Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 5 การลักพาตัวสู่อุบัติเหตุ

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc

-A A +A

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 5 การลักพาตัวสู่อุบัติเหตุ

หมวดหนังสือ: 

วันพุธที่ 26 เมษายน ค.ศ. 2006

 

        สิบสองวันหลังจากเหตุห้องทดลองระเบิดที่ศูนย์วิทยาศาสตร์แกรนด์เชเพิร์ด แอนดรูว์ก็ได้บอกข่าวร้ายใหม่แก่ลีนั่นก็คือ

        “ลี มีแก๊งขโมยเด็กกลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลมาก จับเด็กไปทั่วเมืองเซ็นเตอร์ซิตี้ตั้ง 250 กว่าคน เป็นพวกเด็กอายุประมาณ 3-6 ขวบ และคุณจอห์นมาบอกข้อมูลที่น่าตกใจ คือไอ้หัวหน้าใหญ่ของแก๊งขโมยเด็กนี้ อัลแทรมม์ วัสวาเฟน (Altramm Vasvaphen) เป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรซีมเลสฮิวแมน ซึ่งพยายามจะต่อยอดวิธีการให้เหนือชั้นไปอีกนั่นก็คือการลักพาตัวเด็กอายุที่ฉันกล่าวมาที่หามาได้ในเซ็นเตอร์ซิตี้เพื่อทำการทดลองฉีดยาซึ่งเป็นตัวยาชนิดเดียวกันกับที่ฉีดใส่อดัมและอีฟ เธอต้องรีบไปช่วยพวกเขาด่วนเลยนะ ฉันขออนุญาตพ่อกับแม่ของเธอมาแล้ว ไปช่วยพวกเขาด่วนเลย”

        เมื่อลีรู้แล้วเขาก็รีบบุกไปช่วยทันที และเขารู้ว่าเด็ก ๆ ที่ถูกจับตัวมานั้นอยู่ที่ไหน พวกเขาอยู่ที่โกดังร้างแห่งหนึ่งอยู่ที่ไหนสักแห่งในพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้าง ซึ่งอยู่แถว ๆ ไซต์งานก่อสร้างใกล้ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต หนึ่งในห้างสรรพสินค้าดัง ๆ ที่มีงานพิเศษจัดบ่อย ๆ

 

        หลังจากเจอโกดังร้างซึ่งเป็นที่กบดานของแก๊งขโมยเด็กแล้ว ลีก็พยายามแทรกซึมเข้าไปในโกดังโดยไม่ให้ใครจับได้ จนรู้มาว่า หกคนใน 256 คนที่ถูกจับมา ถูกจับแยกไปฉีดยาที่อีกห้องหนึ่ง ทำให้ลีรับไม่ได้ และรีบเข้าไปหาเด็กทั้งหกคนทันที แต่เมื่อก้าวเท้าผ่านประตูเข้าไป เหล่าลูกน้องแก๊งขโมยเด็กก็พากันเข้ามาล้มลีแบบไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามลุกขึ้นมาเลย เมื่อชายหนุ่มไร้ซึ่งทางเลือกแล้วไซร้ เขาจึงตะโกนใส่อัลแทรมม์ว่า

        “เฮ้ย! พวกแกน่ะ! ปล่อยเด็กสองร้อยกว่าคนเหล่านี้ออกไปนะ! พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทดลองกับสองฝาแฝดเมื่อหกปีก่อนเลยนะ!”

        “ฉันไม่ปล่อยง่าย ๆ หรอก” อัลแทรมม์ตอบ “เหตุผลที่ฉันพาพวกเด็ก ๆ มาที่นี่น่ะไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ฉันอยากจะศึกษาว่าถ้าพวกเขาโดนฉีดยาชนิดเดียวกับที่ฉีดให้กับฝาแฝดเดลวินจะเป็นยังไง”

        เขายิ้มแสยะและจ้องไปที่ลีอย่างประสงค์ร้าย รวมถึงเดินเข้ามาหาชายหนุ่มเสื้อเทาและจับคางด้วย

        “ส่วนแก น่าเสียดายหน่อยนะ เพราะแกรู้เรื่องแบบนี้มากเกินไปแล้วล่ะ เตรียมตัวบอกลาเด็ก ๆ เหล่านี้ได้เลย”

        อัลแทรมม์ผละจากลีและสั่งพวกที่จับลีอยู่ว่า “เอาตัวไปรมควันซะ”

        พวกลูกน้องที่จับลีไปได้ลากเขาไปที่ห้องรมควัน พวกคนคุมห้องรมควันปิดประตูแน่นนหนามาก ห้องที่ลีถูกขังนั้นเป็นห้องที่มีกระจกรายล้อม และยากที่จะทุบให้แตกได้เพราะว่ามันเป็นวัสดุแก้วชนิดที่แข็งกว่ากระจกโดยเฉลี่ยถึงห้าเท่า และก่อนที่ลีจะทำอะไรได้มากกว่านี้ เขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นแปลก ๆ ก่อนที่จะรู้ตัวว่าพวกขโมยเด็กกำลังจะรมควันเขา เขาไอรุนแรงตลอดเวลาและหายใจจะไม่ออกแล้ว เขาล้มฟุบลงกับพื้น และไม่นานเขาก็เริ่มกลับมาหาใจเป็นปกติ เขามีพลังวิเศษ เหมือนกับที่พวกพอเพียงได้รับมา และด้วยเหตุนี้ ลีจึงตัดสินใจพังกระจกออกมานอกห้องเพื่อจัดการกับคนคุมห้องรมควันจนเรียบ แล้วจากนั้นก็รีบบุกมายังห้องที่พวกเด็ก ๆ ทั้งหกคนถูกจับแยกทันที ซึ่งมันไกลจากห้องรมควันชนิดที่เขาต้องอ้อมตึกไปเลยทีเดียว และระหว่างนี้ เด็ก ๆ ทั้งหมดก็โดนฉีดยาหมดแล้ว เมื่อเข้าใกล้ห้องที่เด็กหกคนอยู่แยกจากคนทั้งหมด ก็ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนพร้อมกันสองคนจนลีถึงกับตกใจ

        “ไม่!!!

        ให้ตายเถอะ ลีคิด นี่เคอร์ด้ากับจอชมาช่วยเราด้วยเหรอเนี่ย!

        “ช้าไปแล้วเจ้าพวกวัยรุ่น” เสียงอัลแทรมม์ดังขึ้นจากในห้อง “ยาที่ฉันใช้ฉีดพวกเด็ก ๆ ทั้งหมดนี้ได้ผสมกับเชื้อที่จะควบคุมเด็ก ๆ พวกนี้แล้ว เชื้อพวกนี้จะไปควบคุมสมองเด็ก ๆ ให้ทำตามคำสั่งของผู้ที่มีเชื้อนางพญาอยู่ในร่างกาย และนี่คือหัวเชื้อนางพญาที่จะต้องควบคุมเด็ก ๆ พวกนี้แหละ”

        ลีได้วาร์ปตัวเองเข้ามาข้างหลังอัลแทรมม์ในจังหวะที่กำลังจะชูหลอดทดลองที่เจ้าตัวอ้างว่าผสมหัวเชื้อนางพญาปรสิต แล้วจากนั้นก็ค่อย ๆ ดึงหลอดยาในมืออัลแทรมม์อย่างเบามือ

        อัลแทรมม์ วัสวาเฟน เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันตัวอ้วน หัวล้าน มีหนวดคล้ายกับดอกเตอร์เอ้กแมน ตัวร้ายของชุดเกมโซนิค เดอะเฮดจ์ฮ็อก แต่สวมเครื่องแบบนายพลสีเขียวต้นไทร ผิวสีน้ำผึ้ง

        เคอร์ด้า ที่ดูโตขึ้นอายุเท่าลี เธอใส่เสื้อกาวน์แขนยาวสีขาว ใส่แว่นตา ใส่กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าส้นสูงสีดำ ส่วน โจชัว “จอช” ไทเลอร์ (Joshua “Josh” Tyler) บุตรชายของแดน เป็นชายผมทองหน้าหล่อ นัยน์ตาสีเหลือง ใส่เครื่องแบบเจ้าหน้าที่เอฟบีไอสีน้ำเงินทั้งตัว

        “แกนี่มันเลวร้ายจริง ๆ” จอชคำราม แต่ทันใดนั้นเขากับเคอร์ด้ากลับสนใจสิ่งที่อยู่ข้างหลังหัวหน้าใหญ่แก๊งขโมยเด็ก

        “อ๋อ เนี่ยนะเหรอ หัวเชื้อนางพญา” ลีว่า “ไม่เห็นมีอะไรแตกต่างจากยาที่ไม่ได้ผสมอะไรเลยนะเนี่ย”

        “เฮ้ย!! แกโดนรมควันตายไปแล้วไม่ใช่เรอะ!” หัวหน้าใหญ่แก๊งขโมยเด็กร้อง “ทำไมแกกลับมาที่นี่ได้ฟะ!!

        “ก็บังเอิญว่าควันที่ฉันสูดดมเข้าไปน่ะมันตัวเดียวกับที่เป็นยาที่ฉีดให้กับพวกเด็ก ๆ ไปเมื่อกี๊น่ะ ฉันก็เลยได้พลังวิเศษมา ฉันก็แข็งแกร่งขึ้นมากนี่แหละ”

        หัวหน้าใหญ่แก๊งขโมยเด็กโกรธจัดจนหน้าเขียวปั้ด

        “ฉันว่าแล้ว!” เคอร์ด้าร้อง “พ่อของฉันบอกคุณมาสเตอร์เรื่องเธอว่า ไม่ได้รับความคืบหน้าอะไรเลย”

        “แล้วทำไมพวกนายมาที่นี่?” ลีถาม

        “พวกเราได้รับคำสั่งจากพ่อของพวกเราให้มาตรวจสอบศูนย์วิทยาศาสตร์หลังเกิดเหตุเมื่อสิบสองวันก่อน” จอชตอบ

        “แล้วพ่อของพวกเราได้บอกไว้ว่าตอนนี้ต้องไปช่วยพวกเด็ก ๆ ที่โดนลักพาตัวที่นี่ก่อน ก็เลยมาที่นี่และพบอย่างที่เห็นแหละ” เคอร์ด้าบอก

        “ใช่” ลีพูด “ฉันยืนยันได้ พวกนายมาไม่ทันจริง ๆ เพราะฉันเองก็โดนจับรมควันไปแล้ว แต่ควันนี้คือยาตัวเดียวกับที่ฉีดให้กับสองฝาแฝดเดลวิน แถมไอ้ยาตัวนี้มันไม่ได้ใส่เชื้อควบคุมสมองเด็ก ๆ หรอก มันก็แค่การขู่ให้กลัวเท่านั้นเอง ใช่ไหมล่ะ เจ้าดอกเตอร์?” ลีหันไปถามหัวหน้าแก๊งขโมยเด็กที่ทั้งโกรธทั้งอับอายที่แผนแตกเพราะหนุ่มเสื้อเทาเพียงคนเดียว

        “ทีนี้ จงปล่อยเด็ก ๆ ทั้งหมดออกไปหาพ่อกับแม่ของพวกเขาซะ จะให้ปล่อยไปดี ๆ หรือว่าจะให้ฉันแจ้ง 191 เพื่อบอกเบาะแสที่พวกเด็ก ๆ หายตัวไป และส่งตำรวจมาจับแกดีล่ะ?” ลีถาม

        “ไม่...” อัลแทรมม์พึมพำ “...ไม่มีวัน...”

        “ถ้างั้นพวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” ลีพูด จากนั้นก็ควักโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมา กดเบอร์ 191 แล้วโทรออก และก็ยกหูรอสายทันที

        “ฮัลโหลครับ วันนี้ผมมีเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเด็ก ๆ 256 คนน่ะครับ ตอนนี้อยู่ที่โกดังร้าง อยู่แถว ๆ ไซต์งานก่อสร้างใกล้ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตน่ะครับ” ลีพูด “ใช่ครับ คือว่าผมเจอเด็ก ๆ พวกนี้แล้วนะครับ พวกเขาโดนจับอยู่ในโกดังนี้น่ะครับ รีบส่งตำรวจมาจัดการกับแก๊งลักพาตัวเด็กให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หน่อยครับ ก่อนที่พวกมันจะหนีออกไปเสียก่อน”

        อัลแทรมม์ได้ยินอย่างนี้ก็หน้าถอดสีอย่างจัง แต่ก็ไม่กล้าสั่งให้คนในแก๊งของเขาไปไหนเลย

        “ครับ โอเคครับ” ลีพูด ก่อนที่จะวางสายลง

        “แล้วจะเอายังไงต่อดีล่ะ?” จอชถาม

        “ก็รอต่อไป” ลีพูด

        “แล้วถ้าเขาหนีล่ะ?” เคอร์ด้าถาม

        “ก็ไม่เป็นไร” ลีตอบ “เป้าหมายของเราคือต้องให้เด็ก ๆ ทั้งหมดปลอดภัยดี และได้กลับไปหาอ้อมอกพ่อกับแม่อีกครั้งน่ะสิ”

        ระหว่างนี้สมาชิกแก๊งขโมยเด็กบางคนเห็นท่าไม่ดีเลยค่อย ๆ หนีไปจากโกดังร้างทีละคน ๆ ซึ่งลีก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาต้องเล่นแผนนี้ และไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พวกตำรวจก็แห่กันเข้ามารุมจับพวกแก๊งขโมยเด็กที่ยังไม่หนีไป (แต่อัลแทรมม์หนีไปแล้ว)

        ผู้หมวดเกล็นน์ (Lieutenant Glenn) เดินมาขอบคุณวัยรุ่นทั้งสาม เขาเป็นตำรวจหนุ่มหล่อสวมแว่นกรอบกลม ผมสีน้ำเงิน แต่งเครื่องแบบตำรวจไทยสีน้ำตาล

        “ขอบใจพวกนายมากเลยนะที่ได้แจ้งเบาะแสที่เกี่ยวกับเด็กทั้ง 256 คนที่หายไปจากบ้านของพวกเขา” หมวดเกล็นน์ว่า

        “เรื่องเล็กน้อยครับ” ลีพูด “แต่ผมมีเรื่องอยากจะให้หมวดช่วยเก็บเป็นความลับให้หน่อยนะครับ”

        “เรื่องอะไรน่ะเหรอ?” หมวดเกล็นน์ถาม

        “จอช! เคอร์ด้า! มาหาฉันหน่อย ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง”

        สิ้นเสียงของลี เคอร์ด้ากับจอชก็เดินเข้ามาฟังเรื่องที่ลีจะเล่าให้หมวดเกล็นน์ฟัง มันเป็นการรีแคปว่าผลจากการหายตัวไปของเด็ก ๆ เหล่านี้ พวกเขาเหล่านั้นมีพลังวิเศษ ในขณะที่ลีถูกจับไปรมควันซึ่งเป็นยาตัวเดียวกับที่ฉีดใส่เด็ก ๆ เหล่านั้น เพียงแต่แก๊งขโมยเด็กเข้าใจว่ายานั่นคือแก๊สพิษ แต่จริง ๆ มันคือยาตัวเดิมนั่นแหละ

        พอถึงตรงนี้พวกเด็ก ๆ ทั้งหกที่โดนจับในห้องพิเศษก็มาหาด้วย

        “อ้าว พวกเด็ก ๆ ทำไมถึงมาหาพวกเรา?” จอชถาม

        “พวกเราอยากจะฟังเรื่องราวที่พี่ ๆ เล่ามาครับ” เด็กชายผมสั้นทรงปกติปลายชี้โค้งลงหน้าผากสามลอนสีดำ ผิวสีอ่อนกว่าพอเพียงเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำ อายุเท่าพอเพียง ใส่เสื้อคลุมเบสบอลสีแดงทับเสื้อยืดสีน้ำเงินอ่อนข้างใน กางเกงยีนขายาวสีม่วง รองเท้าผ้าใบสีแดง สูงเท่าพอเพียงวัยเดียวกันตอบ

        “นี่ พวกเธอไม่ควรจะรู้เรื่องพวกนี้นะ” เคอร์ด้าพูด “– เอ่อ – ฉันหมายถึงไว้โตกว่านี้ค่อยมารู้แล้วกันนะ”

        “ว่าแต่พวกเธอเป็นใครกัน?” ลีถาม “ฉันยังไม่รู้จักพวกเธอเลยนะ”

        “ผมชื่อ ภัททิต้า เอ็มเมอร์ครับ (Pattita Emmer)” เด็กชายเสื้อคลุมสีแดงตอบ

        “หนูชื่อ ยินนา เดสเตอร์ค่ะ (Yinna Dester)” เด็กหญิงอายุเท่าภัททิต้า ผมสั้นประบ่าสีน้ำตาล ใส่กิ๊บสีฟ้าติดไว้ที่ผมด้านหน้าข้างซ้าย นัยน์ตาสีน้ำเงินใสแจ๋ว ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีแดงติดกระเป๋าสองข้าง เอวเล็กกว่าเสื้อเชิ้ตสีชมพู ใส่กางเกงยีนขายาวสีน้ำเงิน ใส่รองเท้าบู๊ตสีน้ำตาลตอบ

        “ผมริวคิก ร็อบเบิร์ทครับ (Riwkick Robbert)” เด็กชายผมทรงปกติสีน้ำตาล ปลายชี้โค้งลงหน้าผากลอนใหญ่ ๆ หนึ่งลอน นัยน์ตาสีน้ำเงิน ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำเงินทับเสื้อเชิ้ตสีดำ ถุงมือกีฬาสีดำ กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำตอบ

        “ผมกวางงากะ โซบุครับ (Kwangaka Sobu)” เด็กชายผมสีดำปรกหน้าข้างหนึ่ง นัยน์ตาสีดำ เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเหลือง กางเกงขายาวสีเขียว รองเท้าผ้าใบสีเขียวตอบ

        “ผมเจียระไน บีบอมบ์ครับ (Jearanai Bebomb)” เด็กชายผมทรงปกติสีน้ำตาล ปลายผมชี้โค้งลงหน้าผากหลายลอน นัยน์ตาสีดำ หน้าตกกระ เสื้อสเว็ตเตอร์แขนยาวลายระเบิดทีเอ็นทีสีแดงอ่อน กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีแดงอ่อนตอบ

        “ผมปอย วู้ดเดอร์ครับ (Poy Wooder)” เด็กชายผมลอนด้านบนปลายชี้ขึ้นหน่อยหนึ่งสีดำ นัยน์ตาสีดำ ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีดำตอบ

        “ยินดีที่ได้รู้จักพวกเธอนะ” จอชพูด “เอาล่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ อย่าไปบอกพ่อกับแม่ของพวกเธอด้วยตัวพวกเธอเองนะว่าเกิดอะไรขึ้น ไว้รอให้พวกเราอธิบายกับพ่อแม่พวกเธอจะดีกว่านะ”

        “ครับ/ค่ะ” เด็ก ๆ ทั้งหกตอบ

 

        ส่วนครอบครัวพาเกอร์มาที่เกิดเหตุ และพวกเขาบอกลีไปว่าแอนดรูว์ขออนุญาตพวกเขาแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย และจากนั้นโทรศัพท์ของเคอร์ด้าก็มีเสียงเรียกเข้า เธอรับสายทันที

        “ฮัลโหลค่ะ”

        “เคอร์ด้า ผลเป็นยังไงบ้างไหมลูก?” เสียงจอห์นถาม

        “พ่อคะ มันล้มเหลวค่ะ” เคอร์ด้าตอบ “พวกเราช่วยลีและเด็ก ๆ ไม่ทัน พวกเขากลายเป็นยอดมนุษย์ไปหมดแล้วค่ะ”

        “ให้ตายเถอะ!!” จอห์นสบถ “บอกลีด้วยว่าช่วยไปบอกเพ้นท์ให้เร็วที่สุดเลยนะ ส่วนที่เหลือพ่อกับแดนจะจัดการเองนะ”

        หลังจากเคอร์ด้าวางสาย เธอก็หันมามองจอชและลีซึ่งมองเธอตอบ และสายตาแฝงความรู้สึกกังวลไว้ชัดเจน

 

วันต่อมา

 

        ในบ้านของพอเพียง เมื่อครอบครัวพาเกอร์และครอบครัวซันไชเนอร์มาเยี่ยมบ้านพอเพียง และเหล่าเด็ก ๆ ก็มาเยี่ยมเหมือนกัน ลีเล่าให้พอเพียงและทันนี่ฟังโดยเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงชื่อพวกภัททิต้าเพื่อความปลอดภัยของกลุ่มภัททิต้าเอง แต่แค่นี้พอเพียงก็โกรธอย่างหนัก เขารับไม่ได้ที่พวกซีมเลสฮิวแมนทำกับเด็กแบบนี้ และนี่เป็นการกระทำที่ทารุณมากที่สุด มันยิ่งกว่าบุกไปบ้านแล้วเอาเด็กมาฉีดยาเสียอีก

 

        ส่วนเรื่องของแอนนา คริสเตอร์ เธอก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของการโดนพวกซีมเลสฮิวแมนบุกเข้าไปในบ้านแล้วจับเธอมาฉีดยาเหมือนกัน พอเพียงรู้สึกเห็นใจแอนนาที่ต้องมาโดนแบบนี้ ดังนั้น เขาจึงนัดเพื่อน ๆ และครอบครัวของตัวเองให้ไปลงทะเบียนในรายชื่อยอดมนุษย์โลก ซึ่งถูกเรียกว่า เพอร์เฟกต์ฮิวแมน (Perfect Human) เพื่อเป็นการทำความดี ซึ่งรายชื่อในตอนนี้คือ จำนวนยอดมนุษย์ในปัจจุบันนี้มี 20% ของจำนวนประชากรของมนุษย์ทั้งหมด และนับวันมันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแน่นอน พ.ร.บ. ตัวนี้ได้ถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สนธิสัญญาคอร์เรีย (Corria Accords) เป็นการลงนามเพื่อบอกว่าตนเองเป็นยอดมนุษย์อย่างเป็นทางการ

        แต่พอเพียงก็ยังมองในมุมอื่นด้วยว่า เออ น่าจะต้องปรับปรุงกฎหมายให้มันสามารถลงทะเบียนได้ทุกคน เพราะเขาเชื่อว่ามันยังมีอีกมากที่ยังไม่ได้ลงชื่อด้วยเหตุผลของตัวเอง และนานาจิตตังด้วย จอห์นก็คิดแบบนั้นเช่นกัน เขาจึงหาวิธีที่จะอัพเดตร่าง พ.ร.บ. นี้ให้ทันสมัยและเข้าถึงทุกคนได้ไม่ว่าจะฐานะไหนก็ตาม ล่าสุดคือจอห์นประกาศให้การลงทะเบียนในสนธิสัญญานี้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย และก็ยังมีบริการและสิทธิพิเศษหลังการลงทะเบียนอีก เช่น ได้สิทธิในการทำบัตรประจำตัวยอดมนุษย์ด้วย สำหรับระดับของยอดมนุษย์จะถูกแบ่งเป็น ดี : ต่ำสุด, ซี : ต่ำรองลงมา, บี : ปานกลาง, เอ : สูง, เอส : สูงกว่า, เอ็กซ์ : สูงสุด ซึ่งจะได้สิทธิพิเศษต่างกันตามลำดับขั้น เช่น ถ้าเป็นระดับเอ็กซ์ จะได้รับบัตรยอดมนุษย์สีทองที่เป็นเหมือนบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตของธนาคารใดธนาคารหนึ่งในตัว

 

        ส่วนการใช้ชีวิตพอเพียงนั้นไม่เหมือนเดิมเลย เมื่อพลังซูเปอร์วิชั่นที่พอเพียงมีอยู่มันไม่เสถียร บางทีเขาไม่ได้ต้องการจะใช้มัน มันก็เปิดใช้งานเองโดยไม่รู้ตัวซะยังงั้น แถมใช้งานแต่ละทีมันเล่นใช้พลังแรง ๆ เขาก็รู้สึกปวดตาเป็นเหมือนกัน นั่นทำให้เขารู้สึกรำคาญอย่างมาก และเมื่อลีรู้เรื่องหลานของตัวเอง เขาก็เลยติดต่อกับจอห์นให้ช่วยแก้ปัญหาของพอเพียงด้วย ประกอบกับขอสิ่งที่อยากได้ส่วนตัว นั่นก็คือสัตว์เลี้ยง เขาต้องการสัตว์เลี้ยงแบบที่เขาเคยสร้างสัตว์เลี้ยงจากเกมไมน์คราฟท์ (Minecraft) อย่างไก่แจ้ (Jae The Chicken) ไก่ขาวตัวผู้ที่เป็นคู่หูคู่ฮาของลีมาโดยตลอด เลยอยากได้แจ้ตัวจริงมาเป็นเพื่อนบ้าง ทำให้คราวนี้จอห์นต้องสร้างไก่ขาวที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ และตั้งชื่อให้มันว่าแจ้ ตามที่ลีต้องการ ส่วนของพอเพียงก็ได้สร้างแว่นพิเศษที่มีเลนส์สามารถกรองแสงตอนใช้พลังซูเปอร์วิชั่นโดยไม่จำเป็น หรือใช้พลังซูเปอร์วิชั่นได้เยอะ ๆ นาน ๆ โดยไม่ต้องปวดตาด้วย จนในที่สุด เมื่อของสองสิ่งที่ต้องการนั้นสร้างเสร็จแล้ว จอห์นก็ส่งไปเพื่อเซอร์ไพรส์ลีกับพอเพียงในวันที่ 19 กรกฎาคม ปี 2006 โดยเขียนจดหมายในพัสดุดังนี้ ของลีจะเขียนไว้ว่า

 

“ถึงลี

        ขอบคุณที่บอกฉันว่าเธอต้องการอะไร

        สิ่งที่ฉันส่งมาให้นี้คือไก่ของเธอ ชื่อว่าแจ้ เขาอาจจะทำให้เธอรู้สึกรำคาญเหมือนกับนิสัยที่เธอสร้างเขาในไมน์คราฟท์หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่ก็ทน ๆ ไปหน่อยน่า

        คือจะบอกอะไรให้นะ ไก่ตัวนี้ถึกทนมาก ๆ เลยนะ ไม่ว่าจะโดนทำร้ายรุนแรงขนาดไหน มันก็ไม่มีวันตายก่อนวัยอันควรแน่นอน เขาจะช่วยจัดการศัตรูให้กับเธอได้ เธอจะได้มีผู้คุยเป็นเพื่อนด้วยนะ

        ก็หวังว่าไก่ตัวนี้จะเป็นประโยชน์กับเธอนะ

จากผู้ที่บริการให้เธอ

จอห์น คอร์เรีย”

 

        ส่วนของพอเพียงเขียนไว้ว่า

 

“ถึงพอเพียง มาสเตอร์

        ยินดีด้วยนะที่เธอได้รับสิทธิ์ในการเป็นเพอร์เฟกต์ฮิวแมนระดับเอ็กซ์ ฉันหวังว่าบัตรสีทองจะมาถึงในไม่ช้า แน่ล่ะว่าตอนนี้ฉันก็ยังรออยู่นะว่าบัตรสีทองของเธอจะเป็นยังไง

        เอาล่ะ มาว่าที่ปัญหาของเธอดีกว่า ลุงของเธอบอกว่า เธอเจ็บตาเพราะซูเปอร์วิชั่นของเธอไม่เสถียรจนเธอรำคาญ ฉันก็เลยได้ประดิษฐ์สิ่งนี้ขึ้นมา มันคือแว่นตากรองแสง ไว้กรองตอนพลังซูเปอร์วิชั่นของเธอไม่เสถียรเพื่อกรองให้สายตาวิเศษของเธอกลายเป็นสายตาของมนุษย์ธรรมดา ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เธอเจ็บตานั่นแหละ

        ฉันหวังว่าแว่นตานี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเธอ เพราะว่าเลนส์ที่ใช้ทำแว่นตานี้เป็นเลนส์พิเศษที่ฉันทำขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยจะสามารถปรับค่าสายตาได้ถ้าสายตาของเธอเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต่างจากเลนส์สายตาทั่วไปคือ โดยทั่วไปเลนส์สายตาจะมีค่าสายตาตายตัว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าสายตาของมนุษย์ทั่วไปเปลี่ยนแปลงจากปกติ เขาหรือเธอเหล่านั้นก็จะต้องตัดแว่นใหม่ แต่แว่นของเธอนั้นเลนส์ของมันสามารถปรับค่าสายตาตามที่สายตาที่เปลี่ยนแปลงของเธอได้โดยอัตโนมัติ ชนิดที่เธอไม่จำเป็นจะต้องไปตัดแว่นใหม่เลย

        ส่วนข่าวที่ฉันอยากจะบอกก็คือ ตอนนี้ยังหาจับตัวเจ้าตัวการที่ก่อเหตุการณ์ลักพาตัวในวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมาไม่เจอเลย พวกที่เหลืออยู่ก็เช่นกัน ฉันเสียใจมากที่ต้องเจอแบบนี้ แต่สักวันหนึ่งเขาจะต้องถูกจับแน่นอน เพราะทรมานเด็กรุนแรงแบบนี้ จะต้องถูกลงโทษอย่างสาสม หวังว่าเธอจะภาวนาให้เป็นแบบนั้นแล้วกัน

จากผู้ที่ร่วมมือกับเธอ

จอห์น คอร์เรีย”

 

        ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2006 ที่บ้านของลี เมื่อลีรู้ว่ามีของมาส่ง ก็รีบไปดูพัสดุทันที เขาสังเกตว่าพัสดุมันมีการขยับตัวได้ ลีเลยลองเปิดดูโดยใช้มีดกรีดเชือกและเทปออก ปรากฏว่าเจอไก่เพศผู้สีขาวทั้งตัวและพูดภาษาไทยได้ด้วย!

        “ว้าว!! นี่หรือเจ้านายของผม!!” ไก่แจ้ร้องเป็นประโยคแรกและลีก็หงายหลังตึงทันที

        “เฮ้ย!! แกเป็นใครเนี่ย!!” ลีร้องเสียงหลง

        “ผมชื่อแจ้ไงครับ แล้วเจ้านายชื่ออะไรครับ?” แจ้ถาม

        “ฉันชื่อลี, ลี พาเกอร์” ลีตอบ “ฉันไม่นึกว่าแกจะมีชีวิตชีวาจริง ๆ ในโลกจริงได้ หลังจากที่ฉันสร้างแกให้มีชีวิตในเกมไมน์คราฟท์ขึ้นมา”

        “เจ้านาย ผมรู้นะว่าเจ้านายสร้างผม สร้างนิสัย สร้างประวัติความเป็นมาของผมทั้งหมดขึ้นมา” แจ้บอก “และคุณจอห์นก็เลยเอาข้อมูลนิสัยของผมจากซีรี่ส์ของเจ้านายใส่เข้าไปในสมองของผมนั่นแหละ”

        “แกรู้ด้วยเหรอเนี่ย?” ลีร้อง

        “ใช่ครับเจ้านาย” แจ้ตอบ “ว่าแต่เจ้านายได้ลงทะเบียนยอดมนุษย์ไปแล้วหรือยัง?”

        “ลงแล้ว” ลีตอบ “ได้บัตรประจำตัวยอดมนุษย์มาแล้วด้วย เดี๋ยวขอหาแป๊บนึงนะ”

        ว่าแล้วลีก็ควักเอากระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วดึงบัตรประจำตัวยอดมนุษย์ออกมาให้แจ้ดู มันคือบัตรสีขาวที่แสดงรูปใบหน้าของลี ชื่อจริง นามสกุล วันเกิด เลขประจำตัวประชาชน เลขประจำตัวยอดมนุษย์ ที่อยู่ รูปถ่าย และระดับขั้นของยอดมนุษย์ ในกรณีของลี เขาถูกจัดอยู่ในระดับเอ

        “เจ้านายอยู่ในระดับเออย่างนั้นเหรอ?” แจ้ว่า

        “ใช่” ลีพูด “ฉันเองก็สงสัยเหมือนกันนะว่าเขาแยกระดับยอดมนุษย์ได้ยังไง แถมสิทธิต่าง ๆ มันก็ไม่เหมือนกันซะด้วย”

        “เอาน่า เจ้านายไม่อยู่ในระดับเอ็กซ์ก็ไม่เป็นไรนะเจ้านาย เพราะอย่างน้อยสิทธิพิเศษของเจ้านายก็ยังพอใช้ได้อยู่” แจ้ว่า

        “อย่างนั้นเหรอ?” ลีถาม

        “ช่าย” แจ้บอก

        ลีมองไก่ของเขาอย่างมีเลศนัย

 

        ส่วนที่บ้านของพอเพียง เขานั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของเขา และกำลังอ่านหนังสือนิยายเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม ของเจ. เค. โรว์ลิ่ง อยู่ดี ๆ

        “เพ้นท์! มานี่หน่อยลูก!” มาร์ธาตะโกน

        “ครับ!” พอเพียงตอบ และรีบลงมาข้างล่างทันที

        ปรากฏว่าเมื่อพอเพียงมาถึงห้องนั่งเล่น ก็พบกับพ่อกับแม่ของเขา รวมถึงน้องชาย อเล็กซานเดอร์ “เล็กซ์” เอสเธนส์ (Alexander “Lex” Esthens) วัยสามขวบ ผมบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้า เสื้อโปโลแขนสั้นสีขาวลายแถบสีน้ำเงินแนวนอน กางเกงขายาวสีดำ ถุงเท้าสีขาว กำลังมองดูพัสดุที่จ่าหน้าถึงพอเพียง ในขณะที่เด็ก ๆ คนอื่น ๆ สนใจแต่การ์ตูน ของเล่น และเกมอย่างเดียว

        “พี่เพ้นท์ครับ มันคืออะไรเหรอครับ?” เล็กซ์ถาม

        “ไม่รู้สิ พี่น่าจะต้องเปิดดูแล้วกันนะ” พอเพียงตอบ

        จากนั้นเขาก็คว้ากรรไกรมาตัดเทปทันที แล้วเปิดกล่องออกดู พบกับแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมสีดำธรรมดาอันหนึ่ง และมันก็มีจดหมายอยู่ในกล่องด้วย และพอเพียงก็อ่านจดหมายในตอนที่จอห์นอธิบายถึงแว่น เขาก็สนใจแว่นอันนี้มาก แต่ตอนที่จอห์นอธิบายถึงหลังจากเหตุการณ์จับเด็กมาทดลองในวันที่ 26 เมษายน เขาก็รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่เขาก็คิดว่า เอาวะ ไม่ต้องไปนึกถึงพวกแก๊งขโมยเด็ก มาสนใจเรื่องแว่นตาอันใหม่ก่อน พอเพียงไม่รอช้าลองหยิบแว่นมาใส่ทันที

        ปรากฏว่าแว่นตาอันนี้ล้ำกว่าที่เขาคิด เพราะมันมีชิพอัจฉริยะฝังอยู่ในแว่นอันนี้ และมันจะแสดงผลเป็นดิจิทัลยูสเซอร์อินเตอร์เฟซแบบพิเศษเพื่อพอเพียงโดยเฉพาะ และเขาก็ชอบแว่นตาอันนี้มากด้วย เขาเลยคิดไอเดียใหม่ขึ้นมา เขาจะเล่าเรื่องโรงเรียนสอนโรลเพลย์ที่จะเอามาจากการ์ตูนต่อสู้เรื่องต่าง ๆ ที่เขาได้รับมาตั้งแต่เด็ก ทั้งจากโชเน็นจัมป์อย่างวันพีซ, นารูโตะ นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ, ดรากอนบอล (สามแกนหลักของการ์ตูนญี่ปุ่น) รวมถึงการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ทั้งของญี่ปุ่นมี อุลตร้าแมน, คาเมนไรเดอร์, ซูเปอร์เซนไต หรือฝั่งตะวันตกจะมีดีซีและมาร์เวล แต่นี่มันเพียงแค่ตะกอนชุดแรกเท่านั้น และเขาจะเริ่มหยิบสมุดเขียนนิยายมาเขียนโครงเรื่องต้นฉบับเลย

        “พี่เพ้นท์จะเขียนเรื่องอะไรเหรอครับ?” เล็กซ์ถาม

        แต่พอเพียงเอามือจุ๊ปากตัวเองและกระซิบเบา ๆ ว่า “ไม่สปอยล์ ๆ” นั่นทำให้เล็กซ์ตื่นเต้นมากที่จะรออ่านนิยายเรื่องแรกของพอเพียง แถมรอแทบไม่ไหวเลยด้วยซ้ำไป

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.