บทที่ 235 เหลือทางให้ถอย
บทที่ 235 เหลือทางให้ถอย
บลัดไทแรนท์ไม่มีทางรู้เลยว่าภูตลมของซุนหยูได้เลื่อนระดับจนมีเลเวล 16 แล้วทำให้มันมีสกิลเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ให้กับสมาชิกภายในทีม 50% เป็นเวลา 3 นาทีและมีเวลาคูลดาวน์เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ลู่หยางจึงอาศัยความมหัศจรรย์ของภูตลมนี้เองในการเคลื่อนทัพไปหาฉู่หานด้วยความรวดเร็ว
หลังมองดูไปยังกองกำลังของฉู่หานที่กำลังถูกทำลาย ลู่หยางกับฉงป้าก็เดินเคียงข้างกันไปยังกองบัญชาการของฉู่หานที่อยู่ห่างออกไป 50 เมตร
ตอนนี้ฉู่หานเหลือคนข้างกายอีกเพียงแค่ 300 คนเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่กองกำลังถูกตัดแบ่งออกเป็นส่วน ๆ จึงเหลือเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่ทางฝั่งของเขาจะได้รับความพ่ายแพ้
“ฉู่หานยอมรับความพ่ายแพ้ซะเถอะ ถ้าหากพวกนายยอมทิ้งอุปกรณ์เอาไว้กันคนละชิ้น ฉันจะยอมปล่อยพวกนายทั้ง 300 คนไป” ลู่หยางกล่าว
ฉงป้ามองไปทางลู่หยางอย่างประหลาดใจ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา
“คราวนี้แกคิดจะมาไม้ไหนอีก?” ฉู่หานมองไปยังลู่หยางอย่างประหลาดใจด้วยเช่นกัน
“ฉันเคยบอกไปแล้วว่าฉันชอบอุปนิสัยของนาย คนอย่างบลัดไทแรนท์ไม่สมควรจะเป็นหัวหน้าของนายหรอก ฉันรู้ว่านายคงไม่มีทางเปลี่ยนใจแต่ฉันก็ยังคงเคารพการตัดสินใจของนายอยู่ดี ดังนั้นทิ้งอุปกรณ์เอาไว้แล้วไปซะเถอะ” ลู่หยางกล่าว
ฉู่หานเริ่มโด่งดังครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน เมื่อเขาได้เป็นแชมป์ประเทศในเกมการต่อสู้แบบจำลอง หลังจากนั้นเขาก็ได้เข้าร่วมทีมเทียนเหลียนเพื่อเข้าแข่งขันอีสปอร์ตของมืออาชีพ
เทียนเหลียนคือทีมภายในเครือข่ายของบลัดไทแรนท์ในโลกแห่งความเป็นจริง และมันก็ยังเป็นรากฐานที่ทำให้เขาสามารถรวบรวมผู้เล่นได้ถึง 400,000 คน
ย้อนกลับไปในตอนที่ฉู่หานเข้าร่วมทีมใหม่ ๆ ตอนนั้นบลัดไทแรนท์ยังไม่ได้เป็นหัวหน้ากิลด์ แต่เนื่องมาจากเขาเพิ่งเซ็นสัญญากับกิลด์เป็นเวลา 5 ปี เมื่อบลัดไทแรนท์เข้ามาคุมอำนาจเขาจึงถูกบังคับให้ทำงานด้วยสัญญาที่ตัวเองเซ็นเอาไว้
ในชาติก่อนฉู่หานเคยขัดแย้งกับบลัดไทแรนท์หลายครั้งจนถึงขนาดที่เขาเคยถูกส่งตัวไปเป็นเพียงแค่หัวหน้าทีมเล็ก ๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่เคยรังแกผู้เล่นทั่วไปหรืออาจจะเรียกได้ว่าฉู่หานและคนของเขาคือคนดีเพียงกลุ่มเดียวที่อยู่ภายในบลัดเติสตี้
ลู่หยางเคยมีปฏิสัมพันธ์กับฉู่หานในชาติก่อนมาบ้าง แล้วมันก็ทำให้เขาชื่นชมในตัวของอีกฝ่ายมากพอสมควร และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเหลือทางถอยให้กับอีกฝ่ายแบบนี้
“ฉัน! ลู่หยาง พูดอะไรไม่เคยคืนคำในเมื่อฉันพูดออกไปแล้วพวกนายก็ไว้ใจฉันได้เลย”
ฉู่หานถอนหายใจพร้อมกับโยนดาบยาวภายในมือ จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นมาว่า
“ครั้งนี้ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ในครั้งหน้าฉันจะกลับมาเอาคืนพวกนายแน่”
ผู้เล่นทั้ง 300 คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวฉู่หานต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นองครักษ์ที่ติดตามชายคนนี้มานาน เมื่อได้เห็นหัวหน้าทิ้งอาวุธพวกเขาต่างก็ทิ้งอุปกรณ์กันคนละชิ้นด้วยเช่นกัน
“รบกวนคุณช่วยเปิดทางให้กับพวกเขาด้วย” ลู่หยางหันไปพูดกับฉงป้า
ฉงป้าโบกมือให้กองกำลังทั้ง 500 คนที่ล้อมรอบฉู่หานอยู่เปิดทางให้อีกฝ่ายนำลูกน้องเดินจากไป
“น้องชาย คราวนี้กลอุบายของนายช่างร้ายกาจจริง ๆ”
“ผมใช้กลอุบายอะไรที่ไหนกัน?” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ลูกน้องคนอื่น ๆ ของฉู่หานต่างก็บาดเจ็บล้มตายกันหมด มีแค่เขากับคนติดตามอีก 300 คนที่เดินกลับไปได้อย่างปลอดภัย เมื่อบลัดไทแรนท์รู้เรื่องนี้เขาย่อมระแวงฉู่หานแน่ ๆ การลงมือของนายในคราวนี้คงจะทำให้ฉู่หานเดือดร้อนแล้วล่ะ” ฉงป้ากล่าว
“เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าบลัดไทแรนท์เป็นคนแบบไหน หากเขาใจกว้างเขาก็คงเข้าใจเหตุการณ์นี้ได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากเขาเป็นคนใจแคบฉู่หานก็คงเกิดความระแวงขึ้นมาภายในใจ ในเวลานั้นถึงพวกเขาจะแตกหักกันมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” ลู่หยางกล่าว
“ฉันหาเหตุผลมาคัดค้านอะไรนายไม่ได้จริง ๆ แต่ฉันบอกได้เลยว่านายคือคนที่เจ้าเล่ห์มาก” ฉงป้ากล่าวพร้อมกับยักไหล่
ลู่หยางส่งเสียงหัวเราะโดยไม่พูดอะไร
ฉวยอู๋อี้ที่อยู่ข้าง ๆ ใช้ศอกสะกิดฉงป้าเบา ๆ ให้หัวหน้ากิลด์ระวังคำพูดของตัวเอง แต่ฉงป้ากลับส่งเสียงหัวเราะพร้อมกับพูดออกมาว่า
“ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันกับลู่หยางเป็นพี่น้องที่จริงใจต่อกัน อย่างน้อยการพูดจาตรงไปตรงมามันก็ช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราได้นะ”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ลู่หยางกล่าว
ฉวยอู๋อี้กรอกตาพร้อมกับพูดว่า
“ฉันไม่เข้าใจความคิดพวกผู้ชายอย่างพวกคุณจริง ๆ เอาเป็นว่าฉันไปนับอุปกรณ์ก่อนก็แล้วกันแล้วพวกเราค่อยเอามาแบ่งครึ่งอย่างที่ตกลงกันเอาไว้”
ลู่หยางพยักหน้าก่อนที่จะส่งเซี่ยหยู่เว่ยและไป๋ฉือไปช่วยเก็บอุปกรณ์ด้วย
“น้องชาย นายจะเอายังไงต่อ? ตอนนี้เราควรเคลื่อนกองกำลังทั้งหมดไปช่วยฉือมู่ไหม?” ฉงป้ากล่าว
ลู่หยางส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า
“กองกำลัง 2 ใน 3 ของบลัดไทแรนท์พ่ายแพ้ไปแล้ว ถ้าเขาพ่ายแพ้อีกครั้งบลัดเติสตี้ก็จะไม่เหลือกำลังที่จะต่อสู้ในเมืองเซนต์กอลล์อีกต่อไป ดังนั้นถึงแม้พวกเราจะยกทัพไปแต่พวกมันก็คงจะถอยทัพกลับไปหมดแล้ว”
เดิมทีบลัดเติสตี้มีกองกำลังผู้เล่นเลเวล 20 ถึง 30,000 คนที่สวมอุปกรณ์ระดับเงินครบทั้งตัว แต่ในตอนนี้สมาชิกชั้นยอดกว่า 20,000 คนได้สูญเสียอุปกรณ์ของตัวเองไปบ้างแล้ว แม้แต่ขวัญกำลังใจภายในกิลด์ก็ตกต่ำจนถึงขีดสุดพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อสู้อีกต่อไป
“นั่นสินะ แล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงต่อ?” ฉงป้ากล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เราจะแสดงท่าทีว่าจะยกกองกำลังไปช่วยฉือมู่ แต่ในระหว่างทางพวกเราจะซุ่มกองกำลังรออยู่ทางด้านนอก” ลู่หยางกล่าว
หากบลัดไทแรนท์รู้จักประมาณตนและถอยทัพกลับไป ลู่หยางก็ไม่ขัดข้องที่จะปล่อยให้บลัดเติสตี้เก็บกองกำลังไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ฉือมู่และฉงป้ามีความแข็งแกร่งมากเกินไป แต่ถ้าหากบลัดไทแรนท์ต้องการที่จะต่อสู้ตัดสินจริง ๆ ในเวลานั้นลู่หยางก็พร้อมที่จะตอบสนองต่อความต้องการของอีกฝ่าย
ฉงป้าอดที่จะสูดลมหายใจเข้าไปในปอดลึก ๆ ไม่ได้ ก่อนที่เขาจะพูดว่า
“ฉันนับถือในความเลือดเย็นของนายจริง ๆ สมองของนายมันทำมาจากอะไรกันแน่ ทำไมนายถึงคิดแผนการที่แยบยลแบบนี้ขึ้นมาได้?”
ลู่หยางหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ เพราะในชาติก่อนหลังจากเซคคัลเวิลด์มีการทำสงครามกันอย่างมากมาย มันก็มีกลยุทธ์และกลอุบายทางการรบถูกเปิดเผยออกมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งถ้าหากว่าใครได้พัฒนาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น แม้แต่คนโง่ก็ยังจะต้องได้เรียนรู้กลยุทธ์วิธีการต่าง ๆ กลับมาอย่างแน่นอน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลู่หยางจะมีวิธีการคิดแตกต่างจากผู้เล่นในยุคปัจจุบัน
“ทุกคนถอยทัพ ให้ทีมนักธนูคอยระวังทางด้านหลัง ทุก ๆ 50 เมตรให้วางกับดักฟรอสต์แทรพเอาไว้ พยายามทำให้พวกบลัดไทแรนท์ไล่ตามมาให้ช้ามากที่สุด” ลู่หยางตะโกนสั่ง
ฉงป้าพยักหน้ารับพร้อมกับเริ่มสั่งการให้ทีมดำเนินการตามที่ลู่หยางบอกและระหว่างการเดินทางเขาก็หันไปพูดกับอีกฝ่ายว่า
“น้องชาย ฉันขอปรึกษาเรื่องหนึ่งได้ไหม?”
“เรื่องอะไรครับ?” ลู่หยางถาม
“ผลประโยชน์จากการต่อสู้ครั้งนี้ที่พวกเราตกลงกันไว้ เอาเป็นว่าฉันไม่ขอรับผลประโยชน์พวกนั้นก็แล้วกัน” ฉงป้ากล่าว
“คุณอยากจะแลกพวกมันกับอะไร?” ลู่หยางถาม
ในศึกครั้งนี้พวกเขาได้รับอุปกรณ์ระดับทองมามากกว่า 2,000 ชิ้นและอุปกรณ์ระดับเงินมากกว่า 30,000 ชิ้น ดังนั้นส่วนแบ่งที่ฉงป้าจะได้รับมันก็ถือว่ามีมูลค่ามากมายพอสมควร
“ฉันอยากรู้วิธีเรียกเฮลไฟร์ลอร์ดกับวิธีเรียนสกิลเรียกพายุ” ฉงป้ากล่าว
พลังของเฮลไฟร์ลอร์ดได้ประจักษ์ต่อหน้าของฉงป้าแล้ว ส่วนทางด้านสกิลไซโคลนก็เป็นสกิลชั้นยอดสำหรับการป้องกันเมือง อุปกรณ์ที่ยึดได้มาในครั้งนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์เลเวล 20 ที่เขาสามารถนำทีมไปหาอุปกรณ์พวกนั้นเองได้ แต่วิธีการอัญเชิญเฮลไฟร์ลอร์ดกับวิธีการเรียนรู้สกิลไซโคลนมีเพียงแต่จะต้องถามเบาะแสจากลู่หยางเท่านั้น
ลู่หยางคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดว่า
“ผมพอจะขายหนังสือสกิลเฮลไฟร์กับวิธีการอัญเชิญเฮลไฟร์ลอร์ดให้กับคุณได้ แต่เรื่องสกิลไซโคลนถึงแม้คุณจะรู้เรื่องนี้ไปแต่มันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนของคุณยังไม่มีใครมีความสามารถมากพอที่จะผ่านการท้าทายระดับ sss ของราชาตัวตลกได้สำเร็จ”
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันหวังว่าเมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้น นายจะนำกองกำลังที่เรียกไซโคลนได้มาช่วยฉัน” ฉงป้ากล่าวเมื่อพิจารณาจากแววตาว่าลู่หยางไม่ได้พูดโกหก
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ขอแค่คุณจ่ายค่าจ้างด้วยราคาที่เหมาะสม” ลู่หยางกล่าว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 196
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น