ตอนที่ 780 เกือบตกหลุมพราง
ตอนที่ 780 เกือบตกหลุมพราง
“มีคนมางั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานภายในใจด้วยความตกตะลึง
ทั่วทั้งสนามรบโบราณมีนักรบเดินทางมาเป็นจำนวนนับหมื่นคน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีใครสักคนบุกเข้ามาในพื้นที่ใต้ดินหลังจากได้ยินเสียงการต่อสู้เมื่อไม่กี่วันนี้ แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเซี่ยเฟยได้จริง ๆ คือเสียงท่วงทำนองอันไพเราะที่เขารู้สึกเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาสักแห่ง
หลังจากนั้นไม่นานชาย 2 คนกับหญิงอีก 1 คนก็เดินทางเข้ามาในระยะสายตาของเซี่ยเฟย และเนื่องจากสถานที่ชายหนุ่มซ่อนตัวอยู่นั้นมีความซับซ้อนมาก มันจึงยากที่จะมีใครสามารถตรวจพบร่องรอยของเขาได้
“อยู่เฉย ๆ ก่อนดีกว่า นายเพิ่งจะเลื่อนระดับมาได้เพียงแค่ไม่นาน มันจำเป็นจะต้องให้เวลาร่างกายในการปรับตัวพอสมควร” โอโร่กล่าว
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นความรู้โดยทั่วไปว่าหลังจากที่นักรบมีการเลื่อนระดับพลัง พวกเขาจำเป็นจะต้องให้เวลาร่างกายในการปรับตัวเข้ากับพลังใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังเลื่อนระดับขึ้นมาถึง 2 ระดับพร้อม ๆ กัน เขาจึงจำเป็นจะต้องให้เวลาร่างกายในการปรับตัวนานกว่าปกติ
หากมันได้มีการต่อสู้เกิดขึ้นในเวลานี้ มันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายที่ยากจะกลับมารักษาให้หายได้ และนั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงค้นหาสถานที่อันเงียบสงบเพื่อซ่อนตัว ก่อนที่เขาจะเริ่มทำการฝึกฝนเพื่อยกระดับพลัง
“ดูเหมือนคนที่จัดการกับแบล็ครีเบลเลี่ยนคงจะหนีไปแล้ว” ชายผมสั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ ซึ่งรูปร่างภายนอกของเขาดูเด็กมาก แต่ในดินแดนแห่งนี้มันก็ไม่สามารถที่จะวัดอายุได้จากรูปร่างหน้าตาของใครคนใดคนหนึ่งได้อยู่แล้ว
โดยเฉพาะนักรบระดับสูงที่มีอายุหลายพันปีแต่มีหน้าเด็กก็เป็นสิ่งที่หากพบได้ทุกที่ การสังเกตเพียงแค่รูปลักษณ์หน้าตาภายนอกจึงไม่สามารถที่จะคาดเดาอายุที่แท้จริงของเหล่าบรรดานักรบระดับสูงเหล่านี้ได้เลย
“พวกเราอุตส่าห์จ้องลูกแก้วอสูรมาตั้งนานแล้ว แต่มันกลับมาตัดหน้าพวกเราไป อย่าให้ฉันรู้นะว่ามันเป็นใคร ไม่อย่างนั้นฉันจะฉีกร่างของมันออกเป็นชิ้น ๆ” ชายผมหยิกกล่าวขึ้นมาด้วยแววตาอันดุร้าย
เซี่ยเฟยแอบรู้สึกตลกอยู่ภายในใจเมื่อได้พบว่ามันมีนักรบคนอื่นแอบเล็งลูกแก้วอสูรอยู่ก่อนด้วย แต่ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุขอยู่นั่นเอง บทสนทนาหลังจากนั้นกลับทำให้หัวใจของชายหนุ่มสั่นสะท้านขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระกันได้แล้ว อย่าลืมนะว่าพวกเราแอบบุกรุกเข้ามาในสนามรบโบราณอย่างลับ ๆ ตอนนี้พวกเราคงจะทำได้เพียงแต่โทษความประมาทของตัวเองที่คิดว่าไม่มีใครสามารถจัดการกับอสูรตัวนั้นได้ แทนที่จะบ่นรีบหาทางส่งสัญญานกลับไปที่ฐานก่อน” ชายผมสั้นกล่าว
“บุกเข้ามาในสนามรบโบราณงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะเข็มทิศมิติที่นำมายังสนามรบแห่งนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่โอโร่ก็ยังถือว่าเป็นสมบัติประจำตระกูลของตัวเอง แต่คนพวกนั้นกลับบอกว่าพวกเขาสามารถบุกเข้ามาภายในสนามรบโบราณได้โดยตรง
สัญญาณวิดีโอแสดงให้เห็นว่าโอโร่กำลังตกตะลึงด้วยเช่นกัน ก่อนที่เขาพยายามรวบรวมสติและกล่าวขึ้นมาว่า
“คนพวกนั้นยังมีพลังเพียงแค่ระดับราชากฎเท่านั้น มันไม่มีทางที่พวกเขาจะบุกรุกเข้ามาในสนามรบโบราณแห่งนี้ได้ ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือจะต้องมีนักรบระดับสูงส่งตัวพวกเขาเข้ามา และเนื่องมาจากว่าสถานที่แห่งนี้ยังคงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อาวุโส 2 เผ่าพันธุ์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถส่งจักรพรรดิกฎเข้ามาได้ ไม่อย่างนั้นพวกผู้อาวุโสของสองเผ่าพันธุ์ก็คงจะตรวจพบถึงความผิดปกติ”
การคาดเดาของโอโร่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมาก ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมตัวเขาที่มีระดับพลังสูงกว่าราชากฎสามารถเข้ามามายังสนามรบโบราณได้ นั่นก็เพราะว่าเขาอยู่ในแหวนมิติ ระบบจึงไม่สามารถตรวจพบตัวตนของเขาได้ แต่ถ้าหากว่าเซี่ยเฟยนำตัวเขาออกไปยังด้านนอก ในเวลานั้นผู้อาวุโสของสองเผ่าพันธุ์ย่อมจะต้องเดินทางมาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
“อาจารย์รอให้ลูกแก้วอสูรเติบโตมาตั้งนาน มันกล้าดียังไงถึงมาขโมยลูกแก้วอสูรของพวกเราไป ฉันเดาว่าคนที่ขโมยแหวนมิติไปกับคนที่สังหารแบล็ครีเบลเลี่ยนจะต้องเป็นคนคนเดียวกัน โชคดีนะที่อาจารย์ใช้พลังหุ้มแหวนมิติวงนั้นเอาไว้ เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเปิดแหวนมิติขึ้นมาในเวลานั้นมันก็จะเป็นเวลาตายของมัน” ชายผมหยิกกล่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เซี่ยเฟยขนลุกขึ้นมาอย่างฉับพลัน และมันก็โชคดีที่เขายังไม่ได้เปิดแหวนมิติของนักรบโบราณออกมา ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะตกหลุมพรางของคนอื่นไปแล้ว
หากคนพวกนี้รู้ถึงตัวตนของแบล็ครีเบลเลี่ยน มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะค้นพบซากศพของนักรบทั้งสองคนนั้นด้วยเหมือนกัน ส่วนสาเหตุที่พวกเขายังไม่นำแหวนมิติไป นั่นก็เพราะพวกเขาต้องการที่จะดักจับขโมยที่มาแย่งชิงสิ่งของของพวกเขาไปอย่างเช่นในวันนี้
เซี่ยเฟยพยายามกัดฟันเอาไว้ เพราะเขาต้องการที่จะออกไปสังหารคนพวกนี้ปิดปากซะเดี๋ยวนี้เลย แต่เขาก็ยังจำเป็นจะต้องอดทนต่อไปเพราะเขายังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใครกันแน่
ทันใดนั้นหญิงสาวที่เดินทางมากับชายทั้งสองก็ยังคงส่งเสียงฮัมเพลงต่อไป แต่เธอกลับถูกชายผมหยิกตบหน้าอย่างรวดเร็ว
“หุบปาก!”
ดวงตาของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แต่เธอก็ยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไรออกมาและพยายามมองหลบออกไปด้านข้างอย่างยากลำบาก เผยให้เห็นรอยนิ้วมือสีแดงที่ถูกทิ้งไว้บนใบหน้าของเธอ
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่ใช่สุภาพบุรุษที่ไม่กล้าลงมือสังหารศัตรูที่เป็นผู้หญิง แต่เขาก็รู้สึกรังเกียจผู้ชายที่ทุบตีผู้หญิงแบบนี้จากส่วนลึกของจิตใจ ท้ายที่สุดนักรบควรจะมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเองและศักดิ์ศรีนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรนำมาใช้รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า
“อีกครึ่งเดือนจะมีการชุมนุมครั้งใหญ่ที่ห่านป่า ตอนนั้นอาจารย์คงจะเดินทางออกมาเข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนี้ด้วย พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า แล้วค่อยออกเดินทางอีกครั้งช่วงใกล้ ๆ งานชุมนุม” ชายผมสั้นกล่าวอย่างเคร่งขรึม
หลังจากนั้นชายทั้งสองก็พูดคุยกันอีกเล็กน้อย ซึ่งเป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรกับเซี่ยเฟยมากนัก ซึ่งในระหว่างที่พูดคุยพวกเขาทั้งสามคนก็เดินทางออกไปจากถ้ำใต้ดินแห่งนี้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าทั้งสามจะเดินทางออกไปแล้ว แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงซ่อนตัวอยู่ในความมืดโดยไม่คิดที่จะทำการเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งนั้น
“ทำไมยังนิ่งอยู่ล่ะ? รีบตรวจสอบแหวนวงนั้นดีกว่าว่ามันมีพลังอะไรหุ้มแหวนอยู่กันแน่” โอโร่กล่าวอย่างกังวล
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่ตอบคำถามแม้แต่นิดเดียว แต่หลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปอีกเพียงแค่ไม่กี่นาที กลุ่มคนปริศนาทั้งสามก็กลับมาที่นี่อีกครั้งพร้อมกับมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
“ที่แท้พวกเขาก็แค่แสร้งทำเป็นว่าออกไป โชคดีที่นายยังไม่เคลื่อนไหวไปไหน ไม่อย่างนั้นนายก็คงจะถูกพวกเขาเจอตัวไปแล้ว” โอโร่อุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อได้เห็นกลุ่มคนพวกนั้นกลับมาอีกครั้ง
“แววตาของพวกเขามีพิรุธชัด ๆ การกระทำแบบนั้นหลอกได้เพียงแค่เด็กเท่านั้นแหละ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำพูดของเซี่ยเฟยทำให้โอโร่รู้สึกอับอายอยู่ภายในใจ เพราะกลอุบายหลอกเด็กที่ชายหนุ่มพูดมานั้นสามารถหลอกลวงเขาได้จริง ๆ
“ความจริงพลังของพวกเขาก็แค่กลาง ๆ ถ้าหากนายลงมือนายย่อมสามารถจัดการกับพวกเขาได้ในคราวเดียว” โอโร่พยายามเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อหลีกเลี่ยงความลำบากใจ
“ตอนนี้ผมยังไม่ควรจะไปปะทะกับพวกเขา เหตุผลแรกนั้นก็เพราะว่าร่างกายของผมยังจำเป็นจะต้องปรับตัว การต่อสู้ในช่วงเวลานี้ย่อมไม่ส่งผลดีในระยะยาวสำหรับผมเท่าไหร่ เหตุผลเรื่องที่ 2 คือแหวนมิติน่าจะไม่เหลือกฎแห่งเวลาอยู่แล้ว พวกเขาน่าจะเป็นเบาะแสสำคัญที่จะทำให้เราเดินทางไปพบกฎแห่งเวลา และผมก็อยากจะรู้ว่าคนที่พวกเขาเรียกว่าอาจารย์คือใครกันแน่?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“อย่าบอกนะว่านายคิดจะไปร่วมงานชุมนุมกับพวกเขาด้วย?” โอโร่สะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ
“เป็นคุณ ๆ จะทิ้งโอกาสที่จะได้เจอกับกฎแห่งเวลาไหมล่ะ?” เซี่ยเฟยถาม
“ไม่แน่นอน เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเบาะแสของกฎแห่งเวลา ฉันคงจะไม่มีทางยอมปล่อยมันไปง่าย ๆ” โอโร่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ฉันนึกออกแล้วว่าเพลงนั้นมันคือเพลงอะไร ที่แท้เธอก็คือ…” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองขึ้นมาเบา ๆ
—
หลังจากกลับมาบนพื้นผิวของสนามรบโบราณอีกครั้ง สิ่งแรกที่เซี่ยเฟยต้องการจะทำคือการกลับไปหาเซียวรั่วหยู
“เซียวรั่วหยูู!” ชายหนุ่มพุ่งเข้าหาหญิงสาวชาวโลกอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจท่าทีแปลก ๆ ของเยว่เกอกับจั๊กจั่นขาวเลยแม้แต่นิดเดียว
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็จับจ้องมองไปยังจักจั่นขาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต เพราะเขาเชื่อว่าเธอคนนี้คือตัวการที่ลักพาตัวเซียวรั่วหยูไป ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่าเซียวรั่วหยูกับจักจั่นขาวดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เซี่ยเฟยก็คงจะลงมือสังหารจักจั่นขาวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในสายตาของเซี่ยเฟยศัตรูก็คือศัตรูไม่มีการแบ่งแยกเพศหญิงชาย ไม่มีการสนใจว่าอีกฝ่ายจะมีใบหน้าที่สวยงามมากแค่ไหน ตราบใดก็ตามที่เขาสามารถยืนยันความเป็นศัตรูของอีกฝ่ายได้ เขาก็สามารถที่จะลงมือสังหารศัตรูได้โดยไม่ลังเล
“คุณหนูเขาคือพี่เซี่ยเฟยที่ฉันเคยเล่าให้คุณฟัง” เซียวรั่วหยูหันไปกล่าวกับจักจั่นขาว
เยว่เกอกัดแตงกวาด้วยความดุเดือด เพราะเซี่ยเฟยไม่คิดจะหันมาให้ความสนใจเธอเลย ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในปัจจุบันยังทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอเป็นเพียงแค่คนนอก เธอจึงรู้สึกน้อยใจชายหนุ่มอยู่เล็กน้อย
“ฉันก็ว่าทำไมชื่อของเธอคุ้น ๆ ที่แท้เธอก็ก็คือเซียวรั่วหยูคนนั้นนี่เอง” เยว่เกอพึมพำขึ้นมาเบา ๆ เมื่อนึกได้แล้วว่าเซียวรั่วหยูคนนี้คือเด็กสาวคนเดียวกันกับที่เซี่ยเฟยพยายามตามหามาเป็นเวลานาน
จักจั่นขาวพยักหน้ารับอย่างเล็กน้อย คล้ายกับท่าทางของคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี
“คุณหนู? ผู้หญิงคนนี้เกี่ยวอะไรกับเธอ?” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
คำพูดของชายหนุ่มคือการแสดงตัวอย่างไม่เป็นมิตรกับเธออย่างชัดเจน จักจั่นขาวจึงมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่เข้าใจว่าเธอเคยไปทำอะไรให้ชายหนุ่มคนนี้รู้สึกโกรธเกลียดเธอกันแน่
“คุณหนูจักจั่นขาวเป็นเจ้านายของฉันและฉันก็เป็นสาวใช้ของเธอ” เซียวรั่วหยูกล่าวพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
“ตราบใดก็ตามที่ฉันอยู่ที่นี่เธอไม่จำเป็นจะต้องไปเป็นสาวใช้ของใคร” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชาพร้อมกับเผยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
เหตุการณ์นี้ทำให้เซียวรั่วหยูรู้สึกตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย เพราะเธอกลัวว่าเซี่ยเฟยจะลงมือทำอะไรจักจั่นขาว ท้ายที่สุดสถานการณ์มันก็ทำให้เซี่ยเฟยเข้าใจผิดว่าจักจั่นขาวได้บังคับให้เธอมีสถานะกลายเป็นสาวใช้
“พี่เซี่ยเฟยมันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด ความจริงฉันกับคุณหนูเป็นนายบ่าวกันเพียงแต่ในนาม คุณหนูดูแลฉันดีมากไม่ต่างไปจากสหายคนหนึ่งเลย ถ้าหากว่าฉันไม่ได้รับการคุ้มครองจากคุณหนู ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ฉันจะเป็นยังไงบ้าง” เซียวรั่วหยูพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดอย่างเร่งรีบ
“เธอไม่จำเป็นจะต้องกลัว ฉันรู้ว่าจักจั่นขาวมาจากตระกูลสโนว์ดริฟท์ อยู่ต่อหน้าฉันเธอพูดความจริงออกมาได้เลย ฉันรับประกันได้เลยว่าตระกูลสโนว์ดริฟท์จะไม่กล้าทำอะไรกับเธอ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับจับไหล่เซียวรั่วหยูด้วยมือทั้งสองข้าง เพราะเขาคิดว่าหญิงสาวกำลังถูกข่มขู่จากตระกูลที่อยู่เบื้องหลังจักจั่นขาว
เซียวรั่วหยูกลืนน้ำลายลงคอไปเสียงดังและเธอก็เชื่อว่าเซี่ยเฟยกล้าที่จะต่อต้านตระกูลสโนว์ดริฟท์ของจักจั่นขาวจริง ๆ ท้ายที่สุดเรื่องที่สกายวิงขับไล่ตระกูลมูนวอร์ดก็เพิ่งจะผ่านพ้นไปไม่นาน ทุกคนในดินแดนกฎจึงยังคงจดจำเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
เซี่ยเฟยไม่เชื่อเลยว่าเซียวรั่วหยูจะอยากอยู่กับจักจั่นขาว แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามโน้มน้าวหญิงสาวชาวโลกคนนี้ยังไง เซียวรั่วหยูก็ยังคงยืนยันคำเดิม
ก่อนที่สนามรบโบราณจะปิดตัวลง เซี่ยเฟยก็ได้ใช้ช่วงเวลานี้ในการพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบหญิงสาวหลังจากไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลานาน และเขาก็ยังเล่าให้เซียวรั่วหยูฟังเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของเธอที่ยังคงอยู่บนดาวโลกอีกด้วย
ความเป็นจริงเซี่ยเฟยไม่เคยเข้าไปหาครอบครัวของเซียวรั่วหยูด้วยตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเขามักจะโทษตัวเองอยู่เสมอว่าเป็นตัวการทำให้หญิงสาวถูกลักพาตัวไป อย่างไรก็ตามเขายังคงออกคำสั่งให้บริษัทควอนตัมปกป้องครอบครัวของหญิงสาวอย่างเต็มที่ แม้แต่ภายในช่วงเวลาสงครามครอบครัวของเซียวรั่วหยูก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ได้รับความยากลำบากเหมือนกับประชาชนคนอื่น ๆ
“เธอจะไม่มากับฉันจริง ๆ เหรอ?” เซี่ยเฟยถามอีกครั้ง
“คุณหนูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน” เซียวรั่วหยูกล่าวตอบพร้อมกับส่ายหัว
“เอาล่ะในเมื่อเธอเลือกทางนี้ฉันก็จะไม่คัดค้านอะไร แต่จำเอาไว้ว่าตราบใดก็ตามที่เธอมีปัญหาเธอสามารถมาที่สวนสายลมเพื่อหาฉันได้ตลอดเวลา ถ้าหากฉันไม่อยู่ให้ฝากเรื่องเอาไว้ที่คุณลุงเซี่ยจงไห่หรือคุณตาเซี่ยอู๋เย่ก็ได้ ฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถจัดการปัญหาของเธอได้ในทันที” เซี่ยเฟยกล่าว
เซียวรั่วหยูพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น ก่อนที่เธอจะกล่าวคำอำลากับเซี่ยเฟย
หลังจากชายหนุ่มกล่าวคำอำลากับหญิงสาวที่เขาไม่ได้เจอมาเป็นเวลานานแล้ว เยว่เกอก็เดินเข้ามาหาสหายด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย
“นายจำได้ไหมว่านายยังเป็นหนี้คำขอของฉันอยู่ 1 ข้อ”
จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งใจ ก่อนที่เขาจะรีบตามแบล็คกี้กับไวท์ตี้ไปพบเทพขาวกับเทพดำที่ยังคงรอเขาอยู่
***************
ไม่มีทางที่เยว่เกอจะมีโอกาสในเชิงชู้สาวกับพี่เฟยจริงๆนะ เจอที่ไรพี่เฟยหลอนแกทุกที
จบแล้วสำหรับเนื้อหา E-Book เล่ม 14 จบแล้วสำหรับการผจญภัยและการพิสูจน์ตัวตนในฐานะสกายวิงของพี่เฟย หลังจากนี้ก็ติดตามการพัฒนาของพี่เฟยต่อกันนะและรับรองว่าสกิลดูดปัญหาของพี่แกยังทำงานอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดพักแน่นอนจ้า
ประกาศแจ้งข่าว E-Book เล่ม 14 (ตอนที่ 725-780) วางจำหน่ายวันที่ 30 พศจิกายน 2566 น๊า ใครที่รอสอยอยู่รออีกนิดนะจ้ะ เราแปะลิงก์ไว้ให้แล้วหรือสามารถดูข้อมูลและติดตามข่าวสาวได้ที่เพจ สำนักพิมพ์เซียนอ่าน - Xianaan ได้เหมือนกันนะ (❁´◡`❁)
ช่องทาง MEB >> https://bit.ly/3NZ3Qca ช่องทางเด็กดี >> https://bit.ly/3LDePFC ช่องทางปิ่นโต >> https://bit.ly/3M9vXUI
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 434
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น