บทที่ 312 หัวหน้าจะไปหลอกใครอีก?
บทที่ 312 หัวหน้าจะไปหลอกใครอีก?
“มีอะไร?” ลู่หยางถาม
“เราเพิ่งได้รับข่าวมาว่าบลัดไทแรนท์บุกป้อมปราการถึงด่านที่ 3 แล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็จะถึงบอสตัวสุดท้าย” ถูเฟิงกล่าว
“ทำไมมันถึงเร็วขนาดนั้น?” ลู่หยางถามอย่างสงสัย
“มีข่าวลือมาว่าบลัดไทแรนท์เรียกตัวฉู่หานมาใช้งานอีกครั้ง เขากับเซาธ์โคสท์จึงร่วมกันบัญชาการกองทัพจนทำให้ผ่านด่านมาได้เร็วขนาดนี้” ถูเฟิงกล่าว
“ไม่คิดเลยว่าบลัดไทแรนท์จะกล้ากลับมาใช้งานฉู่หานใหม่อีกครั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินเขาต่ำเกินไปจริง ๆ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
ทั้งฉู่หานและเย่กู่ซิงต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในชาติก่อน และถึงแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้มีความสามารถโดดเด่นเหมือนกับสามพี่น้องตระกูลไป๋หรือบิทเทอร์เลิฟ แต่ในด้านการบัญชาการกองทัพขนาดใหญ่ทั้งสองต่างก็เคยนำทีมจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งประเทศ
ในสงครามครั้งก่อนลู่หยางได้ทำลายความเชื่อมั่นของบลัดไทแรนท์ที่มีต่อเย่กู่ซิงลงไปและยังทำให้ฉู่หานถูกสงสัยว่าเป็นสายลับ หากคิดกันตามหลักการและเหตุผลบลัดไทแรนท์ก็ไม่ควรจะคิดใช้งานฉู่หานอีก แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าชายคนนี้ใจกว้างกว่าในสิ่งที่ลู่หยางเคยได้ยินมา
“พวกเราควรทำยังไงกันดี? ถ้าหากพวกเขาฆ่าบอสตัวสุดท้ายและยึดป้อมปราการได้สำเร็จ นอกเหนือจากขวัญกำลังใจภายในกิลด์ของพวกเขาจะสูงขึ้นแล้วพวกเขายังสามารถนำกองกำลังไปช่วยเดธโซลหรือจะมารบกวนพวกเราก็ได้ ในเวลานั้นมันก็จะทำให้พวกเราเสียเปรียบในทันที” ถูเฟิงกล่าว
การบุกป้อมปราการสำเร็จมันก็หมายความว่าบลัดเติสตี้จะได้รับบลูปริ้นมาเป็นจำนวนมากและด้วยพื้นฐานที่พวกเขาสั่งสมมา ภายในเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ พวกเขาย่อมสามารถสร้างอุปกรณ์ระดับทองให้กับกองกำลังจำนวน 10,000 คน
“ไม่ต้องห่วง บอสตัวสุดท้ายไม่ได้จัดการง่ายขนาดนั้นแล้วตอนนี้ทางฝั่งของนายเป็นยังไงบ้าง?” ลู่หยางกล่าว
“สมาชิกใหม่ 20,000 คนแบ่งกลุ่มกันเสร็จแล้วนายไม่จำเป็นจะต้องเป็นห่วง เดี๋ยวฉันจะหาวิธีให้พวกเขาไปเก็บเลเวลเอง” ถูเฟิงกล่าว
ช่วงเวลานี้กิลด์กำลังยุ่งอยู่กับการบุกเบิกป้อมปราการ ถูเฟิงจึงไม่อยากจะเอาปัญหามาให้ลู่หยางต้องปวดหัว
ลู่หยางเข้าใจความคิดของสหายเป็นอย่างดี ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
“ผู้เล่นทั้ง 20,000 คนนี้จะมีประโยชน์กับพวกเรามาก ดังนั้นนายไม่จำเป็นจะต้องห่วงเรื่องป้อมปราการ เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปช่วยเหลือนายเอง” ลู่หยางกล่าว
—
ป้อมปราการคริมสัน
ปัจจุบันฉิงชาง, เซี่ยหยู่เว่ย, เสี่ยวเหลียงและแม่ทัพคนอื่น ๆ กำลังนั่งมองดูบอสหมาป่าลาวา 3 หัวที่อยู่ไกลออกไปอย่างเหม่อลอย
“เราติดอยู่กับมันมา 2 วันแล้วนะ” ไป๋เหลิงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ฉันได้ยินมาว่าบลัดเติสตี้บุกไปถึงบอสตัวสุดท้ายแล้วแต่พวกเรายังติดอยู่ตรงนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายจริง ๆ” เหมาชิวกล่าว
“พวกเรามาลองดูอีกครั้งกันเถอะ เราจะปล่อยให้พวกบลัดเติสตี้นำเราไปไม่ได้เด็ดขาด” ฉิงชางกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ทุกคนต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะลุกยืนขึ้นเพื่อทดลองสู้กับบอสอีกครั้ง ลู่หยางก็ปรากฏตัวจากระยะไกล
“หัวหน้า!” เหมาชิวตะโกนทักทายขึ้นมาเป็นคนแรก ก่อนที่คนอื่น ๆ จะเริ่มทักทายตามมาในเวลาเพียงแค่ไม่นาน
“ทำไมทุกคนถึงดูเครียดขนาดนั้นล่ะ?” ลู่หยางถามด้วยรอยยิ้ม
“ขอโทษด้วยนะครับหัวหน้าที่พวกเราทำให้คุณอับอาย พวกเราเริ่มบุกเบิกป้อมปราการก่อนบลัดเติสตี้ตั้ง 8 วัน แต่พวกเรากลับถูกพวกมันแซงหน้าไปแล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังสู้กับบอสตัวสุดท้ายแต่พวกเรายังติดอยู่ตรงนี้กันอยู่เลย” ฉิงชางกล่าว
ลู่หยางมองไปยังหมาป่าลาวา 3 หัวที่อยู่ไกลออกไปพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของพวกนายหรอก ความจริงการจะสู้กับหมาป่าลาวา 3 หัวต้องใช้กองกำลังผู้เล่นชั้นยอด 500 คน แต่กองกำลังที่พวกนายพามาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นที่มีเลเวลยังไม่ถึง 30 ดังนั้นการที่พวกนายสู้กับมันไม่ได้จึงเป็นเรื่องปกติแล้ว”
บอสตัวนี้คือบอสที่ทางผู้พัฒนาได้ออกแบบมาเพื่อทดสอบความสามารถในการสู้รบของกิลด์ที่ท้าทายมันโดยเฉพาะ ยิ่งไปกว่านั้นตัวบอสยังไม่ได้ต่อสู้กับผู้เล่นเพียงลำพัง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มันเริ่มการต่อสู้ขึ้นมามันก็จะมีมอนสเตอร์วิ่งออกมาจากทางประตูด้านหลังร่ายเวทมนตร์โจมตีเข้าใส่ผู้เล่นมากกว่า 3,000 ตัว
อาชีพนักรบหมอกโลหิตของเสี่ยวเหลียงจะสามารถแสดงประสิทธิภาพออกมาได้เมื่อเผชิญกับศัตรูที่ใช้การโจมตีทางกายภาพเท่านั้น เมื่ออีกฝ่ายใช้การโจมตีเวทมนตร์เขาจึงไม่สามารถรับมือกับมอนสเตอร์เหล่านี้ได้
“หัวหน้า ผมอยากเรียกตัวผู้เล่นเลเวล 30 กลับมา 100 คนครับ” บีทเทิลเลิฟกล่าว
“ถ้าพวกเรามีผู้เล่นเลเวล 30 ที่สวมใส่ชุดอุปกรณ์ระดับทองเพิ่มอีก 100 คน พวกเราต้องจัดการบอสตัวนี้ได้แน่ ๆ” ไป๋เหลิงกล่าว
ลู่หยางส่ายศีรษะเป็นคำตอบ ก่อนที่เขาจะพูดออกไปว่า
“ฉันไม่เพียงแต่จะไม่ส่งคนมาช่วยเพิ่ม แต่ฉันยังจะถอนกำลังบางส่วนออกไปด้วย”
“หา?” ทุกคนต่างก็อุทานออกมาอย่างตกตะลึง แต่หลังจากที่พวกเขาตั้งสติได้ทุกคนก็นึกได้ว่าลู่หยางย่อมไม่ทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลแน่นอน
“คราวนี้หัวหน้าจะไปหลอกใครอีกล่ะคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
ลู่หยางทำได้เพียงแต่กรอกตาไปมาทำให้ทุกคนต่างก็หัวเราะขึ้นมาอย่างชอบใจ
“พวกเธอเห็นฉันเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย?” ลู่หยางกล่าว
หลานอวี่ยกมือขึ้นมากุมท้องพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาไม่หยุด ก่อนที่เธอจะพยายามตั้งสติและพูดขึ้นมาว่า
“ก็พี่ชอบทำตัวเจ้าเล่ห์จนพวกเราติดภาพนั้นไปแล้วไงล่ะคะ”
“พวกเราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับหัวหน้า” ไป๋เหลิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ท่าทางของทุกคนทำให้ลู่หยางถึงกับหมดคำจะพูด แต่เขาก็ยังคงพูดออกไปว่า
“ครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรแต่มันเป็นเรื่องดีต่างหาก จำนวนสมาชิกภายในกิลด์ของพวกเราเพิ่มขึ้นแล้วฉันเลยตั้งใจจะตั้งกองทัพที่ 6 ขึ้นมา ฝากให้ทุกคนส่งผู้เล่นชั้นยอดมาให้ฉันทีมละ 3 คนด้วยนะ”
“เยี่ยมไปเลยครับ ถ้าหากหัวหน้าไม่พูดขึ้นมาผมก็ว่าจะคุยเรื่องนี้กับหัวหน้าพอดี” ฉิงชางกล่าว
“พวกเราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวเสริม
“มีอะไรงั้นเหรอ?” ลู่หยางถาม
ฉิงชางทำหน้าที่เป็นตัวแทนของทุกคน ก่อนที่เขาจะอธิบายขึ้นมาว่า
“ภายในกิลด์ของเรามีผู้เล่นชั้นยอดอยู่มากจนเกินไป พวกเราแต่ละคนทำหน้าที่เป็นแม่ทัพคุมกองทัพ 20,000 คน โดยภายในกองทัพแบ่งออกเป็น 4 กรมที่แต่ละกรมมีผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการ 2 คน ภายในกรมจะมีหัวหน้าและรองหัวหน้ากองพันอยู่อีก 10 คน ถัดลงไปกว่านั้นก็จะเป็นตำแหน่งเพียงแค่หัวหน้าหน่วยเล็ก ๆ ทำให้สมาชิกของเรามีโอกาสแสดงฝีมือออกมาได้ไม่มากนัก”
“ในความเป็นจริงแล้วผู้เล่นชั้นยอดที่ทางกิลด์ให้เงินเดือนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติเป็นผู้บัญชาการกรมได้ทั้งนั้น น่าเสียดายที่ตำแหน่งภายในกิลด์ของเรายังมีน้อยจนเกินไป พวกเขาเลยต้องเป็นเพียงแค่หัวหน้าหน่วยเล็ก ๆ พวกผมจึงมองว่ามันเป็นการใช้คนเก่งอย่างไม่ค่อยคุ้มค่า ยิ่งเวลาผ่านพ้นไปเท่าไหร่พวกเราก็ยิ่งเสียดายความสามารถของพวกเขามากเท่านั้น”
“ใช่ครับ พวกเขาต่างก็เป็นคนที่มีฝีมือแล้วถึงแม้พวกเขาจะไม่บ่นอะไรออกมา แต่พวกเรากลับรู้สึกไม่สบายใจ” ไป๋เหลิงกล่าวเสริม
ตอนแรกลู่หยางยังกังวลว่าพวกฉิงชางจะไม่ยอมปล่อยลูกน้องภายในกองทัพของตัวเองไป หลังจากที่เขาได้ยินความเห็นของทุกคน มันก็ทำให้เขารู้สึกวางใจลงไปได้บ้าง
“ฉันฝากบอกคนที่พวกนายคัดเลือกกันมาในครั้งนี้ด้วยว่าตำแหน่งต่ำสุดที่พวกเขาจะได้รับคือหัวหน้ากองพันที่จะนำกองกำลัง 1,000 คนและพวกเขายังมีโอกาสได้รับใบเปลี่ยนอาชีพจากกิลด์ด้วย”
“ได้ครับ/ค่ะ” พวกฉิงชางต่างก็ตอบรับอย่างพร้อมเพียงกัน ก่อนที่พวกเขาจะรีบกลับไปปรึกษากับลูกน้องของตัวเอง
ไม่นานหวูหลินเมิ่งฉู่, เหนิงต้าจิวเป่ยชู, เลี่ยเป้าและผู้เล่นชั้นยอดรวม 12 คนก็มายืนอยู่ตรงหน้าลู่หยาง
“สวัสดีครับ/ค่ะ หัวหน้า” ทุกคนต่างก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน และเนื่องจากพวกเขาได้รับเงินเดือนจากลู่หยางเดือนละ 10,000 เครดิตมาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 เดือนแล้ว มันจึงทำให้ทุกคนให้เกียรติหัวหน้ากิลด์ของพวกเขามาก
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ลู่หยางเซ็นสัญญากับพวกเขาเป็นเวลา 5 ปี มันก็เป็นเหมือนกับหลักประกันว่าพวกเขาจะมีชีวิตที่มั่นคง ยิ่งในตอนนี้พวกเขาจะได้รับตำแหน่งใหม่ ซึ่งมันก็หมายความว่าพวกเขาจะได้รับเบี้ยเลี้ยงพิเศษเพิ่มขึ้นจากเดิมด้วยอย่างแน่นอน มันจึงทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
“หลังจากผ่านสนามรบมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ทุกคนก็กลายเป็นผู้เล่นชั้นยอดกันหมดแล้ว ครั้งนี้ฉันมีความคิดจะตั้งกองทัพขึ้นมาใหม่และฉันก็จะให้ทุกคนมีโอกาสได้สร้างผลงาน ทุกคนติดต่อไปรายงานตัวกับถูเฟิงได้เลย เดี๋ยวเขาจะบอกเองว่าจะต้องทำยังไงต่อไป” ลู่หยางกล่าว
“ครับ/ค่ะ” ทั้ง 12 คนต่างก็พยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น ก่อนที่พวกเขาจะหยิบคัมภีร์ย้อนกลับเพื่อเทเลพอร์ตไปยังเมืองเซนต์กอลล์
“หัวหน้าแล้วพวกเราจะเอายังไงกันต่อดีครับ?” ไป๋เหลิงถาม
“นั่นสิครับ เพราะในตอนนี้กองกำลังของพวกเราก็อ่อนแอลงไปกว่าเดิมแล้ว” เหมาชิวกล่าว
“ช่างเรื่องการบุกป้อมปราการไปก่อน ตอนนี้พวกเรามีผู้เล่นเลเวล 30 กี่คนแล้ว?” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ตอนนี้พวกเรามีผู้เล่นเลเวล 30 เกินกว่า 10,000 คนแล้วครับ เหลือแค่ผู้เล่นที่อยู่ข้างหลังเราอีก 3,000 กว่าคนที่มีเลเวลไม่ถึง 30” ฉิงชางกล่าว
นี่คือคำสั่งที่ลู่หยางได้พูดทิ้งเอาไว้ในก่อนหน้านี้ว่าผู้เล่นทุกคนที่มีเลเวล 30 จะต้องเดินทางออกไปด้านนอกเพื่อพาสมาชิกเลเวลต่ำไปเก็บเลเวล มันจึงทำให้กองกำลังที่บุกเบิกป้อมปราการมีความอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 157
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น