจพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
“ลินนิจ! นั่นคุณเหรอ? ทำไมคุณถึงเชื่อมจิตกับผมแบบนี้ได้? ไม่ใช่ว่าผมมีสายสัมพันธ์ทางวิญญาณกับอันธคนเดียวงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยสะดุ้งถามอย่างตกใจ
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าอันธคือใคร? แต่ตราบใดก็ตามที่นายรู้วิธีจะวิญญาณอมตะตนไหนก็เชื่อมต่อกับนายได้ทั้งนั้นแหละ” ลินนิจกล่าวขึ้นมาอย่างแผ่วเบา คล้ายกับว่าวิญญาณของเขาพร้อมจะแหลกสลายได้ทุกเวลา
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นวิญญาณอมตะเหมือนกับอันธไม่ใช่หุ่นยนต์ตั้งแต่แรกงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามด้วยแววตาอันเป็นประกาย
“ตอนแรกฉันไม่ได้คิดจะบอกนายหรอกนะ แต่ในเมื่อนายรู้เรื่องนี้แล้วฉันก็จะสารภาพตามตรงเลยก็แล้วกัน ใช่ตัวฉันคือวิญญาณอมตะที่มีวิญญาณอยู่ติดกับชิปโบราณชิ้นนั้นนั่นแหละ” ลินนิจกล่าว
เซี่ยเฟยอ้าปากค้างขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เมื่ออีกฝ่ายยอมรับแล้วว่าเขาคือวิญญาณอมตะจริง ๆ
“ตอนแรกฉันมีระบบป้องกันเตรียมเอาไว้แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้พลังงานเกิดความผันผวนขึ้นมา แต่เพื่อแลกกับอิสรภาพฉันเลยจำเป็นจะต้องทิ้งระบบป้องกันนั้นไป และทำให้นายเกือบจะตายจากความผันผวนของพลังงานไปแล้ว” ลินนิจกล่าวต่อ
“ผมขอโทษที่ผมเผลอทำร้ายคุณไป” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“อย่าพูดแบบนั้นเลย ไม่ว่ายังไงนายก็เป็นคนช่วยฉันออกมาแล้ว ถ้าหากว่านายไม่ได้ตัดสินใจใช้เม็ดพลังสีรุ้งภายในสมองของนายเพื่อดูดซับพลังงาน ฉันก็คิดว่าตอนนั้นวิญญาณของฉันคงจะแหลกสลายลงไปแล้ว”
“นายเก่งมากที่ตอนนั้นนายลงมือทำทุกอย่างโดยไม่ลังเล เพราะในตอนที่ฉันกำลังจะตัดใจ การกระทำของนายก็ได้ดึงฉันกลับมาจากขอบเขตแห่งความตาย”
“ตอนนี้ฉันยังอ่อนแอมาก แต่ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องให้นายช่วยหน่อยได้ไหม?” ลินนิจกล่าวอย่างจริงจัง
“ผมจะช่วยคุณได้ยังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับ
“นายจะทำยังไงก็ได้แต่ช่วยเลื่อนระดับพลังของตัวเองโดยเร็วที่สุด เมื่อไหร่ก็ตามที่นายเลื่อนระดับพลัง มันจะเกิดคลื่นสะท้อนภายในสมองของนาย โดยคลื่นสะท้อนนี้เป็นคลื่นสะท้อนที่นายสัมผัสไม่ได้ แต่มันช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของฉันขึ้นมาได้”
“ตอนนี้ฉันได้เสียแกนพลังของตัวเองไปจนหมดแล้ว ถ้าหากว่าฉันไม่ได้รับการฟื้นฟูจากนาย ฉันก็คิดว่าตัวเองน่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมง” ลินนิจกล่าว
“คุณกำลังบอกว่าผมต้องเลื่อนระดับให้ได้ภายใน 72 ชั่วโมงนั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยถามกลับอย่างตกใจ
“ฉันรู้ว่าตอนนี้ระดับของนายสูงมากอยู่แล้วและการเลื่อนระดับต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่นอกเหนือจากวิธีนี้แล้วฉันก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ” ลินนิจกล่าวอย่างขมขื่น
“ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่มีทางยอมแพ้ พวกเรามาลองดูกันเถอะ” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่เขาจะรีบมุ่งหน้าตรงไปอย่างห้องควบคุมอย่างรวดเร็ว
พวกเท็มเพลสกำลังยุ่งอยู่กับธุระของตัวเอง แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นเซี่ยเฟยเข้าห้องมาด้วยสีหน้าอันจริงจัง ทุกคนก็รีบเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความสับสน
“ผมมีเรื่องเร่งด่วนจะต้องเริ่มการฝึกฝนเดี๋ยวนี้ ผมขอฝากสถานีวิจัยเอาไว้กับพวกคุณด้วย ทุกคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าสถานีวิจัยนี้คือเสาหลักของบริษัทฟิกส์ มันย่อมมีการป้องกันอยู่หลายชั้นอย่างแน่นอน ผมหวังว่าพวกคุณจะทำลายระบบติดตามทุกอย่างให้หมดเพื่อที่พวกเขาจะไม่สามารถไล่ตามร่องรอยของพวกเราได้อีก”
“หากพวกคุณไม่สามารถตรวจหาระบบทั้งหมดได้พบ ผมก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทำลายสถานีวิจัยนี้ทิ้ง แต่ถ้าหากว่ามันส่งสัญญาณลับกลับไปที่บริษัทฟิกส์ ในตอนนั้นพวกเราทุกคนก็จะตกอยู่ในอันตราย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยท่าทีที่จริงจัง
ปรมาจารย์ทั้งสามคนต่างก็รีบตบหน้าอกของตัวเอง และให้การรับรองว่าพวกเขาจะทำลายระบบติดตามทุกอย่างให้หมด เพื่อทำการยึดศูนย์วิจัยแห่งนี้ให้กลายมาเป็นศูนย์วิจัยของพวกเขาอย่างแท้จริง
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะกลับไปยังห้องขังหมายเลข 1 จากนั้นเขาก็ปิดประตูโลหะทั้งหกชั้นเพื่อเริ่มการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งภายในห้องนี้คนเดียว
“ไม่ต้องห่วง ผมสัญญากับโซฟีแล้วว่าจะพาคุณกลับไป ไม่ว่ายังไงครั้งนี้คุณก็จะต้องรอด” เซี่ยเฟยตะโกนเสียงดัง
—
ศพของโกลเดนไลท์ถูกตัดออกเป็นชิ้น ๆ ซึ่งถ้าหากว่าใครเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่บริเวณนั้น พวกเขาก็คงจะคิดว่าตัวเองเผลอเคลื่อนที่ผ่านขุมนรก
หนอนด้วงมิติขนาดใหญ่ 3 ตัวเดินทางมาจนถึงสนามรบภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากที่เซี่ยเฟยได้จากไป โดยหนอนด้วงมิติเหล่านี้ต่างก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่เช่นเดียวกันกับโกลเดนไลท์
“ไม่นะ! โกลเดนไลท์ตายแล้วงั้นเหรอ?”
“ใครเป็นคนทำ? โกลเดนไลท์ถูกยกย่องว่าเป็นราชาแห่งช่องว่างมิติ ยูลานที่ควบคุมมันมาก็เป็นนักฝึกหนอนด้วงมิติที่มีประสบการณ์สูงมาก แล้วพวกเขาพลาดท่าแบบนี้ได้ยังไง?”
นักรบชาวอิโดซาบนหนอนด้วงมิติทั้งสามคนต่างก็มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง เพราะภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันโหดร้ายเกินกว่าสิ่งที่พวกเขาจินตนาการไว้
ไม่มีใครเชื่อว่าหนึ่งในหนอนด้วงมิติชั้นแนวหน้าของเผ่ามารจะตายไปแบบนี้ ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าศัตรูไม่เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งมากเท่านั้น แต่ศัตรูยังมีความโหดร้ายเป็นอย่างมากอีกด้วย
อี๊ด!
หนอนด้วงมิติทั้งสามตัวที่มีดวงตาหลายพันต่างก็ส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ท้ายที่สุดพวกมันทั้งสามก็เป็นลูกของโกลเดนไลท์ การที่ได้เห็นพ่อของตัวเองเสียชีวิตในสนามรบจึงทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ย้อนกลับไปในระหว่างที่พวกเขากำลังฝึกหนอนด้วงมิติเหล่านี้อยู่ จู่ ๆ หนอนด้วงมิติทั้งสามตัวก็มีปฏิกิริยาอันแปลกประหลาด พวกเขาจึงปล่อยหนอนทั้งสามตัวนี้มาและได้ติดตามมาจนพบกับโศกนาฏกรรมในที่แห่งนี้
หลังจากส่งเสียงร้องด้วยความโกรธอยู่นาน หนอนด้วงมิติทั้งสามก็เริ่มกัดกินร่างบิดาของตัวเอง
“พวกมันกำลังกินพ่อของตัวเองงั้นเหรอ?!” ชายหนุ่มชาวอิโดซาอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะเขาเพิ่งจะเริ่มมาเป็นผู้ฝึกหนอนด้วงมิติแค่ไม่นาน เขาจึงยังไม่เข้าใจพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของหนอนด้วงมิติเหล่านี้
“นายรู้ไหมว่าทำไมโกลเดนไลท์ถึงเป็นราชาหนอนด้วงมิติเพียงตัวเดียว?” ชายชราที่อยู่ใกล้ ๆ กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
ชายหนุ่มส่ายหัวกลับเป็นคำตอบ
“นั่นก็เพราะว่าราชาไม่ได้เกิดจากการเติบโตแต่มันเกิดจากการสืบทอด เมื่อไหร่ก็ตามที่ราชาตัวเก่าเสียชีวิตลง มันก็จะมีราชาตัวใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเช่นกัน นี่คือการส่งต่ออำนาจจากรุ่นสู่รุ่นและสิ่งที่พวกมันกำลังทำอยู่นั่นก็คือการสืบทอดอำนาจต่อจากพ่อของตัวเอง” ชายชรากล่าวอธิบาย
“ผมจำได้ว่าในหัวของแสงสีทองมีลูกแก้ววิญญาณอยู่ เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเสียชีวิตลูกหลานของมันจะกินลูกแก้ววิญญาณนั้นเข้าไป แต่ในหนังสือมันไม่ได้เขียนอธิบายไว้ว่าลูก ๆ ของมันจะต้องกินเลือดกินเนื้อของพ่อตัวเองเข้าไปด้วยนี่ครับ?” ชายหนุ่มถามอย่างสับสน
“นั่นก็เพราะว่าพวกมันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แม้แต่ลูกแก้ววิญญาณของพ่อพวกมันก็ถูกขโมยไป แต่การที่เหตุการณ์เป็นแบบนี้มันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเราแล้ว” ชายชราระเบิดเสียงหัวเราะด้วยแววตาที่น่าหวาดกลัว
“โกลเดนไลท์เพิ่งตาย ลูกแก้ววิญญาณก็ถูกขโมยไป แล้วทำไมปู่ถึงบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเรา?” ชายหนุ่มถามอย่างสับสนอีกครั้ง
“ลองแหกตาดูซะสิ! ตอนนี้พวกมันทั้งสามตัวกำลังจะกลายเป็นดักแด้ไปแล้ว” ชายชรากล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังหนอนด้วงมิติทั้งสามตัวด้วยความตื่นเต้น
เมื่อชายหนุ่มมองไปตามนิ้วของชายชรา เขาก็ได้พบว่าหนอนด้วงมิติทั้งสามตัวกำลังกลายเป็นดักแด้ภายใต้ความมืดมิด
ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าพร้อมกับอ้าปากค้างขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะหนอนด้วงมิติทั้งสามเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว หากมันกลายเป็นดักแด้ในตอนนี้แล้วมันจะออกจากดักแด้มาเป็นตัวอะไรกันแน่
“สัตว์ทุกชนิดต่างก็มีสัญชาตญาณเป็นของตัวเอง พวกมันได้สูญเสียมรดกจากโกลเดนไลท์และไม่มีวันกลายเป็นราชาหนอนด้วงมิติได้อีกต่อไปแล้ว พวกมันจึงเลือกกินร่างพ่อของตัวเองเพื่อสืบทอดพลังและความโกรธจากโกลเดนไลท์มา ซึ่งหลังจากนี้พวกมันก็จะกลายเป็นปีศาจที่แท้จริง”
“เผ่าอิโดซาควรจะขอบคุณคนที่สังหารโกลเดนไลท์ลงไปด้วยซ้ำ เพราะถึงแม้ว่าเราจะสูญเสียราชาหนอนด้วงมิติไป แต่เรากลับได้ปีศาจ 3 ตัวเข้ามาแทน ซึ่งมันก็หมายความว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเราจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม”
“รอก่อนเถอะ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกมันออกมาจากดักแด้ เมื่อนั้นพวกมันย่อมกลายเป็นผู้ครอบครองช่องว่างมิติแห่งนี้อย่างแน่นอน”
—
ภายในห้องวิจัยหมายเลข 1
เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ที่เซี่ยเฟยสนทนากับลินนิจครั้งสุดท้าย และในตอนนี้เขาก็กำลังเผชิญหน้ากับการฝึกฝนอันยากลำบาก
ลินนิจถือได้ว่าเป็นตัวตนที่ลึกลับจนยากจะค้นหาได้จริง ๆ เพราะเพียงแค่การได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือวิญญาณอมตะ มันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงมากพอแล้ว ยิ่งการได้รู้ว่าการฝึกฝนของเขาสามารถเยียวยาอีกฝ่ายได้ มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกตกตะลึงมากขึ้นไปอีก
เซี่ยเฟยไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขาก็ต้องเก็บข้อสงสัยพวกนั้นเอาไว้ภายในใจ เพราะสิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำในตอนนี้คือการบุกทะลวงผ่านระดับถัดไปให้ได้ภายในเวลา 72 ชั่วโมง
ตูม!
ก่อนจะถึงเส้นตาย 72 ชั่วโมงที่ลินนิจได้บอกไว้ ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ทะลวงผ่านอุปสรรคได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามพลังงานที่มักจะระเบิดออกมากลับหายไปในพริบตา เพราะพวกมันถูกดูดซับเข้าไปภายในชิปของลินนิจ
“นายจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว! นายทำได้ยังไง?! ทะวงผ่านระดับได้ตั้ง 2 ขั้นในเวลา 72 ชั่วโมง นี่มันความเร็วในการเลื่อนระดับที่บ้ามากเลยชัด ๆ” ลินนิจกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ซึ่งความผันผวนที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนระดับพลังของเซี่ยเฟย มันก็ทำให้เขากลับมามีแรงโต้ตอบอีกครั้ง
ใช่แล้ว ภายในเวลา 72 ชั่วโมงนี้เซี่ยเฟยไม่ได้เลื่อนระดับไปเพียงแค่ระดับเดียวเท่านั้น แต่เขาได้เลื่อนระดับ 2 ระดับติดต่อกันทำให้เขากลายเป็นจักรพรรดิกฎขั้นสูงสุด
***************
แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้วววว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 271
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น