บทที่ 3 ในทางใต้ดิน

นักบู๊หฤโหด

-A A +A

บทที่ 3 ในทางใต้ดิน

บทที่ 3 ในทางใต้ดิน

 

กล่าวถึงเซี่ยเคอพอรู้สึกพื้นห้องพลิกวูบ ร่างของเขาก็ดีดง๋าย พุ่งปะทะชนโต๊ะตัวหนึ่งร่วงลิ่ว ปากส่งเสียงอุทานปลุกเร้าสัญชาตญาณ เบื้องหน้ามืดทะมึน ข้างหูแว่วเสียงลมเร่งร้อน ไม่ทราบพื้นข้างใต้อยู่ลึกเท่าใด คิดเกร็งกำลังทะยานถึงริมผนัง พอช้อนตามองต้องเลิกล้มแต่กลางคัน รอบข้างเวิ้งว่างเปล่า เหลือบเห็นกำแพงห่างไกลลิบลับ ข่มสติระงับความแตกตื่น ก้มลงมองอีกครา ความสูงห่างเพียงหกเจ็ดวาความจริงไม่นับเป็นปัญหาอย่างไร ทว่าเมื่อปราศจากที่หยิบยืมกำลังเปลี่ยนลมหายใจนั่นก็ลำบากมากแล้ว หากร่วงกระแทกพื้นคงรับบอบช้ำภายในสาหัส เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายซ้ำเติมปลิดชีพ

 

คับขันจวนเจียนจึงเปลื้องชุดยาวภายนอกออก สองมือยึดจับชายเสื้อซ้ายขวาสลัดวูบ เสื้อยาวพอถูกลมอัดก็เบ่งพองราวลูกหนัง กลับชะลอความเร็วค่อยๆละลิ่วลง ระดับความสูงเหลือสองวาสูดลมหายใจลึกๆ ขบกรามเกร็งกำลังอึดสุดท้ายถ่วงน้ำหนักหยั่งปลายเท้าแตะพื้นแผ่วเบา แม้ลดทอนแรงดีดสะท้อนส่วนใหญ่กว่าครึ่ง อาการสั่นสะเทือนยังรุนแรงกระทบกระทั่งเลือดลมปั่นป่วน ก่อกวนสมองมึนงงดวงตาพร่ามัว

 

พื้นข้างใต้ปูแผ่นหินเขียวเย็นเฉียบ ทรุดกายนั่งสอดส่ายสายตาสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน สองฟากข้างเป็นกำแพงเหล็กแน่นหนา ตนถูกกักขังในอุโมงค์สายหนึ่ง เบื้องบนกางกั้นแผ่นเหล็กดำมะเมื่อม นอกจากด้านหน้าและหลัง อย่าหมายคิดปีนป่ายเล็ดลอดเด็ดขาด ทอดถอนใจแผ่วเบาคำนึงขึ้น

 

'เซี่ยเคอเอยเซี่ยเคอ เสียแรงท่านผู้เฒ่าทุ่มเทวันเวลา อบรมสอนสั่งห้าปี อุตส่าห์ฝากฝังกระทำเรื่องราวแทน นึกมิถึงวันนี้พอเพิ่งย่างกรายสู่วงพวกนักเลง ก็พลาดท่าหลงกลผู้อื่นง่ายดาย เยี่ยงนี้จะให้แบกหน้าพบท่านผู้เฒ่าได้หรือ'

 

รำพึงท้อแท้รันทดครู่ใหญ่ ขณะจะเงยหน้าทรงกาย ทั่วสี่ทิศแปดทางพลันแว่วซุ่มเสียงเสนาะโสตแจ่มใสดังว่า

 

"ท่านแม้ไม่เสียชีวิต ก็อย่าหมายรอดจากทางใต้ดินนี้ได้"

 

ชายหนุ่มสวมใส่เสื้อยาวดังเดิม ผุดลุกขึ้นกลอกตาหลายตลบ ใบหน้าคมคายซีดขาวปั้นยากขมวดคิ้วย้อนถามกลับ

 

"กูเหนียง(คำเรียกหญิงสาว)เป็นคนสำนักกระบี่หักหรือ"

 

ซุ่มเสียงปริศนานั้นเงียบงันชั่วขณะ จึงหัวร่อคิกคัก

 

"สำนักกระบี่หัก...เฮอะๆ ท่านกล่าวล้อเล่นแล้ว"

 

"อ้อ"

 

เซี่ยเคอกระดากอายจนข้างแก้มแดงซ่าน จรดใบหู ล้วงมือกำขลุ่ยสั้นในอกเสื้อแนบแน่น อีกฝ่ายสามารถสังเกตุล่วงรู้สภาพ แสดงว่าต้องมีช่องลับ คำนวณจากคลื่นเสียงสะท้อนสะท้านยากจำแนกตำแหน่งแน่นอน ข้อสันนิษฐานตนน่ากลัวถูกต้องหลายส่วน ในใจหาบังเกิดโทสะเดือดดาล หัวร่อฮาๆกล่าวอีกว่า

 

"กูเหนียงคิดกักขังข้าพเจ้าตายทั้งเป็น"

 

ขณะเอ่ยวาจา แสร้งยืดอกเชิดหน้าแสดงท่าทีถือดีเขื่องโข ซุ่มเสียงไพเราะราวระฆังเงินคล้ายขบขันหัวร่อเย้ยหยันตอบว่า

 

"นั่นไม่ดีนัก น่ากลัวเราต้องเปลืองเวลาปลีกตัวคอยจับตาสังเกตุ"

 

"ข้าพเจ้าล้างหูรอรับฟังความเห็นสูงส่งของกูเหนียง"

 

ชายหนุ่มรอคอยครู่ใหญ่ ซุ่มเสียงสตรีนั้นหาโต้ตอบไม่ สะกิดปฏิภาณครุ่นคิด

 

'หรือนางคาดเดาเจตนาของเราออก'

 

เงี่ยหูร้องเรียกอยู่หลายคำ คล้ายกรวดทรายสาบสูญกลางทะเลใหญ่ จึงลอบแย้มยิ้มสำรวจผนังซ้ายขวาอีกคำรบ อุโมงค์กว้างเพียงวาเศษ หนทางข้างหน้าคดเคี้ยวหักสอกทอดลึก ครั้นสายตาปรับชินกับความมืดมิด มือซ้ายกระชับขลุ่ยสั้น ส่ายอาดๆมุ่งตรงไปข้างหน้าทันที รุดหน้าประมาณสิบกว่าวา ด้านซ้ายปรากฏทางสายหนึ่งลดเลี้ยวหักมุม ชายหนุ่มเพ่งตาแน่วนิ่งชะงักร่างไว้ แม้นปราศจากอุปสรรค ความคิดระมัดระวังพึงมี

 

ล้วงเศษเหรียญซัดขว้างหยั่งเชิง เสียงกระทบพื้นศิลาสะท้านกังวาน มิพบกับดักกลไกผิดปรกติ ค่อยถอนใจอย่างโล่งอกพลิ้วปราดดุจสายฟ้า หนทางซับซ้อนคดซ้ายวกขวาประหนึ่งเขาวงกต แผนการสำนักกระบี่หักดำเนินแนบเนียน ศักดิ์ฐานะทำเนียบห้ากระบี่คุณธรรม ผู้ใดไหนเลยนึกถึงอุบายเลศนัยซ่อนเร้นจิตเจตนาเคลือบแฝง เหล่าผู้กล้าดื่มกินรับประทานทั้งสุราอาหารบนโต๊ะ จากนั้นเมามายอลหม่าน กระทั่งปะทะต่อสู้ชุลมุน

 

เซี่ยเคอทางหนึ่งปลุกปลอบสมาธิรักษาสติแจ่มใส ห้วงสมองเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อนหลังชัดเจน เมื่อนำข้อมูลปัจจุบัน บวกกับคำบอกเล่าจากอาจารย์ผู้มีพระคุณ ควรทราบสำนักกระบี่หักตรากฎระเบียบเข้มงวด รอบห้าปีหลังไม่รับศิษย์สตรีเหล่าหญิงสาวอาภรณ์เงินนั้น อาจบางทีมิใช่คนของหยางเต๋อ หนำซ้ำเรื่องราวเผยพิรุธอีกประการ ชายชราทั้งสามโต๊ะกึ่งกลาง ชนชั้นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนัก ย่อมมีสิทธิ์อำนาจเฉียบขาด ทว่าตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มจนจบ นอกจากซึมเซาสีหน้าตายด้านแล้ว หาเคลื่อนไหวหรือกล่าววาจาทักทายผู้คนสักครึ่งคำ

 

สตรีปริศนาสักครู่มาวิจารเถิด นางคล้ายยังเหนือล้ำกว่าหยางเต๋ออีกด้วย คนบงการเบื้องหลังหญิงสาวผู้นั้นจึงน่าสงสัย ลำดับหลายปมปัญหาผูกเชื่อมโยงลางสังหรณ์ส่วนลึก ประวัติถึงสตรีเยาว์วัยปลอมเป็นนักศึกษาบนเรือ ภายหลังตนบังเอิญรับทราบวลีติดต่อกันของคนขบวนดังกล่าว จึงเปิดฉากเข่นฆ่าอำมหิต หากปัจจุบันเกี่ยวพันถึงขบวนการลึกลับ เขานับว่าถูกกระชากลงวังวนปริศนาบู๊ลิ้มแล้ว

 

ผ่านทางหินเขียวเลี้ยวโค้งติดต่อกันสามครั้งครา ด้านหน้าพลันปรากฏลมเย็นโชยกลิ่นเหม็นคาวปะทะจมูกชวนอาเจียน แว่วเสียงครวญครางแผ่วล้า สลัดศีรษะขับไล่อาการมึนงง พลางรีบสาวเท้าก้าวปราด ร่างหนึ่งนอนเหยียดยาวขวางทาง ข้างกายมันทิ้งดาบหัวตัดพร้อมฝัก คนผู้นั้นพอดีกลอกลูกในตาพบ ขยับเขยื้อนริมฝีปากเค้นเสียงแหบพร่าเอ่ยถามว่า

 

"ท่านมิได้ถูกพิษ"

 

ชายหนุ่มก้มลงพินิจทอดระยะห่างวาเศษ ผงกศีรษะช้าๆย้อนถาม

 

"อาการท่านยังมีหนทางเยียวยาหรือไม่"

 

"เราก็มิทราบ"

 

ส่ายศีรษะคราหนึ่ง ลำคอคล้ายจุกแน่นด้วยวัตถุของแข็ง กล้ามเนื้อทุกส่วนบิดกระตุกโดยแรง ผิวกายขาวอมเขียวปราศจากโลหิตแต่แรก ยามนั้นค่อยๆปริแยกเปื่อยยุ่ย น้ำหนองสีดำคล้ำส่งกลิ่นสะอิดสะเอียนอบอวนทั่วบริเวณ

 

เซี่ยเคอสยิวกายพุ่งถอยสามเชียะ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาขาวซีดชาด้านอ้าปากค้าง เบิ่งตาจ้องมองการเปลี่ยนแปลงแทบไม่กระพริบ กะโหลกศีรษะแตกร้าวสลาย ลามเลียสู่โครงกระดูกทั่วร่างแตกแยกหักกระจัดกระจาย กระทั่งดาบเหล็กกล้ายังผุกร่อนดัดงอ ชั่วพริบตาน้ำสีดำคล้ำเจิ่งนองไหลเยิ้มขยายวงกว้างร่วมสองวา

 

ชายหนุ่มสะพรึงกลัวขนลุกเกรียว สภาพสยดสยองอเนจอนาถ ไหนเลยชมดูสืบต่อ ตวาดกึกก้องโถมกายลอยตัวข้ามไป วิ่งตะบึงหักสอกอีกครา ทางหินเขียวทอดยาวห้าลี้ ปราศจากร่องรอยเหล่าผู้กล้าอีก

 

ทันใดริมโสตแว่วเสียงแผดด่า เสียงเหล็กโลหะกระทบถี่ยิบ ในใจพลันคึกคักอักโข ตื่นเต้นราวคลุ้มคลั่ง ฝีเท้าพลอยเพิ่มความเร็วมากมายนัก ประมาณสองร้อยวาแสงสว่างริบหรี่ส่องลอดสู่คลองจักษุ ซุ่มเสียงคุ้นหูร้องเตือนอีกผู้หนึ่ง จากนั้นเสียงเจื้อยแจ้วตวาดเพ้ย พลังลมแหลมเล็กผสานเสียงประอาวุธเซี่ยเคอทั้งรุ่มร้อนทั้งกระวนกระวาย โถมปราดกวาดตาสำรวจชัดเจนต้องร้องโพล่งอย่างยินดี

 

"หานซง"

 

ปากทางอุโมงค์บังเกิดฉากประหัตประหารดุเดือด สภาพแบ่งออกสองฝ่าย ดรุณีน้อยเสื้อเหลืองสี่นาง แยกย้ายกลุ้มรุมบุรุษฉกรรจ์สองคน บุคคลแรกคือหานต้าปิน อีกคนแต่งกายชุดบัณฑิตรูปกายสันทัดไว้หนวดเรียวเหนือริมฝีปาก ใบหน้าแม้เหงื่อกาฬไหลโซม ยังแฝงสง่าเปี่ยมราศีสูงส่ง โบกพัดจีบก้านทองปิดสกัดท่ากระบี่ดรุณีทางซ้าย พร้อมกันนั้นล่าถอยเฉียงๆสองก้าว ปลายกระบี่ดรุณีทางขวาจึงเฉียดผ่านเสื้อผ้าชายโครงหวุดหวิด รุกรับด้วยกิริยาสงบหนักแน่น ดูท่าคู่คี่ก้ำกึ่งยากจำแนกผลแพ้ชนะ

 

ทั้งสองเนื่องจากลงมือบุกฝ่านานนับครึ่งชั่วยาม ประกอบดรุณีเสื้อเหลืองมีเพลงกระบี่ลี้ลับพิสดาร สภาวะยิ่งนานยิ่งแผ่วพลิ้วรวดเร็ว หานต้าปินควงดาบเก้าห่วงวกฟันใส่ไหล่ขวาดรุณีคนแรก ดาบเพิ่งจู่โจมถึงกลางคัน ดรุณีอีกผู้หนึ่งพลันตวาดแหลมเล็ก โอบกระหนาบเสือกแทงกระบี่แยกย้ายสองบนหนึ่งล่าง ประกายพร่าพรายสาดครอบคลุมจุดเส้นสำคัญท้ายทอยกลางหลัง มันใจหายวาบคิดรั้งกระบวนท่าถลันหลบเลี่ยง

 

ดรุณีเสื้อเหลืองคนแรกคำนวณมั่นเหมาะ ชิงก้าวขวางสองเชียะหลบจากคมดาบด้านตรง จากนั้นเขี่ยกระบี่ขึ้นจากแง่มุมอับ กวาดใส่ซีกขวาอีกฝ่ายดุจสายฟ้า สภาวะแม้ว่องไวคล่องแคล่ว ยังแฝงความเร้นลับเยียบเย็น หนุนเนื่องประสานเสริมเยี่ยงนี้ ไม่เพียงรัดกุมเข้มแข็ง มิหนำปิดกั้นหนทางถอยอีกฝ่าย

 

หานต้าปินกู่ร้องกังวานชิงกระโดดโผพุ่งขึ้นวาเศษ หมุนคว้างครึ่งรอบกวาดดาบด้วยท่าขวางทั้งกองทัพ ต้านปะทะดรุณีคนแรก ขณะเดียวกันผลักมือซ้ายประทับลงยังศีรษะดรุณีเสื้อเหลืองอีกผู้หนึ่ง

 

ดรุณีนางนั้นรู้สึกร่างอีกฝ่ายลื่นไถล เบื้องบนก็ปรากฏพลังหนักหน่วงกดกระแทกลง แค่นเสียงเย็นชาเปลี่ยนจากแทงเป็นตวัดปลายกระบี่จี้ใส่ข้อมือ แม้คับขันใช้ออกทีหลังกลับบรรลุถึงก่อน หานต้าปินหากมิหดรั้งกลับชีพจรต้องถูกทำร้าย

 

ดรุณีคนแรกจู่โจมมิสำเร็จ เห็นดังนั้นรีบรุกไล่ซ้ำเติม ประกายคมกริบแตกแยกเป็นบุปผาห้าดอก ครอบคลุมร่างท่อนบน

 

หานต้าปินเคลื่อนขวางทางขวาสามก้าว มือซ้ายพอรั้งกระบวนท่า ดาบมือขวาฟันขวาง พลังเกรี้ยวกราดดุดันขู่ขวัญดรุณีคนแรกเลิกคิ้วสูงชัน ร่างลอยพลิ้วราวนางแอ่นโฉบคลื่น เสียงเคร้งๆเมื่อปลายกระบี่ฉกฉวยจังหวะปิดป้องหยุดสภาวะดาบชะงักงัน ริมโสตแว่วเสียงเรียกหาคำหนึ่ง

 

หานต้าปินขณะเหลียวหน้ากลับ ดวงตาทอประกายความหวังเด่นชัด อุทานอย่างปีติลิงโลด

 

"ไฮ้!น้องแซ่เซี่ย"

 

ชายหนุ่มซุกเก็บขลุ่ยสั้นลงกระเป๋าเสื้อ โห่ร้องสนั่นหวั่นไหว เงาสีขาวถลันวูบ ท่าเท้าพลิกแพลงสุดหยั่งคาด ดรุณีน้อยหนึ่งในสองหันขวับ จู่โจมกระบี่ด้วยสภาวะเผ็ดร้อน ปลายอาวุธเยียบเย็นสั่นอึงอล จุดแต้มมากมายพวยพุ่งดุจสะเก็ดหิมะ ชั่วอึดใจสะบัดเสือกแทงสิบสองกระบี่

 

เซี่ยเคอขมวดคิ้วสีหน้าซีดขาวเคร่งเครียดกระด้าง ประกบนิ้วชี้นิ้วกลางทะลวงผ่านประกายอาวุธอย่างหักโหม ดรรชนีแหลมคมราวสว่านเหล็กกล้า เสียดสีบรรยากาศน่าหวาดหวั่น ดรุณีนางนั้นกรีดร้องแตกตื่น ข้อมือขวาเบาหวิวไร้น้ำหนักทันที อาวุธปลิวกระเด็นร่วงห่างสองเชียะ พริบตาที่พรึงเพริด ข้อมือข้างนั้นพลันถูกคว้าถนัดถนี่ อาการเจ็บปวดแล่นทั่วสรรพางค์ ครึ่งซีกชาด้านรวดร้าวเรี่ยวแรงสูญสลาย

 

ชายหนุ่มช้อนมองผสานสบกับดรุณีเสื้อเหลือง เห็นหน้าผากปรากฏหยาดเหงื่อผุดพรายขับเน้นความผุดผาดเยิ้มปานจะหยด

 

ฝ่ายบุรุษฉกรรจ์แต่งกายเยี่ยงบัณฑิต พบเห็นมีผู้มาช่วยเหลือจึงรีบเร่งยุติการต่อสู้ คลี่พัดดังควาก กรีดปาดสลับซับซ้อน เงาสุดคณานับกระจายเกลื่อนฟ้า เหล็กโลหะปะทะถี่ยิบ สะเก็ดไฟแลบแปลบปลาบ ขณะจะโผพุ่งกายชิงยื่นมือจี้จุดดรุณีน้อยทางขวา มิคาดเสียงหวีดสัญญาณลากผ่านอากาศกระทบโสต คลื่นเสียงยาวสามสั้นสอง ดรุณีทั้งสองไม่คำนึงมากความ กู่เสียงสดใสพลิกง๋ายฝ่ามือขึ้นพร้อมเพรียง กลุ่มหมอกเขียวกระจายจ้า สายตาทุกผู้คนมืดวูบวาบ ห้วงสมองมึนงงสับสน ดังนั้นรีบถีบเท้าถอยหลังสุดแรง ปิดกั้นลมหายใจไว้ รอจนหมอกประหลาดถูกหอบพัดแตกสลาย ค่อยลืมตาขึ้นกราดทั่วบริเวณหลายตลบ ที่แท้ดรุณีสามคนอาศัยจังหวะเมื่อครู่ชิงหลบหนี คาดว่าได้รับสัญญาณเสียงหวีดจึงล่าถอยเร่งด่วน

 

หานต้าปินกระพริบตาเพ่งมองเซี่ยเคอแวบ ดรุณีน้อยเสื้อเหลืองยืนก้มศีรษะเงียบงัน ข้อมือขวายังถูกอีกฝ่ายคร่ากุม นิ้วทั้งห้าชายหนุ่มบีบเค้นเส้นชีพจรเบาๆ บัณฑิตนั้นโบกพัดจีบทอดถอนใจเอื้อนเอ่ยว่า

 

"น้องชายท่านนี้พลังฝีมือสูงเยี่ยม ขอบังอาจเรียนถามนามสูงส่ง"

 

ครั้นแล้วคนทั้งสามผงกศีรษะทักทายพลางแนะนำ บัณฑิตฉกรรจ์ฉายาบัณฑิตปราดเปรื่องมู่หยงคัง มันแม้ร่วมงานฉลองอวยพรเจ้าสำนักกระบี่หัก แต่มิแตะต้องสุราอาหารสักน้อยนิด หานต้าปินกลับจิบสุราสองสามคำ บัณฑิตปราดเปรื่องรับฟังยิ้มแย้มเพ่งพิศสีหน้ามันชั่วขณะ จึงหัวร่อฮาๆกล่าวว่า

 

"ขอแสดงความยินดีกับหานซง ท่านน่ากลัวถูกพิษแล้ว"

 

หานต้าปินกระพริบตาถามอย่างสงสัย

 

"ท่านคล้ายยินดีกับคราเคราะห์ผู้คน"

 

"คำกล่าวว่าไว้บัณฑิตไม่ออกจากบ้านรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง เราพอพ้นประตูคฤหาสน์แทบพลาดพลั้ง ยังคงกักตัวคร่ำเคร่งตำราอีกห้าปีสิบปีเถอะ"

 

เซี่ยเคอแย้มยิ้มปลอดโปร่ง เม้มปากกล่าวเสริมว่า

 

"วาจามู่หยงซงล้ำค่าดั่งเพชรนิล ผู้น้องเพิ่งย่างเท้าเหยียบพสุธา พานแทบร่วงพลัดในกระแสน้ำแล้ว"

 

"ฮาๆกล่าวประเศริฐ"

 

พลางเบือนศีรษะปรายตาแก่หานต้าปินกล่าวสืบต่อ

 

"พิษร้ายใดพอถึงมือเรา มั่นใจหลายส่วนสามารถขจัด สิบสองชั่วยามยังไม่กำเริบ หานซงโปรดร่วมทางคลายเหงาสักครา"

 

หานต้าปินทดลองโคจรพลังเที่ยวหนึ่ง จุดตังชั้งบริเวณท้องน้อยคันยุบยิบพิกล ผงกศีรษะเห็นพ้องชี้มือประกอบกล่าวถามเซี่ยเคอว่า

 

"น้องเราสตรีนางนี้จะจัดการอย่างไร"

 

ชายหนุ่มหลุบคิ้วครุ่นคิดตอบเสียงราบเรียบ

 

"ระหว่างทางผู้น้องบังเอิญล่วงรู้วลีหลายประโยค ปมปริศนามากมายหวังว่ากระจ่างแจ้งจากปากกูเหนียงนี้บ้าง"

 

บัณฑิตปราดเปรื่องหัวร่อฮาๆ โบกพัดจีบเสนอแนะ

 

"จับโจรจับหัวหน้า สืบทราบต้นตอควรสาวให้ถึงราก"

 

"น้อมรับปัญญาเปรื่องปราด วันหลังข้าพเจ้าใคร่ชักชวนมู่หยงซงวิจารภาพวาดสักหลายภาพ"

 

ครั้นแล้วคนทั้งสามนัดแนะตกลง หานต้าปินร่วมทางกลับคฤหาสน์ตระกูลมู่หยง เซี่ยเคอสำรวจรอบข้าง ที่แท้เขาบรรลุถึงกลางทุ่งกว้างรกร้าง ดรุณีเสื้อเหลืองถูกสยบจุดสำคัญ ไม่สามารถเคลื่อนไหวกล่าววาจา

 

ชายหนุ่มหรี่ตาใบหน้าเหี้ยมโหดกระด้าง หลังตบคลายจุดใบ้ ยังจี้จุดลับอีกสองแห่ง ดรุณีเสื้อเหลืองกลอกตาหยาดเยิ้ม บุคคลตรงหน้าเป็นชายหนุ่มเยาว์วัยเค้าหน้าหล่อเหลาซีดขาวไร้สีเลือด ต้องขุ่นแค้นอัดอกกระชากเสียงกล่าว

 

"เฮอะท่านอำมหิตนัก"

 

ชายหนุ่มแค่นเสียงยะเยียบตัดบท

 

"ทางประเศริฐตอบคำถามเราสักหลายข้อ"

 

"ตอบแล้วเป็นอย่างไร ไม่ตอบจะเป็นอย่างไร หรือท่านกล้าล่วงเกินย่ำยี"

 

"กูเหนียงท่านไม่คล้ายคนสำนักกระบี่หัก ผู้บงการเบื้องหลังเป็นใคร"

 

ดรุณีเสื้อเหลืองแม้ถูกสยบ ไหนเลยยินยอมอ่อนน้อม เชิดปากถลึงตากล่าวอย่างดื้อรั้น

 

"บอกสักหลายคำก็มิเป็นไร สำนักกระบี่หักอันต่ำต้อย ยังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลพวกเรา"

 

แสดงแน่ชัดหยางเต๋อและผู้อาวุโสทั้งสาม อาจถูกหลอกใช้หรือหลงกลต่อพิษชั่วร้าย รับคำสั่งเหล่าสตรีขบวนการลี้ลับอีกทอด นิ่งเงียบงันมุมปากประดับรอยยิ้มปลอดโปร่งเอ่ยถามว่า

 

"ห้วงนภาเวิ้งว้างวิมานวาบหวามหมายความอย่างไร"

 

ดรุณีเสื้อเหลืองคล้ายประหลาดใจยิ่ง สีหน้าเปลี่ยนแปรกลับกลายแค่นเสียงเฮอะชายหนุ่มยกมือแช่มช้ารอคอยเนิ่นนาน นอกจากยืนแน่วนิ่งท่าทีแข็งกร้าวหยิ่งยโสแล้วหาปริปากยอมบ่งบอก ลอบชมเชยในใจปากเค้นเสียงทุ้มต่ำกระตุ้นเตือน

 

"ผู้ทราบสถานการณ์จึงรอดพ้นมหันตภัย หากคิดมีชีวิตจงร่วมมือกับเราโดยดี"

 

หยุดสังเกตอากัปกิริยาแล้วกล่าวสืบต่อ

 

"ถามประโยคสุดท้าย หากมิตอบตามสัตย์จริง เราจะจี้จุดบนเส้นชีพจรพิสดารท่านอีกตำแหน่ง รสชาติเลือดลมตีย้อนกลับชำแรกอวัยวะตีบตัน คาดว่าสุดทนทานรับไหว สุดฟ้าใต้ภิภพคือสถานที่ใด"

 

ดรุณีน้อยเสื้อเหลืองห่อไหล่กล้ามเนื้อสั่นระริก ประกายใสกระจ่างสองหยดเกลือกกลิ้งเอ่อคลออาบแก้ม น่าสมเพชเวทนาราวลูกนกตกน้ำก็ปาน เปล่งเสียงสะอึกสะอื้นแผ่วเบา นางคล้ายกำลังเผชิญบุรุษเหล็กหุ่นศิลา มันอายุเยาว์วัยไฉนมีจิตใจแข็งกระด้างทารุณปานนี้ ละล้าละลัง หวาดหวั่นพรั่นพรึงปานจะขาดรอน พานก้มหน้าลงต่ำยิ่งนานยิ่งร่ำไห้หลั่งน้ำตาเนืองนองราวไข่มุกหลุดจากสาย ปลุกปลอบขวัญช้อนตาบวมแดงตัดพ้อละล่ำละลัก

 

"อำมหิตเหี้ยมโหดนัก กงจู่ย่อมตามล้างผลาญสับท่านเป็นหมื่นๆชิ้น"

 

"เหอะ!กูเหนียงเราบอกกล่าวชัดแจ้งยิ่ง โอกาสเหลือเพียงใยเดียว"

 

ชายหนุ่มเค้นเสียงเกรี้ยวกราด คำใยเดียวทอดสำเนียงแช่มช้า พลางยื่นนิ้วชี้ห่างจากร่างอีกฝ่ายครึ่งเชียะ ดรุณีเสื้อเหลืองเคียดแค้นระคนอับอายกลายเป็นโทสะประดัง คนเมื่อหวาดกลัวถึงขีดสุด ก็กล้าหาญถึงที่สุด ขบกรามกล้ำกลืนน้ำตา พลังซ่อนเร้นเฮือกสุดท้ายผลักดันหนุนเสริม กรีดร้องแหลมเล็ก โน้มร่างพุ่งปะทะชนสุดกำลัง

 

ชายหนุ่มคาดคำนวณอยู่ก่อน ชิงจี้นิ้วใส่จุดเส้นทรวงอกด้านซ้ายนางดุจสายฟ้า ตวัดเท้าเตะฉาด ร่างแน่งน้อยลอยขึ้นวาเศษ ร่วงกระแทกพื้นห่างสามเชียะ ผมเผ้าถักเปียรุ่ยสยายรุงรัง มุมปากปรากฏเลือดแดงฉานหยดหยาดแปดเปื้อนปกเสื้อราวบุปผาโลหิตเบ่งบาน กายชักกระตุกเบิ่งตาแทบถลน สารรูปคล้ายปีศาจผุดโผล่ห้วงอเวจี แขนขาบิดเกร็ง พลันสิ้นสติสมประดี...

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.