บทที่ 428: ข้าไม่ให้อภัยเขาที่ทำร้ายเจ้า

-A A +A

บทที่ 428: ข้าไม่ให้อภัยเขาที่ทำร้ายเจ้า

หลังจากที่มู่จวินเซิ่งฟื้นขึ้นมาก็เป็นเวลาค่ำแล้ว ในห้องของเขามีเพียงแสงเทียนส่องสลัวไปยังร่างผอมเพรียวที่ฟุบนอนอยู่ข้างเตียง

“เซียว…” มู่จวินเซิ่งเปิดปากก่อนจะได้ยินว่าเสียงของตัวเองแหบแห้งมาก เขาจึงคิดจะลุกขึ้นนั่ง แต่การเคลื่อนไหวในครั้งแรกนั้นกระทบกระเทือนบาดแผลบนร่างกาย ทำให้เขาต้องชะงักไปด้วยความเจ็บปวด

หลัวเซียวเซียวที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็ตื่นขึ้นมาแล้วพูดกับคนเจ็บด้วยความเป็นห่วงว่า “องค์ชายรอง พระองค์อย่าเพิ่งขยับเพคะ แผลของพระองค์ยังไม่หายดี” 

มู่จวินเซิ่งมองสำรวจหญิงสาวภายใต้แสงเทียน เมื่อเห็นว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน เขาก็ผ่อนคลายตัวเองแล้วเอนกายพิงหัวเตียง

หลังจากรับกระบี่ของฉู่เสวียนแทนหลัวเซียวเซียว เขาก็ยังไปยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูเพื่อช่วยมู่ไป๋ไป่ต่อ

ในตอนที่เขาได้เห็นเซียวถังอี้ สติของเขาก็เริ่มพร่ามัวไปเล็กน้อยแล้ว ในช่วงสุดท้ายเขาแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ไม่เป็นไร” แม่ทัพหนุ่มยิ้มปลอบใจอีกฝ่าย “อาการบาดเจ็บเล็กน้อยเพียงเท่านี้เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ข้าเจอตอนสู้รบอยู่ที่ชายแดน”

หลัวเซียวเซียวกัดริมฝีปากตัวเองในขณะที่ดวงตาของนางค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “เพราะเหตุใด…”

“อะไรหรือ?” มู่จวินเซิ่งไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดเมื่อสักครู่ แต่เขาก็สังเกตเห็นว่าน้ำเสียงของนางฟังดูรู้สึกผิดจึงทำให้เขาตกใจ “เจ้าร้องไห้ทำไม? แผลแค่นี้ไม่ได้ร้ายแรงสักหน่อย เจ้าดูสิ ข้าลุกจากเตียงเดินให้เจ้าดูสัก 2-3 รอบก็ได้ เจ้าจะได้มั่นใจ”

“อีกอย่าง เป็นเรื่องปกติที่นักรบย่อมมีบาดแผลไม่ใช่หรือ?”

ระหว่างที่ชายหนุ่มพูด เขาก็ตั้งท่าจะลุกขึ้นจากเตียงตามที่บอก

“ไม่ได้เพคะ พระองค์รีบนอนลงเดี๋ยวนี้เลยเพคะ!” หลัวเซียวเซียวปาดน้ำตาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวดโดยไม่สนใจสถานะของทั้ง 2

“พระองค์อย่าขยับนะเพคะ!”

มู่จวินเซิ่งชะงักไปทันที และใช้สายตาที่ซับซ้อนมองอีกฝ่าย จากนั้นจึงนอนลงตามคำสั่งของหญิงสาว “ข้าแค่อยากพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริง”

“ข้าเป็นถึงแม่ทัพที่คอยปกป้องชายแดน ข้าไม่มีวันโกหก”

หลัวเซียวเซียวหลุบตาลงต่ำ นางรอจนกว่าอารมณ์ของตัวเองจะสงบลงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ก็เพราะว่าพระองค์เป็นแม่ทัพที่คอยปกป้องชายแดน เหตุใดคนที่สำคัญเช่นพระองค์ถึงต้องมาขวางกระบี่แทนหม่อมฉัน”

“หม่อมฉันเป็นเพียงคนรับใช้ต่ำต้อยเท่านั้น หากเกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายรองเพราะหม่อมฉัน แล้วหม่อมฉันจะกล้าเผชิญหน้ากับองค์หญิงหกและทุกคนในแว่นแคว้นได้อย่างไร…”

วันนี้ที่จวนตระกูลเฉิน ฉู่เสวียนจงใจทำร้ายนาง

แต่ทันทีที่กระบี่ของชายหนุ่มกำลังจะฟันลงมา มู่จวินเซิ่งก็เข้ามาขวางและผลักนางออกไป

ในตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนขนาดที่ว่าพอนางรู้ตัวอีกที มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

โชคดีที่มู่ไป๋ไป่กับเซียวถังถังมาถึงทันเวลา

มิฉะนั้นผลที่ตามมาอาจจะเลวร้ายจนนางไม่อาจจินตนาการได้ 

“เจ้าพูดดูถูกตัวเองอีกแล้ว” มู่จวินเซิ่งขมวดคิ้ว ในขณะที่สีหน้าของเขาจริงจังมากกว่าปกติ “หลัวเซียวเซียว เงยหน้าขึ้นมองข้า”

“ข้าขอถามเจ้าหน่อยเถอะ เจ้าติดตามไป๋ไป่มานานหลายปีแล้ว ไป๋ไป่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร?”

หลัวเซียวเซียวกำมือที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อแน่นโดยที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาและตอบว่า “องค์หญิงหกปฏิบัติต่อหม่อมฉันเหมือนคนในครอบครัวเพคะ”

นอกจากมู่ไป๋ไป่จะมอบชีวิตให้แก่นางแล้ว อีกฝ่ายยังทำเหมือนตนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองด้วย

ช่วงชีวิตที่ผ่านมานางไม่เคยขาดแคลนสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า หรือสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน

ไม่เพียงเท่านั้น ทุกครั้งที่วังหลวงส่งของมาที่หุบเขาหมอเทวดา นางก็จะได้รับส่วนแบ่งด้วย

บนโลกนี้ไม่มีใครดีต่อนางไปกว่ามู่ไป๋ไป่อีกแล้ว

เพราะเหตุนี้นางจึงไม่รู้ว่าควรต้องเผชิญหน้าชายหนุ่มอย่างไร

มู่จวินเซิ่งเป็นพี่ชายขององค์หญิงหก นางไม่อยากทำร้ายเขา

“ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ แต่เจ้าก็เป็นคนของตระกูลหลัว ขุนนางใหญ่ในเมืองหลวง เจ้าจะเป็นคนรับใช้ได้อย่างไร?” แม่ทัพหนุ่มยังคงมองหลัวเซียวเซียวอย่างจริงจัง “นอกจากนี้ ในฐานะแม่ทัพของแคว้นเป่ยหลง หน้าที่ของข้าคือปกป้องประชาชนเป่ยหลง”

“เจ้าเองก็เป็นคนของเป่ยหลง ดังนั้นข้าจึงต้องปกป้องเจ้า แม้ว่าวันนี้ข้าจะต้องตายอยู่ภายใต้กระบี่ของฉู่เสวียน ข้าก็ทำได้เพียงแค่โทษตัวเองที่ไม่มีความสามารถมากพอที่จะปกป้องใครเอาไว้ได้ ฉะนั้นแล้วข้าจะโทษเจ้าได้อย่างไรกัน”

“องค์ชายรอง!” หลัวเซียวเซียวเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเป็นกังวล “เหตุใดพระองค์ถึงได้สาปแช่งตัวเองเช่นนั้น?”

เมื่อมู่จวินเซิ่งสบเข้ากับสายตาวิตกกังวลของหญิงสาว เขาก็ยิ้มออกมาจาง ๆ “ในที่สุดเจ้าก็มองข้าแล้ว”

หลัวเซียวเซียวจ้องมองชายตรงหน้าด้วยความสับสน นางต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเข้าใจว่าองค์ชายรองจงใจกล่าวเช่นนั้น ชั่วขณะหนึ่งนางรู้สึกถึงอารมณ์ที่หลากหลายในใจ

“หากเจ้าติดใจเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เจ้าก็สัญญากับข้าสักข้อ”

“หากเจ้าตกลง นั่นก็ถือว่าเจ้าได้ตอบแทนบุญคุณข้าแล้ว”

จากนั้นมู่จวินเซิ่งก็ลดเสียงพูดลง “แบบนี้เจ้าน่าจะรู้สึกดีขึ้นใช่หรือไม่?”

“องค์ชายรอง ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่การตอบแทนบุญคุณที่พระองค์ได้ช่วยชีวิตหม่อมฉันเอาไว้ แต่หม่อมฉันก็ยินดีทำเพคะ” หลัวเซียวเซียวระงับอารมณ์ในใจตัวเองก่อนจะตอบรับด้วยสีหน้าจริงจัง

ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ต่อหน้าฉู่เสวียนที่ใต้หน้าผา สิ่งที่นางพูดออกไปนั้นมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องโกหก

เรื่องที่นางชื่นชอบแม่ทัพหนุ่มเป็นเรื่องโกหก แต่ที่บอกว่านางเคารพอีกฝ่ายมากเป็นเรื่องจริง

หญิงสาวจำภาพที่ตัวเองกับมู่ไป๋ไป่ถูกโจรชั่วหนานซวนลักพาตัวไปได้ขึ้นใจ ในตอนนั้นเป็นมู่จวินเซิ่งที่ปรากฏตัวออกมาช่วยพวกนางเอาไว้

“ข้าไม่ใช่คนที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น” ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะเบา ๆ พอเขาเห็นว่าหลัวเซียวเซียวเองก็ยิ้มไปกับเขาด้วย เขาจึงพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะรับปากข้าว่าเจ้าจะลืมฉู่เสวียนไปเสียให้หมด แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดี”

ทันทีที่มีชื่อฉู่เสวียนหลุดออกมาจากปากมู่จวินเซิ่ง ฝ่ายที่ได้ยินก็รู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างควบคุมไม่ได้

หลังจากที่กลับมาจากจวนตระกูลเฉิน นางพยายามบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงผู้ชายคนนั้น แต่ในความเป็นจริง แม้แต่ในฝันเมื่อครู่นี้นางก็ยังเห็นภาพอีกฝ่ายหันคมกระบี่เข้าใส่นาง

“องค์ชายรอง… พระองค์เปลี่ยนเงื่อนไขได้หรือไม่เพคะ?” หลัวเซียวเซียวพยายามบังคับตัวเองให้หุบปาก “หม่อมฉันลืมเรื่องฉู่เสวียนไปแล้วตั้งแต่ตอนที่อยู่ในภูเขา”

มู่จวินเซิ่งมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งเกาหลังศีรษะตัวเองพลางยิ้มจาง ๆ “ไม่ล่ะ ถ้าเจ้าลืมเขาไปแล้วจริง ๆ ก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าเจ้ายังไม่ลืมเขา เจ้าก็ต้องลืมเขาไปเสียตั้งแต่ตอนนี้”

“เพราะว่าครั้งหน้าหากข้าพบเขาอีก ข้าจะไม่มีทางเมตตาต่อเขาแน่ ข้าไม่สามารถให้อภัยเขาที่ทำแบบนั้นกับเจ้าได้”

พอพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของแม่ทัพหนุ่มก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา

หลัวเซียวเซียวเปิดปากอยากจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของมู่จวินเซิ่ง นางก็ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้

อีกด้านหนึ่ง มู่ไป๋ไป่ก็ตื่นแล้วเช่นกัน

สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากตื่นขึ้นมาก็คือการถามยืนยันกับศิษย์น้องว่าเซียวถังอี้ยังอยู่ที่นี่หรือไม่

“ท่านพี่ของข้าหรือ?” เซียวถังถังยื่นน้ำแกงที่ถูกอุ่นรอเอาไว้ตลอดเวลาให้ศิษย์พี่ใหญ่ “ใช่ เขายังอยู่ที่นี่ หลังจากกินมื้อเย็น เขาเพิ่งไปดื่มกับอวี้เซิ่งและจวงอี้หรานอยู่ที่ลานด้านล่าง”

“ไป๋ไป่ ท่านถามถึงพี่ชายข้าทำไมหรือ ท่านต้องการอะไรจากเขาหรือไม่?”

“เช่นนั้นก็รอสักครู่ ข้าจะไปเรียกเขามาให้ท่าน!”

หลังจากพูดจบหญิงสาวก็เตรียมจะวิ่งลงบันไดไปเรียกเซียวถังอี้มา

มู่ไป๋ไป่ที่ยังไม่ทันกลืนน้ำแกงลงคอ เธอก็รีบคว้าตัวอีกฝ่ายเอาไว้ “อึก… เจ้าฟังสิ่งที่ข้าจะพูดก่อนสิ!”

เซียวถังถังเกาหัวด้วยความสับสน

“ข้าแค่ถามเฉย ๆ” หญิงสาวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าจะไปตามเขามาทำไม!”

เธอจะไปอยากได้อะไรจากเขากัน?

จะเรียกให้เขากับจวงอี้หรานมาแสดงต่อหน้าเธอหรืออย่างไร!

ทันทีที่มู่ไป๋ไป่คิดถึงเรื่องนี้ เธอก็โมโหขึ้นมาแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองได้ช่วยคนเนรคุณเข้าเสียแล้ว

หากเธอรู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะเป็นเช่นนี้ เธอคงไม่เอาเลือดตัวเองไปช่วยชายหนุ่ม เธอน่าจะรอดูอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับโชคชะตาจนกว่าจะถึงเมืองหลวงเสียดีกว่า

“อ๋อ…” เซียวถังถังกลอกตาไปมาประหนึ่งว่านางกำลังคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นนางก็นั่งลงข้างเตียงพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไป๋ไป่ ท่านบอกความจริงข้ามานะ ท่านคิดอย่างไรกับพี่ชายของข้าหรือ?”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.