การใช้เวลา 20 นาทีในธรรมชาติช่วยลดระดับความเครียดได้ — พร้อม 3 เหตุผลเพิ่มเติมที่ควรออกไปข้างนอก

คุณรู้จักความรู้สึกนั้นไหม หลังจากวันที่ได้ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบริมชายหาด เดินเล่นในสวนสาธารณะ หรือเดินป่า: คุณจะรู้สึกมีชีวิตชีวา สดชื่น และมีความสุขมากขึ้น นั่นเป็นเพราะการออกไปข้างนอกไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนบรรยากาศ — แต่ยังดีต่อสุขภาพของคุณด้วย ในฐานะคนที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติและความเป็นอยู่ที่ดี ผมได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าธรรมชาติไม่ได้เป็นเพียงแค่ฉากหลัง การได้อยู่กลางแจ้งอย่างเรียบง่ายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งสุขภาพและอารมณ์ของเรา

นี่คือสี่เหตุผลที่การดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติกลางแจ้ง เป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของคุณ

1. ธรรมชาติสร้างแรงบันดาลใจแห่งความอัศจรรย์ — และนั่นดีต่อสุขภาพจิต

คุณเคยยืนอยู่ริมมหาสมุทร เฝ้าดูคลื่นซัดเข้าฝั่ง และรู้สึกสงบอย่างสมบูรณ์ไหม? ความรู้สึกอัศจรรย์นั้นไม่ได้เป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว — แต่เป็นประสบการณ์อันทรงพลังที่สามารถส่งผลต่อสุขภาพจิตของคุณ งานวิจัยจาก Greater Good Science Center at UC Berkeley พบว่าช่วงเวลาที่สร้างความอัศจรรย์ในธรรมชาติ — ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจแกรนด์แคนยอน การชมแสงเหนือ หรือการเดินเล่นริมชายหาด — ทำให้เราเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความเชื่อมโยง และเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น

2. ธรรมชาติช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล

ผมเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนระหว่าง Wellness Walks ที่ผมเป็นผู้นำ — ผู้คนมาถึงด้วยภาระจากชีวิตที่วุ่นวายของพวกเขา และเมื่อเราเดินผ่านไปเรื่อยๆ สิ่งบางอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป ธรรมชาติมีความสามารถพิเศษในการทำให้จิตใจสงบและปลอบประโลมจิตวิญญาณ การศึกษาในปี 2019 จาก Frontiers in Psychology พบว่าเพียงแค่20 นาทีในธรรมชาติก็สามารถลดระดับคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่รับผิดชอบต่อความเครียดได้อย่างมีนัยสำคัญ สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่แค่การหลีกหนีจากเมืองหรือรับอากาศบริสุทธิ์; มันคือการเชื่อมโยงกับจังหวะที่ช้าลงซึ่งสงบเงียบ

3. ธรรมชาติช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของเรา

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าธรรมชาติสามารถทำหน้าที่เหมือนวิตามินรวมรายวันได้? ปรากฏว่าทำได้ ในญี่ปุ่น การปฏิบัติของ Shinrin-yoku หรือ การอาบป่า ได้แสดงให้เห็นว่าสามารถเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้เพียงแค่การเดินท่ามกลางต้นสน ต้นไม้เหล่านี้ปล่อยสาร เทอร์พีน ที่เรียกว่าไฟตอนไซด์ (phytoncides) เพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อคุณสูดดมไฟตอนไซด์ มันจะกระตุ้นเซลล์เพชฌฆาตธรรมชาติของคุณ หรือที่เรียกว่า NK cells ซึ่งเป็นแนวป้องกันด่านหน้าของร่างกายต่อไวรัสและเนื้องอก การศึกษาในปี 2021 พบว่าโปรแกรมบำบัดด้วยป่า รวมถึงการเดินในป่า อาจปรับปรุงการทำงานของภูมิคุ้มกัน และการศึกษาในปี 2010 ที่ตีพิมพ์ใน Environmental Health and Preventive Medicine พบว่าผู้ที่ใช้เวลาในป่ามีภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้นซึ่งคงอยู่ได้นานหลายสัปดาห์หลังจากการเยี่ยมชม

4. ธรรมชาติช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และสมาธิ

ในโลกที่เต็มไปด้วยการแจ้งเตือนและการรบกวนตลอดเวลา ที่ดึงความสนใจของคุณไปหลายร้อยทิศทาง หรือที่เรียกว่า "สมองป๊อปคอร์น" (popcorn brain) ธรรมชาติมอบที่พักพิงที่หายากสำหรับจิตใจที่ถูกกระตุ้นมากเกินไป การใช้เวลาอยู่ข้างนอก — โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าที่ไม่ได้ถูกปรุงแต่ง — ช่วยฟื้นฟูความสามารถในการจดจ่อและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ในแบบที่เทคโนโลยีไม่สามารถทำได้ ผมมักจะนึกถึงงานวิจัยของ University of Utah ที่แสดงให้เห็นว่าความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น 50% หลังจากใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในธรรมชาติ เมื่อใดก็ตามที่ผมต้องการความชัดเจนหรือแรงบันดาลใจ ผมจะมุ่งหน้าไปที่ป่าหรือชายหาด เพราะผมรู้ว่านั่นคือที่ที่จิตใจของผมจะขยายตัว ความคิดจะไหลริน และทางออกที่ผมมองไม่เห็นมาก่อนจะปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน

มีสิ่งที่เรียกว่า ART — ทฤษฎีการฟื้นฟูความสนใจ (attention restoration theory) — ซึ่งคือความสามารถในการปล่อยให้สมองอยู่ในสภาวะแห่งความอัศจรรย์และการค้นพบ และไม่จดจ่อกับงานหลายอย่างพร้อมกันมากเกินไป มันช่วยให้สมองกลับสู่สภาวะที่ผ่อนคลายมากขึ้น กุญแจสำคัญในการทำเช่นนั้นคืออะไรน่ะหรือ? ก็คือการใช้เวลาอยู่ในธรรมชาติหรือมองดูธรรมชาตินั่นเอง

สรุป: โลกธรรมชาติไม่ใช่แค่ทิวทัศน์เบื้องหลังชีวิตที่วุ่นวายของเราเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับปรุงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีได้หลายวิธี ดังนั้น หากคุณรู้สึกท่วมท้น เครียด ติดขัด หรือเพียงแค่ต้องการการเริ่มต้นใหม่ ลองก้าวเท้าออกไปข้างนอกดูสิ

Jennifer Walsh เป็นนักเขียน ผู้ก่อตั้ง Wellness Walks with Walsh และผู้ร่วมเขียนหนังสือ Walk Your Way Calm

Cr. https://www.yahoo.com/lifestyle/spending-20-minutes-in-nature-can-lower-...