ตอนที่ 944 หนึ่งแสนคน
ตอนที่ 944 หนึ่งแสนคน
โรงแรมจันทร์สว่างห้อง 7031
ในที่สุดเซี่ยกวงไห่, เซี่ยเกิงและเซี่ยเตียนที่ปลอมตัวก็เดินเข้ามาภายในห้อง
“เอานี่ไป” เซี่ยกวงไห่กล่าวด้วยรอยยิ้มขณะโยนแหวนมิติไปให้เซี่ยเฟย จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองทางโอโร่อีกครั้ง
เขาค่อนข้างจะสนใจในตัวของโอโร่มาก เพราะอีกฝ่ายดูมีความสนิทสนมกับเซี่ยเฟยมากพอสมควร ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังถึงขนาดกล้าเอาตัวเองเป็นประกันเรื่องความเชื่อใจของชายคนนี้ ทั้ง ๆ ที่การเอาชนะใจคนที่ระแวดระวังเรื่องทุกอย่างอยู่เสมออย่างเซี่ยเฟยมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ
โอโร่ลุกยืนขึ้นก่อนที่จะปลีกตัวออกไปเพื่อไม่ให้เขาได้ยินบทสนทนาระหว่างเซี่ยเฟยกับคนในตระกูล
“ทุกคนต่างก็เป็นพี่น้องของเรา ไม่มีอะไรจำเป็นจะต้องปิดบังกันและกันหรอก” เซี่ยเฟยยื่นมือออกไปหยุดโอโร่เอาไว้
โอโร่ชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยืนพิงหน้าต่างด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก
ผู้คนในตระกูลไลอ้อนฮาร์ทให้ความสำคัญกับความจงรักภักดีเหนือสิ่งอื่นใด และถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงให้ความไว้วางใจในตัวเขารวมถึงคอยสนับสนุนในเรื่องต่าง ๆ เป็นอย่างดี
ชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ได้ถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของทุกตระกูลอย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยก็สามารถยกสมบัติชิ้นนี้ให้กับโอโร่ได้โดยไม่รู้สึกลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชายหนุ่มให้ความสำคัญกับโอโร่มากแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เซี่ยเฟยก็กำลังจะต้องหารือแผนการครั้งสำคัญกับสมาชิกของตระกูล แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่รู้สึกกังวลที่จะให้โอโร่รับฟังการประชุมในครั้งนี้เลย มันจึงทำให้อดีตจอมมารรู้สึกอบอุ่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ความเป็นจริงเซี่ยเฟยมีความเข้าใจในตัวตนของโอโร่เป็นอย่างดี เพราะชายคนนี้คือ 1 ใน 3 ราชันย์ของตระกูลไลอ้อนฮาร์ท การเอาชนะใจโอโร่ได้ก็เทียบเท่าได้กับการเอาชนะใจตระกูลไลอ้อนฮาร์ททั้งตระกูลได้ด้วยเหมือนกัน และถ้าหากว่าในอนาคตเขาต้องการความช่วยเหลือในเรื่องอะไร ตระกูลไลอ้อนฮาร์ทของโอโร่ย่อมหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้กับเขาอย่างแน่นอน
แม้ชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นจะเป็นสมบัติอันล้ำค่า แต่การแลกสมบัติชิ้นเดียวกับกำลังของตระกูลไลอ้อนฮาร์ททั้งตระกูล มันก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าไม่ใช่เหรอ
อย่าลืมว่าตระกูลไลอ้อนฮาร์ทคือตระกูลชั้นยอดของเผ่ามาร และกองกำลังของพวกเขายังถือได้ว่าเป็นกองกำลังหลักอันแข็งแกร่งของเผ่ามารอีกด้วย
นอกเหนือจากความแข็งแกร่งของตระกูลแล้ว สิ่งที่เซี่ยเฟยชอบมากกว่านั่นก็คือลักษณะนิสัยของชาวไลอ้อนฮาร์ท เพราะไม่ว่าจะเป็นโอโร่หรือฮีธฟิลด์ต่างก็ให้ความสำคัญกับความภักดี จนถึงขนาดสามารถยอมตายเพื่อหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายมาได้เลย
เมื่อทุกคนนั่งประจำที่เซี่ยเฟยก็ยื่นมือออกไปตรวจสอบแหวนมิติที่เซี่ยกวงไห่โยนมาให้ ก่อนที่เขาจะได้พบว่าทางด้านในเต็มไปด้วยคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 7 ถึง 1 ล้านก้อน
“ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่าภารกิจในครั้งนี้คือการนำสารานุกรมดาร์คไนท์กลับมา แต่พวกเราจะไม่ได้แย่งชิงมันผ่านทางการประมูล เพราะเราจะแย่งชิงมันไปจากโรงแรมนี้โดยตรง” เซี่ยเฟยเริ่มกระจายแผนปฏิบัติการ
แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับมอบหมายเป็นผู้นำทีมของตระกูล แต่เขาก็ไม่ได้มีความกังวลเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเซี่ยกวงไห่ยังได้ยินเรื่องความสามารถในการวางแผนของเซี่ยเฟยมานานมากแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรับฟังแผนการอย่างเงียบ ๆ โดยไม่คิดที่จะคัดค้านแต่อย่างใด
“เซี่ยเกิง คุณกับผมจะต้องร่วมมือกันค้นหาตำแหน่งของสารานุกรมให้ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไม่ต้องห่วง ก่อนมาที่นี่ฉันหาวิธีแยกแยะสารานุกรมเล่มนั้นมาล่วงหน้าแล้ว ตราบใดก็ตามที่มันอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ ฉันย่อมหามันเจออย่างแน่นอน” เซี่ยเกิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“เซี่ยเตียน คุณมีหน้าที่ซุ่มโจมตีบนเส้นทางล่าถอยของเรา หากเราถูกใครติดตามคุณจะต้องทำการสังหารคนพวกนั้นให้หมด แต่การลงมือครั้งนี้คุณจะต้องลงมือเพียงคนเดียว ดังนั้นคุณจะต้องระมัดระวังตัวให้มากที่สุด” เซี่ยเฟยกล่าวขณะมองไปทางเซี่ยเตียน
“ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะมีคนไล่ตามพวกนายสักกี่คนฉันก็จะฆ่าพวกมันให้หมด” เซี่ยเตียนกล่าวอย่างมั่นใจ
“ผมอยากรู้ว่าบนดาวดวงนี้มีกองกำลังอยู่ทั้งหมดกี่กอง ระดับพลังของพวกเขาอยู่ในระดับไหน ที่สำคัญคือกองกำลังไหนมีความบาดหมางกับกองกำลังไหนอยู่บ้าง” เซี่ยเฟยสั่งการพร้อมกับหันไปทางเซี่ยกวงไห่
“นายนี่มันเจ้าเล่ห์จริง ๆ นายกำลังคิดจะให้คนพวกนั้นสร้างความวุ่นวายขึ้นมาก่อนที่เราจะเริ่มลงมือสินะ” เซี่ยกวงไห่กล่าว
“ความวุ่นวายคือโอกาสของเรา ยิ่งสถานการณ์วุ่นวายมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นผลดีกับพวกเรามากขึ้นเท่านั้น ยิ่งถ้าหากว่ามันมีความวุ่นวายก่อนการประมูลฮันนิซีก็คงจะกังวลกลัวว่าจะมีคนมาแย่งชิงสารานุกรมไป เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอตัดสินใจเคลื่อนย้ายตำแหน่งที่ซ่อนของสารานุกรม ตอนนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเราจะลงมือ” เซี่ยเฟยกล่าว
“เอ่อ…”
ทุกคนต่างก็สะดุ้งขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย เพราะแท้ที่จริงแล้วแผนการของเซี่ยเฟยไม่ได้อยู่ในระหว่างการประมูล แต่เป็นช่วงเวลาก่อนหน้าที่การประมูลจะเริ่มต้นขึ้นต่างหาก
นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!
อย่าลืมว่าตอนนี้สายตาของคนทั่วทั้งดินแดนกฎกำลังจับจ้องมองมาที่โรงแรมจันทร์สว่างอย่างดุเดือด และเมื่อไหร่ก็ตามที่เซี่ยเฟยลงมือขโมยสารานุกรมดาร์คไนท์ คนเป็นจำนวนมากจะต้องออกไล่ตามเขาไปอย่างแน่นอน
เซี่ยเตียนที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดเผยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารออกมามากขึ้นกว่าเดิม เพราะถ้าหากว่ามีคนไล่ตามเซี่ยเฟยมากเกินไป บางทีเขาก็อาจจะต้องเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องตระกูลเอาไว้
เมื่อระดับได้ถึงอันตรายที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต เขาก็ทำการเก็บของมีค่าทุกอย่างเอาไว้ภายในแหวนมิติและทำการส่งมอบแหวนวงนี้ให้กับเซี่ยเกิงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ในฐานะสมาชิกของสกายวิง เขาเตรียมพร้อมที่จะตายมานานแล้ว สิ่งที่เขากลัวมีเพียงแค่การที่ศัตรูรู้ว่าการลงมือครั้งนี้คือฝีมือของสกายวิง เพราะเมื่อนั้นมันก็จะทำให้ตระกูลตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากกว่าเดิม
ในแผนการนี้มีเพียงเซี่ยเกิงคนเดียวที่มีโอกาสหลบหนีออกไปได้มากที่สุด เซี่ยเตียนจึงมอบสิ่งของทั้งหมดของเขาให้ไว้กับเซี่ยเกิง เหลือเพียงแค่อาวุธที่จำเป็นสำหรับการต่อสู้และคริสตัลต้นกำเนิดอีกไม่กี่ก้อนเผื่อไว้สำหรับการเติมพลังงาน
จากนั้นเซี่ยเตียนก็ลุกยืนขึ้นพยักหน้าให้ทุกคนคล้ายกับการกล่าวคำอำลา แล้วเขาก็เดินออกไปจากประตูด้วยท่าทางอันจริงจังเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดซุ่มโจมตีที่เซี่ยเฟยบอกเอาไว้
“ถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปแล้วเหมือนกันสินะ พยายามดูเข็มทิศมิติบ่อย ๆ ล่ะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวฉันจะรีบติดต่อไปหานายเอง” เซี่ยกวงไห่ลุกยืนขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
“กระเรียนขาวที่คุณให้ผมมามันมีหน้าที่อะไรกันแน่ ผู้อาวุโสเซี่ยเค่อบอกว่ากระเรียนขาวสามารถนำมาใช้ในช่วงวิกฤตได้ แต่เขาไม่ได้บอกว่าความช่วยเหลือจากกระเรียนขาวมันคืออะไร?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัยเมื่อนึกถึงความสามารถของกระเรียนขาว
“ฉันยังไม่มีคุณสมบัติจะครอบครองกระเรียนขาวด้วยซ้ำ แล้วฉันจะตอบคำถามของนายได้ไหมเนี่ย” เซี่ยกวงไห่กล่าว จากนั้นเขาเดินจากไปอย่างไร้ความกังวล
แผนการในปัจจุบันทำให้เซี่ยเกิงกำลังรู้สึกประหม่าอย่างแท้จริง เพราะในฐานะที่เขาทำการฝึกฝนกฎแห่งการค้นหา มันจึงทำให้บรรยากาศภายในสถานที่แห่งนี้ส่งผลกระทบกับเขามากกว่าคนอื่น ๆ
เซี่ยเฟยทำการส่งมอบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 7 ให้กับเซี่ยเกิงจำนวน 300,000 ก้อนเพื่อขอให้อีกฝ่ายแลกตั๋วเข้าร่วมการประมูลมาทั้งหมดสามใบ และถึงแม้แผนการของเขาจะเริ่มต้นก่อนการประมูล แต่เขาก็จำเป็นจะต้องมีแผนสำรอง เพราะถ้าหากว่าฮันนิซีไม่ถูกหลอกเขาก็จำเป็นจะต้องเริ่มแผนการระหว่างการประมูลเท่านั้น
หลังจากเซี่ยเกิงออกจากห้องไปอีกคน โอโร่ก็ถามเซี่ยเฟยขึ้นมาอย่างกังวลว่า
“ทุกคนมีหน้าที่กันหมดเลย แล้วฉันล่ะ?”
“คุณเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดของแผนการในครั้งนี้ หากใครทำหน้าที่ผิดพลาดตรงไหนคุณจะต้องชดเชยในส่วนนั้นทันที ท้ายที่สุดถึงแม้ทุกคนรวมกันแต่มันก็ยังมีประสบการณ์ไม่เท่ากับคุณ ดังนั้นคุณจึงเป็นกุญแจสำคัญของแผนการนี้มากที่สุดแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
โอโร่พยายามบ่นว่าตำแหน่งหน้าที่นี้ควรจะเป็นตำแหน่งหน้าที่ของเซี่ยเฟย แต่ในความเป็นจริงเขากลับมีความสุขอยู่ภายในใจ เพราะเซี่ยเฟยเลือกที่จะมอบความไว้วางใจมากที่สุดเอาไว้กับเขา
ในที่สุดเมฆหมอกชั้นสุดท้ายที่ปิดบังหัวใจโอโร่เอาไว้ก็ถูกปัดเป่าออกไปจนหมด เรียกได้ว่าตอนนี้เซี่ยเฟยสามารถซื้อใจอดีตจอมมารคนนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
หลังจบการประชุมเซี่ยเฟยก็พาโอโร่ไปที่ศูนย์แลกเปลี่ยนอีกครั้ง
“ตระกูลเตรียมเงินมาให้นายแล้วหนิ แล้วนายจะมาที่ศูนย์แลกเปลี่ยนอีกทำไม?” โอโร่ถามอย่างสับสน
“ตอนนี้คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 7 มีความต้องการสูงมาก เงินที่ทางตระกูลเตรียมมามันมากพอที่เราจะเอาไปซื้อสมบัติของคนอื่นได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“นี่นายกำลังคิดจะฟันกำไรจากตอนที่คนอื่นกำลังร้อนเงินสินะ! นายนี่มันเป็นพวกจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริง ๆ” โอโร่กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ด้วยเช่นกัน
“จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อะไร ผมก็แค่แลกเปลี่ยนตามข้อตกลงปกติเท่านั้นเอง”
—
พื้นที่ชั้นบนสุดของโรงแรมจันทร์สว่าง
พื้นที่นี้คือบ้านพักของฮันนิซีผู้ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่แถบนี้นั่นเอง
ปัจจุบันสาวใหญ่คนนี้กำลังนอนอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้านและเพลิดเพลินไปกับการบริการของชาย 2 คน
หากใครมาเห็นภาพตรงหน้าพวกเขาก็คงไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าสาวใหญ่คนนี้คือ 1 ใน 3 จอมเทพหญิงภายในดินแดนกฎที่มีชื่อเสียงอันโด่งดัง
“การประมูลเหลือไม่ถึง 12 ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้มีคนอยู่ข้างล่างประมาณกี่คน?” ฮันนิซีกล่าวถามเบา ๆ
“ประมาณ 50,000 คนครับและคนมากกว่า 60% เป็นทหารที่ปลอมตัวมา” เงาจาง ๆ บริเวณด้านหลังผ้าม่านกล่าวรายงานอย่างเคร่งขรึม
“ทำไมน้อยจัง?” ฮันนิซีพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ข่าวแพร่กระจายออกไปเรียบร้อยแล้วครับ ผมคิดว่าตระกูลขนาดใหญ่น่าจะพยายามปิดบังตัวตนของตัวเองเอาไว้ และจะเดินทางมาในวินาทีสุดท้ายก่อนที่การประมูลจะเริ่มต้นขึ้น” เงาดำกล่าว
“ปิดบังตัวตน? ฉันเกรงว่าคราวนี้พวกมันจะไม่เหลือตัวตนให้ปิดบังน่ะสิ จับตาดูสถานการณ์นี้เอาไว้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่ายังไงการประมูลครั้งนี้มันก็จะต้องมีคนตายมากกว่า 100,000 คน!”
***************
แผนอะไรกันแน่? เหมือนเรียกเหยื่อมาสังเวยเลย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 313
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น