บทที่ 403: เขาทนรับเลือดไม่ไหวหรือ?
“เจ้ายังรู้จักกลัวข้าอยู่หรือ?” ใบหน้าของเจียงเหยายังคงแสดงออกถึงความไม่พอใจ แต่ครั้งนี้นางไม่ได้เดินหนี “ถ้าเจ้ากลัวข้าจริง ๆ เจ้าจะไม่กล้าทำอะไรลับหลังข้าเช่นนี้”
“ท่านอาจารย์…” มู่ไป๋ไป่รู้ว่าตัวเองทำผิดไปจึงรีบขยับไปคว้าแขนอาจารย์ของตนเอาไว้ “แต่ว่าตอนนั้นเหตุการณ์มันฉุกเฉินมากไม่ใช่หรือเจ้าคะ ตอนแรกข้าก็ไม่ได้คิดที่จะใช้วิธีนี้ ใครจะไปรู้ว่าจวงอี้หรานจะอ่อนแอขนาดนี้ เพียงแค่โดนลมหนาวก็ทำให้ร่างกายของเขาทรุดลงแล้ว”
“ที่ข้าตัดสินใจทำเช่นนี้ลงไปเป็นเพราะมันฉุกละหุกมากจริง ๆ…”
เจียงเหยาเข้าใจเหตุผลนี้ทั้งหมด ดังนั้นนางจึงไม่ได้โกรธมู่ไป๋ไป่เลย
แท้จริงแล้วนางโกรธตัวเองมากกว่า
นางโกรธที่ตนเป็นอาจารย์ที่ไร้ความสามารถจนไม่สามารถหาวิธีขจัดพิษหลิวกวงได้ อีกทั้งยังปล่อยให้ลูกศิษย์ต้องไปเสี่ยงชีวิตแทนตัวเอง
พอคิดแบบนี้สีหน้าของหมอสาวก็อ่อนลง ในขณะที่นางกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของอาจารย์เอง… ถ้าหุบเขาหมอเทวดาไม่มีเรื่องกับสำนักตระกูลถังในครั้งนี้ ถ้าข้าไม่ถูกคนของสำนักตระกูลถังจับตัวเอาไว้ เจ้าก็ไม่ต้องมาช่วยข้า…”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมาพัวพันกับปัญหาพวกนี้เลย”
“ท่านอาจารย์ ท่านพูดอะไรน่ะ!” มู่ไป๋ไป่รู้ว่าเจียงเหยาต้องการจะบอกอะไรทันทีที่ได้ยินคำพูดของนาง เธอจึงรีบลุกขึ้นนั่งแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“ท่านอาจารย์ เป็นข้าเองที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยจวงอี้หราน ข้าแค่อยากจะล้างพิษให้กับเขา พิษหลิวกวงที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาแตกต่างจากพิษอื่น ๆ ที่ท่านอาจารย์เคยพบมาก่อน”
“ข้าสงสัยว่ามันอาจไม่ใช่ยาพิษที่สำนักตระกูลถังเคยใช้ ถังเป่ยเฉินอาจจะใช้พิษที่ถูกพัฒนาขึ้นแล้ว หรือบางทีเขาอาจจะใช้พิษนี้ทดสอบกับจวงอี้หราน”
“ทดสอบ?” เจียงเหยาขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดถึงบางสิ่ง “เจ้าจะบอกว่าถังเป่ยเฉินมีแผนการใหญ่กว่าซ่อนอยู่เบื้องหลังอย่างนั้นหรือ?”
มู่ไป๋ไป่พยักหน้าแล้วกล่าวต่อไปว่า “นับตั้งแต่ที่เราออกจากพื้นที่ของสำนักตระกูลถัง ประกาศล่าค่าหัวของฉู่เสวียนกับหลัวเซียวเซียวก็ถูกถอนออกไป ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการตายของอดีตเจ้าสำนักตระกูลถังเลยสักครั้ง”
“ถังเป่ยเฉินได้ใช้ความพยายามมากมายสาดน้ำโคลนเข้าใส่หุบเขาหมอเทวดา แต่แผนการของเขาก็ถูกพวกเราขัดขวางเอาไว้ ข้าไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนที่ยอมแพ้ง่าย ๆ ที่เขานิ่งเฉยไปเช่นนี้เป็นเพราะเขาต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่แน่”
“และพิษในกายของจวงอี้หรานน่าจะเป็นไพ่ตายในมือของเขา”
เจียงเหยาขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นขึ้นพร้อมกับไตร่ตรองคำพูดของลูกศิษย์คนโต
ไม่ใช่ว่านางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่นางไม่ได้คิดลึกซึ้งเท่ากับมู่ไป๋ไป่
ตอนนี้พอมาคิดดูดี ๆ แล้ว นางก็คิดขึ้นมาได้ว่าเหตุใดถังเป่ยเฉินถึงมุ่งเป้าไปที่เซียวถังอี้
“ถึงอย่างนั้น เจ้าทำเช่นนี้มันก็เสี่ยงเกินไป” เจียงเหยานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเลือดของเจ้าไม่สามารถล้างพิษในตัวเขาได้”
“ถึงแม้ว่ามันจะสามารถรักษาเขาได้ แต่หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เจ้ายังต้องใช้เลือดของตัวเองเพื่อยับยั้งพิษของเขาต่อไปเช่นนั้นหรือ?”
ทันใดนั้นภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน มู่ไป๋ไป่ใช้เวลานานกว่าจะเผยรอยยิ้มดื้อรั้น “ท่านอาจารย์ ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นจริง ๆ ในฐานะหมอ ข้าไม่สามารถเฝ้าดูคนไข้ตายไปต่อหน้าต่อตาได้จริง ๆ”
“ข้าทำแบบนั้นไม่ได้”
ระหว่างที่คนทั้ง 2 พูดคุยกัน เซียวถังถังที่ยืนอยู่ด้านข้างก็กวาดตามองไปรอบ ๆ แล้วไปหยุดอยู่ที่เจียงเหยาครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลื่อนสายตามองมู่ไป๋ไป่อีกสักพักก่อนจะพูดขึ้นว่า “อะไรกัน… ท่านอาจารย์ ไป๋ไป่เพิ่งฟื้นขึ้นมาเอง นางคงจะหิวแล้ว ท่านหิวหรือไม่? ข้าจะไปให้ห้องครัวเตรียมอาหารเช้ามาให้ท่าน”
“ถ้ามีเรื่องพูดคุยกันก็รอไว้หลังอาหารเช้าดีหรือไม่?”
บรรยากาศในห้องที่ค่อนข้างเคร่งเครียดถูกทำลายลงเพราะคำพูดของหญิงสาวทันที
เจียงเหยาเหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของมู่ไป๋ไป่แล้วจึงพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของเซียวถังถัง
นั่นทำให้ลูกศิษย์ทั้ง 2 พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกนางก็หันมามองหน้ากัน
เนื่องจากเสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมได้เตรียมอาหารเช้าเอาไว้แล้ว พอได้รับคำสั่งจากเซียวถังถัง เขาก็ยกอาหารเข้ามาในห้อง
หลัวเซียวเซียวและคนอื่น ๆ ที่รู้ว่ามู่ไป๋ไป่ตื่นแล้วก็พากันมาเยี่ยมทีละคน
“ไป๋ไป่ เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง?” มู่จวินเซิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องบางอย่างแล้วนำไปวางไว้ที่ข้างเตียงของน้องสาว “ข้าได้ยินมาจากเซียวเซียวเมื่อคืนนี้ว่าเจ้าเป็นลมเพราะเหนื่อยเกินไป”
“นี่เป็นโสมป่าที่พี่รองสั่งให้คนไปหามาให้ มันดีต่อร่างกายเจ้า เอาไว้ข้าจะสั่งให้คนไปทำน้ำแกงให้เจ้าภายหลัง”
“โสม?” เมื่อมู่ไป๋ไป่เปิดกล่องแล้วเห็นโสมชิ้นใหญ่ที่อยู่ภายใน เธอก็แทบจะพ่นอาหารมื้อเช้าออกมาจากปาก “พี่รอง นี่มันโสมอะไรกัน!”
“โสมต้นนี้น่าจะมีอายุอย่างน้อย 100 ปี ถ้าข้าใช้มันตุ๋นน้ำแกงบำรุง ตัวข้าจะไม่ระเบิดตายไปก่อนหรืออย่างไร!”
แม้ว่าร่างกายจะไม่ร้อนจนระเบิดตาย แต่เธอคงได้เลือดกำเดาไหลจนหมดตัวก่อนแน่
“จริงหรือ?” มู่จวินเซิ่งเกาหัวตัวเองเบา ๆ “ข้าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็หามาให้แล้ว โชคดีที่พวกเขาพบเจอของที่ล้ำค่าเช่นนี้”
มู่ไป๋ไป่มองดูกล่องโสมอายุ 100 ปีด้วยสายตาว่างเปล่า สุดท้ายเธอก็พูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ข้าจะเก็บโสมนี้เอาไว้ก่อน เผื่อว่าข้าจำเป็นจะต้องใช้มันในภายหลัง”
จากนั้นหญิงสาวก็ส่งสัญญาณให้หลัวเซียวเซียวมาเก็บของ
ในเวลาเดียวกัน เธอก็แอบส่งสายตามองอีกฝ่ายอย่างชื่นชม
โชคดีที่นางไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเธอถึงเป็นลมให้กับมู่จวินเซิ่งรู้ มิฉะนั้นเขาคงจะวิตกกังวลยิ่งกว่าเดิมและไม่อาจทนอยู่เฉยได้
ทางด้านหลัวเซียวเซียวได้แต่ยิ้มแกน ๆ พลางส่ายหัวเบา ๆ จากนั้นก็รับกล่องโสมไป
“ไป๋ไป่ ตอนนี้เจ้ากับจอมยุทธ์จวงต่างก็ป่วยกันทั้งคู่ ดังนั้นข้าคิดว่าเราควรพักอยู่ที่นี่อีกสัก 2-3 วันเถอะ” มู่จวินเซิ่งคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ “แล้วเราค่อยส่งข่าวให้อวี้หวานหว่านมาหาเราที่นี่”
เมื่อ 5 วันก่อน คนของวังหลวงได้ไปรับตัวอวี้หวานหว่านจากหุบเขาหมอเทวดา โดยมีจุดหมายที่จะมุ่งหน้าไปยังวังหลวงเพื่อเข้าร่วมพิธีฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา
มู่ไป๋ไป่รู้ว่าเจียงเหยาคิดถึงลูกสาวของตัวเองมากเพียงใด ดังนั้นเธอจึงสั่งให้คนของเมืองหลวงไปรับตัวเด็กหญิงให้ไปสมทบกับพวกเธอ
ตามแผนการ พวกเธอควรจะพบกันที่เมืองถัดไป
แต่ปัจจุบันทั้งเธอและจวงอี้หรานต่างก็สุขภาพไม่ค่อยดีนัก พวกเธอจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องขอให้อวี้หวานหว่านเดินทางมาพบกันที่นี่แทน
“ตกลง” หญิงสาวคิดว่าวิธีนี้ดี เธอจึงพยักหน้ารับ
มู่จวินเซิ่งไม่ได้เยี่ยมน้องสาวนานจนเกินไปเพราะเขากลัวว่าจะไปรบกวนการพักผ่อนของนาง เขาจึงคุยเล่นกับนางอีกสักพักหนึ่งแล้วขอตัวออกจากห้องไป
“ท่านอาจารย์ ท่านดูแลข้ามาทั้งคืนแล้ว ท่านเองก็ควรกลับไปพักผ่อนแต่หัววัน” มู่ไป๋ไป่วางอาหารเช้าลงแล้วยิ้มให้ผู้เป็นอาจารย์ “ไม่อย่างนั้น ถ้าหวานหว่านมาถึงและเห็นว่าสีหน้าของท่านไม่สู้ดี นางคงจะเป็นกังวลแย่”
เจียงเหยาแสดงสีหน้าอ่อนโยนทันทีที่ได้ยินชื่อลูกสาวสุดที่รัก
“เอาเถอะ ถังถังมากับข้า ปล่อยให้เซียวเซียวดูแลไป๋ไป่ไป” หมอสาวกวักมือเรียกลูกศิษย์คนรองที่เอาแต่อ้าปากหาวเป็นระยะ ๆ
ปัจจุบันเซียวถังถังง่วงมากจริง ๆ นางจึงโบกมือลามู่ไป๋ไป่โดยไม่พูดอะไรและเดินตามเจียงเหยาออกไป
ในไม่ช้าภายในห้องก็เงียบสงบลง
ต่อมา มู่ไป๋ไป่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง จากนั้นก็หลับตาพักผ่อน
ในตอนที่หญิงสาวได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เธอก็รู้ว่าเป็นหลัวเซียวเซียว ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “เมื่อคืนนี้อาการของจวงอี้หรานเป็นอย่างไรบ้าง เขาตื่นแล้วหรือยัง?”
หลัวเซียวเซียวรินน้ำชาให้องค์หญิงหกขณะตอบว่า “ยังเพคะ ซั่วเยว่คอยเฝ้าจอมยุทธ์จวงอยู่ทั้งคืน แต่หม่อมฉันยังไม่ได้รับข่าวว่าจอมยุทธ์จวงตื่นแล้ว”
“ฮ่า ๆ ซั่วเยว่นี่ช่างซื่อตรงมากจริง ๆ” มู่ไป๋ไป่ยกยิ้มมุมปาก ทว่าสีหน้าของเธอกลับดูเคร่งขรึมเล็กน้อย
ผู้ชายคนนั้นยังไม่ตื่น หรือว่ามันจะเป็นไปตามที่เสี่ยวหยินพูด เขารับเลือดของเธอไม่ได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 180
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น