บทที่ 236 บลัดไทแรนท์ยอมแพ้
บทที่ 236 บลัดไทแรนท์ยอมแพ้
เมื่อบลัดไทแรนท์เห็นฉู่หานนำกองกำลัง 300 คนกลับมา เขาจึงชี้หน้าด่าขึ้นมาด้วยความโกรธ
“คนที่เหลือหายไปไหนกันหมด ทำไมถึงกลับมาแค่นี้?!”
“ขอโทษครับ กองกำลังทางฝั่งผมพ่ายแพ้แล้ว สุดท้ายพวกเราเหลือกันอยู่แค่ 300 คน แต่ลู่หยางให้ข้อเสนอมาว่าหากพวกผมยอมทิ้งอุปกรณ์เอาไว้คนละชิ้นเขาจะยอมปล่อยพวกเราไป ผมเลยยอมรับข้อเสนอและนำพี่น้องทั้ง 300 คนถอนกำลังกลับมา” ฉู่หานกล่าว
“สรุปก็คือแกยอมแพ้ให้กับมันสินะ!” บลัดไทแรนท์คำรามด้วยความโกรธ
“ผมขอเวลาหน่อย ครั้งหน้าผมจะไปเอาชัยชนะจากเขาให้ได้” ฉู่หานกล่าวอย่างละอายใจ
บลัดไทแรนท์โกรธจนแทบบ้าและเขาก็เริ่มสงสัยในความจงรักภักดีของฉู่หานขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงจ้องมองไปด้วยแววตาอันเย็นชา ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า
“ไม่จำเป็น การต่อสู้ครั้งนี้จบลงแล้ว ทุกคนถอนทัพได้!”
“หัวหน้า แต่พวกลู่หยางเพิ่งจะถอยทัพกลับไปเองนะครับ ถ้าหากเรารีบตามไปตอนนี้มันก็น่าจะยังทันอยู่” ฉู่หานกล่าว
“หัวหน้า เราจะปล่อยพวกมันไปง่าย ๆ แบบนี้จริง ๆ เหรอครับ?” เซาธ์โคสท์พูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจด้วยเช่นกัน
“หุบปาก!” บลัดไทแรนท์ตะโกนด้วยความโกรธ ก่อนที่เขาจะติดต่อไปหาดีม่อนบลัด
“บอกฉือมู่ว่าฉันต้องการเจรจากับพวกมัน”
“หัวหน้า เราไม่ควรปล่อยให้เป็นแบบนี้นะครับ ถ้าหากพวกเราสู้ไม่ไหวพวกเราก็ยังเรียกกำลังจากเมืองแฮนนิบัลกับเมืองนอร์ทวินด์มาช่วยได้” สโนวี่รีเวอร์กล่าวอย่างร้อนรน
“ฉันเพิ่งได้ข่าวมาว่าเฉียนเฉียนนำกองกำลัง 10,000 คนเข้าแย่งบอสกับพวกเราในเขตเมืองแฮนนิบัล แล้วทางด้านเหลยหลงก็นำกองกำลัง 10,000 คนเข้าแย่งบอสกับพวกเราในเขตเมืองนอร์ทวินด์ด้วยเหมือนกัน”
“หากพิจารณาจากการเคลื่อนไหวของพวกเขา มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าลู่หยาง, ฉือมู่, ฉงป้า, เฉียนเฉียนและเหลยหลงได้รวมเป็นพันธมิตรกันแล้ว ดังนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องหยุดการต่อสู้เอาไว้ก่อนแล้วค่อยหาวิธีจัดการไอ้พวกสารเลวพวกนี้กันทีหลัง” บลัดไทแรนท์กล่าว
—
เมื่อฉือมู่รู้เรื่องที่ลู่หยางกับฉงป้าร่วมมือกันเอาชนะกองกำลังของฉู่หาน เขาจึงพูดขึ้นมาว่า
“ดีม่อนบลัดเพิ่งจะบอกฉันว่าบลัดไทแรนท์ต้องการจะถอนกองกำลังออกไปแล้วและเขาก็อยากจะเจรจากับพวกเรา”
“ในที่สุดมันก็รู้ตัวแล้วสินะว่ากำลังทำให้ทุกคนโกรธ มารอดูกันสิว่ามันจะพูดอะไรกับพวกเรา” ฉงป้ากล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะเยาะ
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ลู่หยางนายมีความคิดเห็นว่ายังไง?” ฉือมู่กล่าว
“เจรจาก็ได้ ทางฝั่งผมไม่มีปัญหา” ลู่หยางกล่าว
“งั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ถอนทัพกันก่อนแล้วอีก 10 นาทีไปเจอกันที่หอเฟิ่งเซียนในเมืองเซนต์กอลล์” ฉือมู่กล่าว
หลังจากวางสายลู่หยางก็ได้หันไปตะโกนบอกกับลูกน้องทั้ง 3,000 คนว่า
“พี่น้องทั้งหลาย บลัดไทแรนท์ต้องการเจรจาสงบศึกกับพวกเรา ตอนนี้พวกเราชนะแล้ว!”
“ชนะ? พวกเราชนะแล้วจริง ๆ เหรอ!”
“หัวหน้าโคตรเก่งเลย”
“พวกเราชนะแล้ว”
…
สมาชิกของบลัดบราเธอร์ต่างก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เพราะก่อนสงครามจะเริ่มต้นขึ้นมันไม่มีใครเชื่อว่าลู่หยางจะสามารถนำทีมพาพวกเขาเอาชนะบลัดเติสตี้ได้ สาเหตุที่พวกเขายังคงยอมติดตามลู่หยางในตอนนี้อยู่ ส่วนใหญ่ก็เพราะพวกเขาคิดจะต่อสู้กับบลัดเติสตี้จนตายเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในตอนนี้พวกเขากลับได้รับชัยชนะแล้วจริง ๆ โดยในครั้งแรกมันเป็นชัยชนะจากกองกำลัง 3,000 คนที่ปะทะกับศัตรู 5,000 คน ในครั้งที่ 2 มันคือชัยชนะจากกองกำลัง 3,000 คนปะทะกับศัตรู 10,000 คน และในครั้งที่ 3 คือชัยชนะจากกองกำลัง 13,000 คนปะทะกับศัตรู 10,000 คน
แล้วด้วยชัยชนะจากทั้ง 3 ศึกนี้ มันจึงทำให้บลัดเติสตี้ได้รับความเสียหายอย่างหนักจนทำให้บลัดไทแรนท์ต้องการเจรจาสงบศึกในที่สุด
หลังจากสมาชิกทั้ง 3,000 คนเฉลิมฉลอง พวกเขาต่างก็มองไปยังลู่หยางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคารพมากยิ่งขึ้น
“พี่น้องทั้งหลาย ในสงครามครั้งนี้ฉันจะมอบคะแนนกิลด์ให้กับทุกคนที่มีส่วนร่วม 150 แต้ม และจากชัยชนะทั้ง 3 ครั้งมันจึงทำให้พวกเรายึดอุปกรณ์มาได้มากกว่า 30,000 ชิ้น เดี๋ยวฉันจะเอาอุปกรณ์ทั้งหมดไปไว้ในคลังกิลด์ ทุกคนสามารถนำคะแนนมาแลกเปลี่ยนอุปกรณ์ไปสวมใส่ได้เลย”
“โดยอุปกรณ์ระดับเงินฉันจะตั้งราคาเอาไว้ที่ชิ้นละ 30 แต้ม ขณะที่อุปกรณ์ระดับทองฉันจะตั้งราคาไว้ที่ชิ้นละ 60 แต้ม” ลู่หยางประกาศภายในช่องแชทกิลด์
“หัวหน้าจงเจริญ!”
สมาชิกภายในกิลด์กว่า 10,000 คนต่างก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เพราะท้ายที่สุดเหล่าบรรดากองกำลังชั้นยอดที่ติดตามลู่หยางไปก็แทบที่จะไม่ต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้เลย ดังนั้นคำประกาศของลู่หยางจึงเป็นการยกประโยชน์ให้กับสมาชิกทั้ง 10,000 คนที่ยอมมาเป็นเหยื่อล่อให้บลัดไทแรนท์หลงเชื่อในก่อนหน้านี้
หากไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาต่อสู้อย่างสุดกำลังจนทำให้บลัดไทแรนท์หลงเชื่อ พวกเขาก็คงจะไม่มีวันได้รับชัยชนะในครั้งนี้มาอย่างแน่นอน และถึงแม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ในการศึก แต่ความดีความชอบที่ทำให้กิลด์ได้รับชัยชนะในสงครามจึงทำให้ลู่หยางตัดสินใจมอบของรางวัลเหล่านี้ให้กับทุกคน
“เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนกันที่เมืองก่อน เดี๋ยวฉันจะไปเจรจากับบลัดไทแรนท์แล้วมาบอกข่าวดีกับทุกคนทีหลัง” ลู่หยางกล่าว
“พวกเราไปด้วยได้ไหมหัวหน้า?” ฉิงชางและเหล่าบรรดาแม่ทัพคนอื่น ๆ ต่างก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน
หากทุกคนเดินทางไปด้วยมันก็อาจจะมีอันตรายที่เขาไม่อาจรู้ได้ แต่ลู่หยางไม่ต้องการให้ทุกคนทำแบบนั้น เพราะในการต่อสู้ครั้งนี้ทุกคนได้พิสูจน์ความจงรักภักดีของตัวเองแล้ว
“วันนี้ทุกคนเหนื่อยกันมามากแล้ว พวกนายกลับไปพักผ่อนกันเถอะ ช่วงที่ฉันให้พักก็พักกันให้เต็มที่ เพราะภารกิจต่อจากนี้มันจะยากลำบากมากกว่าเดิม” ลู่หยางกล่าว
“หัวหน้ามีแผนอะไรต่อไปเหรอคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
“หลังสงครามในครั้งนี้จบลงบลัดไทแรนท์จะต้องยอมยกแผ่นที่ส่วนใหญ่ให้พวกเราเก็บเลเวลแน่นอน ขณะเดียวกันพวกเราก็จะติดบัญชีดำอันดับ 1 ของบลัดเติสตี้ ต่อไปหากบลัดไทแรนท์ตกลงกับฉงป้าและฉือมู่ได้สำเร็จ เมื่อนั้นมันจะต้องมาแก้แค้นพวกเราแน่”
“แต่สิ่งหนึ่งที่พวกมันยังไม่รู้คือพรุ่งนี้ฉงป้าจะเริ่มบุกเบิกป้อมปราการเมืองแบล็คร็อค ซึ่งฉันคาดการณ์ว่าคราวนี้พวกเขาต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน เมื่อไหร่ก็ตามที่บลัดไทแรนท์รู้ตัวในตอนนั้นมันก็จะไม่มีเวลามาสนใจพวกเราแล้ว แต่จะต้องเอาเวลาไปหาเรื่องฉงป้าแทน” ลู่หยางอธิบาย
ชื่อเสียงจากการได้ป้อมปราการแห่งแรกของเซิร์ฟเวอร์สามารถนำไปช่วยพัฒนากิลด์ในอนาคตได้อย่างมหาศาล หากบลัดไทแรนท์ปล่อยเกียรติยศในเรื่องนี้ไปให้กับคนอื่น ในอนาคตกิลด์ของเขาก็จะได้รับแรงกดดันอย่างหนัก
“หัวหน้า ตอนแรกผมไม่เห็นด้วยจริง ๆ ที่คุณให้คำสั่งโจมตีป้อมปราการกับฉงป้าไป แต่ตอนนี้ผมต้องยอมรับแล้วว่าคุณมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าพวกเราจริง ๆ” ไป๋หูกล่าวพร้อมกับเกาหัว
ลู่หยางส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดว่า
“แม้ฉือมู่จะไม่พอใจที่ฉงป้าจะเป็นคนแรกที่ได้ครอบครองป้อมปราการ แต่เขาก็จะยังคงเลือกสนับสนุนฉงป้าในการต่อสู้กับบลัดไทแรนท์อยู่ดี แม้กระทั่งพวกเราก็ต้องคอยสนับสนุนฉงป้าด้วยเช่นกัน”
“ในระหว่างที่โอเวอร์ลอร์ดกับบลัดเติสตี้กำลังทำสงครามกัน เวลานั้นฉันจะพาทุกคนไปบุกเบิกป้อมปราการคริมสันด้วยตัวเอง กว่าที่พวกเขาจะทำสงครามกันจบ ในตอนนั้นพวกเราก็คงจะยึดครองป้อมปราการได้เรียบร้อยแล้วและมันก็จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเราไม่จำเป็นจะต้องเกรงกลัวใครอีกต่อไป”
หลังจากการสร้างป้อมปราการจนเสร็จเจ้าของป้อมปราการสามารถสร้างม้วนคัมภีร์ย้อนกลับไปยังป้อมปราการได้ ผู้เล่นภายในกิลด์จึงสามารถที่จะเดินทางเข้าออกป้อมปราการได้ตลอดเวลา ขณะที่บริเวณรอบ ๆ ป้อมปราการคริมสันก็เป็นพื้นที่ที่ดีสำหรับการเก็บเลเวล เพราะมันมีทั้งดันเจียนและมอนสเตอร์ชนิดต่าง ๆ ให้พวกเขาออกล่าได้อย่างมากมาย
ด้วยแผนที่ที่อยู่โดยรอบป้อมปราการ มันก็มากพอที่จะทำให้ผู้เล่นพัฒนาจากเลเวล 30 ไปจนถึง 50 นอกจากนี้หากพวกเขาสามารถบริหารป้อมปราการได้ดี รายได้จากเศรษฐกิจที่หมุนเวียนภายในป้อมปราการมันก็จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 เครดิตอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันป้อมปราการก็คือจุดเริ่มต้นของสงครามจริง ๆ ภายในเกม เพราะเมื่อทรัพยากรภายในกิลด์มีมากขึ้น พวกเขาจะไม่สามารถเก็บทรัพยากรเหล่านั้นเอาไว้ในกระเป๋าได้อีกต่อไป แต่หากป้อมปราการถูกโจมตีจนแตกสิ่งของที่ถูกเก็บเอาไว้ภายในคลังของป้อมปราการก็จะถูกฝ่ายตรงข้ามปล้นไปได้ด้วยเช่นกัน
ในชาติก่อนสงครามที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเรื่องหนึ่งคือมีหัวหน้ากิลด์คนหนึ่งมั่นใจในป้อมปราการของตัวเองมากจึงได้เก็บทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 100,000 เหรียญทองเอาไว้ภายในป้อมปราการ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายคือป้อมของเขาถูกตีแตกและถูกฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามาปล้นสินทรัพย์ทุกอย่างไปจนเกลี้ยง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 203
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น