เพื่อนกันทำกันได้
ความชอบของคนเรานั้นมันต่างกัน บางคนชอบเรียน บางคนชอบเล่นกีฬา บางคนชอบเล่นดนตรี แต่คนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรนั้นมักจะเป็นคนดูดีในสายตาคนอื่นๆ เสมอ เช่น เพื่อน ผู้ใหญ่ และคุณครู ส่วนคนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ก็มักจะถูกมองแบบตรงกันข้าม เช่นตัวของโน่
เขานั้นเป็นคนที่เรียนอยู่ในห้องเรียนแบบไม่มีอะไรเด่น ตื่นมาก็ไปเรียนแบบไม่รู้ว่าจะไปทำไม
สำหรับตัวของผมผมไปโรงเรียนเพราะ ผมอยากจะไปหาหนังสืออ่าน แต่โน่เขาถามผมว่า
“ถ้าเราไม่ได้ถูกบังคับให้ต้องไปโรงเรียนนั้นเราจะไปไหม”
มันเป็นคำถามที่เขาถามผมในวันหนึ่งที่ผมกับเขาไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหาร เขาบอกผมว่า
“เราก็ชอบโรงเรียนนะแต่ไม่ชอบตอนที่ต้องโดนครูถามในห้องเรียน โดยเฉพาะเรื่องที่เราเรียนไม่รู้เรื่อง”
ด้วยความหวังดีผมเลยถามว่า
“บอกเราก็ได้นะ ถ้าเราช่วยติวให้ได้เราก็จ่ช่วย”
เขาได้ยินดังนั้นเขาก็ทำหน้าเบื่อ และเปลี่ยนเรื่องสนธนาทันที
เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนที่ผมสนิทกับเขามาก มีอยู่วันหนึ่งเขาส่งข้อความมาหาผมว่า
“เขาไม่อยากอยู่ห้องที่เรียนอยู่ เพราะห้องนี้มีแต่คนเก่ง ไม่เป็นเด็กเรียนก็เป็นเด็กกิจกรรม”
ผมบอกเขาว่าไม่ต้องคิดมาก และชวนเขาคุยเรื่องอื่น
วันหนึ่งมีครูที่สอนวิชาแนะแนวมาถามเขาว่าเวลาว่างเขาชอบทำอะไร
เขาตอบครูว่า
“ นั่งและคิดอะไรก็ได้ในหัวตัวเองครับ”
ตอนที่ผมได้ยินผมก็งงกับคำตอบของของเขาเหมือนกับครู แต่ครูก็ถามต่อ
“คิดอะไรนี่คือคิดเรื่องอะไรในหัว”
เขาตอบว่า
“ผมก็คิดภาพและเรื่องในหัวแหละครับ”
ครูคนนั้นทำหน้าเข้าใจ เขาเลยบอกว่า
“งั้นหนูลองไปเขียนนิยายดูไหมลูก”
“ไม่เอาดีกว่าผมไม่ชอบอ่านนิยาย”
“งั้นวาดรูปหละ”
“ไม่เคยครับแต่จะลองดู”
ตอนเย็นเขาก็เริ่มซื้ออุปกรณ์วาดภาพและ ลองไปวาดที่บ้านของเขา แต่เขาก็เบื่อ
ตอนแรกผมเห็นเขาเอาอุปกรณ์วาดรูปมาโรงเรียนทุกวัน แต่ต่อมาเขาก็บอกว่าเบื่อ เลยไม่ได้วาดรูปอีก
ต่อมาเพื่อนคนนี้ก็บอกว่าเขาเจอสิ่งที่เขาอยากจะทำแล้ว ผมพยายามถามเขาแต่เขาก็ไม่บอก เขาพูดด้วยความมั่นใจว่า
“ถ้าเราจะจบ ม. ต้น แกจะรู้เอง”
ผมอยู่กับเขาจนจบ ม.ต้น
ตัวของเขาบอกผมว่า เขาอยากจะไปเป็นช่างเขาเลยไม่ได้เรียนโรงเรียนเดิมอีก
สำหรับผมก็รู้สึกเสียใจ เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ผมสนิทมากที่สุดในโรงเรียนตอนนี้ แต่ผมก็ไม่พูดอะไรเพราะคิดว่ามีอะไรก็คุยกันได้เหมือนเดิมแหละ
ผมเริ่มเรียม. ปลาย ตอนนั้นผมมีเรื่องหลายอย่างให้ทำเยอะมาก
ตอนนั้นผมยังไม่ได้เขียนนิยาย แต่ผมชอบเริ่มอ่านหนังสือวรรณคดีต่างๆมากขึ้น และเริ่มหาความฝันของตัวเองบ้าง
เช่น ลองไปเล่นกีฬา ไปเขียนโปรแกรม ไปเล่นดนตรี ผมไม่ได้ติดต่อกับโน่อีก
จนอยู่มาวันหนึ่ง ผมกลับบ้านและมองเห็นเขาเดินผ่านหน้าผมไป ผมเรียกเขาแต่เขาไม่หันกลับมามอง แต่เขาพูดกับผมว่า
“กูรีบ มึงอ่านแชทกูบ้างนะ”
ผมบอกเขาว่ามีอะไรก็บอกมาเลย แต่เขาก็รีบเดินไปอย่างรวจเร็ว
ผมกลับบ้านและดูว่าเขาส่งอะไรมา อันที่จริงผมก็ไม่เข้าใจหรอกเพราะสิ่งที่เขาส่งมามันคือแผงวงจอนอะไรสักอย่าง
ผมถามเขากลับไป โน่ก็พิมพ์บอกว่าให้อ่านข้อความให้จบ และอ่านตั้งแต่แรก
พออ่านผมจึงรู้ว่าโน่เขาต้องการให้ผมไปช่วยเขียนโปรแกรมเพื่อที่จะใช้ในการทำหุ่นยนต์
ผมบอกเขาว่าผมยังไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม แต่ก็สนใจที่จะทำดู
แต่จู่ๆโทรศัพท์ของผมก็สั่น บนหน้าจอนั้นแสดงให้เห็นว่าเป็นเบอร์หัวหน้าห้องของผม
“สวัสดีเราปอนะ เธอจะมางานศพของโน่ไหม”
“งานศพใครนะ” ผมถามด้วยความไม่มั่นใจ เพราะโน่ก็พิมพ์คุยกับผมอยู่หยกๆ
“โน่เขาเสียแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้”
“เราเพิ่งหาเบอร์เธอเจอ เราบอกเพื่อนในแชดกลุ่มแล้วแต่เธอไม่ได้อยู่ในกลุ่ม”
“มันตายได้ไง เราเจอมันอยู่เลย”
“โน่เขาถูกรถชนตาย”
ผมแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินแต่ก็ต้องเชื่อเพราะผมรู้ว่าปอเป็นคนที่จริงจังและไม่ค่อยพูดเล่นกับผม
ปอพยายามถามผมซ้ำ แต่ตอนนั้นสติผมไม่อยู่กับตัวแล้ว ผมใช้เวลาตั้งสติและตกลงไปงานในวันพรุ่งนี้ทันที
ยามดึกสงัดสายลมพัดผ่านหน้าต่าง หลังจากผมฟังปอพูดผมก็นอนไม่หลับได้แต่รอเวลาให้ถึงตอนเช้าแล้วจะได้ไปงานศพของโน่ ผมพยายามเล่นเกมที่ไม่ได้เล่นมานาน แต่ด้วยความหิวผมจึงไปหาซื้ออะไรกินที่เซเว่น
พอซื้อเสร็จผมก็รีบเดินกลับบ้านแต่ในระหว่างเดินกลับผมก็เห็นโน่ เขากำลังวิ่งมาหาผม ด้วยความกลัว ผมจึงรีบวิ่งหนีทันที
“หยุดก่อน” โน่ตะโกนหาผม
“เรามีเรื่องจะบอก”
“โน่ อย่ามาหลอกมาหลอนฉันเลย ฉันขอโทษที่ไม่ได้อ่านแชดแก” ผมพูดด้วยความกลัว
“แกก็อ่านอยู่ตอนเย็น เราก็คุยกันอยู่”
พอผมได้ยินดังนั้นผมก็หยุดและเริ่มคิด
“หรือโน่ยังไม่ตาย” ผมหยุดรอโน่เดินเข้ามา พอผมมองก็ได้รู้ว่าโน่ยังไม่ตายจริงๆ
“ปอบอกว่าแกตายแล้วนี่” ผมถามเขา
โน่ทำหน้างงและบอกผมว่า
“คนที่ตายหนะ คือหัวหน้าห้องเราที่ชื่อปอ เธอฆ่าตัวตายตอนเย็น หลังจากที่เราเจอแกในระหว่างทาง”
“จะบ้าหรอ ฉันเพิ่งคุยกับปอไป”
โน่หยิบมือถือของเขาและให้ผมดูข้อความในแชดกลุ่ม แต่ทว่าโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นผมรีบกดรับและได้ยินเสียงปอดังขึ้น
“ในที่สุดนายก็รู้ความจริงแล้วสินะ พรุ่งนี้มางานฉันด้วย”
พอสิ้นเสียงเธอ โทรศัพท์ในมือของผมก็หล่นลงพื้นทันที ผมบอกให้โน่ไปส่งผมที่บ้านพอผมกลับมาถึงก็เจอแม่ของผม
“นี่พรุ่งนี้ไปงานศพด้วยนะ”
“ผมรู้แล้วของปอใช่ไหม”
“ใช่ ไปของปอและไปของโน่ด้วย”
ผมมองแบบงงๆ และตอบกลับไปว่า
“โน่มันยังเดินมาส่งผมอยู่เลย มันจะตายได้ไง”
“โน่ตายแล้ว ถูกรถชนต์ตายหน้าปากซอย”
“ถ้างั้นคนที่มาส่งเราก็คือผี โอ้ เพื่อนกันทำกันได้ลง”
- ยอดวิว 702