ตอนที่ 949 น้ำ VS พืช
ตอนที่ 949 น้ำ VS พืช
หงส์คราม!?
วารีเคียดแค้น!?
ทั้งเซี่ยเฟยและจูปิเตอร์ต่างก็อุทานขึ้นมาพร้อม ๆ กัน เมื่อได้พบว่าศัตรูของตัวเองคือผู้ใช้อาวุธมายาเหมือนกันกับพวกเขา
เรื่องต่าง ๆ ภายในจักรวาลมักจะเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่เสมอ เพราะในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคิดว่าพวกเขาได้พบกับศัตรูที่น่าเบื่อ แต่ในความเป็นจริงพวกเขากลับได้พบกับศัตรูที่สมน้ำสมเนื้อกัน
ตูม!
มวลน้ำขนาดใหญ่ถูกจู่โจมออกไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยเฟยจึงได้ใช้หงส์ครามระเบิดมวลน้ำให้แตกออกกลางอากาศ
เมื่อวารีเคียดแค้นถูกกระทบอย่างรุนแรง มันก็กลายเป็นเศษละอองน้ำตกลงมาราวกับสายฝน แต่ทุกที่ที่มันหยดลงไปกลับมีกลิ่นฉุนคล้ายกลิ่นกรดตลบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ
นี่คือลักษณะเด่นของอาวุธมายาธาตุน้ำที่ไม่ว่าพวกมันจะแตกกระจายหรือรวมเป็นกลุ่มก้อน แต่พวกมันก็พร้อมที่จะสร้างความเสียหายได้เสมอ
เล่ห์กายา!
เซี่ยเฟยเริ่มทำการเคลื่อนไหวด้วยท่าทางอันน่าเหลือเชื่อ ซึ่งหลังจากที่เขาได้ปรับปรุงเทคนิคนี้ซ้ำ ๆ มาแล้วหลายครั้ง เขาก็มีความสามารถมากพอที่จะหลบหลีกได้แม้กระทั่งสายฝนที่กำลังสาดซัดลงมาจากท้องฟ้า
ระหว่างนี้ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มคนเดียวเท่านั้นที่กำลังเคลื่อนไหวหลบหลีกสายฝนอย่างรวดเร็ว เพราะแม้แต่ขนอุยก็กำลังใช้ร่างน้อย ๆ เคลื่อนไหวหลบหลีกท่ามกลางสายฝนอย่างคล่องแคล่วไม่แตกต่างกัน
หลังจากการปะทะรอบแรกได้จบลง เซี่ยเฟยกับจูปิเตอร์ก็กำลังยืนจ้องหน้ากันจากระยะไกล ภูมิประเทศโดยรอบถูกเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เนื่องมาจากทั่วทุกพื้นที่ถูกฝนกรดกัดกร่อนจนเว้าแหว่งและมีกลิ่นฉุนลอยโชยขึ้นมาทั่วทั้งบริเวณ
“อย่าประมาทเขาเด็ดขาด! เขาเป็นศัตรูที่เจ้าเล่ห์มาก!!” ลินนิจกล่าวเตือน
“อือ ผมรู้แล้ว เขาพยายามสร้างภาพลวงตาว่าการโจมตีของตัวเองอ่อนแอ แต่แท้ที่จริงเขาพยายามหลอกล่อให้ผมหลงเข้าไปในกับดักที่เขาวางไว้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ทักษะในการสังเกตกับทักษะในการเคลื่อนไหวของนายน่าทึ่งมากก็จริง แต่นายก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีจากวารีเคียดแค้นไปได้ตลอดหรอกนะ” ลินนิจกล่าว
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่ตอบอะไร ท้ายที่สุดเทคนิคที่อีกฝ่ายใช้ก็เป็นเทคนิคที่เขามักจะใช้หลอกล่อศัตรูของตัวเองด้วยเช่นกัน เขาจึงไม่มีวันถูกหลอกด้วยเทคนิคที่แสร้งทำเป็นอ่อนแอ
“แกไม่เพียงแต่จะได้ครอบครองอาวุธมายาเท่านั้น แต่ยังครอบครองอสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วยสินะ” จูปิเตอร์กล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“แกมีพลังในระดับราชันย์ขั้นสูงสุดแล้วสินะ” เซี่ยเฟยตอบอย่างสงบ
จูปิเตอร์เชิดหน้าขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจราวกับว่าเขาไม่คิดจะปฏิเสธคำพูดของเซี่ยเฟยเลยแม้แต่นิดเดียว
ระหว่างที่ทั้งคู่ปะทะกันกองทัพดาร์คไนท์ก็ยังคงลุกคืบเข้ามาอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดปีศาจทะลวงดาวเพียงแค่กระบอกเดียวก็ยากที่จะต้านทานกองทัพขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ ทัพหน้าของดาร์คไนท์จึงเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เซี่ยเฟยมากแล้ว
ตูม ๆ ๆ ๆ
ลำแสงสีดำพุ่งลงปะทะพื้นดินก่อให้เกิดการระเบิดขึ้นมาทั่วทั้งบริเวณ ยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนย้ายยังถูกขัดขวางโดยระเบิดคลื่นมิติ มันจึงไม่มีใครสามารถใช้ประตูมิติหลบหนีออกไปจากดาวดวงนี้ได้
ในความเป็นจริงกองทัพดาร์คไนท์ก็ได้เตรียมการทางฝั่งของตัวเองเอาไว้ด้วยเหมือนกัน โดยการสร้างบาเรียปิดกั้นดาวดวงนี้เอาไว้ มันจึงยิ่งทำให้การหลบหนีกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากขึ้นกว่าเดิม
“ขนอุยจัดการพวกมันซะ!” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งการ
ร่างกายของเจ้าตัวน้อยขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็พ่นลำแสงพลังงานออกมาจากปากตัดร่างของศัตรูที่อยู่ใกล้ ๆ ให้ขาดออกจากกันเป็น 2 ส่วน
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจมากพอสมควร เพราะดาร์คไนท์ชั้นต่ำมีความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของมันขึ้นมาใหม่ แต่พวกดาร์คไนท์ชั้นสูงที่สวมชุดเกราะต่อสู้กลับไม่มีความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของตัวเองกลับมาได้
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันก็ไม่ถือว่าเป็นข่าวดีไปซะทีเดียว เพราะสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเหล่านี้สามารถที่จะโจมตีจากระยะไกลได้ด้วยพลังที่มีความคล้ายกับพลังกฎ
เมื่อพวกดาร์คไนท์สัมผัสได้ว่าขนอุยคือตัวอันตราย พวกมันก็พยายามทำลายก้อนขนตัวสีขาวตัวนี้ด้วยการปล่อยลำแสงเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นมากกว่าการโจมตีระลอกแรก
อิ้ว!
ขนอุยส่งเสียงร้องคำรามผ่านโกลเด้นฟาลคอนที่อยู่ภายในลำคอ ก่อให้เกิดเป็นคลื่นเสียงอันรุนแรงขยายกว้างออกไปหลายพันตารางกิโลเมตร
ทั่วทั้งร่างของขนอุยเต็มไปด้วยบาเรียพลังงานมันจึงไม่เกรงกลัวการโจมตีของศัตรูเลย อย่างไรก็ตามเมื่อจำนวนของศัตรูเพิ่มมากขึ้น สถานการณ์ก็ทวีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน แม้ว่าการโจมตีด้วยคลื่นเสียงผ่านทางโกลเด้นฟาลคอนจะจัดการกับศัตรูได้เป็นจำนวนมาก แต่มันก็ไม่สามารถทำลายศัตรูนับล้านที่กำลังถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่องได้
“ฆ่ามันซะ!”
“พวกเราถูกล้อมมาไว้หมดแล้ว ไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะต้องฝ่าวงล้อมของพวกมันออกไปให้ได้”
เหล่านักรบที่ไม่กลัวตายเริ่มออกมาจากโรงแรมเพื่อเข้าปะทะกับศัตรู พวกเขาจึงช่วยลดภาระของขนอุยไปได้มากพอสมควร
ท่ามกลางฝูงชนเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนโอโร่กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างกล้าหาญ และถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังอยู่ในระดับราชากฎเท่านั้น แต่เขาก็ไม่เกรงกลัวความตายเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะถึงแม้ร่างกายนี้จะโดนทำลายลงไปแต่เขาก็สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้งหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 1 เดือน
เมื่อได้เห็นว่าพวกเขากำลังถูกล้อมทั้งจูปิเตอร์และเซี่ยเฟยต่างก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน นั่นก็คือพวกเขาจะต้องสังหารอีกฝ่ายให้ได้อย่างเร็วที่สุด
จูปิเตอร์ต้องการหลบหนีออกไปพร้อมกับสารานุกรมดาร์คไนท์และสมบัติของฮันนิซี แต่เซี่ยเฟยต้องการชีวิตของศัตรูและเก็บเกี่ยวสมบัติทุกอย่างที่เป็นของศัตรูมาเป็นสินสงคราม
“ถ้าแกอยากตายมากนักฉันก็จะทำให้แกตายสมใจ ฉันจะทำให้แกได้รู้เองว่าอาวุธมายาธาตุน้ำคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด!!” จูปิเตอร์ชี้นิ้วไปทางเซี่ยเฟยพร้อมกับคำรามขึ้นมาเสียงดัง
อาวุธมายาทั้งสองชิ้นเริ่มพัวพันกลางอากาศกันอีกครั้ง ซึ่งจูปิเตอร์ยังคงใช้เทคนิคเดิมโดยการให้วารีเคียดแค้นระเบิดกลางอากาศเพื่อปล่อยฝนกรดให้สาดกระจายไปทั่วทุกที่
ระหว่างที่ฝนกรดกำลังสาดซัดลงมาเซี่ยเฟยก็ยังคงใช้เล่ห์มายาเพื่อหลบหลีกเม็ดฝนพวกนี้เช่นเดิม อย่างไรก็ตามจู่ ๆ เม็ดฝนก็เร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น พร้อมกับมีการเปลี่ยนวิถีการตกทำให้การหลบหลีกทวีความยากลำบากมากขึ้นหลายเท่า
“ดูซิว่าคราวนี้แกจะหลบการโจมตีของฉันได้ยังไง?!” จูปิเตอร์ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แต่ในระหว่างที่เขากำลังพูดอยู่นั้นเนอร์วาน่าก็กำลังเปิดเส้นทางหลบหนีให้เซี่ยเฟยอย่างต่อเนื่อง
ใบดาบกากบาทขนาดใหญ่หมุนควงอย่างรวดเร็วเพื่อใช้ร่างกายของตัวเองในการซัดหยดน้ำให้กระเด็นออกไป ยิ่งไปกว่านั้นลินนิจยังเป็นคนควบคุมอาวุธชิ้นนี้ด้วยตัวเอง และพยายามใช้สมองอันปราดเปรื่องเพื่อคำนวณทิศทางการปัดเม็ดฝนออกไปให้ได้มากที่สุด
ขณะเดียวกันหลังจากที่หงส์ครามได้หลอมรวมเข้ากับต้นสนไร้วันสลาย ใบหญ้าของมันก็มีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ และถึงแม้เม็ดฝนเหล่านี้จะมีฤทธิ์กัดกร่อนอันทรงพลัง แต่พวกมันกลับไม่สามารถที่จะทำร้ายใบหญ้าทั้งหกใบของหงส์ครามได้เลย
ด้วยใบหญ้าทั้งหกของหงส์ครามและเนอร์วาน่าที่ยังคงปกป้องการโจมตีอย่างต่อเนื่อง มันจึงทำให้เซี่ยเฟยสามารถหลบหลีกจากการโจมตีในครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้มันจะมีหยดน้ำบางส่วนหลุดพ้นมาจากการป้องกันทั้งสองชั้นได้ แต่หยดน้ำพวกนั้นก็ไม่สามารถจะทำอันตรายเซี่ยเฟยได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะตัวของเขาได้รับการคุ้มครองจากชุดเกราะอาชูราซึ่งเป็นหนึ่งในชุดเกราะที่ดีที่สุดในจักรวาลแห่งนี้
“เซี่ยเฟย เนอร์วาน่ากำลังดูดพลังงานมาจากวารีเคียดแค้น!” ลินนิจอุทานขึ้นมาเสียงดังเมื่อเขาได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
เม็ดฝนที่ตกกระทบเนอร์วาน่ายังคงมีฤทธิ์ความเป็นกรดอย่างรุนแรง แต่หลังจากที่หยดน้ำถูกเนอร์วาน่าดูดซับพลังอย่างบ้าคลั่ง ฤทธิ์กัดกร่อนของมันก็หายไปจนทำให้พวกมันกลายเป็นเพียงน้ำฝนธรรมดา
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่เขาจะแบ่งสมาธิเข้าควบคุมเนอร์วาน่าเพื่อลุกคืบเข้าใส่ศัตรู
ท้ายที่สุดลินนิจก็ไม่ใช่นักรบ เขาจึงไม่มีความเด็ดขาดเหมือนเซี่ยเฟย ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องเข้าควบคุมเนอร์วาน่าเพื่อจู่โจมเข้าใส่ศัตรูด้วยตัวเอง
การต่อสู้ในครั้งนี้จำเป็นจะต้องใช้สมาธิสูงมาก และไม่ว่าสถานการณ์รอบข้างจะเป็นยังไง แต่สิ่งสำคัญเป็นอันดับแรกคือเขาจะต้องสังหารศัตรูตรงหน้าให้ได้เสียก่อน
เนื่องมาจากลินนิจเสียสมาธิให้กับการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องตัดปัจจัยนี้ทิ้งไปเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้กลับมาอยู่ในสิ่งที่มันควรจะเป็น
ลินนิจอ้าปากค้างด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงอย่างอับอาย การต่อสู้ครั้งนี้ย่อมสร้างบทเรียนครั้งสำคัญให้กับเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ขวับ!
เมื่อเนอร์วาน่ากลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของเซี่ยเฟย ใบดาบก็เร่งความเร็วขึ้นจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ชายหนุ่มยังบุกเข้าโจมตีท่ามกลางฝนกรดของศัตรู
คลื่นแสงซ่อนเร้น!
จูปิเตอร์ตะโกนก่อนที่เขาจะทำการสั่นปลายนิ้วทั้งสิ้น 3 ครั้งปล่อยคลื่นแสงอันสว่างเจิดจ้ากลายเป็นพายุคลื่นที่กำลังโถมเข้าหาเซี่ยเฟยอย่างบ้าคลั่ง
“ตระกูลไบร์ทไลท์!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นท่าการจู่โจมของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นวิชาเอกลักษณ์ของตระกูลไบร์ทไลท์ที่เป็นดาบอีกเล่มของฝั่งเทพ
การเปิดเผยนี้ทำให้เขาสามารถตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าจูปิเตอร์ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ครอบครองอาวุธมายาเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนของตระกูลไบร์ทไลท์อีกด้วย
เซี่ยเฟยพยายามตั้งสมาธิอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกคนรู้ดีว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดของวิชาคลื่นแสงซ่อนเร้นไม่ใช่คลื่นแสงที่กำลังถาโถมเข้ามา แต่มันคือคลื่นมิติอันรุนแรงที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางคลื่นแสงเหล่านี้ต่างหาก
“ไม่!” จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็ตะโกนด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง เมื่อเขาได้พบว่าแท้ที่จริงเป้าหมายของการโจมตีนี้คือขนอุยที่พยายามขวางกั้นกองทัพดาร์คไนท์เอาไว้
เซี่ยเฟยทำการระเบิดจิตอสูรของเขาออกมาอย่างไม่ลังเล พร้อมกับปลดปล่อยพลังงานออกมาจากเม็ดพลังภายในสมองอย่างบ้าคลั่ง ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างก้าวกระโดด
ด้วยพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจึงทำให้ความเร็วของเซี่ยเฟยก้าวข้ามระดับ 2 ล้านเมตรต่อวินาที เขาจึงรีบพุ่งเข้าหาขนอุยด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ และพยายามใช้เนอร์วาน่าเพื่อสกัดกั้นการโจมตีครั้งนี้เอาไว้
แต่ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังเคลื่อนไหวเข้าไปช่วยขนอุยอยู่นั่นเอง จู่ ๆ มันก็มีเหตุการณ์อันแปลกประหลาดเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะมันได้มีปีกสีขาวจาง ๆ เริ่มปรากฏบริเวณทางด้านขวาของชายหนุ่มราวกับว่ามันกำลังมีปีกติดอยู่บนหลังของเขาอยู่จริง ๆ
ตูม!
“แกตายแน่!!” เซี่ยเฟยร้องคำรามด้วยความโกรธหลังจากสามารถพุ่งเข้าไปช่วยเหลือขนอุยได้สำเร็จ
ในเวลาเดียวกันใบหน้าของจูปิเตอร์ก็กำลังซีดเผือดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะเงาปีกจาง ๆ บริเวณด้านขวาของเซี่ยเฟยทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวสุดชีวิต
“ดีม่อนวิง!?” จูปิเตอร์อุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะเขาไม่คิดเลยว่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้าคือดีม่อนวิงในตำนาน
***************
ดีม่อนวิงคืออะไร?!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 306
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น