เดินเล่นชิลๆ ยามเย็น ในวันออกพรรษาที่เขื่อนราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ

-A A +A
1.0x
ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่บนทางเดินริมแม่น้ำ เขาสวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสั้นสีครีม และรองเท้าแตะสีน้ำตาล มือขวาจับราวเหล็กที่เป็นรั้วกั้นริมแม่น้ำ ด้านหลังเป็นแม่น้ำกว้างและมีต้นไม้เขียวขจีอยู่ฝั่งตรงข้าม ท้องฟ้ามีเมฆมาก บรรยากาศดูผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ

เดินเล่นชิลๆ ยามเย็น ในวันออกพรรษาที่เขื่อนราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ

หมวดบทความ: 

อากาศร้อนมาพร้อมกับกลิ่นคาวปลา คือสิ่งแรกที่เราสัมผัสได้เมื่อก้าวเท้าลงมาจากรถ นี่คือเขื่อนอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ

ในช่วงปลายฤดูน้ำหลากอย่างเดือนตุลาคม มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยพากันมาหาปลา ทั้งหากินเองและนำไปขาย ดังนั้นกลิ่นปลาสดๆ ที่เพิ่งถูกนำขึ้นมาจากน้ำจึงวิ่งเข้ามาปะทะจมูกของเรา

เราเดินเกาะศอกแม่ลัดเลาะไปตามถนนปูพื้นคอนกรีต ก่อนมาหยุดอยู่ข้างลาวกั้นระหว่างผืนดินและผืนน้ำ เสียงคลื่นดังซู่ซ่าดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ แต่ไม่ได้ช่วยให้ความร้อนจากแสงแดดลดลงสักเท่าไหร่ แม้ว่าเราจะมองไม่เห็นเนื่องเพราะเป็นคนพิการทางสายตา แต่แม่ของเราก็บรรยายสิ่งต่างๆ ให้ฟังเป็นระยะ การมาเดินเล่นครั้งนี้เลยไม่ได้จืดชืดแต่อย่างใด

"แม่ ถ่ายรูปให้หน่อย" เราพูดพลางล้วงมือเข้าไปหยิบไอโฟน SE 3 ตัวเก่งออกจากกระเป๋ากางเกง "นานๆ มาที มันต้องจัดสักภาพ"

แม่รับสมาร์ทโฟนจากมือเราไป ก่อนจะพาเราไปยืนพิงตรงลาวกั้นริมเขื่อน แล้วถ่ายรูปให้เราประมาณสองสามภาพ

"เอาภาพน้ำ ไม่ก็ภาพคนกำลังหาปลาด้วยนะ" เราเอ่ยบอก

แม่กดถ่ายภาพตามที่เราต้องการก่อนยื่นโทรศัพท์คืนให้ เรารับมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้ตามเดิมก่อนออกเดินต่อ

ภาพผืนน้ำกว้างใหญ่ ด้านหน้ามีราวเหล็กทาสีฟ้าขาว น้ำในภาพดูนิ่ง มีเศษวัชพืชหรือพืชน้ำลอยอยู่ประปราย ท้องฟ้ามีเมฆมาก สีโทนอ่อน ดูสงบและเป็นธรรมชาติ สะท้อนความรู้สึกเงียบสงบของบรรยากาศริมแม่น้ำหรือทะเลสาบ

ภาพกระแสน้ำของเขื่อน

ภาพแม่น้ำกว้างใหญ่ในยามเย็น เห็นท้องฟ้าสีเทาอ่อนกับก้อนเมฆหนาแน่น มีราวเหล็กทาสีขาวกับน้ำเงินอยู่ด้านหน้า ขอบฟ้าด้านหลังเรียบโล่ง มีผักตบชวาลอยกระจายอยู่ในน้ำ บรรยากาศสงบเงียบและดูผ่อนคลาย

ผักตบชวาที่ลอยอยู่ในน้ำ

ทางเดินริมแม่น้ำ มีราวเหล็กกั้นข้างทางอยู่ทั้งสองฝั่ง คนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนหรือเดินเล่นบนทางเดินนี้ ส่วนใหญ่ดูเหมือนมาชมวิว บางคนแต่งกายลำลอง เด็กชายคนหนึ่งกำลังยกแขนขึ้นเล่นหรือชี้อะไรบางอย่าง บริเวณข้างๆ เป็นสนามหญ้ามีเศษขยะและใบไม้อยู่ประปราย ฟ้าในภาพมีเมฆหนาทึบบางส่วนให้บรรยากาศเหมือนฝนใกล้ตก ฉากหลังมีต้นไม้และน้ำในแม่น้ำที่ค่อนข้างนิ่ง

เราหยุดถ่ายภาพกันอีกสักหน่อย

เราเดินลัดเลาะไปตามริมเขื่อนอย่างช้าๆ ขณะที่มีเสียงฟ้าร้องคำรามมาจากที่ไกล คาดว่าคงต้องมีเม็ดฝนตกตามมาในอีกไม่นานเป็นแน่

เขื่อนราษีไศลก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2535 เป็นเขื่อนในกลุ่มโครงการผันน้ำโขง-ชี-มูล ภายใต้การดูแลรับผิดชอบของกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน เพื่อทำการผันน้ำจากแม่น้ำโขง ชี และมูล มาแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ 4.98 ล้านไร่ในเขตภาคอีสาน โดยใช้งบประมาณกว่า 2.28 แสนล้านบาท ใช้เวลาดำเนินการก่อสร้างกว่า 2 ปีจึงแล้วเสร็จ

"ไปถ่ายตรงป้ายเขื่อนไหม?" แม่ถามเราระหว่างเดินดูนั่นนี่ไปด้วยกัน

"ก็ดีเหมือนกัน" พูดพลางเร่งมุ่งหน้าไปยังเป้าหมาย

"มาๆ เดี๋ยวถ่ายให้" พ่อเราเอ่ยขึ้นขณะเร่งฝีเท้าเข้ามาสมทบ

พ่อกดถ่ายรูปสองสามแชะ แล้วยื่นสมาร์ทโฟนคืนให้เรา

ภาพชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าป้ายขนาดใหญ่ ที่มีข้อความว่า “เขื่อนราษีไศล RASISALAI DIVERSION DAM โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามาตล่าง” อยู่ด้านหลัง ข้อความบนป้ายเด่นชัดและเป็นสีขาวบนพื้นสีดำ ส่วนชายคนนั้นสวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสั้นสีอ่อน และรองเท้าแตะ สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นธรรมชาติ มีต้นไม้และพุ่มไม้ด้านข้าง อากาศดูเหมือนช่วงเย็นหรือแดดร่ม

ถ่ายคู่กับป้ายสถานที่สักหน่อย

พวกเราเดินตัดข้ามถนนมุ่งหน้าไปยังอีกฝั่งที่กระแสน้ำค่อนข้างเบากว่า เขื่อนในบริเวณดังกล่าวเป็นเวิ้งกินผืนดินลึกเข้ามา ด้วยน้ำจุดนี้นิ่งกว่าจุดอื่น ทางเขื่อนจึงสงวนเอาไว้เป็นแหล่งอนุบาลพันธุ์ปลา โดยมีป้ายห้ามตกปลาประกาศเอาไว้อย่างชัดเจน

ดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยไปทางตะวันตก ผู้คนทยอยออกมาเดินรับลมเล่น เสียงพูดคุยจอแจดังไม่ขาดระยะ มาถึงตอนนี้อากาศรอบข้างเริ่มเย็นลงบ้าง พวกเราเลยถือโอกาสทรุดนั่งพักผ่อนตรงข้างถนนริมเขื่อนกันสักเล็กน้อย

ระหว่างนั้นมีฝูงลูกปลาราวๆ ร้อยกว่าตัวว่ายน้ำมาทักทาย น่าเสียดายที่ตากล้อง (แม่เราเอง) ถ่ายเอาไว้ไม่ทัน เลยไม่มีภาพมาให้ดูกัน

พวกเราพักอยู่แหล่งอนุบาลพันธุ์ปลากันอีกพักใหญ่ ก่อนจะชักชวนกันเดินกลับไปที่รถ เป็นการจบการมาเดินเล่นที่เขื่อนราษีไศลในวันนี้

ที่จริงแล้วราษีไศลมีสถานที่สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้จำนวนไม่น้อย ทั้งเขื่อนราษีไศลเอง หากทรายหลังวัดกลาง กู่แก้วสี่ทิศที่ตำบลว่านคำ ดงภูดิน ป่าชุมชนประจำอำเภอ รวมถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนในชุมชน ก็ได้แต่หวังว่า หน่วยงานท้องถิ่นจะหันมาเห็นคุณค่าและพัฒนากันอย่างจริงจังในสักวันหนึ่ง

แผนที่

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.