ตอนที่ 948 จูปิเตอร์
ตอนที่ 948 จูปิเตอร์
ชายหนุ่มปริศนาทำการสังหารเจ้าหน้าที่ 4 คนก่อนที่จะหายตัวไปอย่างลึกลับ ขณะที่ฮันนิซีไล่ตามโจรทั้งสามคนที่กล้าเข้ามาปล้นห้องนิรภัยของเธอ
ฟุบ!
ฮันนิซีเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนำเจ้าหน้าที่ที่ไล่จับโจรไปภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที อย่างไรก็ตามกลุ่มโจรทั้งสามคล้ายกับจงใจรักษาระยะห่างจากเธอไว้ไม่ให้ใกล้หรือไม่ให้ไกลเกินไป เพื่อให้เธอสามารถติดตามพวกเขามาได้เรื่อย ๆ
ในฐานะที่ฮันนิซีมีพลังอยู่ในระดับจอมกฎ เธอจึงมีประสาทการรับรู้ที่ไม่ธรรมดา หลังจากเวลาผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นานเธอก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
นักรบความเร็วสูงไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับเธอเลย แต่ชื่อที่ผุดขึ้นมาภายในหัวมันกลับทำให้เธอขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
สกายวิง!
ตระกูลเจ้าความเร็วแห่งดินแดนกฎ ตระกูลที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วราวกับติดปีกบิน คนบ้าที่กล้าจะเผชิญหน้าแม้กระทั่งเทพเจ้า ซึ่งถ้าหากว่าเธอตกเป็นเป้าหมายของสกายวิงจริง ๆ พลังในระดับจอมกฎมันก็ไม่ได้ช่วยให้เธออยู่ในสถานะที่ปลอดภัย
ทันใดนั้นฮันนิซีก็หยุดไล่ตามอย่างกะทันหันพร้อม ๆ กับร่างทั้งสามที่หันกลับมา และพุ่งมาหาเธอด้วยความเร็วมากกว่า 1 ล้านเมตรต่อวินาที
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีเงาดำพุ่งออกมาจากอีกเจ็ดทิศทาง ซึ่งร่างแต่ละร่างต่างก็มีความเร็วไม่น้อยกว่า 1 ล้านเมตรต่อวินาทีด้วยเช่นกัน
“พวกแกคือสกายวิงสินะ!” ฮันนิซีร้องคำรามด้วยความโกรธ
ตอนนี้มันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากลุ่มคนพวกนี้คือนักรบจากสกายวิง เพราะไม่มีตระกูลอื่นใดสามารถเคลื่อนไหวได้ความเร็วเหนือกว่า 1 ล้านเมตรต่อวินาที และการร่วมมือของนักรบพวกนี้ยังเป็นการเคลื่อนไหวในกระบวนทัพฝูงหมาป่าสกายวิงชัด ๆ
ภายในชั่วพริบตาฮันนิซีก็ถูกล้อมรอบไปด้วยราชันย์กฎทั้ง 10 คน และผู้ที่กำลังนำทีมสกายวิงอยู่นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลยนอกเสียจากเซี่ยกวงไห่
“จับตัวเธอไว้” เซี่ยกวงไห่ตะโกนสั่งการพร้อมกับชี้นิ้วไปที่สาวใหญ่ตรงหน้า
ฟุบ ๆ ๆ
ฝูงหมาป่าต่างก็กระโจนออกไปพร้อม ๆ กันโดยไม่สนใจเลยว่าศัตรูของพวกเขาในคราวนี้นั้นมีพลังอยู่ถึงระดับจอมกฎ
ฮันนิซีพยายามที่จะต่อต้านแต่สถานการณ์ของเธอไม่ต่างไปจากแกะที่อยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าเลยแม้แต่นิดเดียว นักรบเหล่านี้ไม่เปิดโอกาสให้เธอจู่โจมโต้ตอบเลย เพราะพวกเขาคือกลุ่มนักรบที่รวดเร็วที่สุดที่เซี่ยเฟยคัดเลือกมาสำหรับภารกิจนี้โดยเฉพาะ
วินาทีแรกฮันนิซีถูกรุมโจมตีจากราชันย์สกายวิงจำนวน 10 คน วินาทีที่ 2 ร่างของเธอถูกโยนเข้าไปภายในเจมินี่ซึ่งเป็นยานรบที่เร็วที่สุดในจักรวาล แล้ววินาทีต่อไปร่างของเธอก็หายตัวจากตำแหน่งนั้นไปและพบว่าเธอไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อนเลย
คนบ้าก็คือคนบ้า!
กลุ่มคนพวกนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ถึงขนาดที่พวกเขาวางแผนลักพาตัวจอมกฎหญิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังภายใต้ดินแดนกฎไป คล้ายก็ว่าชื่อเสียงเหล่านี้ไม่สามารถเป็นเกราะป้องกันเธอจากกลุ่มคนบ้ากลุ่มนี้ได้เลย
—
ณ ห้องโดยสารภายในเจมินี่
แต่เดิมห้องโดยสารของยานลำนี้ก็ค่อนข้างแคบอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบันมันต้องรองรับนักรบสกายวิง 11 คนร่วมกับฮันนิซี มันจึงยิ่งทำให้ห้องโดยสารคับแคบมากเข้าไปใหญ่ นักรบสกายวิงหลาย ๆ คนถึงขนาดจะต้องกางแขนกางขาเพื่อยึดตัวเองเอาไว้กับเพดานห้องโดยสารด้วยซ้ำ
หลังจากที่เซี่ยเกิงรายงานสถานการณ์ว่ามีชายคนหนึ่งสังหารเจ้าหน้าที่ 4 คนและหนีไป เซี่ยเฟยก็ตัดสินใจให้เขาขับยานเจมินี่มารับตัวนักรบกลุ่มนี้ ขณะที่ให้โอโร่ไปแจ้งสถานการณ์กับกลุ่มผู้พิทักษ์เพื่อให้อดีตจอมมารได้รับความไว้วางใจมากยิ่งขึ้น ส่วนตัวเขาก็ไล่ตามชายหนุ่มที่วิ่งหนีไป เพราะชายคนนั้นคือบุคคลต้องสงสัยมากที่สุด
หลังจากเจมินี่เคลื่อนตัวออกไป กองทัพดาร์คไนท์ก็เคลื่อนตัวเข้ามาหลังจากนั้นเพียงแค่ไม่กี่นาที
“เซี่ยเฟยหายไปไหน?” เซี่ยกวงไห่รีบถามเมื่อตระหนักว่าสมาชิกภายในทีมหายไปหนึ่งคน
“ชายที่ติดตามฮันนิซีอยู่ตลอดเวลาน่าสงสัยมาก เซี่ยเฟยจึงตัดสินใจไปหาเขาคนนั้น” เซี่ยเกิงกล่าวขณะเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนของยานให้กลายเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
“นี่นายปล่อยให้เซี่ยเฟยอยู่ที่ไนท์ปาร์ตี้คนเดียวงั้นเหรอ?!” เซี่ยกวงไห่ถามอย่างรวดเร็ว
นอกเหนือจากโอโร่แล้วแผนการในครั้งนี้มีสมาชิกสกายวิงร่วมปฎิบัติภารกิจจำนวน 16 คน เขาคือผู้นำทีมนักรบ 10 คนที่หลอกล่อและล้อมจับตัวฮันนิซีมา เซี่ยเย่จื่อทำหน้าที่จุดชนวนระเบิดคลื่นมิติ เซี่ยเกิงทำหน้าที่ค้นหาพร้อมกับระบุตำแหน่ง และเซี่ยเตียนเป็นผู้นำทีมนักรบ 3 คนคอยปกป้องเส้นทางล่าถอย
แผนการในคราวนี้ถูกจัดเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดี แต่ในท้ายที่สุดกุนซืออย่างเซี่ยเฟยกลับถูกทิ้งเอาไว้ภายในไนท์ปาร์ตี้เพียงลำพัง
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่ากองทัพดาร์คไนท์กำลังเคลื่อนกองกำลังเข้ามาแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่าทุก ๆ คนที่อยู่ภายในไนท์ปาร์ตี้กำลังตกอยู่ในอันตราย
“เซี่ยเฟยเป็นคนวางแผนและเป็นผู้นำในภารกิจนี้ แล้วฉันจะฝ่าฝืนคำสั่งของเขาได้ยังไง อีกอย่างนายไม่รู้จักนิสัยของเขาหรือยังไง ฉันถามจริง ๆ ว่ามันมีใครหยุดการตัดสินใจของเขาได้?” เซี่ยเกิงกล่าวด้วยสีหน้าที่ขมขื่น
“รีบแจ้งทีมเซี่ยเตียนเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขาชะลอการโจมตีของพวกดาร์คไนท์ให้ได้มากที่สุดจนกว่าพวกเราจะยืนยันการถอนตัวของเซี่ยเฟยได้” เซี่ยกวงไห่ตะโกนสั่งการเสียงดัง
หลังจากพูดจบเซี่ยกวงไห่ก็กระชากผ้าคลุมศีรษะฮันนิซีออกไปอย่างโหดเหี้ยม
“ผู้ชายที่อยู่กับแกคือใคร?” เซี่ยกวงไห่ตะโกนถามเสียงดัง
“ฉันจำแกได้! แกคือคนจากสกายวิงสินะ ในเมื่อพวกแกกล้าจับกุมฉันตระกูลของแกก็ต้องตายทุกคน!!” ฮันนิซีกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
เพียะ!
อย่างไรก็ตามทันทีที่เธอพูดจบ เซี่ยกวงไห่ก็ตบหน้าเธออย่างรุนแรงจนทิ้งรอยนิ้วมือสีแดงเอาไว้บนใบหน้าที่สวยงามของเธอ
“แกนั่นแหละที่จะตาย!!” เซี่ยกวงไห่ตะคอกกลับและเนื่องมาจากสถานการณ์ของเซี่ยเฟยค่อนข้างสุ่มเสี่ยง มันจึงทำให้เขาค่อนข้างที่จะรู้สึกหงุดหงิด
“นี่แกกล้าตบฉันเหรอ?!” ฮันนิซีมองไปทางเซี่ยกวงไห่อย่างตกใจ เพราะเธอจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เธอถูกตบแบบนี้คือเมื่อไหร่ แต่เธอกลับถูกเด็กน้อยจากสกายวิงตบหน้าอย่างรุนแรงจนทำให้เธอรู้สึกโกรธจนพูดอะไรไม่ออก
แต่เดิมด้วยกฎแห่งสสารที่เธอฝึกฝน คนพวกนี้ย่อมไม่สามารถจะทำร้ายเธอได้เลย อย่างไรก็ตามพวกสกายวิงจับเธอสวมใส่โซ่พันธนาการมังกรทันทีที่พวกเขาเข้าถึงตัวของเธอ โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์สำหรับการผนึกพลังเอาไว้โดยเฉพาะ ดังนั้นถึงแม้ว่าเธอจะมีพลังอยู่ในระดับจอมกฎแต่ตอนนี้เธอก็ไม่ต่างไปจากคนโดยทั่วไป
ผัวะ!
ก่อนที่ฮันนิซีจะฟื้นตัวจากอาการตกใจ เซี่ยกวงไห่ก็เตะเข้าใส่ใบหน้าของเธอโดยตรง
การลงมือของเซี่ยกวงไห่รุนแรงมากถึงกับทำให้ฟันขาวและฟองเลือดกระจายออกไปทั่วทั้งพื้นยาน
“ฉันตบแกแล้วมันทำไม! ถ้าหากว่าน้องชายของพวกเรามีอันตราย ฉันจะฆ่าแกให้ดู!!” เซี่ยกวงไห่ตะโกนอย่างไร้ปรานี
ขณะนี้ไม่ได้มีเพียงแต่เซี่ยกวงไห่คนเดียวเท่านั้นที่กำลังรู้สึกหงุดหงิด เพราะเมื่อทุกคนคิดว่าเซี่ยเฟยกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขาก็จับจ้องมองไปยังสาวใหญ่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตด้วยเช่นกัน
ในที่สุดฮันนิซีก็เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่าตระกูลคนบ้า เพราะคนจากตระกูลนี้กล้าที่จะลงมือทำทุกอย่างแม้ว่ามันจะขัดกับจิตสำนึกของทุกคนก็ตาม
“จูปิเตอร์แข็งแกร่งมาก คราวนี้น้องชายของพวกแกตายแน่และพวกแกก็อย่าคิดว่าการที่พวกแกกล้ามาขโมยของฉันแล้วพวกแกจะปลอดภัย ถึงแม้ฉันจะตายแต่ฉันก็จะลากตระกูลของพวกแกตายไปพร้อมกับฉันด้วย!” ฮันนิซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
“ขโมยของไร้สาระอะไร? ห้องนิรภัยของแกไม่มีอะไรอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว”
“ห้องนิรภัยของฉันไม่มีอะไรอยู่งั้นเหรอ?! เป็นไปไม่ได้! นี่มันจะต้องเป็นฝีมือของจูปิเตอร์แน่ ๆ!!”
—
ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าภารกิจของเซี่ยกวงไห่ไม่เพียงแต่จะหลอกล่อฮันนิซีออกมาได้สำเร็จเท่านั้น แต่มันยังหลอกล่องูพิษอย่างจูปิเตอร์ออกมาได้อีกด้วย
จูปิเตอร์รีบเคลื่อนร่างไปยังฝั่งตรงข้ามกับฮันนิซีเพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังหุบเขาที่อยู่ห่างไกล จากนั้นเขาก็มองย้อนกลับมาที่โรงแรมจันทร์สว่างที่ตั้งตระหง่านทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้า
“มันไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการจะช่วยคุณหรอกนะ แต่คราวนี้คุณโง่เกินไป ถ้าหากมีอะไรจะโทษก็โทษความโง่เขลาของตัวเองเถอะ” จูปิเตอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะหันหลังเพื่อมุ่งหน้าต่อไป อย่างไรก็ตามจู่ ๆ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าคือยานลำหนึ่งนอนอยู่ภายในหุบเขาโดยมีรูเจาะทะลุยานรบลำนั้นจนมันไม่สามารถที่จะนำมาใช้การได้อีกต่อไป
ทันใดนั่นเองจูปิเตอร์ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง เมื่อเขามองย้อนกลับไปเขาก็ได้พบกับเซี่ยเฟยที่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาราวกับหมาป่าที่กำลังจับจ้องมองเหยื่อ
“ขอโทษด้วย แต่ฉันคิดว่ายานลำนั้นคงจะบินไม่ได้อีกแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“น่าสนใจดีนี่ ว่าแต่แกเป็นใครงั้นเหรอ? แล้วแกรู้จักคำว่าแส่หาที่ตายหรือเปล่า?” จูปิเตอร์ถามกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ฉันก็ไม่รู้จักคำนี้เหมือนกัน แต่ฉันว่าแกน่าจะรู้จักอีกไม่นาน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
“อ่า ที่แท้แกก็คือคนที่วางแผนปล้นห้องนิรภัยของฮันนิซีสินะ และแกก็คือคนที่ใช้ระเบิดคลื่นมิติด้วยใช่ไหม ว่าแต่แกจะมาหาฉันทำไม? สารานุกรมที่แกอยากได้มันอยู่ที่ฮันนิซีโน่น” จูปิเตอร์กล่าวหลังจากพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่าง
“ในเมื่อสารานุกรมอยู่ที่ฮันนิซีแล้วแกจะรีบหนีไปทำไม หรือว่าแกกำลังซ่อนความลับอะไรเอาไว้งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าว
สีหน้าของจูปิเตอร์เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่มันจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“ถึงแม้แกจะเดาได้ว่าของชิ้นนั้นอยู่กับฉันแต่แกก็ไม่มีปัญญาเอามันไปจากฉันหรอก แกคงยังจะไม่รู้ตัวสินะว่าภัยพิบัติกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ไม่เชื่อแกก็ลองมองไปทางนั้นสิ” จูปิเตอร์ละทิ้งความสง่างามก่อนที่จะกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดุร้าย
ทันใดนั่นเองรอยแยกมิติขนาดใหญ่ก็ถูกเปิดออก ก่อนที่จะมีหัวขนาดใหญ่ค่อย ๆ โผล่ออกมา
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ! การโจมตีของพวกดาร์คไนท์เริ่มต้นขึ้นแล้ว พยายามหนีเอาชีวิตรอดเข้าล่ะ” จูปิเตอร์กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้พบว่าสารานุกรมดาร์คไนท์น่าจะอยู่กับชายคนนี้จริง ๆ และถ้าหากเขาได้รู้ว่าจูปิเตอร์ขโมยสมบัติทั้งหมดของฮันนิซีมาด้วย เขาคงจะรู้สึกตกใจมากขึ้นกว่าเดิม
รอยแยกมิติเริ่มถูกเปิดออกมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหลังจากที่เวลาผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่กี่วินาที หัวขนาดใหญ่จำนวน 12 หัวก็เริ่มปรากฏตัวออกมา
หัวสีดำเหล่านี้มีตั้งแต่หัวของคางคก, กิ้งก่าและงูเหลือม โดยที่พวกมันทุกตัวต่างก็มีร่างกายอันใหญ่โตเทียบเท่าได้กับดาวโลก
แต่ในทันใดนั่นเองมันก็มีเสียงร้องคำรามลากยาวมาจากระยะไกล ก่อนที่มันจะมีดาวตกสีแดงเพลิงพุ่งทะลุหัวของสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ตัวหนึ่งไปอย่างรวดเร็ว
นี่คือพลังทำลายของปีศาจทะลวงดาวและมันก็เป็นฝีมือของเซี่ยเตียนที่ได้รับคำสั่งให้พยายามยื้อกองทัพดาร์คไนท์เอาไว้
เนื่องมาจากว่าเซี่ยเตียนอยู่ในระยะไกลเกินไป พวกเขาจึงไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือเซี่ยเฟยได้ทันเวลา อาวุธชิ้นเดียวที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในลักษณะนี้นั่นก็คือปีศาจทะลวงดาวที่สามารถจู่โจมได้ภายในระยะ 100,000 ปีแสง
ระหว่างที่สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ถูกสังหาร เซี่ยเฟยกับจูปิเตอร์ก็เริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกัน โดยหมาป่าเดียวดายจากสกายวิงได้ปลดปล่อยเนอร์วาน่าและหงส์ครามออกไป ขณะที่ทางฝั่งจูปิเตอร์ปล่อยลูกบอลน้ำสีใสออกไปจากแขนของเขา
“วารีเคียดแค้น! ระวังด้วยอย่าไปโดนน้ำนั่นเด็ดขาด!! ไม่อย่างนั้นมันจะกัดกร่อนไปจนถึงกระดูกของนาย” ลินนิจตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ
***************
การต่อสู้ระหว่างอาวุธมายาธาตุพืชและธาตุน้ำ!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 324
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น