บทที่ 429: เขาเป็นเสด็จอาเล็กของข้า!
มู่ไป๋ไป่เกือบสำลักน้ำลายตัวเองตาย แล้วเธอก็จ้องศิษย์น้องด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ถังถัง นี่เจ้าอยากโดนข้าตีหรืออย่างไร ข้าจะไปคิดอะไรกับพี่ชายของเจ้า เขาเป็นเสด็จอาเล็กของข้านะ!”
“อ่า…” เซียวถังถังยักไหล่แบบไม่ใส่ใจนัก “พวกท่านไม่ได้เป็นญาติสายเลือดเดียวกันจริง ๆ สักหน่อย ท่านคิดว่าเขาเป็นเพียงเสด็จอาของตัวเองจริง ๆ หรือ?”
“...”
เซียวถังถังพูดถูก ที่ผ่านมาเธอไม่เคยมองว่าเซียวถังอี้เป็นเสด็จอาของเธอเลย
แม้ว่าในเวลาต่อมาเธอจะได้รู้ว่าชายหนุ่มเปรียบเสมือนเทพสงครามที่มีชื่อเสียง และเป็นอ๋องต่างแซ่ในราชวงศ์เป่ยหลง แต่เธอก็เพียงแค่สงสัยใคร่รู้เพียงเท่านั้น
บางทีอาจเป็นเพราะว่าผู้ชายคนนั้นหลอกเธอมาหลายต่อหลายครั้ง เธอจึงไม่เคยเคารพนับถือเซียวถังอี้เท่ากับพี่ใหญ่ของตนซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาท และพี่รองที่เป็นแม่ทัพใหญ่เลย
การที่เธอเรียกเขาว่าเสด็จอานั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นการเรียกคล้ายหยอกล้อเสียมากกว่า
“นี่ท่านก็คิดว่าข้าพูดถูกใช่หรือไม่?” เซียวถังถังมองท่าทางครุ่นคิดของศิษย์พี่แล้วไปนั่งลงที่ขอบเตียง ก่อนจะกระแซะตัวเข้าหามู่ไป๋ไป่เพื่อให้เธอขยับไป แล้วเลื้อยลงมานอนบนเตียงด้วยท่าทางที่เตรียมพร้อมจะพูดคุยเต็มที่
“ไป๋ไป่ ข้าไม่ได้พูดไปเองนะ แต่พี่ชายของข้าเป็นคนดี แม้ว่านิสัยของเขาจะแปลกไปสักหน่อยและดุไปบ้างก็ตาม”
“แต่ดูสิ เขาอายุเพียงเท่านี้ก็ได้ตำแหน่งอ๋องแล้ว ตำหนักอ๋องเซียวของเราได้รับพระราชทานรางวัลมากมายจากเสด็จพ่อของท่านทุกปี เราอาจจะไม่ได้ร่ำรวยมากนัก แต่ท่านไม่มีทางลำบากแน่นอน”
“นอกจากนี้ วรยุทธของเขายังสูงส่งมาก ขอเพียงท่านอยู่ข้างกายเขา ในอนาคตไม่มีใครกล้ามารังแกท่านแน่”
“และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เขาชอบท่องทัศนาจรไปทั่วหล้าเหมือนกับท่าน ขอเพียงท่านตกลงปลงใจกับเขา พวกท่านจะกลายเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองกับใบหยก”
ระหว่างที่เซียวถังถังร่ายยาวถึงสรรพคุณของพี่ชาย นางก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่พูดได้เก่งมาก
เซียวถังอี้เป็นพี่ชายของนาง ส่วนมู่ไป๋ไป่เป็นศิษย์พี่คนสนิทของนาง การที่พวกเขาได้แต่งงานกันเป็นสถานการณ์ที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์แถมยังคุ้มค่ามากอีกด้วย!
“ถ้าเจ้ากล้าพูดจาเหลวไหลอีก ข้าจะลงโทษเจ้า!” มู่ไป๋ไป่จี้เอวศิษย์น้องด้วยความไม่พอใจ “เฮอะ เขามีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมแล้วอย่างไร แล้วข้าล่ะ ข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาสักเท่าไหร่”
“ข้าเป็นองค์หญิงลำดับที่ 6 ของราชวงศ์ ทุกคนในแคว้นเป่ยหลงต่างรู้ดีว่าท่านพ่อและท่านพี่รักข้ามากที่สุด ทำไมข้าต้องแต่งงานกับพี่ชายของเจ้าด้วย เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าพี่ชายของเจ้าเคยรังแกข้ามาอย่างไรบ้าง!”
ในตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กน้อย แต่เซียวถังอี้ก็ยังกระทำการโหดร้ายกับเธอด้วยการตีก้นเธอ
มันน่าขันตรงที่ว่าแม้แต่ท่านพ่อที่เป็นถึงฮ่องเต้ของเธอก็ยังไม่เคยตีเธอเลยสักครั้ง!
เธอไม่มีทางลืมความแค้นนั้นไปง่าย ๆ แน่!
“อีกอย่าง พี่ชายของเจ้าก็แก่แล้ว ใครจะไปสนใจเขากัน” มู่ไป๋ไป่พูดด้วยน้ำเสียงดูถูก แต่จู่ ๆ ใบหน้าซีดเผือดของเซียวถังอี้ก็ปรากฏขึ้นในหัวโดยไม่รู้ตัว
ชิ! ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าผู้ชายคนนั้นกินอะไรเข้าไปถึงได้โตมาเป็นแบบนี้
“พี่ชายของข้าแก่หรือ?” เซียวถังถังเกาหัวพลางนับนิ้วตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่แก่สักหน่อย พี่ชายของข้าอายุมากกว่าองค์รัชทายาทเพียงปีเดียวเท่านั้น”
มู่ไป๋ไป่ไม่ได้ไม่ชอบที่เซียวถังอี้อายุมากกว่าเธอ
หากพูดกันตามตรง อายุที่แท้จริงของเธอน้อยกว่าชายหนุ่มเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น นอกจากนี้ หลังจากผ่านไปหลายปี วุฒิภาวะของเธอก็เกือบจะเทียบเท่ากับอีกฝ่าย
หญิงสาวเพียงแค่ขัดขืนสัญชาตญาณที่บอกว่าเธอมีความรู้สึกพิเศษต่อเซียวถังอี้เพียงเท่านั้น
“เราเลิกพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะ เจ้าหลบไป ข้าอยากไปดูพี่รองสักหน่อย” มู่ไป๋ไป่พูดพร้อมกับผลักเซียวถังถังลงจากเตียง “ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่จวนตระกูลเฉิน การปรากฏตัวของคนในสำนักตระกูลถังไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน ข้าเดาว่าพวกเขาน่าจะติดตามเรามาตลอดทาง”
“ตอนนี้เราใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าไม่อยากให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก”
ทันทีที่ศิษย์พี่ใหญ่เอ่ยถึงเรื่องจริงจัง เซียวถังถังก็เปลี่ยนท่าทีและลืมสิ่งที่ตนเพิ่งพูดไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
ต่อมา หญิงสาวทั้ง 2 พากันเดินออกจากห้องไปโดยไม่สังเกตเห็นเงาสีดำที่บินออกไปนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
ชางหลานกางปีกร่อนไปในอากาศ จนในที่สุดมันก็ไปเกาะอยู่บนไหล่ของชายหนุ่มในชุดดำที่กำลังจิบสุราอยู่ในลานด้านหลังโรงเตี๊ยม
“นายท่าน ท่านจ้าวอสูรตื่นแล้วขอรับ นางดูมีชีวิตชีวาทีเดียว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
เซียวถังอี้ชะงักมือที่ถือจอกสุรา ก่อนจะหยิบเนื้อแห้งชิ้นหนึ่งบนโต๊ะมาโยนให้สัตว์เลี้ยงของตนเป็นรางวัล
ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยกังวลเกี่ยวกับเรื่องของมู่ไป๋ไป่มากนัก ดังนั้นเขาจึงส่งชางหลานไปช่วยดูแลนางและสั่งให้มันคอยรายงานสถานการณ์ของหญิงสาวให้เขาทราบอยู่เสมอ
“ซั่วเยว่ องค์หญิงหกตื่นแล้ว เจ้านำของที่ข้าสั่งให้เจ้าไปหามาส่งไปให้นางด้วย”
หลังจากที่ชายหนุ่มเอ่ยจบ เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวเสริมว่า “ส่งมันไปที่ห้องของนางได้เลย แล้วอย่าให้นางเห็น”
ซั่วเยว่รับคำสั่งเจ้านายแต่ก็ยังอดรู้สึกสงสัยไม่ได้
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เซียวถังอี้สั่งให้เขาไปที่ตลาดผีในเมืองหลวงเพื่อตามหาหยกรักษาโรค
หยกชนิดนี้เป็นยาที่ล้ำค่ามาก หากพกติดตัวไปด้วยจะช่วยบำรุงร่างกายและยืดอายุขัยของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม ในตลาดผีก็มีของปลอมถูกนำมาวางขายมากมาย มันจึงหาของจริงได้ยากมาก
องครักษ์หนุ่มต้องค้นหาอยู่ในตลาดผีนานถึง 2 วัน 2 คืนกว่าจะพบสถานที่ที่ขายของจริงเพียงแห่งเดียว
แต่ในเมื่อปัจจุบันนายท่านของเขาได้ปรากฏตัวให้ทุกคนเห็นแล้ว ไยเขาต้องแอบย่องเอาหยกสมุนไพรไปให้องค์หญิงหกเช่นนี้ด้วย?
ทางด้านชางหลาน มันกินเนื้อแห้งจนหมดชิ้นช้า ๆ และเอียงคอมองไปทางซั่วเยว่ที่เดินออกไป พอแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นอีก มันก็พูดขึ้นมาว่า “นายท่าน ข้าเพิ่งได้ยินบทสนทนาระหว่างท่านจ้าวอสูรกับท่านหญิง…”
“อืม” เซียวถังอี้ตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ
“ท่านหญิงบอกว่าองค์หญิงหกกำลังสนใจท่าน” เหยี่ยวตัวใหญ่พูดหน้านิ่ง
“แค่ก ๆๆ!” สุราที่ชายหนุ่มเพิ่งกลืนลงคอไปแทบพุ่งออกมา มันทำให้เขาสำลักจนหายใจไม่ออกแล้วต้องไออยู่หลายครั้ง
เขาเช็ดคราบสุราที่มุมปากพร้อมกับระงับอาการใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ก่อนจะกัดฟันพูดว่า “เซียวถังถังอยู่ที่ไหน เจ้าไปเรียกนางมาหาข้า!”
เจ้าเด็กนี่ไม่ได้โตขึ้นเลยสักนิด แถมยังพูดตรงไปตรงมาเหมือนตอนเป็นเด็กไม่เปลี่ยน!
“ท่านหญิงกำลังไปเยี่ยมองค์ชายรองพร้อมกับท่านจ้าวอสูร” ชางหลานเอียงคอคล้ายกับว่ามันรู้สึกสับสนกับปฏิกิริยาของผู้เป็นนาย “นายท่านไม่พอใจหรือ ทำไมล่ะขอรับ?”
ในความคิดของมัน นี่ถือว่าเป็นเกียรติมากที่ได้รับความชื่นชมจากท่านจ้าวอสูร
มันจึงรู้สึกยินดียิ่งนักที่เจ้านายของมันได้รับเกียรติดังกล่าว
“ไม่ใช่” เซียวถังอี้ถอนหายใจเบา ๆ “นี่เป็นเพียงคำพูดเด็กน้อยของถังถัง มันไม่เกี่ยวอะไรกับการที่ข้าจะพอใจหรือไม่พอใจ”
“ชางหลาน เจ้าก็อย่าได้สนใจคำพูดของถังถังมากนัก เจ้าฟังที่ข้าพูดให้ดี ข้าขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าระหว่างข้ากับไป๋ไป่มันเป็นไปไม่ได้”
…
ในห้องบนชั้น 2 มู่ไป๋ไป่กำลังตรวจชีพจรของมู่จวินเซิ่ง ขณะที่ฝั่งหลัวเซียวเซียวเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลเฉินเมื่อกลางวัน
แต่สายตาของเธอยังคงเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่รู้ตัวตลอดเวลา
หน้าต่างห้องพักของมู่จวินเซิ่งหันไปทางลานกว้างของโรงเตี๊ยม จากตำแหน่งที่หญิงสาวนั่งอยู่ เธอสามารถเห็นใครบางคนกำลังนั่งดื่มเพียงลำพังอยู่ใต้แสงจันทร์
นี่เธอไม่ได้เตือนเขาหรอกหรือว่าเขาไม่ควรไปนั่งดื่มสุราตากน้ำค้างตอนกลางคืนจนกว่าจะขจัดพิษในร่างกายไปจนหมด?
ทำไมคนผู้นี้ถึงไม่ยอมฟังคำแนะนำของหมอเลย?
หรือเขาแค่อยากจะแสดงให้เธอเห็นเพื่อขจัดความสงสัยในตัวเขาออกไปให้หมด?
หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ …
ถ้าอย่างนั้นเธอควรจะชื่นชมเขาที่เป็นคนใส่ใจแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ
“ไป๋ไป่?”
“ไป๋ไป่ เจ้ามองอะไรอยู่น่ะ?”
เสียงของมู่จวินเซิ่งดังขัดจังหวะความคิดของมู่ไป๋ไป่ ทำให้เธอรีบหันหน้ากลับไปยิ้มให้พี่ชายเพื่อปิดบังความคิดตัวเอง “ไม่มีอะไร ข้าคิดว่าคืนนี้แสงจันทร์ข้างนอกสวยดี”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ทั้งคนทั้งสัตว์ชงจนแก้วแตกไปกี่แก้วแล้ว คู่พระนางก็ยังปากแข็งทั้งคู่ 555555 แต่เพิ่งรู้เลยนะเนี่ยว่านางเอกตัวจริงอายุน้อยกว่าพระเอกไม่กี่ปี งั้นเมื่อ 12 ปีก่อนก็ยังถือว่าเด็กอยู่เลย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 147
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น