chapter 10 ติดกับ

คาร์น ดินแดนเวทมนตร์

-A A +A
อ่านต่อ

chapter 10 ติดกับ

        เหล่านักผจญภัยที่ยังมีแรงเหลือได้ช่วยกันทยอยนำเพื่อนของตนกลับเข้าเมืองเพื่อทำการรักษา โดยแม้บางคนถึงจะรักษาไปก็ไม่ทำให้แขนหรือขางอกกลับมา ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าตายไปซะยังดีกว่าการเป็นภาระของคนอื่น แต่ก็ยังมีคนรอดที่ยังดีใจเพราะตนจะได้รับรางวัลใหญ่ตามที่ออสตินเคยได้บอกเอาไว้ แม้จะต้องพิการจนไม่สามารถทำงานได้ต่อ

        “นี่เป็นกฎของเมืองนะครับคุณออสติน เรื่องการส่งมอบวัตถุดิบมอนสเตอร์ เพื่อพัฒนาเมืองให้ก้าวหน้ามากขึ้นในอนาคต” แกริคพูดออกมาพร้อมทำท่ามองขึ้นไปบนฟ้าและชูทั้งสองมือ

        “ใช่ๆนี่เป็นกฎ ถ้าคุณไม่ส่งมอบให้กับทางเราถือว่าคุณมีโทษ” ครูดผู้เป็นน้องฝาแฝดได้พูดแทรกขึ้น ก่อนจะเดินถอยหลังหลบสายตาของออสตินไปอยู่หลังแกริค

        “ก็ได้…..งั้นพวกแกก็ขนกันไปเองละกัน” ออสตินกำหมัดในตอนพูด ก่อนจะเดินไปต่อยต้นไม้จนเกิดเสียงดัง และหันไปเจอลุคที่เดินทางมาถึงพอดีพร้อมกับลูกทีม

        เขาเข้าไปหาเพื่อนของตนที่สภาพย่ำแย่ แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรลุคก็ได้กระซิบอะไรบางอย่าง แล้วเดินผ่านคนเจ็บมากมายตรงเข้าไปในเมือง ทิ้งความงุนงงของออสตินที่สับสนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในป่ากันแน่

 

        ผ่านไปหลายชั่วโมงทุกคนก็ยังคงช่วยกันพาคนเจ็บกลับเข้าเมือง บางส่วนก็ได้ทำการจัดการขนศพมอนสเตอร์ไปทิ้งในป่าเพื่อทำลายทิ้ง ก่อนจะทำการล้างถนนลูกรังด้วยเวทย์น้ำจนในที่สุดทุกอย่างก็กลับมาสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว และก็เป็นเวลาช่วงเย็นของวันพอดี ออสตินที่เห็นว่าทุกคนเหนื่อยล้าจึงได้ไล่ทุกคนกลับไปพักก่อน เพราะถ้าฝืนจัดงานเลี้ยงไปงานจะกร่อยเปล่าๆ

        “พี่ลูเทียร์ขอบคุณมากนะคะ” อีฟกล่าวขอบคุณ ก่อนที่เธอจะเดินไปหาอะไรทานกับลอยด์ที่มีงูพันคออยู่

        หลังจากกันลูเทียร์ก็ได้ไปหาอะไรทานเหมือนกัน ก่อนจะกลับไปยังที่พักเมื่อทานเสร็จ โดยระหว่างกลับเจ้าตัวก็ได้เห็นลุคเดินเข้าไปยังตรอกมืดแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอก็คิดจะตามเข้าไปแต่สุดท้ายก็ฉุกคิดได้ ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเธอพร้อมตรงกับที่ยังที่พัก

 

        เช้าวันต่อมา

        ลุคเดินมาหยุดยังห้องหนึ่งภายในกิลด์ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป โดยไม่ส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ในห้องได้รู้ ซึ่งวันนี้เขาได้ดูแตกต่างออกไปเพราะมือขวาได้สวมถุงมือเอาไว้ 

        “มาแล้วหรอ” ออสตินที่นั่งจัดการกับกองเอกสารได้เอ่ยทักทาย ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องมาเลยว่าเกิดอะไรขึ้น โดยที่เจ้าตัวก็ยังคงจดจ่ออยู่กับเอกสารตรงหน้า

        ชายหนุ่มเดินมานั่งโซฟาพร้อมกับเอามือประสานกันไว้ด้านหน้า พร้อมกับบอกสิ่งที่ออสตินต้องตกใจแน่ๆ “แม่มดยังไม่ตาย” 

        “ห๊ะ! อะไรนะ” 

        “ก็ตามที่บอกไป แม่มดยังไม่ตาย……เราไม่มีทางชนะได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เธอแข็งแกร่งเกินไป” เขาพูดพร้อมกับประสานมือกันแน่น

        “แต่นายบอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้วนิ” ออสตินพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งโซฟาตรงข้ามลุค เพื่อฟังคำอธิบายมากกว่านี้

        ลุครู้สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการเขาจึงได้ถอดถุงมือให้ดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยสิ่งที่เห็นก็คือสัญลักษณ์รูปหัวกระโหลดที่หลังมือขวา ก่อนจะเริ่มอธิบายต่อว่ามันทำงานยังไง

        “ผมได้ไปถามคนรู้จักมาแล้วว่าไอ้สัญลักษณ์นี้คืออะไร มันคือคำสาปผูกดวงจิต……มันก็เหมือนเวทย์สัญญาที่เราใช้กันทั่วไป แต่เจ้าเวทย์นี้มันจะทำงานจนกว่าผู้ทำสัญญาจะเป็นคนยกเลิกเอง แม้จะตายไปแล้วคนทำก็ยังสามารถควบคุมร่างที่เป็นศพได้” 

        “ขอถามได้ไหมทำไมถึงจัดการไม่ได้” ออสตินสงสัยมากๆว่าทำไม

        “เธอเหมือนจะทำอะไรกับร่างกายตัวเอง ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก้พอมั่นใจว่าสิ่งนั้นต้องเป็นอะไรที่เราต้องสูญเสียมากมายแน่ๆ เพื่อจัดการมัน” ถึงจะเป็นแค่ลางสังหรณ์แต่มันก็อาจจะเป็นอย่างที่ลุคพูด

        “ฉันไม่รู้จะพูดคำไหนนอกจากขอบคุณนายจริงๆ ถึงแม้ผลลัพธ์มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่หวัง” 

        “เธอคือ เลน่า สตียาร์ด ลูกสาวของเจ้าเมืองคนก่อนที่ถูกขับออกจากเมืองไป” 

        ออสตินที่ได้ยินก็ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เพราะเขาคิดว่าครอบครัวนั้นได้ตายกันไปหมดแล้ว เนื่องจากไม่มีวี่แววหรือข่าวอะไรที่บอกว่าครอบครัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ แถมพอปรากฏตัวก็ดันเป็นภัยอันตรายกับเมืองอีก 

        ทั้งสองเงียบกันอยู่สักพักก่อนที่ลุคจะขอตัวกลับเพราะเขามีเรื่องต้องไปจัดการ แต่ก่อนกลับออสตินก็ได้บอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะทำ และยังบอกอีกด้วยว่าให้มางานเลี้ยงในตอนเย็น จะได้ผ่อนคลายจากเรื่องของแม่มด และเพื่อฉลองให้กับชัยชนะพร้อมกับรำลึกถึงคนที่จากไป  โดยเมื่อจบเรื่องลุคก็ได้ขอตัวและลงไปด้านล่าง ก่อนจะได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มที่กำลังคุยบางอย่างกับเกรซหน้าเคาน์เตอร์

        “ทำพันธะสัญญาต้องทำยังไงบ้างครับ” ลอยด์ที่ต้องการทำพันธะสัญญากับสปิริตธาตุที่ตนครอบครองอยู่ ได้มาขอให้เกรซสอนเพราะเธอเป็นไม่กี่คนที่ทำพันธะสัญญาเป็น

        “ก็ได้นะ แล้วทั้งสองคุยกันรึยัง เพราะถ้าทำแล้วทั้งคู่จะไม่สามารถยกเลิกได้นะ” เกรซอธิบายพร้อมท่าทางตื่นเต้นและดีใจ แต่ก็แอบกลัวอยู่เล็กน้อยเนื่องจากถูกขอให้ช่วยทำพันธะครั้งแรก เพราะปรกติคนที่ทำให้จะเป็นพวกจอมเวทย์จากเมืองเวสเทียร์มากกว่า

        “ผมคุยกับคุณลินดาเรียบร้อยแล้วครับ” ลอยด์หันไปมองลินดาที่เป็นงูพร้อมกับส่งยิ้มให้

        เกรซที่กำลังคุยกับลอยด์อยู่พอเห็นลุคเดินลงมาก็ได้เผลอเรียก ซึ่งอีกฝ่ายก็เดินมาคุยด้วยเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งที่ลานด้านหลังอาคารกิลด์

        เวลาต่อมาเกรซได้เริ่มทำพิธีเพื่อทำพันธะสัญญาให้ทั้งคู่ โดยก่อนอื่นก็ได้ย้ายที่ไปที่ห้องไม่มีคนเพราะตอนทำจะมีเสียงดังเล็กน้อย โดยจากเริ่มเขียนวงเวทย์อักษรรูนสองวงลงบนพื้นซึ่งให้พวกเขาไปยืนคนละที่ และเมื่อทั้งคู่เตรียมตัวพร้อมเป็นที่เรียบร้อย เกรซก็ได้ปล่อยมานาเข้าไปยังตัวอักษรที่เขียนไว้เพื่อให้มันทำงาน 

        “อะไรเนี่ย!” 

        ลอยด์ตะโกนออกมาเมื่ออยู่ๆเขาก็รู้สึกเจ็บบริเวณมือขวา ก่อนที่เกิดอักษรรูนจะปรากฏขึ้นที่นิ้วนางขวา ส่วนทางด้านของลินดาเธอก็ได้มีอักษรูนปรากฏขึ้นเหมือนกัน แต่ของเธอเป็นบริเวณตรงด้านหลังที่เป็นเกล็ด ซึ่งมีแค่ไม่กี่ตัวอักษร ความเจ็บปวดยังคงแสดงออกมาอยู่หลายนาที แต่ในระหว่างนั้นพื้นที่ตรงกลางที่เป็นช่องว่างของทั้งสอง ก็ได้เกิดแสงละอองมานาซึ่งเป็นเหมือนการเชื่อมต่อทั้งทางด้านจิตใจและร่างกายเข้าด้วยกัน และในที่สุดพิธีก็จบลงโดยที่ไม่มีใครเป็นอะไร

        “เหนื่อยหน่อยนะ ตอนของพี่ก็เป็นแบบนี้แหละ” เกรซเดินไปพยุงตัวของลอยด์ที่ลุกขึ้นมา ก่อนที่จะพาลงไปชั้นล่าง

        “ผมขอถามหน่อยได้ไหมครับว่า พี่เจอกับสปิริตธาตุของพี่ตั้งแต่ตอนไหน” ลอยด์ที่สงสัยว่าพี่สาวที่พยุงเขาอยู่ได้ทำพันธะตั้งแต่ตอนไหน จึงเผลอถามออกไปทั้งๆที่รู้ว่าเสียมารยาทแต่ก็ไม่ทันแล้ว

        เกรซทำหน้าคุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะตอบ “ตอนพี่อายุประมาณสิบสองมั้ง น่าจะตอนที่พี่หลงทางในป่าน่ะ” 

        เด็กหนุ่มตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำพันธะตั้งแต่เด็ก ซึ่งการแสดงออกทางสีหน้าก็ทำให้เกรซถึงกับหัวเราะออกมา ก่อนที่ลอยด์จะถูกพาตัวมานั่งด้านล่างเพื่อรออีฟที่ออกไปข้างนอก พร้อมลินดาที่กำลังนอนพันอยู่ที่บ่า

        ลานกว้างด้านหลังกิลด์

        วันนี้ลานกว้างก็ยังมีผู้คนมาใช้งานกันอยู่ เนื่องจากโรงฝึกคนเยอะแถมมีแต่พวกอวดเบ่ง คนที่ไม่ค่อยเก่งจึงแอบมาฝึกกันที่นี่รวมถึงลูเทียร์ ที่เธอกำลังฝึกดาบกับนักผจญภัยชายคนหนึ่งที่ใช้หอก โดยทักษะการใช้ดาบนั้นเรียกว่าดีขึ้นมาก เพราะเธอสามารถเบี่ยงหอกที่แทงเข้ามาก่อนจะปัดมันออกจากมือได้ นั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคนที่ใช้ดาบจนชำนาญจะเป็นยังไง

        ‘เอายังไงดี’ ลุคที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้พร้อมมองไปทางลูเทียร์ ซึ่งขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็พอรู้ตัวอยู่บ้างว่าโดนมอง

        ชายหนุ่มยังคงนั่งนิ่งพร้อมคิดอะไรบางอย่าง โดยสาเหตุเป็นเพราะออสตินที่ได้บอกบางอย่างแก่เขา เกี่ยวกับกิจกรรมที่กำลังจะถูกจัดขึ้น และมันก็เป็นเวลานั้นพอที่ลูเทียร์เริ่มจะทนไม่ไหวที่กำลังถูกจ้องมอง จนเธอต้องเดินไปหาลุคที่เหมือนกำลังนั่งเหม่อ

        “นี่…มีอะไรรึเปล่า” 

        “ห๊ะ!” ลุคที่พึ่งได้สติจากเสียงเรียกก็ได้เงยหน้ามองคนตรงหน้า

        “ก็เห็นว่ามองมาตั้งนานแล้วมีอะไรรึเปล่า” ถึงลูเทียร์จะอยากให้อีกฝ่ายสอนเรื่องต่อสู้ แต่ถ้าเป็นฝ่ายตามตื้อตลอดเธอก็เสียศักดิ์ศรีหมดพอดี เจ้าตัวจึงขอเล่นตัวบ้างถึงไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็เถอะ

        “พอดีมีเรื่องจะถาม….” เจ้าตัวทำหน้าเคร่งเครียดก่อนจะพูดออกไป “เธอช่วยมาเป็นลูกทีมฉันรึเปล่า”

        “อะไรนะ!” ลูเทียร์ตกใจจนเผลอจนตะโกนออกไปเสียงดัง จนคนที่อยู่รอบๆหันมามองกันว่าเกิดอะไรขึ้น

        “ก็ตามที่พูดไป ตอนนี้ฉันต้องการลูกทีมด่วน” 

        “แล้วไอ้หลายวันที่ฉันตามตื้อนายให้มาสอนนี่คืออะไร อยู่ๆก็มาขอให้เป็นลูกทีมอะไรก็ไม่รู้ นายจะไม่หน้าด้านเกินไปหน่อยหรอ” 

        “เรื่องนั้นฉันต้องขอโทษด้วยเนื่องจากพอดีมีธุระ แต่ตอนนี้ว่างแล้ว” ลุคยังคงพูดออกไปแม้จะฟังไม่ค่อยขึ้น

        ลูเทียร์ที่เบื่อจะฟังจึงหันหลังเดินหนีไปพร้อมอารมณ์ที่เดือดสุดๆ

        “รางวัลเป็นเงินสำหรับผู้ชนะ ถ้าแบ่งกันพอน่าสนใจรึเปล่า” พอหมดหนทาง ลุคจึงต้องใช้ไพ่ตายที่ยังไงก็ต้องยอม ซึ่งดูๆแล้วก็น่าจะได้ผลอยู่พอสมควร เพราะลูเทียร์ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับมาและถามว่าคือค่าอะไร

        “รางวัลของกิจกรรมที่ใกล้จะถูกจัดขึ้น ซึ่งคนชนะก็ได้ทั้งหมดไป แต่ต้องแบ่งกับลูกทีมอีกเพราะแต่ละทีมต้องมีทั้งหมด 3 คน โดยทุกทีมจะมีคนฝึก ฉันเลยถามว่าจะมาเป็นลูกทีมรึเปล่า” แทบจะไม่มีอะไรแล้วที่พอจะยื้อได้ ซึ่งตอนนี้ก็ต้องหวังพึ่งกับดวงแล้วว่าอีกฝ่ายจะเอาด้วยรึเปล่า

        ลูเทียร์เดินไปเดินมาอยู่นานพร้อมกับหันมามองลุคบางครั้งก่อนจะตอบตกลง ลุคที่ได้ยินก็ยิ้มออกมา โดยพอตกลงกันเสร็จ ก็ยังมีอีกปัญหาอยู่อีกอย่างก็คือจะหาใครอีกสองคนเข้าทีมดี เพราะคนที่ลุครู้จักก็ไม่ค่อยมีเยอะเพราะเขาชอบทำงานคนเดียว ถึงจะมีก็มีแต่คนที่สนิทที่เฉพาะกลุ่มนั้นๆ ส่วนของลูเทียร์ก็เพิ่งมาเมืองได้ไม่นานก็รู้จักคนไม่มาก

        “น่าจะพอมีอยู่นะ คนที่พอจะร่วมทีมกับเราได้” ลูเทียร์พูดขึ้นพร้อมมองหาใครสักคน ซึ่งก็ดูเหมือนจะเหมาะเจาะพอดี ก่อนที่เจ้าตัวจะขอตัวไปคุยกับคนที่หมายตาไว้สักหน่อย

        5 นาทีต่อมา

        “พวกเขาตกลง” 

        ลูเทียร์พาคนที่ชวนเข้าทีมมาหาลุคที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ซึ่งทั้งสองก็คือลอยด์กับอีฟนั้นเอง โดยลุคก็ได้ถามเพื่อความแน่ใจเพราะว่ามันจะเป็นเรื่องยากมากๆ เพราะสิ่งที่เขาได้ยินมามันต้องเข้าไปในป่าเพื่อจัดการมอนสเตอร์ และบางทีอาจอันตรายจนถึงชีวิต ซึ่งพอทั้งคู่ได้ยินอย่างนั้นพวกเขาก็ได้เดินแยกตัวออกไปปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมายืนยันคำตอบว่าพวกเขาจะเข้าทีม

        “ชื่ออีฟค่ะ อาวุธถนัดคือธนูและดาบสั้น ส่วนเวทย์ที่ใช้ได้ก็มี เสริมกำลัง ป้องกัน หายตัว โทรจิต แล้วก็เวทย์ลวงตาค่ะ” อีฟแนะนำตัวเองให้ลุคเพราะเขาจะเป็นครูฝึก

        “ส่วนผมชื่อลอยด์ครับ ใช้ดาบและโล่ เวทย์ที่ใช้ได้ก็มีเวทย์เสริมกำลัง เวทย์ป้องกัน เวทย์อัมพาต เวทย์ปลดขีดจำกัดครับ แล้วก็นี่คือคุณลินดาครับ สปิริตที่ผมทำพันะะสัญญาด้วย” 

        “วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เดี่ยวฉันขอกลับไปคิดว่าจะฝึกกันยังไงดีก่อนละกัน ส่วนพรุ่งนี้ก็เตรียมตัวกันให้ดีๆ เพราะต้องฝึกพื้นฐานกันซักหน่อย” พูดจบลุคก็ได้ไล่ให้ทุกคนไปทำธุระของตัวเอง ส่วนเขาก็จะกลับไปทำงานเหมือนกัน

 

        เช้ามืดวันต่อมา

        ทุกคนได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในวันนี้ โดยเริ่มแรกลุคก็ได้ให้ทุกคนวิ่งรอบสนามสัก 10 รอบเพื่อวอร์มร่างกาย ก่อนจะให้ทุกคนออกกำลังกายเล็กๆน้อย เช่น วิดพื้น ลุกนั่ง ซิดอัพ เพื่อเตรียมกล้ามเนื้อให้พร้อม พอจบการเตรียมพื้นฐานเวลาก็ประมาณ 6 โมงเช้าพอดี เจ้าตัวจึงเริ่มเอาจริงเรื่องการฝึกสักทีโดยการให้เข้าต่อสู้กับเขาตัวต่อตัว

        คนแรกคือลูเทียร์ซึ่งเธอเป็นคนอาสาเองเพราะอยากจะแสดงความสามารถที่เพิ่มขึ้น โดยการทดสอบครั้งนี้เป็นการใช้เวทย์ ซึ่งปรกติแล้วการต่อสู้จะแบ่งเป็นสองแบบคือแบบไม่ใช้เวทย์กับใช้เวทย์ ซึ่งการไม่ใช้เวทย์ทำเพื่อการฝึกทักษะการต่อสู้ด้วยความสามารถทางกายภาพล้วนๆ เพราะบางคนนั้นมีมานาจำนวนมากจึงใช้แต่เวทย์เพื่ออำนวยความสะดวก จึงอาจเป็นจุดอ่อนสำคัญถ้ามานาในตัวได้หมดลง ดังนั้นควรจะฝึกร่างกายให้เหมือนกับเวทย์ที่ฝึกเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน ส่วนอีกอย่างก็เพื่อการต่อสู้จริงทำให้คุ้นชินกับทักษะที่ตัวเองมี เพื่อให้ตัวเองรู้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นมีความสามารถพอไหม 

        การทดสอบของลูเทียร์นั้นลุคได้ทำการอ่อนให้เล็กน้อย เพราะว่าถ้าเขาใช้เวทย์ควบคุมส่วนใหญ่ใครก็แพ้ทั้งนั้น เจ้าตัวจึงใช้แค่ดาบมือเดียวและเวทย์ป้องกัน ซึ่งผลสรุปก็คือแพ้นั้นแหละด้วยข้อสรุปที่ว่า ยังขาดลูกเล่นในการต่อสู้เพราะตอนพุ่งเข้าใส่ลุค เธอก็ทำได้แต่ฟันไปเรื่อยๆและหาช่องว่างอย่างเดียว ส่วนทางด้านนี้ก็สามารถรับด้วยเวทย์ป้องกันก่อนโจมตีกลับเข้าที่มุมอับ แม้ว่าเหมือนว่าลุคจะชนะอย่างง่ายดาย แต่เขาก็รู้สึกถึงพัฒนาการของลูเทียร์ที่คิดจะใช้อย่างอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจมากขึ้น แต่มันก็ยังน้อยอยู่ดี ซึ่งก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพละกำลังและสัญชาตญาณไม่ใช่ทุกอย่าง การใช้สมองในการต่อสู้ก็จำเป็นอย่างมากเพื่อจัดการศัตรูให้ตัวเองเหนื่อยน้อยที่สุด

        “ฉันก็ไม่อยากว่าไม่มีสมองหรอกนะ แต่เธอก็รู้ตัวว่าทักษะการใช้ดาบอย่างเดียวไม่ทำให้ชนะคนอื่นได้ง่ายๆ ดังนั้นก็ไปหาเวทย์มาฝึกเพิ่มละกัน ถึงจะมีอันที่เป็นประโยชน์อยู่บ้างก็เถอะ”

        คนที่สองคืออีฟที่ตั้งตารอว่าเธอจะทำได้ดีที่สุดแค่ไหน และด้วยเวทย์ล่องหนที่มีนั้นจึงทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ยากขึ้นหน่อย แต่ก็ถูกแก้ทางด้วยเวทย์ตรวจจับที่สามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆได้ แม้จะเป็นเวทย์ล่องหนก็ตามเพราะก็แค่ล่องหนแต่ไม่ได้หายไป ซึ่งวิธีแก้เวทย์ตรวจจับนั้นคือการใช้เวทย์ลบตัวตน แต่ปัญญาคือมันเป็นเวทย์ที่เข้าใจยากอยู่หน่อย จึงไม่ค่อยจะมีใครคิดที่อยากจะเรียนเพราะต้องใช้ความเข้าใจในสถาณการณ์นั้นๆ โดยการลบตัวตนนั้นไม่ใช่หายไปจากโลก แต่เป็นเหมือนกันทำให้ตัวเองไม่เป็นจุดสนใจ และจะถูกรู้ตัวก็ต่อเมื่อถูกสัมผัสหรือถูกจับจ้องอย่างจริงจัง

        โดยผลสรุปของอีฟนั้นเรียกว่าเต็ม 5 ให้ 3.5 ก็ว่าได้ เพราะสามารถประยุกต์ใช้เวทย์ลวงตาได้ดีจนเขาโดนโจมตีไปหลายครั้ง ส่วนเรื่องเวทย์ก็แนะนำให้เรียนเวทย์เพิ่มอีกหน่อยที่คิดว่าจำเป็น แต่ก็ใช่ว่าไม่มีปัญหาเนื่องจากเป็นผู้หญิงจึงมีแรงค่อนข้างน้อยกว่าผู้ชาย การหาเครื่องทุ่นแรงจึงเป็นสิ่งจำเป็นซึ่งลุคก็แนะนำหน้าไม้ไป โดยมันต่างจากธนูที่ว่าไม่ต้องใช้ท่าทางเยอะแถมยังสามารถเติมกระสุนได้เร็วกว่า และอีกสิ่งที่แนะนำไปก็คือโล่เล็กติดแขนเพื่อป้องกันการถูกโจมตี

        หมดไปสองคนซึ่งคนสุดท้ายก็คือลอยด์นั้นเอง ของลอยด์นั้นเรียกว่าเป็นคนที่ครบครันก็ว่าได้ เพราะมีทั้งการโจมตีระยะไกลและใกล้ในคนๆเดียว แต่ก็ใช่ว่าไม่มีจุดอ่อนเลยซึ่งจุดนั้นก็คือการไม่ระวัง ดูได้จากการถูกโจมตีหลายครั้งทั้งที่ตัวเองกำลังได้เปรียบ นั้นก็แสดงให้เห็นนิสัยเลือดร้อนเป็นธรรมดาของเขา

        “วันนี้ก็รู้จุดอ่อนของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะ งั้นแยกย้ายกันไปฝึกในแบบของตัวเองที่แนะนำไปละกัน แยกย้ายได้” การฝึกก็จบลง ณ เวลาบ่ายสองของวัน โดยเมื่อฝึกจบทั้งสี่ก็ได้เดินเข้าไปในกิลด์พร้อมๆกัน ก่อนที่อีฟจะเห็นใบประกาศอะไรสักอย่างที่ติดอยู่ที่บอร์ด โดยมันใหญ่พอสมควรที่จะเป็นจุดสนใจแก่ทุกคนที่เดินผ่าน

        “งานฝึกความเป็นนักล่าในตัวคุณ นี่งานที่พวกเราจะลงแข่งใช่ไหม” อีฟยืนอยู่หน้าใบประกาศอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ลุคจะเข้ามาบอกว่ามันคืองานที่พวกเขากำลังจะเข้าร่วมยังไง ส่วนสาเหตุที่งานถูกจัดก็ได้ยินมาจากเกรซว่าเพื่อฝึกให้ทุกคนแข็งแกร่งขึ้น

 

        “เป็นยังไงบ้างทั้งสองคน” ลูเทียร์กล่าวทักทายทั้งสองคนขณะที่ตัวเองยังวิ่งรอบสนามอยู่ ซึ่งเวลานี้ก็เป็นเวลาประมาณหกโมงครึ่ง

        ทั้งสามคนได้มาถึงก่อนที่ลุคยังมาไม่ถึง พวกเขาทั้งหมดจึงออกกำลังกายไปพลางเพื่อไม่ให้เสียเวลาเปล่า พอวอร์มร่างกายอะไรกันเสร็จก็ถึงเวลาฝึกต่อสู้ โดยทำการสลับกันสู้ไปเรื่อยๆหรือบางทีลูเทียร์ก็ให้ทั้งสองคนเข้ามาลุม จนกระทั่งเวลาก็ผ่านไปนานพอสมควรที่ลุคน่าจะมาถึง 

        “นี่มันสายแล้วนะ ทำไมหมอนั้นยังไม่มาอีก” ลูเทียร์บ่นออกมาพร้อมกับมองหารอบสนามและข้างในตึก แต่เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

        “หาลุคอยู่หรอ วันนี้เขาบอกว่าไม่ว่างน่ะ พอดีเขาบอกว่าวันนี้จะไปทำงาน” เกรซที่เห็นลูเทียร์มองหาใครสักคนอยู่ ก็ทำให้เธอนึกได้ว่าเมื่อวานลุคได้ฝากบอกว่าวันนี้เขาไม่ว่าง 

        ได้ยินอย่างนั้นลูเทียร์เธอก็ได้วิ่งไปที่ลานกว้างทันที ก่อนจะไปต่อยต้นไม้เพื่อระบายโดยสาเหตุก็คงเดาได้ไม่ยาก ว่าเธออุส่าตื่นเช้าเพื่อมารอ แต่อีกฝ่ายดันไม่มาแถมยังฝากคนอื่นมาบอกอีก ถึงแม้จะฝึกคนเดียวได้แต่คนที่มาขอให้เธอช่วยดันเบี้ยวนัดเป็นใครใครก็โกรธ ทางด้านของลอยด์และอีฟเมื่อรู้อย่างนั้นพวกเขาจึงได้ขอตัวไปฝึกในแบบของตัวเอง เพื่อไม่อยากรบกวนลูเทียร์ที่กำลังโมโหอยู่

        “หมอนั้น ถ้าเจอนะเละแน่” 

        เมื่อไม่มีอารมณ์ที่จะฝึกลูเทียร์จึงออกไปเดินเล่นในเมืองเผื่อจะทำให้อารมณ์ดี โดยเมื่อเดินมาถึงโซนขายของกินเจ้าตัวก็ไม่พลาดที่จะหาของอร่อยลงท้อง จนล่วงเวลาไปจนถึงเที่ยงวันพอดีซึ่งก็ทำให้เธอรู้ว่าวันนี้ตัวเองขี้เกียจเกินไปแล้ว ก่อนจะกลับไปที่กิลด์เพื่อหาอะไรทำหรืองานก็ยังดี วันนี้จะได้ไม่เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ 

 

        ‘บ้านหลังใหญ่ รั้วเหล็กสีดำหรอ?’ 

        ตอนนี้ลุคกำลังเดินหาบ้านหลังที่ตัวเองได้บ่นในใจอยู่ เนื่องจากเมื่อวานที่เขากำลังจะกลับบ้านก็ได้บังเอิญเจอกับลาลัส ที่อยู่ๆอีกฝ่ายก็ได้ให้ข้อมูลของคนที่ทำการลักพาตัวนักวิทยาศาสตร์ไป โดยที่เขายังไม่ได้ขอหรือยื่นข้อเสนออะไรเลย แต่ลุคก็พอจะเดาเหตุผลของชายที่รู้จัก ว่าใครๆก็ไม่ชอบให้ใครที่ไหนไม่รู้มาแย่งอาชีพที่ตัวเองทำอยู่ 

        สายตาสอดส่องมองหาสถานที่ตัวเองได้ข้อมูลมา แต่ไม่ว่าจะหายังไงลุคก็ไม่เห็นแม้แต่บ้านหลังใหญ่หรือรั้วสีดำเลยสักนิด จนคิดว่าตัวเองได้มาผิดที่แน่ๆ ซึ่งที่ที่อยู่ตอนนี้นั้นเป็นโซนของพวกคนชนชั้นกลาง ส่วนสาเหตุที่มาโซนพวกชนชั้นกลางแทนที่จะไปแถวพวกขุนนางอยู่ เพราะบ้านหลังใหญ่ที่มีรั้วสีดำพวกขุนนางไม่มีใครคิดจะตกแต่งแบบนั้นเลยสักคน พวกมันส่วนใหญ่ชอบสีทองกับเพชรที่สะท้อนแสงแวววาวมากกว่า 

        “พักก่อนดีกว่า” 

        ลุคยอมแพ้เพราะเจ้าตัวเดินหาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว แถมตอนเช้าก็ทานข้าวมาน้อยอีกจึงต้องการอาหารลงท้องด่วน แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลาเลยเลือกที่จะหาพวกอาหารเสียบไม้แทน หลังจากซื้ออะไรมาทานได้แล้วก็ได้เวลาเดินหาต่อ โดยคราวนี้คิดว่าจะลองไปเดินแถวที่พวกขุนนางอยู่เพราะอาจเป็นไปได้แม้ว่าจะน้อยก็ตาม

        การเดินแถวพวกพื้นที่หรือโซนของพวกขุนนางนั้นไม่มีอะไรมาก แค่ไม่ไปขัดหูขัดตาของพวกนั้นและไม่ไปทำตัวลับๆล่อๆ เนื่องจากขุนนางที่นี่มีสิทธิ์จับกุมทุกคนได้หมดเนื่องจากละเมิดสิทธิ์ แถมยังมีการ์ดที่เป็นพวกนักผจญภัยระดับสูงคุ้มกันอยู่อีก ทางที่ดีจึงไม่ควรมาทำอะไรแถวๆนี้จะดีกว่า

        หลังจากมาถึงโซนที่ตัวเองต้องเข้าไป ลุคก็ทำตัวปรกติที่สุดก่อนจะเดินเข้าไป เดินผ่านการ์ดทั่วไปหรือพวกนักผจญภัยนั้นไม่ใช่เรื่องยาก จนเขาสามารถมาถึงโซนที่เจริญที่สุดของเมือง ทั้งต้นไม้มากมายและเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวก แต่นั้นก็ไม่ทำให้เขารู้สึกตื่นตาอะไรมากเพราะมาบ่อยแล้วเนื่องจากถูกว่าจ้าง ก่อนจะเดินหน้าหาต่อไปจนในที่สุดบ้านหลังที่ตามหาอยู่ก็มาอยู่ตรงหน้า 

        ลุคทำการแอบดูจากระยะไกลทันทีจากรั้วบ้านหลังอื่น เพราะเห็นว่ามีพวกทหารและนักจญภัยเฝ้าอยู่หน้าประตู แต่พอสังเกตดูแล้วตรงบริเวณหน้าบ้านที่เป็นลานโล่งนั้นมีนักผจญภัยเฝ้าประมาณ 5 คนได้ ส่วนทางขวามือเป็นห้องเล็กๆที่ดูน่าสงสัยเพราะมีพวกแรงค์สูงเฝ้าอยู่ โดยการสังเกตพวกแรงค์สูงดูได้ไม่ยาก เพราะส่วนใหญ่มักจะมีบรรยากาศที่สัมผัสได้ว่าคนตรงหน้านั้นแตกต่าง และนั้นเองก็เป็นสิ่งที่ทำให้ลุคต้องวางแผนให้รอบคอบ หรือยกเลิกงานนี้จะดีกว่าเพราะดูยังไงก็ไม่คุ้มเสี่ยง เพราะพวกแรงค์สูงที่ว่าดันมีสองคนซึ่งคนเดียวก็รับมือยากแล้ว

        “เอายังไงดีล่ะ” ลุคพูดคุยกับตัวเองเพื่อปรึกษาหาทางจบเรื่องนี้ จนกระทั้งอยู่ๆนักผจญภัยที่อยู่หน้าบ้านก็ได้เดินออกมา ก่อนจะหันหน้ามองหาอะไรสักอย่างจนหันมายังทิศที่ลุคแอบอยู่

        เจ้าตัวรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายรู้ตัวแล้ว สาเหตุก็คงมาจากหนึ่งในพวกที่เฝ้าอยู่มีเวทย์ตรวจจับ

        ลุครีบวิ่งหนีออกจากแถวนั้นทันทีก่อนจะมองรอบๆว่ามีใครตามมารึเปล่า

        “นี่ กำลังทำอะไรอยู่น่ะ” ใครบางคนเดินมาสะกิดไหล่ก่อนจะถามออกมา

        ลุคที่เหนื่อยหอบอยู่แทบหัวใจวายเพราะคนที่ทักเขานั้นคือลูเทียร์ ไม่ใช่ว่ากลัวที่จะโดนดุโดนบ่นหรืออะไรหรอก แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเจอเขาในที่แบบนี้แถมยังเป็นหน้าเขตอีก

        “ไม่มีอะไรหรอก แค่มาวิ่งออกกำลังกาย” ลุคตอบกลับไปด้วยท่าทีสบายเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเซ้าซี้

        “แต่พี่เกรซบอกมาว่านายทำงานอยู่” 

        “ก็…..ทำงานไปด้วยออกกำลังกายไปด้วยไง” 

        “หรอ…..แต่เมื่อกี้ฉันเห็นใครวิ่งตามมาอยู่นะ เดี่ยวฉันลองไปถามพวกนั้นก็ได้” ลูเทียร์ทำท่าจะเดินเข้าไปด้านใน ก่อนที่ลุคจะจับแขนของอีกฝ่ายไว้

        “ก็ได้ๆ กำลังทำงานอยู่” ลุคที่หมดข้ออ้างก็ได้ยอมแพ้ไป เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำจริง 

        “พอดีเลย ฉันก็ว่างอยู่พอดี งั้นจ้างฉันเป็นลูกมือหน่อยสิ” 

        “ได้สิ…..แต่ไม่รับรองความปลอดภัยว่าจะรอดกลับไปรึเปล่า ” อารมณ์ของลุคตอนนี้แทบจะบ้าตายเพราะคนตรงหน้าแท้ๆ แต่พอคิดไปคิดมามีคนช่วยก็ดีกว่าเพราะเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะจัดการทั้งหมดได้รึเปล่า

 

        “นั้นคือเป้าหมายของเราที่จะเข้าไปตรวจสอบ” 

        ตอนนี้ลุคกำลังชี้สถานที่ให้กับลูเทียร์ที่อยากเป็นลูกมืออยู่ ก่อนจะเริ่มอธิบายงานที่ต้องทำว่าเมื่อเข้าไปเสร็จถ้าเจอตัวประกันให้รีบนำออกมา ส่วนเรื่องอื่นๆก็ค่อยจัดการทีหลังตามสถานการณ์ และเมื่อวางแผนเสร็จเป็นที่เรียบร้อยลุคก็ได้ส่งเหยื่อล่ออย่างลูเทียร์เข้าไป โดยการให้เดินไปทักทายและจัดการทหารยามสองคนที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้า 

        “ไปได้” 

        เหยื่อล่อเดินไปอย่างเป็นปรกติแม้ภายในใจเธอจะตื่นเต้นมากก็ตาม ก่อนจะไปทักทายยามสองคนที่พอเห็นก็ได้ชักดาบออกมาขู่ทันที แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะลุคได้บอกว่าให้บอกพวกนั้นไปว่าเห็นคนที่น่าจะเป็นคนน่าสงสัย เอาจริงๆใครมันจะเชื่อที่อยู่ๆก็มีคนใจดีมาบอกเบาะแสนั้นจึงทำให้ทั้งสองเริ่มการจับกุมทันที ลูเทียร์เห็นอย่างนั้นก็ได้วิ่งหนีไปหาลุคที่กำลังซ่อนตัวอยู่ ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็ได้ใช้เวทย์ควบคุมจับหัวพวกมันชนกันจนสลบ ก่อนจะสั่งให้ลูเทียร์ลากพวกมันไปเก็บ

        “หมดไปสองน่าจะเหลืออีกเยอะ เธอจัดการพวกลูกน้องไป เดี่ยวฉันจัดการพวกหัวหน้าเอง”

        พูดจบทั้งสองก็ได้วิ่งไปยังบ้านที่เป็นเป้าหมายก่อนจะปาระเบิดควันเข้าไปทันที เสียงดังวุ่นวายมากมายดังขึ้นตามมาพร้อมกับเสียงต่อสู้ เพียงไม่กี่นาทีชายหลายสิบคนก็ได้สลบอยู่กับพื้นโดยที่ทั้งสองไม่มีบาดแผลสักนิด ก่อนที่พวกเขาจะถูกโจมตีจากคนแรงค์สูงที่ลุคพูดถึงก่อนหน้า คนหนึ่งใช้หอกส่วนอีกคนใช้ดาบที่มีน้ำหนักเบาเหมาะกับการฟันต่อเนื่อง ลุคพุ่งเข้าหาคนใช้ดาบเพราะเขามั่นใจว่าสามารถเอาชนะได้ ส่วนอีกคนก็ได้พุ่งเข้าไปสู้กับลูเทียร์ ซึ่งพอลุคมองไปอีกคู่หนึ่งก็รับรู้ได้เลยว่าลูเทียร์กำลังถูกไล่ต้อน เพราะระยะการโจมตีของหอกมันไกลกว่ามาก จนตอนนี้หลังของเธอใกล้ชนกำแพงเต็มที

        เรื่องของตัวเองก็ต้องจัดการด้วยตัวเองนั้นคือคติประจำใจของลุค เพราะตอนนี้เขาก็กำลังทำมันอยู่เหมือนกันโดยการไล่ต้อนคนตรงหน้า ที่ใช้ดาบมือหนึ่งส่วนลูกเหล็กที่ลอยไปมาเพื่อขัดขวางการโจมตี ลุคทำการไล่ต้อนชายตรงหน้าไปเรื่อยๆจนอีกฝ่ายเสียเปรียบก่อนที่จะทำการวาร์ปไปเพื่อใช้เวทย์นอนหลับ นั้นจึงทำให้คู่ต่อสู้ของเขาสลบลงไปโดยที่ไม่บาดเจ็บอะไรมาก ก่อนจะส่งลูกเหล็กพุ่งชนเข้าที่กลางหลังของคนใช้หอกที่กำลังสู้กับลูเทียร์อยู้ และกระแทกซ้ำอีกซักสองสามทีจนแน่ใจแล้วว่าสลบ

        จบเรื่องคนเฝ้ายามก็ได้ทำการสะเดาะแม่กุญแจที่ล็อคต่อ ทันทีที่ประตูได้เปิดออกสายตาก็ได้มองเห็นคนที่ถูกจับอยู่ในกรง โดยที่มีน้ำและอาหารให้เล็กๆน้อยๆเพื่อให้มีชีวิตรอดไปวันๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะตรงไปช่วยทั้งสามคนในกรงออกมาทันที

        “ดูซิมีหนูหลุดเข้ามาได้ด้วยว่ะ” เสียงใครสักคนดังขึ้นข้างหลังของลุค

        ทันทีที่หันกลับไปมองก็ได้เห็นชายรูปร่างหน้าตาดีกับชายกำยำหัวโล้นที่กำลังบีบคอลูเทียร์อยู่ ลุคไม่รอช้าทำการใช้ควบคุมส่งชายหน้าตาดีกระเด็นออกไปข้างนอกเป็นคนแรก ส่วนคนหัวโล้นนั้นก็ได้โดนต่อยเข้าที่คางไปทีนึง และผลก็ออกมาว่ามันสลบคาที่ทันที

        “แปลก…..มันไม่น่าจะอ่อนขนาดนี้” ลุคบ่นกลับตัวเองเพราะครั้งก่อนที่สู้ยังตึงมืออยู่เลย แต่ครั้งนี้กลับง่ายเกินไปที่จะเชื่อ

        เวลามีไม่มากทั้ง 5 คนจึงได้รีบออกจากห้องนั้นทันที แต่ไม่ทันที่จะได้ก้าวออกจากอาณาเขตบ้านทุกคนก็ได้ถูกล้อมเอาไว้ด้วยทหารหลายสิบคนที่ดักรออยู่

        “หยุด และยอมมอบตัวซะ” ทหารที่ดูจะเป็นหัวหน้าพูดขึ้น

        ตอนนี้ลุคเข้าใจแล้วว่าทำไมมันง่ายอย่างนี้

        “จับพวกมันเลยครับ ข้อหาบุกลุก” ชายหน้าตาดีที่มีรอยสักได้พูดขึ้นพร้อมพยุงชายหัวโล้น

        การต่อสู้กับพวกทหารนั้นไม่ใช่ทางออกที่ดีเพราะเรื่องจะลุกลามไปจนใหญ่โต ลุคจึงบอกให้ทั้งหมดยอมมอบตัว แต่นั้นใช่ว่าเขาจะยอมให้จับเข้าคุกง่ายๆ

        “เราถูกว่าจ้างให้พาชายสามคนนี้กลับบ้าน เนื่องจากพวกเขาถูกลักพาตัวเป็นเวลาหลายวัน” หลังจากถูกจับตัว วันนี้ทั้งสองต้องเข้าไปนอนในห้องฝากขังเล่นสักวันหนึ่ง เพื่อรอการขึ้นศาล

        กุญแจมือถูกใส่ก่อนจะพาขึ้นรถจักรไอน้ำเพื่อไปส่งยังป้อมปราการ รอการขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้ของทั้งสองคน โดยที่ระหว่างทางลุคก็ได้พยายามติดต่อออสตินผ่านทางโทรจิต แต่ก็ถูกขัดขวางเอาไว้ด้วยนาฟิกาลบล้างเวทย์ และทางเดียวที่จะส่งข้อความได้คงต้องรอออกจากรถคันนี้ทางเดียว

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.