ปัญญาชนปัญญาไทยในศตวรรษที่ 21
ปัญญาชน มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาสังคมไทยอย่างไร นี่คือคำถามที่ใครหลายคนต้องการหาคำตอบทุกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า “ปัญญาชน” ดูจะเป็นคำที่มีความหมายกว้าง หมายรวมถึง นิสิตนักศึกษาผู้เพียบพร้อมไปด้วยความรู้ความสามารถและคุณธรรมจริยธรรม เมื่อโลกก้าวสู่ความเจริญอย่างถึงขีดสุด เราในฐานะปัญญาชนจะหยุดยั้งไม่ให้ความไร้พรหมแดนของเทคโนโลยีมีอิทธิพลเหนือปัญญาไทย และจะใช้ความไร้พรหมแดนนั้นสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆพร้อมดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างสอดคล้องกลมกลืนด้วยวิธีใด ปัญญาชนจะต้องเป็นผู้รอบรู้ ตื่นตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่หลั่งไหลเข้ามาไม่เว้นวัน จึงจะเป็นปัญญาชนที่สมบูรณ์
หากพูดถึงศตวรรษที่ 21 ทุกท่านจะนึกถึงสิ่งใด สำหรับดิฉัน นี่ คือยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะสังคมวัฒนธรรม อะไรที่เป็นของใหม่คนไทยก็ตื่นเต้น จนไม่เล็งเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาไทยดั้งเดิมที่สั่งสมมาแต่บรรพบุรุษ สุดท้าย ก็จะค่อยๆเลือนหายและกลืนไปกับอารยธรรมตะวันตกเสียหมด บทบาทสำคัญของปัญญาชน คือร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูภูมิปัญญาไทยแต่โบราณขึ้นมา และดำรงควบคู่กับความก้าวหน้าในปัจจุบัน
ภูมิปัญญาเกิดจากการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ สภาพแวดล้อม มีการหาทางแก้ปัญหา ตกผลึกเป็นความคิด เช่น ในการรักษาโรคของคนสมัยก่อน เนื่องจากลักษณะภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อนของประเทศไทย ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆมากมาย จึงได้มีการคิดค้นวิธีรักษาโรคด้วยพืชสมุนไพรในท้องถิ่น เมื่อเทคโนโลยีทางการแพทย์ยังไม่ถือกำเนิดขึ้น ก็ต้องพึ่งพาธรรมชาติเพื่อความอยู่รอด ชาวบ้านใช้รากไม้ทำเป็นยารักษาโรค ดั่งเช่นที่นักโบราณคดีเคยสำรวจพบหินบดซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเครื่องมือใช้บดยาในแถบที่ตั้งของอาณาจักรทวารวดี และมีหลักฐานว่าประเทศไทยเคยมีโรงพยาบาลในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เราเรียกโรงพยาบาลสมัยนั้นว่า “อโรคยศาลา” ถ้าไม่ได้ศึกษาลงลึกเข้าไปในด้านประวัติศาสตร์ คนไทยยุคปัจจุบันแทบจะไม่รู้จัก “อโรคยศาลา” เลย รู้จักแต่เพียงโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีแพทย์และพยาบาลคอยให้บริการคนไข้ จ่ายยาแผงปัจจุบันดีๆเพื่อรักษาให้อาการเจ็บป่วยทุเลาลง บ้างก็ใช้ยาที่นำเข้าจากต่างประเทศมารักษา ซึ่งต้องเสียค่ายาแพงกว่าหลายเท่า
ปัญหานี้สะท้อนมุมมองทางความคิดว่าคนไทยเริ่มยึดติดกับสิ่งที่ชาวต่างชาติเห็นว่าดี รวมถึงการที่ได้รักษาด้วยยาดีจะทำให้ชีวียั่งยืน แต่ลืมมองย้อนกลับไปว่าคนสมัยก่อนอยู่กันได้อย่างไรทั้งที่ไม่มียาดีๆจากต่างประเทศ เพราะการสังเกตสิ่งรอบตัวว่ารากไม้ชนิดใดใช้รักษาอาการใดได้บ้าง เช่น ใบฝรั่งห้ามเลือดมะแว้งแก้ไอแก้เจ็บคอ พริกบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นต้น คนสมัยก่อนจึงอายุยืนกว่าเราๆที่ไม่นิยมกินผักกินหญ้า เมื่อไม่สบายก็กินแต่ยาที่มีสารเคมีมากมาย เมื่อสารเคมีเหล่านั้นตกค้างในร่างกายก็ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาอีกหลายโรค
วิธีการนำภูมิปัญญามาใช้ในวิชาชีพแพทย์สามารถทำได้โดยรักษาด้วยวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ควบคู่ไปกับสมุนไพรอย่างแพทย์แผงโบราณ อาจเปิดเป็น คลินิกเล็กๆรักษาชาวบ้านในชุมชนที่ไม่สะดวกในการเดินทางไปโรงพยาบาล เนื่องด้วยปัจจัยทั้งระยะทางและทุนทรัพย์ หรือใช้ความไร้พรหมแดนของเทคโนโลยีเผยแพร่ความรู้เรื่องสมุนไพรลงสื่อเมาติมีเดียซึ่งจะเข้าถึงคนทุกวัยด้วยความน่าสนใจของตัวสื่อ
ภูมิปัญญาไทยไม่ได้มีแต่เพียงทางการแพทย์เท่านั้น ยังมีในด้านอื่นๆ ได้แก่การเกษตร เห็นได้ชัดจากการสร้างสรีดภงส์หรือทำนบพระร่วงของชาวสุโขทัยเพื่อกักเก็บน้ำในฤดูน้ำหลากไว้ใช้ในฤดูแล้ง ด้านอักษรศาสตร์ ไทยมีมรดกทางปัญญาด้านกวีซึ่งเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ความงดงามสละสลวยของภาษาไทยเกรียงไกรไม่แพ้ภาษาใดในโลก วรรณคดีไทยหลายเรื่องเป็นที่โจษจัน อย่างไม่รู้ลืม ด้วยความสามารถของกวีที่ถ่ายทอดเรื่องราวชวนให้ติดตาม ประกอบกับคุณค่าทางวรรณศิลป์ที่สอดแทรกอยู่ในทุกตัวอักษร ได้รับการสั่งสม สืบสาร และถ่ายทอดมาหลายชั่วอายุคน จนกลายเป็นภูมิปัญญาไทยอีกแขนงหนึ่งที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ เราสามารถถ่ายทอดความงดงามทางวรรณคดีออกมาในรูปแบบของการ์ตูน ละคร และภาพยนตร์ โดยใช้ความรู้เรื่องภาษาไทยมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน สามารถบูรณาการได้กับทุกสาขาวิชาชีพ วกเราทุกคนมีหน้าที่สืบสารภูมิปัญญาไทยด้วยกันทั้งสิ้น หากเราช่วยกันคนละ ไม้คนละมือ ไม่ว่าจะพบกับอีกกี่สิบความเปลี่ยนแปลง ก็ไม่อาจลบเลือนภูมิปัญญาไทยออกไปจากสังคมได้
จะเห็นได้ว่า การสืบสารภูมิปัญญาไทยกับปัญญาชนนั้นแยกกันไม่ออก เพราะนิสิตนักศึกษาเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีความคิดสร้างสรรค์ พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมือง ถึงเวลาหรือยัง ที่พวกเราทุกคนจะเป็นปัญญาชนอย่างชนผู้มีปัญญา พร้อมรับใช้และพัฒนาบ้านเมืองให้เรืองรุ่ง สู่จุดมุ่งหมายสำคัญ คือการสรรค์สร้างปัญญาไทยให้ก้องไกลไปทั่วโลก
ขอบคุณภาพจาก วิกิพีเดีย
- 👁️ ยอดวิว 423
แสดงความคิดเห็น