ตอนที่ 779 ลูกแก้วอสูร

-A A +A

ตอนที่ 779 ลูกแก้วอสูร

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 779 ลูกแก้วอสูร

ในที่สุดส่วนหัวของอสูรศักดิ์สิทธิ์ร่างยักษ์ก็ปรากฏตัวออกมา ขณะที่มันใช้ดวงตาสีดำขนาดใหญ่ในการจับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยอย่างอาฆาต

เซี่ยเฟยไม่เคยเห็นดวงตาที่เย็นชาขนาดนี้มาก่อน ซึ่งดวงตาคู่นั้นได้กินพื้นที่มากกว่า 90% บนใบหน้าของแบล็ครีเบลเลี่ยน โดยที่ใบหน้าของมันไม่มีฟันหรือจมูกอยู่บนนั้นเลยด้วยซ้ำ

นอกจากดวงตา 1 คู่ที่ดูมีสัดส่วนค่อนข้างแปลกประหลาด ลูกแก้วส่องสว่างบนหน้าผากของมันยังเป็นสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดอีกด้วย

“หัวของมันปรากฏออกมาแล้ว! ที่แท้มันก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ร่างเต็มวัย นายจะต้องเอาลูกแก้วอสูรบนหัวของมันมาให้ได้ ของชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับนายมาก” โอโร่ส่งเสียงตะโกนเมื่อได้เห็นลูกแก้วอสูรบนหน้าผากของแบล็ครีเบลเลี่ยน

คำพูดของอดีตจอมมารทำให้เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อย แต่แทนที่เขาจะเร่งรีบเคลื่อนไหวตามที่โอโร่แนะนำ เขากลับใช้ความเร็วมุ่งหน้าไปซ่อนตัวในมุมอันมืดมิดเพื่อมองหาโอกาสในการโจมตีที่เหมาะสม

นับตั้งแต่การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นมา แบล็ครีเบลเลี่ยนเพิ่งจะเปิดเผยศีรษะของมันออกมาเป็นครั้งแรก เซี่ยเฟยจึงอยากจะทำความเข้าใจความสามารถของสัตว์อสูรตัวนี้เสียก่อน มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงยังไม่เคลื่อนไหวอย่างประมาท

“ลูกแก้วลูกนั้นมันสำคัญมากเลยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยความสงสัย ท้ายที่สุดเขาก็เพิ่งดูดซับพลังจากจักรพรรดิกฎเข้ามาภายในร่าง ซึ่งถ้าหากว่าโอโร่ไม่ได้พูดถึงลูกแก้วลูกนั้น เขาก็คงจะรีบปลีกตัวออกไปเพื่อดูดซับพลังภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาเสียก่อน

“ใช่ มันสำคัญมาก อสูรศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดต่างก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาอันยาวนานเพื่อที่จะเติบโตจนกลายเป็นอสูรตัวเต็มวัย ซึ่งหลังจากที่อสูรเหล่านี้ได้พัฒนาพลังไปจนถึงระดับสูงสุดแล้ว มันก็จะมีลูกแก้วอสูรถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่าพวกมันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์โดยสมบูรณ์” โอโร่อธิบายอย่างเร่งรีบ

“ลูกแก้วอสูรงั้นเหรอ…” เซี่ยเฟยส่งเสียงพึมพำขึ้นมาเบา ๆ โดยที่สายตาของเขาถูกดึงดูดโดยลูกแก้วที่ส่องแสงสว่างแวววาวออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ครั้งนี้นายได้มีโอกาสพบกับสมบัติชั้นยอดแล้วจริง ๆ ลูกแก้วสัตว์อสูรพวกนั้นจะค่อย ๆ ขยาย ๆ ขนาดออกไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่ผ่านไป และลูกแก้วอสูรของอสูรศักดิ์สิทธิ์แต่ละตัวก็จะมีคุณลักษณะแตกต่างกันไปตามความโดดเด่นของสัตว์อสูรแต่ละชนิดด้วยเหมือนกัน”

“ในกรณีที่ขนอุยพัฒนาอย่างเต็มที่ มันก็จะก่อกำเนิดลูกแก้วอสูรขึ้นมาด้วยเช่นกัน และมันก็จะเป็นลูกแก้วอสูรที่มีพลังงานปริมาณมหาศาล เพราะมารขาวเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นทางด้านการใช้พลังงาน”

“ลักษณะพิเศษสำหรับลูกแก้วอสูรของแบล็ครีเบลเลี่ยนน่าจะเป็นความแข็งแกร่ง และเมื่อพิจารณาจากลูกแก้วอสูรบนศีรษะของมันแล้ว ลูกแก้วลูกนี้ก็น่าจะถือกำเนิดขึ้นมาเป็นเวลานับหมื่นนับแสนปี หากนายสามารถดูดซับพลังจากลูกแก้วอสูรลูกนั้นได้สำเร็จ มันก็จะช่วยให้ร่างกายของนายแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก”

“เนื่องจากว่านายเป็นนักรบสายความเร็วที่จำเป็นจะต้องฝึกฝนความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นประจำอยู่แล้ว ลูกแก้วอสูรชิ้นนั้นจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับนายมากที่สุด” โอโร่อธิบาย

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับคิดว่าคำอธิบายของโอโร่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว ท้ายที่สุดแบล็ครีเบลเลี่ยนก็สามารถที่จะทนรับการโจมตีของนักรบมารนับพันคนได้อย่างง่ายดาย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าร่างกายของมันมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด

“รีบใช้พลังประหลาดของนายทำลายอสูรตัวนั้นเร็ว ๆ เข้า” โอโร่กล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

เมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับเซี่ยเฟยก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ก่อนที่เขาจะใช้ความเร็วเต็มที่เพื่อบุกเข้าใส่อสูรร่างยักษ์ตรงหน้า

ฝ่ามือคู่ฤดูใบไม้ร่วง!

ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังของกฎแห่งความกลม 2 ฝ่ามือถูกฟาดออกไปด้านหน้าพร้อม ๆ กัน และวิชานี้ก็ถือได้ว่าเป็นวิชาการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเซี่ยเฟยแล้ว

อย่างไรก็ตามในขณะที่ฝ่ามือคู่กำลังปะทะเข้าใส่ดวงตาซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของสิ่งมีชีวิต จู่ ๆ กฎแห่งความโกลาหลก็ดูคล้ายกับจะถูกขัดขวางโดยพลังอะไรบางอย่าง จนทำให้พลังของเซี่ยเฟยไม่สามารถใช้ในการทำลายอสูรตัวนี้ได้

เซี่ยเฟยกระเด็นถอยหลังกลับมาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปมองฝ่ามือของเขาอย่างสับสน แต่เขาก็ได้พบว่าพลังของกฎยังคงไหลเวียนอยู่ภายในฝ่ามืออย่างหนาแน่นเช่นเดิม เขาจึงไม่สามารถทำความเข้าใจได้จริง ๆ ว่าทำไมการโจมตีของเขาถึงไม่สามารถใช้ในการจู่โจมเข้าใส่แบล็ครีเบลเลี่ยนได้

เมื่อถูกเซี่ยเฟยกระตุ้นแบล็ครีเบลเลี่ยนจึงทำการเคลื่อนไหวเพื่อจู่โจมชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่งมากขึ้นกว่าเดิม แต่น่าเสียดายที่ชายหนุ่มคนนี้เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องแคล่วมากเกินไป แบล็ครีเบลเลี่ยนจึงไม่สามารถที่จะสร้างอันตรายให้กับชายหนุ่มได้ด้วยเช่นเดียวกัน

แม้ว่าเซี่ยเฟยจะยังคงสับสนอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่จะยอมแพ้ และเหตุการณ์อันแปลกประหลาดเมื่อสักครู่นี้มันก็ยิ่งสร้างความอยากรู้ขึ้นมาภายในจิตใจของเขา

ลองอีกที!

ชายหนุ่มทำการเคลื่อนไหวเช่นเดิมโดยการใช้ฝ่ามือคู่ฤดูใบไม้ร่วง พุ่งเข้าปะทะดวงตาของแบล็ครีเบลเลี่ยนด้วยความเร็วสูง ซึ่งในคราวนี้เขาได้ตัดสินใจว่าเขาจะลองจู่โจมไปเรื่อย ๆ เพื่อดูว่าอสูรร่างยักษ์ตัวนี้จะสามารถอดทนต่อการโจมตีของเขาได้อีกนานแค่ไหน

ทั้งขนอุยและหงส์ครามต่างก็ได้รับอิทธิพลจากเซี่ยเฟยจนเริ่มจู่โจมอย่างบ้าคลั่งด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปไม่นานมันก็ได้มีภาพอันน่าอัศจรรย์เกิดขึ้นต่อหน้าของทุกคน

เมื่อแบล็ครีเบลเลี่ยนไม่สามารถที่จะทำอันตรายใด ๆ เซี่ยเฟยได้ แต่อีกฝ่ายกลับสามารถจู่โจมเข้าใส่ร่างกายของมันได้ซ้ำ ๆ ในที่สุดมันก็ตัดสินใจที่จะหนีออกไปจากการต่อสู้ที่ไม่มีทางได้รับชัยชนะในครั้งนี้

เซี่ยเฟยรีบใช้หงส์ครามพันรอบศีรษะของอสูรศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้าอย่างแน่นหนา จากนั้นเขาก็ใช้ฝ่ามือของเขาในการทุบเข้าใส่ศีรษะของแบล็ครีเบลเลี่ยนอย่างแรง

1 คน, 1 ต้นหญ้า, 1 อสูรตัวน้อยต่างก็พยายามจู่โจมเข้าใส่ศีรษะของแบล็ครีเบลเลี่ยนอย่างโหดเหี้ยม โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเสียชีวิตลงไป

กฎแห่งความโกลาหลยังคงเป็นพลังที่โหดร้ายในจักรวาล และถึงแม้ว่าแบล็ครีเบลเลี่ยนจะสามารถทนรับการโจมตีของกฎแห่งความโกลาหลได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสามารถอดทนต่อการจู่โจมอันบ้าคลั่งของศัตรูได้อย่างต่อเนื่อง

แกร๊ก!

หลังจากศีรษะถูกเซี่ยเฟยทุบเข้าใส่เป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน หัวของแบล็ครีเบลเลี่ยนก็เริ่มมีรอยแตกพร้อมกับเลือดสีดำที่ไหลออกมาจากศีรษะขนาดใหญ่

เมื่อเซี่ยเฟยสามารถเปิดบาดแผลบนศีรษะแบล็ครีเบลเลี่ยนได้แล้ว เขาจึงทำการเสือกแทงบลัดบิวเทียสเข้าไปภายในร่างของอสูรร่างยักษ์อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีความยาวหลายร้อยกิโลเมตรก็เริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพลังงานปริมาณมหาศาลที่พลุกพล่านเข้าสู่สมองของชายหนุ่มอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยก็เพิ่งจะทำการดูดซับพลังงานมาจากจักรพรรดิกฎ และหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นาน เขาก็ยังทำการดูดซับพลังจากอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวเต็มวัยเข้าไปอีกครั้ง

ระหว่างการหลบหนีภูมิประเทศบริเวณโดยรอบก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยในตอนนี้เซี่ยเฟยดูคล้ายกับจะถูกนำพามายังพื้นที่ส่วนกลางของดวงดาว ซึ่งทั่วทุกทิศเต็มไปด้วยเสาหินสีดำขนาดใหญ่และก้อนกรวดสีเขียวเรืองแสงที่ล่องลอยไปมาคล้ายกับหิ่งห้อยในท้องฟ้ายามค่ำคืน

แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะงดงามมาก แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีเวลาในการชื่นชมสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ตัวเขาเลย เพราะหลังจากที่เขาได้ดูดซับพลังงานปริมาณมหาศาล เขาก็จำเป็นจะต้องระบายพลังงานทั้งหมดออกไปอย่างเร่งด่วน ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าพลังงานเกิดการระเบิดขึ้นมามันก็จะก่อให้เกิดอันตรายต่อเขาด้วยเช่นกัน

นับตั้งแต่ที่บลัดบิวเทียสสามารถดูดซับพลังงานจากศัตรูเข้าสู่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้ ความเร็วในการเลื่อนระดับพลังของเซี่ยเฟยก็ทวีความรวดเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ

ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือเขาไม่สามารถกักเก็บพลังงานปริมาณมหาศาลเอาไว้ได้เป็นเวลานาน เขาจึงจำเป็นจะต้องหาสถานที่หยุดพักเพื่อดูดซับพลังงานภายในสมองเป็นระยะ ๆ เพื่อไม่ให้พลังงานพวกนั้นระเบิดออกมาจนก่อให้เกิดอันตราย

ชายหนุ่มงัดลูกแก้วอสูรออกมาจากศีรษะของแบล็ครีเบลเลี่ยนและใส่มันไว้เข้าไปภายในแหวนมิติ จากนั้นเขาก็มองหาจุดซ่อนตัวอันซับซ้อนเพื่อเอาไว้ใช้ในการหยุดพักดูดซับพลังงานอย่างปลอดภัย

ในที่สุดชายหนุ่มก็เลือกซ่อนตัวในซากปรักหักพังที่ถูกปกคลุมไปด้วยหินแปลก ๆ เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนที่เขาจะใช้วิชาพรางจิตเพื่อทำให้ร่างกายของเขากลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบ

แม้ว่าร่างกายของเขาจะได้หลอมรวมเข้ากับสภาพแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว แต่พลังงานภายในสมองของเขาก็ยังคงมีความผันผวนอย่างรุนแรง ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาจำเป็นจะต้องระบายพลังงานพวกนั้นออกมาอย่างรวดเร็วที่สุด

ใจเย็น ๆ!

ค่อย ๆ ควบคุม!

เซี่ยเฟยทำการควบคุมพลังงานอันพลุกพล่านอย่างเป็นธรรมชาติ แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ทางด้านการควบคุมพลังงานอันละเอียดอ่อนของเขาอีกครั้ง

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูดซึมพลังงานที่ไม่เสถียรคือการอย่าทำอะไรโดยตื่นตระหนก เพราะความประมาทเพียงแค่เล็กน้อยอาจจะก่อให้เกิดความอันตรายอย่างที่ใครก็ไม่สามารถที่จะจินตนาการได้

โอโร่ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และทุกครั้งที่เขาได้เห็นเซี่ยเฟยสามารถควบคุมพลังงานอันปั่นป่วนได้อย่างง่ายดาย มันก็มักจะทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจอยู่เล็กน้อย 

เพราะท้ายที่สุดคนที่สามารถควบคุมพลังงานได้อย่างละเอียดอ่อนแบบนี้ก็เป็นตัวตนที่หาได้ยากมาก มันจึงทำให้แม้แต่ตัวเขาก็ยังแอบที่จะรู้สึกอิจฉาเซี่ยเฟยขึ้นมาไม่ได้

ชายหนุ่มยังคงดูดซับพลังงานท่ามกลางความเงียบงันไปเป็นเวลานาน และในที่สุดร่างกายของเขาก็เริ่มเปล่งแสงสว่างออกมาอย่างลึกลับ

‘ราชากฎขั้นที่ 2! เอาล่ะไปต่อ…’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ

หลังจากที่เขาทะลวงผ่านระดับพลังจนกลายเป็นราชากฎแล้ว เขาก็อยู่ห่างจากการเป็นราชากฎขั้นที่ 2 เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น เมื่อเขาได้มีเวลาในการฝึกฝนพัฒนาพลังอีกครั้ง มันจึงทำให้เขาสามารถเลื่อนระดับกลายเป็นราชากฎขั้นที่ 2 ได้อย่างรวดเร็ว

แต่ขั้นตอนหลังจากนี้มันจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากขึ้นกว่าเดิม และมันก็จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาอย่างยาวนานในการพัฒนาระดับพลังด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามพลังงานภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาก็ยังคงเหลืออยู่อีกเยอะ การพัฒนากลายเป็นราชากฎขั้นที่ 2 จึงไม่ใช่จุดสิ้นสุดอย่างแน่นอน

วิ้ง!

แสงสว่างส่องออกมารอบร่างของเซี่ยเฟยอีกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นหลักฐานสำคัญที่ได้แสดงว่าเซี่ยเฟยได้เลื่อนขั้นจนกลายเป็นราชากฎขั้นที่ 3 แล้ว

น่าเสียดายในคราวนี้พลังงานภายในพื้นที่สมองของเขาไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป ซึ่งมันก็หมายความว่าการพัฒนาในครั้งนี้จะหยุดลงเพียงแค่ราชากฎขั้นที่ 3 เท่านั้น

แม้ว่าเขาจะได้ดูดซับพลังงานมาจากจักรพรรดิกฎและอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวเต็มวัยในเวลาใกล้ ๆ กัน แต่พลังงานส่วนใหญ่ถูกดูดซับเข้าไปภายในบลัดบิวเทียสแล้ว นอกจากนี้มันก็ยังมีพลังงานที่รั่วไหลออกไปในระหว่างการฝึกฝนด้วยเช่นกัน ดังนั้นพลังงานที่เหลืออยู่จึงไม่มากพอที่จะผลักดันให้เขาพัฒนากลายเป็นราชากฎขั้นที่ 4

ชายหนุ่มได้ใช้เวลาในการฝึกฝนทั้งหมดไปเพียงแค่ 36 ชั่วโมงเท่านั้น และการที่เขาสามารถพัฒนาเพิ่มขึ้นมาได้ถึง 2 ระดับในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แบบนี้ มันก็ยังถือว่าการพัฒนาของเขาเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วมากกว่าคนอื่น ๆ อยู่ดี

“ฉันว่านายคงจะเป็นนักรบคนเดียวในดินแดนกฎที่พัฒนาจากการกลืนกินพลังงานของคนอื่น” โอโร่กล่าว

เซี่ยเฟยค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกมายาว ๆ และมองสำรวจสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบโดยไม่สนใจคำพูดของโอโร่มากนัก

“ถึงแม้ว่าผมจะพึ่งพาการดูดกลืนพลังงานของคนอื่นเพื่อพัฒนา แต่อย่าลืมว่าผมก็ใช้ฝีมือของตัวเองในการขโมยพลังงานพวกนั้นมาด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่

เมื่อเห็นว่าสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบค่อนข้างที่จะปลอดภัย ชายหนุ่มก็หยิบแหวนมิติทั้งสองวงที่เขาพึ่งขโมยออกมาทำการตรวจสอบ โดยแหวนวงหนึ่งถือแหวนของเชสนี่อย่างแน่นอน ส่วนแหวนอีกวงก็น่าจะเป็นแหวนของนักรบผู้เป็นเจ้านายของแบล็ครีเบลเลี่ยน

นักรบผู้แข็งแกร่งที่เป็นเจ้านายของแบล็ครีเบลเลี่ยนนั้นย่อมเป็นนักรบในระดับที่สูงมากอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งแม้แต่โอโร่ก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่านักรบคนนั้นมีพลังอยู่ในระดับไหนกันแน่

สิ่งเดียวที่พวกเขารู้คือนักรบคนนั้นเสียชีวิตจากกฎแห่งเวลาอย่างแน่นอน และแหวนวงนี้ก็มีแนวโน้มที่จะได้เก็บซ่อนความลับของกฎแห่งเวลาที่หายสาบสูญเอาไว้

เซี่ยเฟยพยายามต่อต้านความอยากรู้และเลือกที่จะส่งกระแสจิตเข้าไปภายในแหวนมิติของเชสนี่ก่อน ซึ่งในฐานะที่ชายคนนี้เป็นถึงจักรพรรดิกฎแห่งตระกูลดาร์กมิสท์ ภายในแหวนมิติของเขาจึงมีสมบัติล้ำค่าถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างมากมาย แต่น่าเสียดายที่สิ่งของเหล่านั้นมันยังไม่มากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้น

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะทำการส่งกระแสจิตเข้าไปตรวจสอบแหวนมิติที่อยู่รอดมาจากสมัยโบราณ

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทำการตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ภายใน มันกลับมีเสียงหญิงสาวฮัมเพลงขึ้นมาเบา ๆ ด้วยท่วงทำนองที่เขาค่อนข้างที่จะรู้สึกคุ้นเคย

“มีคนมางั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานภายในใจด้วยความตกตะลึง

***************

ฮัมเพลงมา? หรือว่าจะเป็นแอวริล??

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.