Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 15

Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri]

-A A +A

Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 15

หมวดหนังสือ: 

Chapter 15: คำสารภาพ กับความรู้สึกที่ไม่มีชื่อ

 

(มาการงบรรยาย)

 

วันนี้เป็นวันอังคารสัปดาห์สุดท้ายของเทิม ก่อนที่จะมีการสอบปลายภาคในสัปดาห์หน้า ฉันกับเพื่อนในกลุ่มต่างจับเข่าคุยกันถึงแต่ละวิชาที่จะสอบกันเป็นเรื่องแรกๆ เมื่อเจอหน้า แทนที่จะทักทายกันเหมือนกับที่ควรจะเป็น

 

“ให้ตายเถอะ ทำไมต้องสอบคณิตวันแรกด้วยเนี่ย!” ฉันบ่นกับเพื่อนๆ เมื่อได้เห็นตารางสอบแต่ละวัน คุณครูก็เข้าใจคิด เอาวิชายากๆ มายัดไว้วันแรกหมดเลย ช่างไม่เห็นใจคนเรียนกลางๆ อย่างฉันเลยสักนิด

 

“สมุดจดของเธอหายไปไหนแล้วล่ะ?” ช็อกโกล่าถาม ฉันหันไปมองเพื่อนผมดำก่อนให้คำตอบเสียงอ่อย

 

“อยู่บนห้อง ยังไม่ได้เก็บกลับบ้านเลย”

 

“เชื่อเขาเลย ตั้งแต่วันนี้เก็บใส่กระเป๋ากลับบ้านไปด้วยนะ” คำพูดนั้นสื่อความหมายชัดเจนโดยไม่ต้องพูดอะไรต่ออีก ฉันได้แต่ร้องโอดครวญ เพราะส่วนตัวก็เกลียดคณิตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าเลือกได้ให้ฉันนั่งวาดรูปยังดีกว่าจมอยู่กับตัวเลข การแก้โจทย์ปัญหา หรือรูปทรงเรขาคณิตเป็นไหนๆ

 

“ช่วยไม่ได้นี่นา เก่งศิลปะอย่างเดียวไม่เอาวิชาการมันก็ไม่ได้นะ” ช็อกโกล่าพึมพำ ก่อนจะพูดต่อไป “จะว่าไปแล้ว มาการงก็คงผ่านทุกวิชาได้สบายๆ อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

 

นี่คงจะเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวฉันมาตั้งแต่อนุบาล เพราะเวลาสอบทีไรฉันก็เดาคำตอบได้ถูกต้อง จนทำให้สอบผ่านทุกวิชา แถมคะแนนยังเป็นที่หนึ่งของห้องอีกต่างหาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ลำบากใจสุดๆ แล้วละค่ะ เพราะเมื่อมีคนชม ก็ต้องมีคนอิจฉา และคนที่ไม่พอใจเรื่องนี้เอามากๆ จนมาพาลทะเลาะกับฉันทุกครั้งเมื่อเห็นคะแนนสอบก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคัสตาร์ด เพื่อนตัวเล็กผมแดงที่อยู่ชมรมเดียวกันนั่นเอง

 

“ฉันน่ะลำบากใจจริงๆ เลยกับเรื่องนี้” ฉันพูดกับเพื่อนสนิททั้งสอง “ความจริง ฉันก็ไม่ได้อยากได้ที่หนึ่งหรืออะไรหรอกน้า แค่สกิลการเดามันดีเกินไปจนทำให้ฟลุค สอบผ่านทุกรอบก็แค่นั้นเอง”

 

“เธอจะคิดมากทำไมเล่า” ช็อกโกล่าถาม “สอบผ่านมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องมานั่งสอบแก้ตัวใหม่ด้วย”

 

“ใช่เลย ฉันเห็นด้วยกับช็อกโกล่าน้า ใครก็อยากมีสกิลการเดาเทพๆ แบบนี้ทั้งนั้นแหละจ้ะ” ซินนามอนเสริม ฉันทำได้แค่ถอนหายใจ ก่อนจะหันไปพูดกับช็อกโกล่าว่า

 

“ช็อกโกล่าก็เก่งคณิต พอใกล้ๆ วันก็มาช่วยติวให้ฉันหน่อยสิ ขอร้องละน้า น้าๆๆๆ” พูดพลางทำหน้าขอความเห็นใจสุดฤทธิ์ ช็อกโกล่านิ่งไปสักพัก ก่อนตอบตกลงอย่างตะกุกตะกักเต็มที และสิ่งที่ฉันเฝ้าสังเกตมาตลอดหลายเดือนเวลาขอร้องให้เธอช่วยอะไรก็ตาม ช็อกโกล่าจะนิ่งเงียบ และใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงเรื่อขึ้นทีละน้อย บางทีแดงเข้มจนถึงขั้นแดงจัดเลยก็มีจนฉันต้องถามด้วยความเป็นห่วงว่าไข้ขึ้นหรือเปล่า แต่เธอก็ปฏิเสธเรื่อยไป และครั้งนี้ก็เช่นกัน…

 

“มะ… ไม่เป็นไรใช่ไหม หน้าแดงแจ๋เลย” ฉันหันไปมองเพื่อนผมดำก็เห็นว่าใบหน้าของเธอขึ้นสีระเรื่อ และเมื่อฉันมองนานๆ เข้า ใบหน้าที่ขึ้นสีอยู่แล้วก็ยิ่งแดงขึ้นไปอีก จนฉันไม่รอคำตอบอีกต่อไป ฉวยโอกาสที่เธอนั่งนิ่งเข้าประชิดตัวทันที มือบางวางแปะลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายเพื่อเช็คดูให้แน่ใจว่าเป็นอะไรกันแน่ ถ้าไข้ขึ้นจะได้รีบพาไปห้องพยาบาลได้ทันท่วงที

 

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา” พึมพำออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่ละสายตาไปจากใบหน้าแดงๆ เหมือนลูกมะเขือเทศนั่น

 

ตอนเธอหน้าแดง ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันแฮะ

 

นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย!?

 

“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมดังขึ้นทำให้พวกเราที่นั่งจ้องตากันอยู่สะดุ้งเฮือก เมื่อหันไปมองก็เห็นทั้งคัสตาร์ดและวาฟเฟิลเดินเข้ามาหาถึงโต๊ะเลย อ้อ ลืมบอกไป พวกเราเดินขึ้นห้องกันมาได้สักพักแล้วนะคะ

 

“นี่มาการง ช็อกโกล่า” วาฟเฟิลเรียกชื่อฉันและเพื่อนผมดำ ก่อนจะหันไปยิ้มให้ซินนามอน “ลองชิมนี่สิจ๊ะ”

 

เธอยื่นห่ออะไรบางอย่างส่งให้กับมือพวกเรา ฉันมองดูรูปร่างของบรรจุภัณฑ์ก็เห็นว่าเป็นห่อพลาสติกรูปสีเหลี่ยม เมื่อลองแกะออกดูก็เห็นว่าเป็นขนมที่นอนนิ่งอยู่ในห่อนั้น กลิ่นช็อกโกแลตหอมออกมาเตะจมูกจนทำให้ต่อมรับรสเริ่มทำงาน

 

“ว้าว นี่วาฟเฟิลทำเองเหรอ?!” ซินนามอนตาโต เมื่อฉันเห็นตัวขนมชัดๆ ก็ร้องออกมาว่า

 

“บราวนี่ ถ้าทำเองนี่สุดยอดเลยนะเนี่ย”

 

“ใช่จ้ะ นี่เป็นบราวนี่ที่ฉันลองทำเอง ช่วยชิมหน่อยได้หรือเปล่า?”

 

ทันทีที่ขนมคำแรกถูกกลืนลงคอไป ฉันสัมผัสได้ถึงรสชาติหวานกำลังดี แทรกมาด้วยความขมนิดๆ กับกลิ่นหอมๆ ของช็อกโกแลตที่เข้ากันได้ดีกับตัวแป้งที่ไม่แข็งจนเกินไป เม็ดถั่วที่ใช้โรยหน้ากับเศษผงช็อกโกแลตร่วงกราวลงมาเปื้อนโต๊ะจนฉันต้องหาทิชชูมาเช็ดออก เมื่อกินขนมจนหมดแล้ว ฉันหันไปยิ้มกับวาฟเฟิลก่อนเอ่ยชมว่า

 

“อร่อยจังเลย วาฟเฟิลนี่ทำอะไรก็อร่อยไปหมดเลยนะเนี่ย”

 

“อื้ม อร่อยจริงๆ จ้ะ รสชาติไม่เลวเลย” ซินนามอนพยักหน้าเห็นด้วย

 

“รสชาติโดยรวมถือว่าดี” ช็อกโกล่าพูดบ้าง “แต่ ฉันว่า ตัวแป้งมันแปลกๆ นะ ยังไม่ค่อยเหมือนบราวนี่เท่าที่ควร”

 

“ฉันก็คิดเหมือนช็อกโกล่านะ เรื่องตัวแป้ง ฉันคิดว่ามันเหมือนแป้งเค้กไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะลองทำดูใหม่นะจ๊ะ” วาฟเฟิลยิ้ม คัสตาร์ดที่เงียบไปนานยกขวดน้ำขึ้นดื่มก่อนพูดขึ้นเสียงค่อนข้างจะดังว่า

 

“โหย ทำขนมได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้ว มีเพื่อนทำอาหารอร่อยแบบนี้ชีวิตฉันคงสบายไปทั้งชาติแน่ๆ แล้วทำมาให้ชิมอีกนะ”

 

“คัสตาร์ดก็พูดเกินไป ฉันยังต้องฝึกอีกเยอะเลย” วาฟเฟิลพูดพร้อมกับหัวเราะ

 

พวกเรานั่งคุยกันไป กินขนมกันไป จนพอสมควรแก่เวลาแล้ว แต่ละคนจึงเดินกลับที่ของตนเพื่อเริ่มการเรียนในคาบแรกของวัน

 

(ช็อกโกล่าบรรยาย)

 

เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วที่ฉันได้รู้จักกับมาการงและซินนามอน พวกเราสนิทกัน และมักจะเดินไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นกลุ่มเสมอ จนเพื่อนบางคนเปรียบกลุ่มของพวกเราว่าคล้ายกับเพาเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ เพราะมี 3 คนเหมือนกัน

 

แต่หลายเดือนที่ผ่านมา ฉันเริ่มสังเกตว่าความรู้สึกที่มีต่อมาการงเริ่มเปลี่ยนไป

 

ความทรงจำวัยเด็กตอนเจอกันที่ทะเล เป็นครั้งแรกที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับเพื่อนสาวผู้ร่าเริงคนนี้ แต่ดูเหมือนเธอจะลืมมันไปเสียแล้ว

 

แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ยังมีเวลาให้เราได้ทำความรู้จักกันอีกตั้ง 3 ปีเลยนี่นา ฉันจะไม่ไปคิดอะไรกับเรื่องเมื่อวัยเด็กอีกแล้วล่ะ เพราะมันก็ผ่านมานานมากจนแทบจำไม่ได้แล้วนี่นะ

 

“เฮ่อ พักสักที” มาการงพูดขึ้นหลังจากออดเวลาพักกลางวันเงียบเสียงไปแล้ว พวกเราสามคนเดินลงมาข้างล่างเหมือนกับทุกวัน แต่วันนี้ไม่ต้องรีบทำเวลาเท่าไรนักเพราะคาบบ่ายมีเรียนพละที่โรงยิม พวกเราจึงเอาสัมภาระลงมากองไว้บนโต๊ะหน้าโรงอาหารเพื่อเรียนเสร็จจะได้เดินมาหยิบไปได้เลย

 

“นั่นสินะ แต่เอ๊ะ วันนี้วันอะไรน่ะ?” ฉันรู้สึกมึนเล็กน้อยจึงเอ่ยถามเพื่อนๆ ขึ้น พลันสายตาก็เหลือบไปมองมาการงเป็นพักๆ

 

คนอะไรก็ไม่รู้ ทำหน้าเฉยๆ ก็ดูดี เวลายิ้มโลกก็ดูสดใสขึ้นทันตา แถมเวลาทำหน้าเหวอยิ่งน่ามองเข้าไปอีก

 

แต่จะดูน่ารักมากขึ้นเมื่อฉันพูดอะไรที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกเขินจนหน้าแดง ซึ่งก็มีให้เห็นบ่อยซะด้วยสิ

 

ไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้เริ่มเข้ามารบกวนใจฉันตั้งแต่เมื่อไร อาจจะเป็นเดือน หรืออาจจะนานมากกว่านั้น

 

“วันนี้วันอังคาร มีชมรมคาบสุดท้ายไง ช็อกโกล่าจำไม่ได้เหรอ?” ซินนามอนถาม

 

“อ๋อ จำได้แล้วๆ ฉันแค่รู้สึกมึนๆ กับวิชาที่แล้วนิดหน่อย” ตอบไปแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ก่อนที่จะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นและเดินกันไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าตึกศิลปะ

 

“ทุกคน ดูบอร์ดหน้าตึกสิ” ฉันตาไวสังเกตเห็นกระดาษติดบอร์ดที่เขียนอักษรตัวโตๆ เอาไว้ให้เห็นชัดเจน ทั้งสองคนมองตาม และพวกเราก็ตัดสินใจเดินเข้าไปดูด้วยความสนใจ

 

[ประกาศ] ผลการแข่งขันวาดภาพระดับจังหวัด ครั้งที่ …

 

“ว้าว! ผลออกมาแล้ว ไหนขอฉันดูหน่อยสิ” ซินนามอนรีบเดินเข้าไปหาบอร์ดนั้นอย่างรวดเร็ว มือบางชี้ไปตรงกลางกระดาษที่เขียนผลของผู้ชนะการประกวดแต่ละอันดับเอาไว้

 

รองชนะเลิศอันดับ 2

 

ฉันเบิกตาโตเมื่อเห็นชื่อเพื่อนตัวเองโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนกระดาษ มาการงมองตาม มีแววประหลาดใจฉายชัดบนใบหน้าน่ารัก แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ฉันรู้สึกว่ามันช่างสวยและดูมีความสุขกว่าทุกครั้งที่เธอเคยยิ้มมา

 

“ดีใจด้วยนะ” ฉันเอ่ยกับเพื่อนผมม่วงเบาๆ “ฉันยินดีกับเธอด้วย ได้แค่รองอันดับ 2 ก็ไม่เป็นไร แต่คราวต่อไปฉันเชื่อว่ามันต้องออกมาดีกว่านี้แน่นอน ฉันเชื่อในความสามารถของเธอนะ”

 

‘แล้วฉันก็ชอบที่เธอเป็นคนแบบนี้’…

 

ประโยคหลังฉันคิดกับตัวเองในใจ แน่สิ ใครจะกล้าพูดเรื่องอะไรที่น่าอายแบบนี้ออกไปต่อหน้าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่หน้าตึกได้ล่ะ ยิ่งมีซินนามอนอยู่ตรงนี้ด้วยฉันยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่

 

“ขอบคุณมากนะ” มาการงหันมากระซิบเบาๆ ก่อนจะหันไปพูดกับซินนามอน

 

“พอได้กำลังใจจากพวกเธอ ฉันก็มีแรงฮึด จนทำให้ได้อันดับดีๆ แบบนี้แหละจ้ะ ไม่ชนะเลิศฉันก็ไม่เสียใจหรอก เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันลงสนามเหมือนกัน”

 

“เพื่อนฉันนี่สุดยอดไปเลย แบบนี้ต้องฉลองแล้วล่ะ หลังสอบเสร็จเราไปหาอะไรกินกันดีไหม?” ซินนามอนเอ่ยชวน พวกเราเดินออกจากหน้าตึกศิลปะก่อนจะไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน

 

หลังจากคาบพละศึกษา พวกเราเดินลงมาจากโรงยิมเพื่อไปห้องชมรมของแต่ละคน

 

“มาการง เย็นนี้ว่างหรือเปล่าจ๊ะ?” ซินนามอนเอ่ยถาม

 

“ซินนามอนมีอะไรหรือเปล่า?”

 

“ฉันว่าจะชวนไปซื้อของด้วยกันหน่อยน่ะจ้ะ” ซินนามอนตอบ มาการงเงียบไปสักพักก่อนที่เพื่อนผมสีน้ำตาลจะพูดต่อว่า “ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรน้า เรื่องนี้ยังรอได้ ไม่ค่อยด่วนเท่าไหร่น่ะ”

 

“ขอโทษน้า พอดีวันนี้ฉันต้องไปซื้อของเข้าบ้านน่ะจ้ะ ไม่ว่างจริงๆ ไว้ค่อยไปด้วยกันวันอื่นแล้วกันนะจ๊ะ”

 

“ได้เลยจ้ะ งั้น ฉันไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันจ้ะ” พูดจบ เพื่อนผมฟูก็เดินแยกไปอีกทาง เหลือเพียงฉันกับมาการงยืนอยู่ด้วยกัน 2 คน

 

“พวกเราก็ไปกันบ้างสิ” ฉันเอ่ยชวน และเป็นฝ่ายเดินนำออกไปจากโรงยิม

 

หลังจบคาบชมรม ฉันนึกได้ว่าใกล้ๆ โรงเรียนเรามีร้านกาแฟเปิดใหม่อยู่ร้านหนึ่ง ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าอร่อยนักหนา การตกแต่งร้านก็ดูสบายตา เหมาะที่จะไปนั่งผ่อนคลายเมื่อเลิกเรียนแล้วยังไม่อยากกลับบ้าน หรืออยากไปนั่งจิบกาแฟสบายๆ เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉันจึงเอ่ยชวนเพื่อนผมม่วงที่เดินอยู่ข้างหน้าว่า

 

“นี่ มาการง รีบกลับหรือเปล่า?”

 

“อะ… เอ่อ ไม่ค่อยรีบเท่าไหร่จ้ะ มีอะไรเหรอ?”

 

“ฉันได้ยินมาว่าแถวนี้มีร้านกาแฟเปิดใหม่ ลองไปหาอะไรกินกันดีไหม?”

 

“ก็ได้จ้ะ แต่ฉันอยู่ได้ไม่นานน้า ประมาณชั่วโมงก็ต้องกลับแล้ว”

 

“ไม่เป็นไร ฉันรบกวนเธอไม่นานหรอก น่าจะไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ” เมื่อเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้า ฉันจึงเดินนำออกประตูโรงเรียน และตรงไปยังที่หมายทันที คืออากาศมันร้อน แล้วฉันก็เริ่มหิวน้ำด้วย ถ้าไม่รีบฉันอาจเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วก็ได้

 

พวกเราเดินกันเพียง 5 นาทีก็มาถึงร้านเป้าหมาย ร้านกาแฟเล็กๆ ที่ตกแต่งด้วยโทนสีเขียวสบายตา มีแจกันดอกไม้เล็กๆ วางอยู่บนโต๊ะทุกโต๊ะเพื่อให้ผู้มาใช้บริการรู้สึกผ่อนคลาย พนักงานบาริต้าทั้งชายหญิงทำงานกันอย่างขมักเขม้น กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยมาเตะจมูกทันทีที่เปิดประตูร้านเข้าไป ฉันกับเพื่อนสาวผมม่วงเดินไปหาที่นั่งสงบๆ ติดหน้าต่าง วางกระเป๋านักเรียน 2 ใบไว้เพื่อจองที่ก่อนจะเดินไปหน้าเคาน์เตอร์เพื่อสั่งขนมและเครื่องดื่ม

 

“คุณลูกค้าจะรับอะไรดีคะ?” เสียงพนักงานสาวถามพร้อมกับหยิบกระดาษมาจดเมนู

 

“เอาชาเขียวเย็นหวานน้อยค่ะ” มาการงสั่งเป็นคนแรก ฉันหยิบเมนูมาพลิกๆ ดูอย่างพิจารณา ก่อนจะเลือกสั่งชานมและขนมปังปิ้งร้อนๆ มากินคู่กัน

 

นั่งรอเพียงไม่นาน เครื่องดื่มและขนมที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟตรงหน้า ฉันนั่งกินขนมปังปิ้งที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ อย่างเอร็ดอร่อย อืม… รสชาติไม่เลว แถมชานมก็กลิ่นหอมมากด้วย โดยรวมคืออร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ

 

“เป็นไง อร่อยไหม?” ฉันถามเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งดูดชาเขียวในมือ

 

“อร่อยจ้ะ ทีหลังเวลาร้อนๆ สงสัยฉันต้องมาใช้บริการอีกซะแล้ว” ฉันยิ้มออกมาเมื่อได้ยินประโยคนั้น รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่เพื่อนก็ชอบร้านนี้เหมือนกัน

 

“ไว้มาลองกินอย่างอื่นครั้งหน้าก็ได้นะ ครั้งนี้เธอรีบไปไม่ใช่เหรอ?”

 

“นั่นสินะ ว่าแต่ ช็อกโกล่า พาฉันมาที่นี่นอกจากกินขนมแล้วยังมีอะไรอีกหรือเปล่า?”

 

เมื่อจบคำพูดของเพื่อนผมม่วง ฉันเงยหน้าขึ้นจากแก้วชานมในมือ สายตาจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตสีอความารีนที่มองอยู่ก่อน

 

นั่นสินะ การชวนเพื่อนมานั่งที่ร้านกาแฟครั้งนี้มันมีความหมายที่สุดสำหรับฉันเลย มีเรื่องที่อยากจะบอกเธออยู่เรื่องหนึ่ง เรื่องที่ฉันเก็บเอาไว้ในใจมานาน

 

จนวันนี้ ฉันรู้สึกว่าจะเก็บมันไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

 

‘ถ้าไม่รีบบอกออกไป ใจฉันคงจะระเบิดแน่ๆ ทีแรกก็ยังไม่แน่ใจหรอก แต่พอมาถึงวันนี้ ฉันรู้สึกว่ามันเริ่มจะชัดเจนขึ้นแล้ว ชัดมากขึ้นทุกที…

 

ฉันจะพยายามใช้โอกาสนี้ โอกาสที่เรานั่งอยู่ด้วยกันที่นี่แค่สองคน ไม่มีใครมาวุ่นวาย

 

และเวลาครึ่งชั่วโมงที่มีอยู่จำกัดนี่ ต้องพยายาม บอกความรู้สึกที่มีต่อเธอให้ได้

 

“มาการง ตั้งแต่เรารู้จักกันมา ก็เกือบ 2 ปีแล้วสินะ” ฉันเริ่มเปิดประเด็น

 

“ใช่จ้ะ เร็วมากเลยเนอะ” เธอตอบเรื่อยๆ

 

ฉันพยักหน้า พยายามเรียบเรียงคำพูดในหัวเพื่อจะบอกความรู้สึกที่มีออกไปให้ได้ แม้ว่าเธอจะเป็นเพื่อนสนิทแต่ความรู้สึกในใจของฉันนั้นแรงกล้ามากกว่าที่คิด และฉันก็ทำใจเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว ไม่ว่าผลของการสารภาพครั้งนี้จะออกมาเป็นยังไง ฉันก็จะยอมรับมันให้ได้

 

“ตั้งแต่ที่ฉันรู้จักเธอมา ฉันได้อะไรหลายๆ อย่างจากเธอเยอะเลย ตอนแรก ฉันไม่ค่อยเปิดใจกับคนอื่นเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเปลี่ยนไปแล้วนะ” มาการงนั่งนิ่ง คอยฟังสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไป

 

“เธอกับซินนามอน คือเพื่อนคนแรกที่ฉันได้รู้จักตอนเข้ามาเรียนที่นี่ และพวกเธอทำให้ฉันเริ่มกล้าคุยกับคนอื่นมากขึ้น พวกเธอทำให้ฉันรู้จักคนอื่นๆ ในห้อง โดยเฉพาะพวกวาฟเฟิล และตอนนี้ฉันยอมรับเลยว่า ทั้งเธอแล้วก็ซินนามอนคือเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน เพื่อนคนสำคัญที่ฉันจะพยายามรักษามิตรภาพเอาไว้ให้ยั่งยืนตลอดไป”

 

“ฉันก็เหมือนกัน” มาการงพูด “ฉันเอง ตั้งแต่รู้จักช็อกโกล่ามา เธอทำให้ฉันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้ฉันมีความรับผิดชอบมากขึ้น และที่สำคัญ ทำให้ฉันหันมาใส่ใจการเรียนมากขึ้นด้วยน้า” รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว…

 

รอยยิ้มสดใสบนริมฝีปากสีชมพูนั่นทำให้ฉันรู้สึกว่าใจเริ่มสั่น

 

“นั่นสินะ เธอก็ยังเป็นคนที่บ้าๆ บอๆ เหมือนเดิม นี่แหละนิสัยที่แก้ไม่หาย” รอยยิ้มที่เคยสดใสเมื่อครู่เริ่มเจื่อนลงทันใด ฉันรู้สึกว่าบรรยากาศซึ้งๆ เมื่อกี้เริ่มจะมลายหายไปกับคำพูดของตัวเอง ไม่ได้ อย่าลืมจุดประสงค์ที่พาเพื่อนสนิทมาที่นี่ ต้องทำให้สำเร็จสิ…

 

“แต่ว่านะ ตั้งแต่เราอยู่ชมรมศิลปะด้วยกันมา ฉันรู้สึกสนุกมากเลย” มาการงพูดขึ้นเบาๆ “ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้รู้จักกับพวกรุ่นพี่ แล้วก็คัสตาร์ดให้มากขึ้น และที่สำคัญ ได้ลองทำอะไรที่ฉันไม่ได้คิดว่าจะทำมันออกมาดีขนาดนี้ด้วยซ้ำ”

 

“ประกวดวาดรูปน่ะเหรอ?” ฉันถาม ได้รับการพยักหน้ารับจากอีกฝ่าย

 

“ฉันคิดว่า ถ้าได้อันดับดีขนาดนี้ เทิมหน้า คงโดนพี่แอปใช้งานอีกแน่ๆ”

 

“ไม่เป็นไร ฉันจะคอยช่วยเธอเอง เพื่อนในชมรมคนอื่นก็ด้วย ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”

 

“ขอบคุณมากนะ” เธอพูดพร้อมกับลุกขึ้น คว้ากระเป๋านักเรียนที่วางไว้สะพายขึ้นบ่า ไม่ลืมจ่ายเงินค่าเครื่องดื่ม ก่อนจะชวนฉันให้ออกจากร้าน

 

มาการงเดินนำฉันมาที่สวนสาธารณะริมทางเดินไปห้างสรรพสินค้า บรรยากาศอันร่มรื่นของต้นไม้เขียวขจีช่างมองดูสบายตาเสียจริง

 

“เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม” ฉันถามขณะนั่งลงบนม้านั่งตรงข้ามเพื่อนสนิท

 

“ท่าทางเราคงมีเรื่องต้องคุยกันอีกยาวนะ” นั่นสินะ ถ้าจะคุยเรื่องอะไรแบบนั้นในร้านกาแฟมันก็คงจะไม่ดีสักเท่าไร

 

“บรรยากาศก็ดี เธอชอบมานั่งเล่นที่นี่เหรอ ดูคุ้นทางมากเลย?” ฉันถาม ได้รับการพยักหน้าจากอีกฝ่าย ก่อนที่มาการงจะขยายความว่า

 

“บางที เวลาคิดอะไรไม่ออก ฉันก็ชอบมานั่งเล่นอยู่ที่นี่แหละจ้ะ” ฉันเข้าใจอารมณ์เพื่อนผมม่วงคนนี้ดี เห็นเธอดูเฟรนลี่แบบนี้ แต่พอมาลองคิดดูอีกที เธอก็มีบางเรื่องที่อยากจะเก็บเอาไว้คนเดียว มีปัญหาที่ไม่อยากจะเล่าให้คนอื่นฟังเหมือนกัน

 

และทางออกที่ดีที่สุดทางหนึ่ง คือ การอยู่คนเดียว เพื่อจะได้เข้าใจอารมณ์ของตัวเอง และปลดปล่อยมันออกมาได้โดยไม่สร้างความลำบากใจให้ใคร

 

“ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอก็มีอารมณ์ชอบมานั่งชมนกชมไม้คนเดียวแบบนี้ด้วย”

 

“นั่นสินะ” มาการงยิ้มแหยๆ “เวลาต้องวาดรูป นั่งมองต้นไม้พวกนี้ก็ทำให้หัวฉันแล่นเหมือนกัน”

 

“เธอนี่มันอาร์ตตัวแม่จริงๆ” ฉันอดแซวไม่ได้ “แต่ก็เอาเถอะ ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็มาเล่าให้ฉันฟังได้เสมอเลยนะ ฉันไม่ชอบเลยตอนที่เธอเหม่อลอยไม่สนใจใครแบบนั้น” เห็นแล้วมันอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ…

 

และไม่รอให้เธอพูดอะไรต่อ ฉันคิดจะใช้โอกาสนี้แหละ จะเป็นไงก็เป็นกัน

 

“มาการง จริงๆ แล้ว…” มองหน้าคนฟังก็เห็นว่ากำลังฟังอยู่

 

“ฉัน… ชอบ เธอนะ”

 

ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

 

มีแต่ความตะลึงงัน กับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน

 

ฉันรู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า แทนที่จะตกใจ หรือโวยวาย แต่สิ่งที่ฉันคาดไว้กลับผิดพลาดทั้งหมด

 

มีแต่ความเงียบ เงียบ และเงียบ

 

(มาการงบรรยาย)

 

ฉันกำลังอยู่ในสภาพช็อค เมื่อคนที่มาสารภาพรักต่อหน้าดันกลายเป็นเพื่อนสนิทตัวเอง เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้นแหละค่ะ

 

“นะ… นี่เธอ พูด… พูดอะไรน่ะ” ในที่สุดก็หาเสียงของตัวเองจนเจอ ให้ตายเถอะ ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลยจริงๆ

 

ช็อกโกล่ายังคงมองมาด้วยสีหน้าที่ดูตกใจ มีหลากหลายอารมณ์อยู่ในดวงตาสีดำคู่คมนั้น

 

ฉันมองหน้าเพื่อนผมดำอย่างพินิจพิจารณา ความทรงจำตั้งแต่วันที่เราเจอกันครั้งแรกจนถึงปัจจุบันแล่นเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ จนรู้สึกมึนไปหมด

 

แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่แจ่มชัดขึ้นมาในความรู้สึก

 

ทุกเหตุการณ์ ทุกเรื่องราว ตั้งแต่วันแรกที่โรงเรียนนี้ นอกจากจะมีซินนามอนซึ่งเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากแล้ว ก็ยังมีเธออยู่ในเหตุการณ์ด้วยเสมอ

 

และความรู้สึกแปลกๆ ที่มันเริ่มก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

 

ความรู้สึกนี้ มันเรียกว่าอะไรนะ

 

“ขอบคุณนะ ช็อกโกล่า” ฉันพูดขึ้นเบาๆ ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของเพื่อนผมดำ รอยยิ้มที่ฉันรู้สึกว่ามันเปี่ยมไปด้วยความสุขมากกว่าทุกครั้งที่เธอยิ้มออกมา

 

“จริงๆ แล้ว ฉันก็ชอบช็อกโกล่านะ แต่ว่า…”

 

ฉันชอบช็อกโกล่าแบบไหนกันแน่นะ? ชอบแบบเพื่อนเหรอ? หรือว่าแบบอื่น…

 

ไม่เห็นจะเข้าใจเลย

 

“เธอยังไม่ต้องให้คำตอบฉันตอนนี้ก็ได้นะ” ช็อกโกล่าพูดขึ้น คิ้วที่ขมวดเป็นปมของฉันค่อยคลายออก เฮ้อ รู้สึกโล่งขึ้นมาหน่อย

 

“ฉัน… จะพูดยังไงดีล่ะ” ฉันพยายามพูดอีกครั้ง “ช็อกโกล่าก็เป็นเพื่อนที่ฉันสนิทมากคนหนึ่งเลย แต่มันจะเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า ถ้าฉันจะบอกว่า ความรู้สึกแปลกๆ ในใจตอนนี้น่ะ ฉันยังไม่เข้าใจมันเลย”

 

“ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็ยังไม่ต้องตอบฉันตอนนี้ก็ได้” น้ำเสียงนั้นเรียบเรื่อยเป็นปกติ แม้บนใบหน้าจะดูหม่นลงไปบ้างก็ตาม “เพราะพวกเราเองก็ยังเป็นเด็ก ม.2 มันจะเร็วเกินไปถ้าคิดเรื่องแบบนั้น”

 

ฉันสะดุ้ง ก่อนรีบสวนขึ้นทันควัน “เธอ… พูดเรื่องอะไรน่ะ!”

 

“หึๆ ฉันล้อเล่น” ปรากฏรอยยิ้มขำบนใบหน้าคนพูด “แต่ที่ฉันพูดกับเธอเมื่อกี้น่ะ เป็นเรื่องจริงนะ” ร่างเพรียวของช็อกโกล่าเดินเข้าประชิดตัวฉันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ใบหน้านั้นจะโน้มลงมาจนได้ยินเสียงลมหายใจชัดเจน

 

“แต่ถ้าเข้าใจแล้วก็อย่าลืมให้คำตอบฉันก็แล้วกัน” ใบหน้าของฉันร้อนฉ่าเมื่อเธอกระซิบคำพูดที่ทั้งชวนมึนงงและทำให้รู้สึกเขินอายในเวลาเดียวกันที่ข้างหู

 

น่าอายเกินไปแล้ววว!!

 

ฉันคว้ากระเป๋านักเรียนขึ้นสะพายหลัง แล้วรีบวิ่งออกจากตรงนั้นทันที รู้สึกเขินอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด

 

แม้จะรู้สึกเขินขนาดไหน แต่ฉันก็ยอมรับว่าจริงๆ แล้ว ฉันก็รู้สึกดีกับช็อกโกล่าอยู่ไม่น้อย

 

ความรู้สึกในใจที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ก็ยังคงอยู่ในใจของฉันต่อไปเรื่อยๆ ฉันตั้งใจว่าถ้าได้คำตอบของความรู้สึกนี้เมื่อไร จะให้คำตอบกับเธอทันทีที่มีโอกาสอยู่ด้วยกัน 2 คนแบบนี้

 

หลังจากวันนั้น พวกเราคุยกันปกติ โดยต่างฝ่ายต่างเก็บเรื่องที่เกิดขึ้นในสวนสาธารณะเอาไว้เป็นความลับสุดยอด แม้แต่ซินนามอนเองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ และฉันก็ตั้งใจว่า ถ้ามั่นใจกับความรู้สึกของตัวเองเมื่อไร จะบอกให้ทุกคนรู้แน่ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

 

(ติดตามตอนต่อไป)

 

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ tor

ในที่สุดฉากโรแมนติกก็มา 55+

รูปภาพของ Racss

คนเขียนก็ดีใจค่ะ ในที่สุดก็ใส่มาได้สักที555

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.