บทที่ 13 ย้ายบ้าน

อายุขัยไร้จำกัดในโลกเวทมนตร์

-A A +A

บทที่ 13 ย้ายบ้าน

บทที่ 13 ย้ายบ้าน

วันรุ่งขึ้นเอไลก็ผลักประตูเปิดออกและเดินออกจากห้อง

ในเวลานี้มีคนเดินถนนจำนวนมากแล้วส่วนใหญ่สวมชุดผ้าลินินและกางเกงหยาบๆ อากาศสดชื่นแต่ก็ยังมีกลิ่นคาวอยู่เล็กน้อย บางครั้งพวกเขายังสามารถเห็นอุจจาระอยู่บนถนน

เขาต้องยอมรับว่าสภาพแวดล้อมในโลกนี้ไม่ดีอย่างที่คิด

โชคดีที่สถานการณ์ในเขตเมืองจะดีขึ้นมากและนี่คือปัญหาที่เอไลกำลังจะแก้ไขในวันนี้

นักวิชาการเคลเมนท์ให้วันหยุดสามวันแก่เขาเพื่อจัดการเรื่องของตัวเอง ในขณะที่เอไลได้นัดหมายกับใครบางคนไว้แล้วและพร้อมที่จะหาที่พักใหม่

“ท่านคิดอย่างไรกับที่นี่”

ที่หน้าบ้านห่างไกล ชายคนหนึ่งถามเอไลด้วยความเคารพ

"ไม่เลว!"เอไลมองไปที่บ้านข้างหน้าเขาและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

นี่คือบ้านทางตอนเหนือของเมืองจูนลิน มันค่อนข้างห่างไกลและอยู่ห่างจากห้องสมุดหลวงประมาณสามพันเมตร

ภายนอกเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมทั่วไปของจักรวรรดิ และลานทำจากอิฐหินสีน้ำเงินธรรมดา มันเต็มไปด้วยร่องรอยของประวัติศาสตร์ และมีต้นไม้สีเขียวจำนวนมากที่โตขึ้นไปด้านบน

“เจ้าเป็นลูกศิษย์ของนักวิชาการเคลเมนท์ ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้บ้านที่ดีแก่เจ้าอย่างแน่นอน” ชายคนนั้นตอบด้วยรอยยิ้ม

ถ้าไม่ใช่เพราะเคลเมนท์ เขาคงไม่มีทัศนคติแบบนี้กับชายหนุ่ม

เมื่อวานนี้ เมื่อเอไลและนักวิชาการเคลเมนท์คุยกันว่าเขาจะอยู่ที่ไหน นักวิชาการเคลเมนท์บอกว่าเขาสามารถช่วยได้ จากนั้นเขาขอให้เอไลมองหาชายที่อยู่ข้างหน้าเขา เขาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยและดีเยี่ยมอย่างแน่นอน

แม้ว่าเขาจะเพิ่งเข้ามาเป็นนักเรียน แต่เอไลก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง

“เจ้าเข้าไปดูกับข้าได้นะ” ชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม

เอไลพยักหน้าและเดินตามชายคนนั้นไป

ขณะที่เขาเดินตามชายคนนั้นเข้าไปในบ้าน เอไลก็ตระหนักว่าแม้ภายนอกจะดูโทรมๆ หน่อย แต่ข้างในสะอาดมาก ไม่มีกลิ่นแปลกๆ และพื้นที่ก็ไม่เล็กเช่นกัน

บ้านเป็นอิสระมีเพียงชั้นเดียวและลานขนาดเล็ก

ภายในมีสี่ห้อง ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ห้องน้ำ และแม้แต่ห้องใต้ดินที่กว้างขวาง การตกแต่งภายในทำได้ดีและมีเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานบางอย่างให้ เขาสามารถนำสิ่งของของเขามาอาศัยอยู่ได้โดยตรง

หลังจากมองไปรอบๆ เอไลค่อนข้างพอใจกับสภาพแวดล้อม แต่เขาไม่รู้ว่าราคานั้นเขาจะรับได้ไหม

ราวกับว่าชายคนนั้นสามารถเข้าใจความกังวลของเอไลได้ เขายิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล นักวิชาการเคลเมนท์ได้เตรียมการไว้แล้ว เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นของตระกูลไวทาลี่ และนักวิชาการเคลเมนท์เป็นที่ปรึกษาของตระกูลไวทาลี่ ดังนั้นเจ้าสามารถเช่าเขาได้ในราคาสองเหรียญเงินต่อเดือน”

หลังจากได้เป็นพนักงานอย่างเป็นทางการ เงินเดือนของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นห้าเหรียญเงิน ซึ่งอาจถือเป็นการอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่ สิ่งนี้ทำให้เขามีเงินมากพอที่จะเลือกบ้านที่จะย้ายมาอยู่ได้

อันที่จริง เขาอยากจะดูบ้านพักที่ใหญ่กว่านี้ แต่หลังจากรู้ราคาแล้ว เขาก็ต้องปัดทิ้งไปทันที นั่นไม่ใช่บ้านพักที่เขาสามารถจะอาศัยอยู่ได้ในขณะนี้

ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาต้องอาศัยอยู่ในบ้านพัก เขาจะต้องจ้างคนใช้ คนขับรถม้า และอื่น ๆ นั่นจะเป็นค่าใช้จ่ายอื่น และเงินเดือนของเขาเพียงห้าเหรียญเงินนั้นไม่สามารถรองรับได้เลย

“2 เหรียญเงินงั้นหรือ?” เอไลมีข้อสงสัยบางอย่าง มันถูกกว่าที่เขาคิดไว้

“ถูกต้อง ค่าเช่าที่นี่แต่เดิมอยู่ที่ห้าเหรียญเงินต่อเดือน แต่ท่านต้องจ่ายเพียงสองเหรียญเท่านั้น เป็นเพราะที่นี่ห่างไกลมาก หากอยู่ใกล้ใจกลางเมือง ราคาคงจะสูงกว่านี้หลายเท่าสำหรับบ้านพันที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้” ชายคนนั้นตอบด้วยรอยยิ้ม พยายามอย่างเต็มที่ที่จะขายมัน

“งั้นข้าเอาบ้านหลังนี้แหละ!” เอไลพยักหน้า

สภาพแวดล้อมที่นี่เงียบสงบ และไม่มีถนนที่พลุกพล่านรอบๆ มันอยู่ไกลจากใจกลางเมือง และมีห้องใต้ดินที่สามารถทำการค้นคว้าคาถาได้

สำหรับการทดสอบคาถา ห้องใต้ดินก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้ที่อ่อนแออย่างเขา และสำหรับคาถาที่ทรงพลังกว่า ทำไมเขาต้องทดสอบที่บ้านล่ะ? จะดีกว่าไหมถ้าทดสอบนอกเมือง ในท่อระบายน้ำ หรือสถานที่อื่นๆ

นอกจากนี้ เวทมนตร์ที่ทรงพลังอาจดึงดูดความสนใจของบางคน ท้ายที่สุด แม้ว่าจักรวรรดิดูเหมือนจะไม่รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของนักเวทย์ แต่เอไลเชื่อว่าหากเขาถูกเปิดโปง จะเกิดปัญหาใหญ่หลวงตามมาอย่างแน่นอน และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการที่จะให้มันเกิดขึ้น

“เจ้าเอาสัญญามาหรือเปล่า”เอไลถาม

"แน่นอน" ชายคนนั้นพูดอย่างกระตือรือร้น จากนั้นจึงหยิบสัญญาออกมา

หลังจากแน่ใจว่าไม่มีปัญหากับสัญญา เอไลก็หยิบปากกาขนนกที่ชายผู้นี้พกติดตัวมาเขียนชื่อของเขาลงไป จากนั้นจึงมอบก 12 เหรียญเงินเป็นค่าเช่าทั้งหมดครึ่งปีให้เขา ค่าเช่าที่นี่จ่ายเป็นงวดๆ ล่ะครึ่งปี

“ได้สิ แน่ใจนะว่าเจ้าสามารถอยู่คนเดียวได้?” ชายคนนั้นนึกถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้และถาม

ในการสนทนาครั้งก่อนเอไลบอกว่าเขาต้องการอาศัยอยู่คนเดียว และไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านมากนัก

"ได้อยู่แล้ว" เอไลพยักหน้า

“ถ้าเจ้าต้องการทำความสะอาดบ้านหรือต้องการบริการอื่นๆ เจ้าสามารถมาหาข้าได้ ไม่ต้องกังวล เราเป็นมืออาชีพ” ชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มและเริ่มโปรโมตธุรกิจเพิ่มเติมของพวกเขา

“ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่จำเป็น”เอไลพูด ใจของเขาคิดถึงคาถาสองสามอย่างที่สามารถล้างหรือทำความสะอาดได้

“ก็ได้ ตามนั้น” ชายคนนั้นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ดึงความกระตือรือร้นกลับคืนมาทันที

ทั้งสองคนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นชายคนนั้นก็ยื่นกุญแจให้เอไลและเขาก็เดินจากไป

ในคืนนั้นเอไลนำทรัพย์สินที่มีอยู่เพียงชิ้นเดียวของเขา เสื้อผ้าลินินสองสามชิ้นและแผ่นกระดาษไม่กี่ใบ หลังจากจัดสถานที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็จุดเทียนในห้องหนังสือที่ว่างเปล่าและเริ่มอ่านหนังสือ

ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้เอไลได้อ่านสมุดบันทึกส่วนหนึ่งและสะสมคำถามมากมาย เขาต้องการหานักเวทย์คุยด้วย แต่โชคไม่ดีที่เขาไม่เห็นนักเวทย์สักคนในสถานที่บ้าๆ บอๆ แห่งนี้

เขาสามารถพึ่งพาตัวเองในการคิดแก้ไขปัญหาและพิจารณาซ้ำ ๆ โชคดีที่บันทึกนั้นมีรายละเอียดเพียงพอ สามารถแก้ปัญหาทุกประเภทที่เขาอาจเผชิญระหว่างการฝึกฝน ราวกับว่าผู้เขียนได้พิจารณาสถานการณ์นี้ไว้แล้ว

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเอไลก็อ่านสมุดบันทึกและพลิกตรงไปยังส่วนสุดท้ายที่มีการบันทึกคาถาไว้

มีรูปแบบคาถาจำนวนมาก ทั้งหัตถ์แห่งนักเวทย์, พ่นพิษ, พลังแห่งจิตวิญญาณ, บอลแสง, กำเนิดแห่งแสง, ทำให้มึนงง, สัมผัสแห่งความเหนื่อยล้า, โล่ป้องกันชั่วพริบตา, การปลอบโยนสัตว์ร้าย, โล่หนาม, เงาล่องหน…

มีคาถาจำนวนมากและล้วนเป็นรูปแบบคาถาที่เหมาะสำหรับนักเวทย์ระดับ 1 ที่พึ่งเริ่มต้น

แน่นอน สมุดบันทึกดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ซาลีน เมทาตินได้พูดไว้ มันเป็นสมุดบันทึกของนักเวทย์ระดับ 1  และสิ่งที่เอไลต้องการทำในตอนนี้คือการเลือกคาถาที่เหมาะสมที่สุดจากสิ่งเหล่านี้เพื่อเรียนรู้มัน

เวทมนตร์มีหกประเภทหลัก ได้แก่ ประเภทการร่ายมนตร์ ประเภทการทำนาย ประเภทการลวงตา ประเภทการขับไล่ ประเภทเวทมนตร์ และประเภทการแปลงร่าง

โดยปกติแล้วนักเวทย์ระดับ 1 จะเลือกเรียนหนึ่งหรือสองประเภท เนื่องจากพวกเขามีเวลาและพลังงานจำกัด การมุ่งเน้นไปที่ประเภทใดประเภทหนึ่งจึงดีกว่า

การเรียนรู้มากเกินไปจะทำให้ใช้พลังงานมากเกินไปเท่านั้น ไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการทำสมาธิเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้เขามีเวลาศึกษาไม่เพียงพออีกด้วย จอมเวทย์จะไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของการเรียนรู้มากเกินไปเพราะจะทำให้เวลาของพวกเขาเหลือน้อยลงไปทุกที

ตรงกันข้าม เอไลรู้สึกว่าเขาสามารถเรียนรู้ได้ทุกอย่าง เพราะท้ายที่สุดแล้วเขามีเวลาทั้งหมดในโลกนี้

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.