ตอนที่ 1,000 พันธมิตร

-A A +A

ตอนที่ 1,000 พันธมิตร

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 1,000 พันธมิตร

วัตถุทรงรีคล้ายกับไข่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งลินนิจก็อยากรู้อยากเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในวัตถุชิ้นนี้มาก เขาจึงคอยรบเร้าให้เซี่ยเฟยเปิดมันออก

“ของสิ่งนี้เรียกว่าลูกปัดวิญญาณ มันทำหน้าที่คล้ายกับแหวนมิติในดินแดนกฎ เพียงแต่ว่ามันไม่ได้มีจุดประสงค์ในการเก็บสิ่งของแต่มีไว้ใช้สำหรับการเก็บข้อมูล” ลินนิจกล่าว

“เก็บข้อมูล?” เซี่ยเฟยอุทานอย่างสงสัย

“อุปกรณ์ชิ้นนี้คล้าย ๆ กับชิปหน่วยความจำ เพียงแต่ว่ามันจะเผยให้เห็นประสบการณ์นั้น ๆ ราวกับว่านายได้ไปยืนอยู่ในสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง ความรู้สึกของการได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ถูกเก็บเอาไว้ภายในลูกปัดวิญญาณจึงเป็นสิ่งที่ข้อมูลภายในชิปเก็บข้อมูลไม่สามารถจะนำมาเปรียบเทียบกันได้” ลินนิจกล่าว

“มันคล้าย ๆ การฉายภาพโฮโลแกรมสินะ”

“เรียกว่ามันเป็นการจำลองสถานการณ์จริงน่าจะถูกต้องกว่า” ลินนิจกล่าว

โดยปกติข้อมูลภายในลูกปัดวิญญาณจะถูกเข้ารหัสเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็มีผู้เชี่ยวชาญอย่างลินนิจอยู่ข้าง ๆ มันจึงทำให้การเข้ารหัสไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากสำหรับพวกเขามากนัก

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกว่าลินนิจเป็นคนที่น่าทึ่งมาก เพราะถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจธรรมชาติของลูกปัดวิญญาณ เขาย่อมไม่มีทางค้นพบช่องโหว่ในลักษณะนี้อย่างแน่นอน ถ้าหากคนส่วนใหญ่รับรู้ถึงช่องโหว่นี้ ชายหนุ่มก็คิดว่ามันคงจะไม่มีใครกล้าใช้ลูกปัดวิญญาณเป็นเวลานาน

หลังจากทำตามคำแนะนำของลินนิจ ชายหนุ่มก็สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในลูกปัดวิญญาณได้สำเร็จ ข้อมูลเป็นจำนวนมากจึงไหลเข้าสู่สมองของเขาโดยตรง ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างจริงจัง

“ภายในลูกปัดมีหลักฐานว่าผู้สร้างกับพวกรีเวิร์สมีการตกลงกันอย่างลับ ๆ อยู่จริง ๆ หลายปีที่ผ่านมาผู้สร้างทำหน้าที่รวบรวมวิญญาณให้กับรีเวิร์สมาโดยตลอด นอกจากนี้การเลื่อนระดับของบรรพบุรุษยังทำให้พวกรีเวิร์สต้องการ 1 ล้านวิญญาณมาตรฐานและ 10,000 วิญญาณระดับสูง เพื่อแลกกับการที่พวกมันจะไม่บุกทะลวงผ่านประตูจักรวาลเข้ามา” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

“1 ล้านวิญญาณมาตรฐานกับ 10,000 วิญญาณระดับสูง!? วิญญาณมาตรฐานคือวิญญาณของนักรบระดับจักรพรรดิขึ้นไป ขณะที่วิญญาณระดับสูงคือวิญญาณของนักรบระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุดขึ้นไป หากสงครามครั้งนี้ต้องสังเวยวิญญาณมากขนาดนั้น เผลอ ๆ กำลังรบของดินแดนกฎในปัจจุบันอาจจะลดลงไปมากกว่าครึ่ง” ลินนิจกล่าวขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ฉันต้องรีบรายงานบรรพบุรุษเดี๋ยวนี้ นี่คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าผู้สร้างทรยศต่อดินแดนกฎ!”

เซี่ยเฟยรีบหาสถานที่อันเงียบสงบเพื่อใช้กระเรียนขาวติดต่อไปยังเซี่ยกู่เฉิง

ระหว่างที่เซี่ยเฟยได้พบกับหลักฐานว่าผู้สร้างทรยศต่อดินแดนกฎ เซี่ยกู่เฉิงที่เพิ่งออกมาจากสนามรบก็ได้พบกับเครน

“คุณคือเครนงั้นเหรอ?” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวถามด้วยใบหน้าอันเย็นชา และถึงแม้เขาจะยังไม่แน่ใจว่าผู้สร้างทุกคนจะเป็นคนเลว แต่อย่างน้อยมันก็มีสมาชิกของผู้สร้างทรยศต่อดินแดนกฎแน่นอน เซี่ยกู่เฉิงจึงพูดคุยกับชายชราตรงหน้าอย่างระมัดระวัง

“พวกเรามีเรื่องอยากจะตกลงกับคุณ” เครนกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“คุณมาที่นี่ในฐานะของผู้สร้างสินะ ถ้าอย่างนั้นเรามาเคลียร์เรื่องเก่ากันก่อน ใครที่เป็นคนออกคำสั่งสังหารอีวิลวิงของเราจะต้องชดใช้ ถ้าหากคุณยอมรับเงื่อนไขข้อนี้ไม่ได้พวกเราก็ไม่มีเรื่องอื่นที่จะต้องคุยกัน” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้มาที่นี่ในฐานะตัวแทนของผู้สร้าง ถึงแม้คนทั่วไปจะเข้าใจว่าพวกเราทั้ง 13 ร่วมกันสร้างดินแดนกฎขึ้นมา แต่ความจริงแล้วพวกเราแบ่งแยกออกเป็นสองกลุ่ม” เครนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?!” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ

หลังจากนั้นเครนก็เริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้สร้างและการคุกคามของพวกรีเวิร์สอย่างใจเย็น เพื่อแสดงความจริงใจจากทางฝั่งเขาที่มอบให้กับสกายวิง

เซี่ยกู่เฉิงรับฟังเรื่องราวทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง ซึ่งเขาก็ไม่ได้เห็นท่าทางการโกหกจากชายชราคนนี้เลย

“คุณกำลังบอกว่าพวกคุณทั้งหกคนไม่เห็นด้วยกับการแลกวิญญาณเพื่อความสงบสุข การหายตัวไปของนักรบในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมารวมถึงสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของคอนสแตนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้สร้างทั้ง 13 คนงั้นเหรอ?” เซี่ยกู่เฉิงกล่าว

“ใช่ คอนสแตนคือพระเจ้าระดับสูงคนเดียวในบรรดาพวกเราทั้ง 13 คน และไม่ว่าจะเป็นสไมล์, กรีนหรือชิลล์ต่างก็ล้วนแล้วแต่ทำงานให้กับคอนสแตนทั้งหมด แม้แต่กลุ่มกบฏหรือพวกดาร์คไนท์ก็มีข้อตกลงร่วมกับคอนสแตนด้วยเหมือนกัน” เครนกล่าว

ทันใดนั้นแววตาของเซี่ยกู่เฉิงก็เปล่งประกายออกมาอย่างเย็นชา จิตสังหารของเขาเริ่มปะทุออกมาในทันที เพราะในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าศัตรูที่เขาตามหามาโดยตลอดคือใคร

“ขอบคุณที่เล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟัง แต่การที่คุณมาหยุดฉันเอาไว้ในวันนี้มันคงจะมีเรื่องอะไรมากกว่านี้ใช่ไหม?” เซี่ยกู่เฉิงถาม

“ตอนนี้สถานการณ์ในจักรวาลค่อนข้างจะตึงเครียดมาก พวกรีเวิร์สต้องการที่จะบุกทะลวงประตูจักรวาลอีกครั้ง พวกดาร์คไนท์ที่อยู่รอบนอกของดินแดนกฎก็ไม่ใช่ศัตรูที่เราจะรับมือได้ง่าย ๆ ด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนพวกนั้นแอบร่วมมือกันกับคอนสแตน แต่แท้ที่จริงพวกมันก็มีแผนการเป็นของตัวเอง”

“คราวนี้ดินแดนกฎจะต้องรับศึกจากทั้งภายในและภายนอก หากว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น คอนสแตนจะต้องใช้วิธีการเดิมเพื่อประนีประนอมอย่างแน่นอน วิธีการของเขาย่อมนำมาซึ่งการเสียสละชีวิตอย่างมากมาย สงครามที่คุณเพิ่งหยุดเอาไว้มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น” 

“หลังจากนี้มันยังจะมีความบาดหมางที่รอวันปะทุขึ้นมาอย่างมากมาย ดังนั้นพวกเราจึงอยากจะร่วมมือกันกับคุณเพื่อหยุดภัยพิบัติในครั้งนี้เอาไว้” เครนกล่าวอย่างจริงจัง

“ร่วมมือ? คุณบอกเองว่าคอนสแตนแข็งแกร่งมาก และถึงแม้ว่าคุณจะรวมพลังกับสหายแต่พวกคุณก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี หากวันหนึ่งพวกคุณต้องเผชิญหน้ากับคอนสแตนจริง ๆ แล้ววันนั้นพวกคุณจะจัดการกับเขายังไง?”

“นอกจากนี้ความสมดุลของจักรวาลก็ถูกพังทลายลงไปแล้ว ถ้าหากดินแดนกฎไม่ได้ส่งมอบดวงวิญญาณเท่าที่พวกรีเวิร์สเรียกร้อง พวกมันย่อมบุกพังประตูจักรวาลเข้ามาจัดการกับพวกเราอย่างแน่นอน ในเวลานั้นมันย่อมเป็นหายนะของดินแดนกฎ เพราะพลังของดินแดนกฎในปัจจุบันไม่มีทางต้านทานการโจมตีของทั้งรีเวิร์สและดาร์คไนท์ได้” เซี่ยกู่เฉิงวิเคราะห์สถานการณ์

“ฉันคิดเรื่องนี้มานานมากแล้ว ถึงแม้แนวทางของคอนสแตนจะสามารถปกป้องจักรวาลให้ปลอดภัยระยะหนึ่งได้ แต่มันย่อมไม่มีทางปกป้องจักรวาลได้ตลอดไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกดาร์คไนท์มีการเรียกร้องดวงวิญญาณมากขึ้นเรื่อย ๆ และการสังเวยดวงวิญญาณก็จะทำให้พวกรีเวิร์สแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วยเหมือนกัน”

“วันหนึ่งพวกมันจะแข็งแกร่งมากจนไม่จำเป็นจะต้องรอรับดวงวิญญาณจากพวกเราอีกต่อไป และพวกมันก็จะบุกเข้ามาทำลายจักรวาลแห่งนี้โดยไม่มีใครสามารถต่อต้านพวกมันได้อีกแล้ว”

“ย้อนกลับไปก่อนเริ่มเรื่องด้วยพลังของพวกเราทั้ง 13 คน ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถจัดการกับพวกรีเวิร์สได้ แต่พวกเราย่อมทำให้พวกมันบาดเจ็บสาหัสได้อย่างแน่นอน แต่เสียงส่วนใหญ่ของผู้สร้างกลับเลือกที่จะยอมจำนนจนทำให้เหตุการณ์บานปลายมาจนถึงทุกวันนี้”

“นี่คือเหตุผลที่พวกเราไม่สามารถยอมถอยได้อีกต่อไปแล้ว อย่างน้อยถ้าหากพวกเรายืนหยัดต่อสู้กับพวกมันจนตาย เราก็ยังปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้ได้ ดีกว่าการเป็นสุนัขรับใช้ที่ต้องสังเวยดวงวิญญาณให้กับพวกมันไปตลอดชีวิต” เมื่อกล่าวมาจนถึงตรงนี้น้ำเสียงของเครนก็เปลี่ยนไปอย่างเดือดดาล

เซี่ยกู่เฉิงชะงักไปเล็กน้อย เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่าชายชราตรงหน้าต้องการจะใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อไถ่บาปความผิดที่เขาเคยก่อไว้เมื่อในอดีต

“หากคุณ, ฉัน, ซีนและโอเชี่ยนรวมพลังกัน พวกเราก็จะมีพระเจ้าถึงสี่คน นอกจากนี้โอลเดนและลีงโกก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมกับพวกเราด้วยเหมือนกัน ประกอบกับเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเปิดเผยหลักฐานว่าพวกคอนสแตนทรยศต่อดินแดนกฎ ผู้คนทั่วทั้งดินแดนกฎก็จะมายืนอยู่เคียงข้างพวกเรา”

“เมื่อรวมความแข็งแกร่งของพวกเราประกอบกับนักรบในเผ่าเทพ, เผ่ามาร, กลุ่มผู้พิทักษ์และกลุ่มกบฏ แม้ว่าเราจะต้องเผชิญหน้ากับคอนสแตนขึ้นมาจริง ๆ แต่อย่างน้อยพวกเราก็ยังมีโอกาสได้รับชัยชนะ” เครนกล่าวอย่างตื่นเต้น

“คุณบอกว่าคนที่มีพลังใกล้เคียงกับคอนสแตนมากที่สุดคือบลันท์ใช่ไหม? แล้วเขาจะเลือกยืนหยัดอยู่ที่ฝั่งไหน?” เซี่ยกู่เฉิงถาม

“บลันท์เป็นคนที่มีนิสัยแปลกประหลาดมาก ตอนนั้นเขาก็ต่อต้านความคิดของคอนสแตนเหมือนกับพวกเรา แต่เมื่อมติส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นไปเหมือนอย่างที่เราคิด บลันท์ก็หนีหายไปด้วยความโกรธและไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย” เครนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โศกเศร้าอยู่เล็กน้อย

“แล้วพวกดาร์คไนท์ล่ะ? พวกมันจะยืนหยัดอยู่ฝั่งไหน?” เซี่ยกู่เฉิงถามอีกครั้ง

“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พวกมันย่อมจะต้องยืนอยู่เคียงข้างพวกคอนสแตนแน่ ๆ” เครนกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

ทั่วทั้งจักรวาลอาจจะคิดว่าเซี่ยกู่เฉิงเป็นคนบ้า แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมาก แม้แต่ตัวแปรที่เครนไม่ได้พูดถึงแต่เซี่ยกู่เฉิงก็ไม่ได้มองข้ามตัวแปรเหล่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

หากรวมพลังของพวกคอนสแตนเข้ากับพวกดาร์คไนท์จริง ๆ ถึงแม้ทางฝั่งของพวกเขาจะรวมพลังของเผ่าเทพ, เผ่ามาร, กลุ่มผู้พิทักษ์และกลุ่มกบฏเข้าไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝั่งอยู่ดี

เมื่อเครนได้เห็นเซี่ยกู่เฉิงตั้งคำถามขึ้นมาอย่างมากมาย เขาก็คิดว่าสกายวิงคงจะปฏิเสธร่วมมือกับเขาแล้ว ชายชราจึงแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาเล็กน้อย

น่าเสียดายที่เขาคิดผิดไป เพราะเขาหลงลืมไปว่าสกายวิงคือตระกูลที่มีนิสัยแบบไหนกันแน่

กลัว?

สกายวิงไม่เคยหวาดกลัวแม้ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งกว่า แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าไม่ว่าศัตรูจะเป็นใครก็ตาม

“เอาล่ะต่อจากนี้ไปพวกเราคือพันธมิตรกัน สกายวิงจะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงแต่ศัตรูจะต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกมันเคยทำไว้ในอดีต” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาเมื่อนึกถึงพวกคอนสแตนที่แอบจัดการอัจฉริยะของสกายวิงไป

เครนไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง เพราะเซี่ยกู่เฉิงได้วิเคราะห์สถานการณ์อย่างละเอียดแล้ว และรู้ดีว่าการต่อสู้ในครั้งนี้มีโอกาสได้รับชัยชนะน้อยมาก แต่ถึงกระนั้นสกายวิงก็ยังตัดสินใจที่จะเข้าร่วมการต่อสู้

สกายวิงถือได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่บ้าคลั่งที่สุดในจักรวาลอย่างแท้จริง และการตัดสินใจของพวกเขาก็ไม่อาจจะเอาสามัญสำนึกของคนธรรมดาไปเทียบวัดได้

เมื่อมาถึงจุดนี้สกายวิงก็ได้กลายเป็นพันธมิตรกับผู้สร้างทั้งสาม แต่ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาคือกลุ่มผู้สร้างทั้งเจ็ดที่อาจจะมีพวกดาร์คไนท์เข้ามาผนึกกำลังกับศัตรูของพวกเขาด้วย

***************

เดี๋ยวสกายวิงจะพลิกผลของสงครามในครั้งนี้ให้เหล่าผู้สร้างได้ดู! สู้โว้ยยยยย!!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.