ตอนที่ 779 ลูกแก้วอสูร
ตอนที่ 779 ลูกแก้วอสูร
ในที่สุดส่วนหัวของอสูรศักดิ์สิทธิ์ร่างยักษ์ก็ปรากฏตัวออกมา ขณะที่มันใช้ดวงตาสีดำขนาดใหญ่ในการจับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยอย่างอาฆาต
เซี่ยเฟยไม่เคยเห็นดวงตาที่เย็นชาขนาดนี้มาก่อน ซึ่งดวงตาคู่นั้นได้กินพื้นที่มากกว่า 90% บนใบหน้าของแบล็ครีเบลเลี่ยน โดยที่ใบหน้าของมันไม่มีฟันหรือจมูกอยู่บนนั้นเลยด้วยซ้ำ
นอกจากดวงตา 1 คู่ที่ดูมีสัดส่วนค่อนข้างแปลกประหลาด ลูกแก้วส่องสว่างบนหน้าผากของมันยังเป็นสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดอีกด้วย
“หัวของมันปรากฏออกมาแล้ว! ที่แท้มันก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ร่างเต็มวัย นายจะต้องเอาลูกแก้วอสูรบนหัวของมันมาให้ได้ ของชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับนายมาก” โอโร่ส่งเสียงตะโกนเมื่อได้เห็นลูกแก้วอสูรบนหน้าผากของแบล็ครีเบลเลี่ยน
คำพูดของอดีตจอมมารทำให้เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อย แต่แทนที่เขาจะเร่งรีบเคลื่อนไหวตามที่โอโร่แนะนำ เขากลับใช้ความเร็วมุ่งหน้าไปซ่อนตัวในมุมอันมืดมิดเพื่อมองหาโอกาสในการโจมตีที่เหมาะสม
นับตั้งแต่การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นมา แบล็ครีเบลเลี่ยนเพิ่งจะเปิดเผยศีรษะของมันออกมาเป็นครั้งแรก เซี่ยเฟยจึงอยากจะทำความเข้าใจความสามารถของสัตว์อสูรตัวนี้เสียก่อน มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงยังไม่เคลื่อนไหวอย่างประมาท
“ลูกแก้วลูกนั้นมันสำคัญมากเลยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยความสงสัย ท้ายที่สุดเขาก็เพิ่งดูดซับพลังจากจักรพรรดิกฎเข้ามาภายในร่าง ซึ่งถ้าหากว่าโอโร่ไม่ได้พูดถึงลูกแก้วลูกนั้น เขาก็คงจะรีบปลีกตัวออกไปเพื่อดูดซับพลังภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาเสียก่อน
“ใช่ มันสำคัญมาก อสูรศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดต่างก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาอันยาวนานเพื่อที่จะเติบโตจนกลายเป็นอสูรตัวเต็มวัย ซึ่งหลังจากที่อสูรเหล่านี้ได้พัฒนาพลังไปจนถึงระดับสูงสุดแล้ว มันก็จะมีลูกแก้วอสูรถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่าพวกมันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์โดยสมบูรณ์” โอโร่อธิบายอย่างเร่งรีบ
“ลูกแก้วอสูรงั้นเหรอ…” เซี่ยเฟยส่งเสียงพึมพำขึ้นมาเบา ๆ โดยที่สายตาของเขาถูกดึงดูดโดยลูกแก้วที่ส่องแสงสว่างแวววาวออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ครั้งนี้นายได้มีโอกาสพบกับสมบัติชั้นยอดแล้วจริง ๆ ลูกแก้วสัตว์อสูรพวกนั้นจะค่อย ๆ ขยาย ๆ ขนาดออกไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่ผ่านไป และลูกแก้วอสูรของอสูรศักดิ์สิทธิ์แต่ละตัวก็จะมีคุณลักษณะแตกต่างกันไปตามความโดดเด่นของสัตว์อสูรแต่ละชนิดด้วยเหมือนกัน”
“ในกรณีที่ขนอุยพัฒนาอย่างเต็มที่ มันก็จะก่อกำเนิดลูกแก้วอสูรขึ้นมาด้วยเช่นกัน และมันก็จะเป็นลูกแก้วอสูรที่มีพลังงานปริมาณมหาศาล เพราะมารขาวเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นทางด้านการใช้พลังงาน”
“ลักษณะพิเศษสำหรับลูกแก้วอสูรของแบล็ครีเบลเลี่ยนน่าจะเป็นความแข็งแกร่ง และเมื่อพิจารณาจากลูกแก้วอสูรบนศีรษะของมันแล้ว ลูกแก้วลูกนี้ก็น่าจะถือกำเนิดขึ้นมาเป็นเวลานับหมื่นนับแสนปี หากนายสามารถดูดซับพลังจากลูกแก้วอสูรลูกนั้นได้สำเร็จ มันก็จะช่วยให้ร่างกายของนายแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก”
“เนื่องจากว่านายเป็นนักรบสายความเร็วที่จำเป็นจะต้องฝึกฝนความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นประจำอยู่แล้ว ลูกแก้วอสูรชิ้นนั้นจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับนายมากที่สุด” โอโร่อธิบาย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับคิดว่าคำอธิบายของโอโร่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว ท้ายที่สุดแบล็ครีเบลเลี่ยนก็สามารถที่จะทนรับการโจมตีของนักรบมารนับพันคนได้อย่างง่ายดาย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าร่างกายของมันมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด
“รีบใช้พลังประหลาดของนายทำลายอสูรตัวนั้นเร็ว ๆ เข้า” โอโร่กล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
เมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับเซี่ยเฟยก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ก่อนที่เขาจะใช้ความเร็วเต็มที่เพื่อบุกเข้าใส่อสูรร่างยักษ์ตรงหน้า
ฝ่ามือคู่ฤดูใบไม้ร่วง!
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังของกฎแห่งความกลม 2 ฝ่ามือถูกฟาดออกไปด้านหน้าพร้อม ๆ กัน และวิชานี้ก็ถือได้ว่าเป็นวิชาการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเซี่ยเฟยแล้ว
อย่างไรก็ตามในขณะที่ฝ่ามือคู่กำลังปะทะเข้าใส่ดวงตาซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของสิ่งมีชีวิต จู่ ๆ กฎแห่งความโกลาหลก็ดูคล้ายกับจะถูกขัดขวางโดยพลังอะไรบางอย่าง จนทำให้พลังของเซี่ยเฟยไม่สามารถใช้ในการทำลายอสูรตัวนี้ได้
เซี่ยเฟยกระเด็นถอยหลังกลับมาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปมองฝ่ามือของเขาอย่างสับสน แต่เขาก็ได้พบว่าพลังของกฎยังคงไหลเวียนอยู่ภายในฝ่ามืออย่างหนาแน่นเช่นเดิม เขาจึงไม่สามารถทำความเข้าใจได้จริง ๆ ว่าทำไมการโจมตีของเขาถึงไม่สามารถใช้ในการจู่โจมเข้าใส่แบล็ครีเบลเลี่ยนได้
เมื่อถูกเซี่ยเฟยกระตุ้นแบล็ครีเบลเลี่ยนจึงทำการเคลื่อนไหวเพื่อจู่โจมชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่งมากขึ้นกว่าเดิม แต่น่าเสียดายที่ชายหนุ่มคนนี้เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องแคล่วมากเกินไป แบล็ครีเบลเลี่ยนจึงไม่สามารถที่จะสร้างอันตรายให้กับชายหนุ่มได้ด้วยเช่นเดียวกัน
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะยังคงสับสนอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่จะยอมแพ้ และเหตุการณ์อันแปลกประหลาดเมื่อสักครู่นี้มันก็ยิ่งสร้างความอยากรู้ขึ้นมาภายในจิตใจของเขา
ลองอีกที!
ชายหนุ่มทำการเคลื่อนไหวเช่นเดิมโดยการใช้ฝ่ามือคู่ฤดูใบไม้ร่วง พุ่งเข้าปะทะดวงตาของแบล็ครีเบลเลี่ยนด้วยความเร็วสูง ซึ่งในคราวนี้เขาได้ตัดสินใจว่าเขาจะลองจู่โจมไปเรื่อย ๆ เพื่อดูว่าอสูรร่างยักษ์ตัวนี้จะสามารถอดทนต่อการโจมตีของเขาได้อีกนานแค่ไหน
ทั้งขนอุยและหงส์ครามต่างก็ได้รับอิทธิพลจากเซี่ยเฟยจนเริ่มจู่โจมอย่างบ้าคลั่งด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปไม่นานมันก็ได้มีภาพอันน่าอัศจรรย์เกิดขึ้นต่อหน้าของทุกคน
เมื่อแบล็ครีเบลเลี่ยนไม่สามารถที่จะทำอันตรายใด ๆ เซี่ยเฟยได้ แต่อีกฝ่ายกลับสามารถจู่โจมเข้าใส่ร่างกายของมันได้ซ้ำ ๆ ในที่สุดมันก็ตัดสินใจที่จะหนีออกไปจากการต่อสู้ที่ไม่มีทางได้รับชัยชนะในครั้งนี้
เซี่ยเฟยรีบใช้หงส์ครามพันรอบศีรษะของอสูรศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้าอย่างแน่นหนา จากนั้นเขาก็ใช้ฝ่ามือของเขาในการทุบเข้าใส่ศีรษะของแบล็ครีเบลเลี่ยนอย่างแรง
1 คน, 1 ต้นหญ้า, 1 อสูรตัวน้อยต่างก็พยายามจู่โจมเข้าใส่ศีรษะของแบล็ครีเบลเลี่ยนอย่างโหดเหี้ยม โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเสียชีวิตลงไป
กฎแห่งความโกลาหลยังคงเป็นพลังที่โหดร้ายในจักรวาล และถึงแม้ว่าแบล็ครีเบลเลี่ยนจะสามารถทนรับการโจมตีของกฎแห่งความโกลาหลได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสามารถอดทนต่อการจู่โจมอันบ้าคลั่งของศัตรูได้อย่างต่อเนื่อง
แกร๊ก!
หลังจากศีรษะถูกเซี่ยเฟยทุบเข้าใส่เป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน หัวของแบล็ครีเบลเลี่ยนก็เริ่มมีรอยแตกพร้อมกับเลือดสีดำที่ไหลออกมาจากศีรษะขนาดใหญ่
เมื่อเซี่ยเฟยสามารถเปิดบาดแผลบนศีรษะแบล็ครีเบลเลี่ยนได้แล้ว เขาจึงทำการเสือกแทงบลัดบิวเทียสเข้าไปภายในร่างของอสูรร่างยักษ์อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีความยาวหลายร้อยกิโลเมตรก็เริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพลังงานปริมาณมหาศาลที่พลุกพล่านเข้าสู่สมองของชายหนุ่มอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยก็เพิ่งจะทำการดูดซับพลังงานมาจากจักรพรรดิกฎ และหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นาน เขาก็ยังทำการดูดซับพลังจากอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวเต็มวัยเข้าไปอีกครั้ง
ระหว่างการหลบหนีภูมิประเทศบริเวณโดยรอบก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยในตอนนี้เซี่ยเฟยดูคล้ายกับจะถูกนำพามายังพื้นที่ส่วนกลางของดวงดาว ซึ่งทั่วทุกทิศเต็มไปด้วยเสาหินสีดำขนาดใหญ่และก้อนกรวดสีเขียวเรืองแสงที่ล่องลอยไปมาคล้ายกับหิ่งห้อยในท้องฟ้ายามค่ำคืน
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะงดงามมาก แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีเวลาในการชื่นชมสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ตัวเขาเลย เพราะหลังจากที่เขาได้ดูดซับพลังงานปริมาณมหาศาล เขาก็จำเป็นจะต้องระบายพลังงานทั้งหมดออกไปอย่างเร่งด่วน ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าพลังงานเกิดการระเบิดขึ้นมามันก็จะก่อให้เกิดอันตรายต่อเขาด้วยเช่นกัน
นับตั้งแต่ที่บลัดบิวเทียสสามารถดูดซับพลังงานจากศัตรูเข้าสู่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้ ความเร็วในการเลื่อนระดับพลังของเซี่ยเฟยก็ทวีความรวดเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือเขาไม่สามารถกักเก็บพลังงานปริมาณมหาศาลเอาไว้ได้เป็นเวลานาน เขาจึงจำเป็นจะต้องหาสถานที่หยุดพักเพื่อดูดซับพลังงานภายในสมองเป็นระยะ ๆ เพื่อไม่ให้พลังงานพวกนั้นระเบิดออกมาจนก่อให้เกิดอันตราย
ชายหนุ่มงัดลูกแก้วอสูรออกมาจากศีรษะของแบล็ครีเบลเลี่ยนและใส่มันไว้เข้าไปภายในแหวนมิติ จากนั้นเขาก็มองหาจุดซ่อนตัวอันซับซ้อนเพื่อเอาไว้ใช้ในการหยุดพักดูดซับพลังงานอย่างปลอดภัย
ในที่สุดชายหนุ่มก็เลือกซ่อนตัวในซากปรักหักพังที่ถูกปกคลุมไปด้วยหินแปลก ๆ เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนที่เขาจะใช้วิชาพรางจิตเพื่อทำให้ร่างกายของเขากลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบ
แม้ว่าร่างกายของเขาจะได้หลอมรวมเข้ากับสภาพแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว แต่พลังงานภายในสมองของเขาก็ยังคงมีความผันผวนอย่างรุนแรง ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาจำเป็นจะต้องระบายพลังงานพวกนั้นออกมาอย่างรวดเร็วที่สุด
ใจเย็น ๆ!
ค่อย ๆ ควบคุม!
เซี่ยเฟยทำการควบคุมพลังงานอันพลุกพล่านอย่างเป็นธรรมชาติ แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ทางด้านการควบคุมพลังงานอันละเอียดอ่อนของเขาอีกครั้ง
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูดซึมพลังงานที่ไม่เสถียรคือการอย่าทำอะไรโดยตื่นตระหนก เพราะความประมาทเพียงแค่เล็กน้อยอาจจะก่อให้เกิดความอันตรายอย่างที่ใครก็ไม่สามารถที่จะจินตนาการได้
โอโร่ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และทุกครั้งที่เขาได้เห็นเซี่ยเฟยสามารถควบคุมพลังงานอันปั่นป่วนได้อย่างง่ายดาย มันก็มักจะทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจอยู่เล็กน้อย
เพราะท้ายที่สุดคนที่สามารถควบคุมพลังงานได้อย่างละเอียดอ่อนแบบนี้ก็เป็นตัวตนที่หาได้ยากมาก มันจึงทำให้แม้แต่ตัวเขาก็ยังแอบที่จะรู้สึกอิจฉาเซี่ยเฟยขึ้นมาไม่ได้
ชายหนุ่มยังคงดูดซับพลังงานท่ามกลางความเงียบงันไปเป็นเวลานาน และในที่สุดร่างกายของเขาก็เริ่มเปล่งแสงสว่างออกมาอย่างลึกลับ
‘ราชากฎขั้นที่ 2! เอาล่ะไปต่อ…’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
หลังจากที่เขาทะลวงผ่านระดับพลังจนกลายเป็นราชากฎแล้ว เขาก็อยู่ห่างจากการเป็นราชากฎขั้นที่ 2 เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น เมื่อเขาได้มีเวลาในการฝึกฝนพัฒนาพลังอีกครั้ง มันจึงทำให้เขาสามารถเลื่อนระดับกลายเป็นราชากฎขั้นที่ 2 ได้อย่างรวดเร็ว
แต่ขั้นตอนหลังจากนี้มันจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากขึ้นกว่าเดิม และมันก็จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาอย่างยาวนานในการพัฒนาระดับพลังด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามพลังงานภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาก็ยังคงเหลืออยู่อีกเยอะ การพัฒนากลายเป็นราชากฎขั้นที่ 2 จึงไม่ใช่จุดสิ้นสุดอย่างแน่นอน
—
วิ้ง!
แสงสว่างส่องออกมารอบร่างของเซี่ยเฟยอีกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นหลักฐานสำคัญที่ได้แสดงว่าเซี่ยเฟยได้เลื่อนขั้นจนกลายเป็นราชากฎขั้นที่ 3 แล้ว
น่าเสียดายในคราวนี้พลังงานภายในพื้นที่สมองของเขาไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป ซึ่งมันก็หมายความว่าการพัฒนาในครั้งนี้จะหยุดลงเพียงแค่ราชากฎขั้นที่ 3 เท่านั้น
แม้ว่าเขาจะได้ดูดซับพลังงานมาจากจักรพรรดิกฎและอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวเต็มวัยในเวลาใกล้ ๆ กัน แต่พลังงานส่วนใหญ่ถูกดูดซับเข้าไปภายในบลัดบิวเทียสแล้ว นอกจากนี้มันก็ยังมีพลังงานที่รั่วไหลออกไปในระหว่างการฝึกฝนด้วยเช่นกัน ดังนั้นพลังงานที่เหลืออยู่จึงไม่มากพอที่จะผลักดันให้เขาพัฒนากลายเป็นราชากฎขั้นที่ 4
ชายหนุ่มได้ใช้เวลาในการฝึกฝนทั้งหมดไปเพียงแค่ 36 ชั่วโมงเท่านั้น และการที่เขาสามารถพัฒนาเพิ่มขึ้นมาได้ถึง 2 ระดับในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แบบนี้ มันก็ยังถือว่าการพัฒนาของเขาเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วมากกว่าคนอื่น ๆ อยู่ดี
“ฉันว่านายคงจะเป็นนักรบคนเดียวในดินแดนกฎที่พัฒนาจากการกลืนกินพลังงานของคนอื่น” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกมายาว ๆ และมองสำรวจสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบโดยไม่สนใจคำพูดของโอโร่มากนัก
“ถึงแม้ว่าผมจะพึ่งพาการดูดกลืนพลังงานของคนอื่นเพื่อพัฒนา แต่อย่าลืมว่าผมก็ใช้ฝีมือของตัวเองในการขโมยพลังงานพวกนั้นมาด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่
เมื่อเห็นว่าสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบค่อนข้างที่จะปลอดภัย ชายหนุ่มก็หยิบแหวนมิติทั้งสองวงที่เขาพึ่งขโมยออกมาทำการตรวจสอบ โดยแหวนวงหนึ่งถือแหวนของเชสนี่อย่างแน่นอน ส่วนแหวนอีกวงก็น่าจะเป็นแหวนของนักรบผู้เป็นเจ้านายของแบล็ครีเบลเลี่ยน
นักรบผู้แข็งแกร่งที่เป็นเจ้านายของแบล็ครีเบลเลี่ยนนั้นย่อมเป็นนักรบในระดับที่สูงมากอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งแม้แต่โอโร่ก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่านักรบคนนั้นมีพลังอยู่ในระดับไหนกันแน่
สิ่งเดียวที่พวกเขารู้คือนักรบคนนั้นเสียชีวิตจากกฎแห่งเวลาอย่างแน่นอน และแหวนวงนี้ก็มีแนวโน้มที่จะได้เก็บซ่อนความลับของกฎแห่งเวลาที่หายสาบสูญเอาไว้
เซี่ยเฟยพยายามต่อต้านความอยากรู้และเลือกที่จะส่งกระแสจิตเข้าไปภายในแหวนมิติของเชสนี่ก่อน ซึ่งในฐานะที่ชายคนนี้เป็นถึงจักรพรรดิกฎแห่งตระกูลดาร์กมิสท์ ภายในแหวนมิติของเขาจึงมีสมบัติล้ำค่าถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างมากมาย แต่น่าเสียดายที่สิ่งของเหล่านั้นมันยังไม่มากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้น
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะทำการส่งกระแสจิตเข้าไปตรวจสอบแหวนมิติที่อยู่รอดมาจากสมัยโบราณ
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทำการตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ภายใน มันกลับมีเสียงหญิงสาวฮัมเพลงขึ้นมาเบา ๆ ด้วยท่วงทำนองที่เขาค่อนข้างที่จะรู้สึกคุ้นเคย
“มีคนมางั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานภายในใจด้วยความตกตะลึง
***************
ฮัมเพลงมา? หรือว่าจะเป็นแอวริล??
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 576
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น