บทที่ 98: ผู้สืบทอดมรดกไททันศักดิ์สิทธิ์
“ไอ้พวกไททันเฮงซวยเอ๊ย!!” โจวอวี้หลงกัดฟันคำรามในลำคอ
หลังจากระบายความโกรธ น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองอีกครั้ง “จริง ๆ แล้วบางครั้งฉันก็รู้สึกอิจฉาหลี่ต้าหมาน อย่างน้อยเขาก็ไปแนวหน้าโดยไม่ลังเล และได้ฆ่าไททันพวกนั้นด้วยมือของเขาเอง แล้วดูฉันสิ ฉันทำได้แค่นั่งอยู่เฉย ๆ ในป้อมปราการสงครามคอยรอฟังรายงานจากแนวหน้าอยู่เงียบ ๆ จริง ๆ แล้วฉันก็อยากไปแนวหน้าเหมือนกัน”
“ฉันคนนี้ไม่เคยกลัวตาย ความตายไม่เคยน่ากลัวสักนิด! ถ้าฉันได้เข้าร่วมกับแนวหน้า ฉันจะต้องเป็นคนที่ฆ่าไททันได้เยอะมากแน่ ๆ”
“เสียดายก็แค่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันฝ่าฝืนคำสั่งไม่ได้ เพราะเมื่อเทียบกับการไปรบในแนวหน้า การป้องกันป้อมปราการสงครามก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าหากแนวป้องกันชั้นที่ 1 กับชั้นที่ 2 พังลง… ป้อมปราการแห่งนี้ก็จะเป็นฐานทัพสำคัญสำหรับกองทัพในการโต้ตอบไททัน”
“ฉันเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับมอบหมายให้มาประจำการในป้อมปราการในแนวที่ 3 แล้วล่ะ” พอพูดถึงประโยคนี้ ดวงตาของโจวอวี้หลงก็เริ่มเป็นสีแดงระเรื่อ
ทันใดนั้นหลินหยวนก็เข้าใจความทุกข์ที่แฝงอยู่ในใจของผู้ชายที่ดูสบาย ๆ คนนี้
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจอีกฝ่ายยังไง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดออกมาว่า “สักวันหนึ่ง เราจะขับไล่ไททันออกจากประเทศได้สำเร็จ เท่านี้เราก็จะยุติสงครามนี้สำเร็จ”
คนที่ได้ฟังตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆๆ! นายพูดถูก สักวันหนึ่ง เราจะขับไล่ไอ้สารเลวไททันพวกนั้นออกไป!”
“มา! มาชนแก้วกันหน่อย แก้วนี้เพื่อชัยชนะในอนาคตของเรา!!”
แล้วหลินหยวนก็ยกแก้วขึ้นชนกับแก้วของโจวอวี้หลง
จากนั้นทั้ง 2 ก็กระดกเบียร์จนหมดแก้วในคราวเดียว
“อ้าาา~~” จากนั้นคนเป็นหัวหน้าก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน เรามาคุยเรื่องข่าวดีจากแนวหน้ากันดีกว่า”
หลินหยวนเงยหน้าขึ้นถามด้วยความประหลาดใจ “ข่าวดีอะไรเหรอครับ?”
โจวอวี้หลงลดเสียงพูดว่า “มีคนได้รับมรดก ‘ศิลาศักดิ์สิทธิ์’ แล้วน่ะสิ”
“ศิลาศักดิ์สิทธิ์?” เด็กหนุ่มตกตะลึงก่อนจะถามออกไปว่า “มันคืออะไรเหรอครับ?”
โจวอวี้หลงที่ได้ยินคำถามนั้นก็มองหลินหยวนแปลก ๆ “นี่นายไม่เคยได้ยินเรื่องมรดกทั้ง 8 ของไททันหรือไง?”
“มรดกไททันทั้ง 8?” หลินหยวนไม่เข้าใจสิ่งที่โจวอวี้หลงพูดเลยสักนิด
เขาไม่เคยได้ยินเรื่องมรดกทั้ง 8 ของไททันมาก่อนเลย
โจวอวี้หลงที่เห็นสีหน้างุนงงของเด็กหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงจะไม่รู้เรื่องนี้ เขาจึงยิ้มพูดว่า “ดูเหมือนว่านายเพิ่งจะเคยมาแนวหน้าสินะ ถึงได้ไม่ค่อยคุ้นกับข่าวอะไรแบบนี้”
หลินหยวนพยักหน้า “ใช่ครับ คุณช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยสิ ผมอยากรู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร”
โชคดีที่ชายชุดเกราะไม่ได้ถามอะไรต่อแล้วอธิบายว่า “สิ่งที่เรียกว่ามรดกไททันทั้ง 8 นั้นก็ตรงตามชื่อเลย มันเป็นมรดกทั้ง 8 ที่ไททันทิ้งเอาไว้”
เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุณหมายถึง… มรดกที่ไททันทิ้งไว้ให้มนุษย์เหรอครับ?”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้” คนเป็นหัวหน้ากล่าว “จริง ๆ แล้วไม่ใช่ยักษ์ทุกตัวที่สนับสนุนให้เกิดสงคราม ตอนที่กาแล็กซีหนึ่งระเบิดและเผ่าไททันล่มสลาย ไททันบางตัวก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะป้องกันไม่ให้สงครามเกิดขึ้น”
“ในสายตาของไททันพวกนั้น ถ้าหากพวกเขากดขี่เผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่าหรือพยายามทำลายเรา สักวันหนึ่งเผ่าไททันก็จะถูกเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งมากกว่าทำลายเช่นกัน ดังนั้นไททันพวกนั้นจึงต่อต้านสงคราม พวกมนุษย์ก็เลยเรียกไททันกลุ่มนี้ว่า ‘ผู้สร้างสันติ’”
หลินหยวนที่ฟังมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะมีกลุ่มไททันแบบนี้อยู่ท่ามกลางพวกไททันป่าเถื่อนเหล่านั้น
จู่ ๆ โจวอวี้หลงก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดต่อว่า “น่าเสียดายที่มีไททันที่สนับสนุนสันติภาพน้อยมาก ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกฝ่ายสนับสนุนสงครามกวาดล้าง ทำให้ไททันที่ต่อต้านสงครามเกือบ 90% ตายลงในสงครามครั้งนั้น”
พอผู้เป็นหัวหน้าเล่ามาถึงจุดนี้ก็มีรอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏที่มุมปากของเขา “ไททันพวกนี้โหดร้ายถึงขั้นไม่สนใจชีวิตของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์เลยสักนิด แต่ไททันที่ต่อต้านสงครามและสนับสนุนสันติภาพก็สมควรได้รับการชื่นชมจากพวกเราจริง ๆ นั่นแหละ หลังจากที่พวกเขาถูกฝ่ายสนับสนุนสงครามกวาดล้าง ไททันที่เหลือทั้งหมดก็เข้าร่วมกับฝ่ายมนุษย์”
“ในสายตาพวกเขา หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงสงครามได้ นี่เป็นวิธีการเดียวที่จะสั่งสอนเผ่าไททันให้รู้สำนึก! น่าเสียดายก็ตรงที่ไททันพวกนี้ยึดมั่นในหลักการว่าจะไม่ฆ่าแกงคนในเผ่าพันธุ์เดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกใช้วิธีอื่นเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษยชาติ พวกเขาได้สละร่างกาย อุทิศชีวิตเป็นภาชนะพิเศษ และภาชนะที่สร้างขึ้นมานี้ก็คือมรดกที่พวกเขาทิ้งเอาไว้”
“นี่เป็นที่มาของมรดกไททันทั้ง 8 ที่ไททันผู้ทรงพลังฝ่ายสันติภาพทั้ง 8 ทิ้งเอาไว้”
ในที่สุดหลินหยวนก็เข้าใจที่มาของมันสักที แล้วเขาก็พูดว่า “งั้นศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่คุณพูดถึงนั้นก็เป็นหนึ่งในมรดกที่ไททันทั้ง 8 ทิ้งไว้ใช่ไหมครับ?”
“ถูกต้อง” โจวอวี้หลงพยักหน้า “ศิลาศักดิ์สิทธิ์ก็คือมรดกที่ไททันศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 ขั้นสูงทิ้งเอาไว้”
“ศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นได้บรรจุพลังทั้งหมดของพวกเขาเอาไว้ภายใน ขอเพียงใครก็ตามที่ได้รับมรดกนี้ ความแข็งแกร่งของคนคนนั้นก็จะพุ่งทะยานแบบก้าวกระโดด เหตุผลที่เราต้านทานการโจมตีมาได้นานขนาดนี้ก็เป็นเพราะมรดก 3 ใน 8 นั้นอยู่ในเขตแดนของเรา”
“ส่วนมรดกอีก 5 ชิ้นที่เหลือก็ตกอยู่ในมือของตงหยิง เหมาสยง และลั่วตี้ แต่ตงหยิงนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังมาก ถึงพวกเขาจะมีมรดกอยู่ในมือ แต่พวกเขาก็ถูกบีบบังคับจนเกือบจะจนมุมแล้ว”
พอหลินหยวนฟังสิ่งที่โจวอวี้หลงเล่า เขาก็ทำหน้าครุ่นคิด “แบบนี้นี่เอง”
ถ้าชายคนนี้ไม่ได้เล่าเรื่องดังกล่าวให้เขาฟัง เขาคงไม่รู้เรื่องมรดกทั้ง 8 ของไททัน เพราะถึงอย่างไรเขาก็เกิดและโตอยู่ในเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองหนานเจียงมาโดยตลอด มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่รู้ข่าวจากแนวหน้า
แต่สำหรับหลินเทียนเชวี่ยนั้นไม่แน่ ด้วยยศของเขา เขาน่าจะรู้เรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี
บางทีพ่อของเขาอาจจะรู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลาเหมาะสมจึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหลินหยวน ในความคิดของเขา สิ่งที่เรียกว่ามรดกไททันนั้นก็เหมือนเครื่องจักรที่ช่วยผลิตผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SSS จำนวนมาก
ขอเพียงพวกเขาได้ครอบครองมรดก พวกเขาก็จะเลื่อนขั้นไปสู่แรงก์ SSS ได้ในเวลาที่สั้นที่สุด
ไม่แปลกใจเลยที่มรดกไททันจะกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังในการต่อกรกับเผ่าไททัน
แต่สิ่งที่หลินหยวนคาดไม่ถึงก็คือ ไททันทั้ง 8 ที่ทิ้งมรดกเอาไว้ล้วนเป็นไททันที่มีพลังระดับ 8 ขั้นสูง
ถึงอย่างไรพลังของไททันระดับ 8 ขั้นสูงนั้นย่อมเหนือกว่าไททันระดับ 8 ทั่วไปอย่างแน่นอน
ตัวอย่างอย่างเช่น ไททันมังกรเพลิงที่บีบให้หลินเทียนเชวี่ยต้องกลายเป็นคนพิการนั้นก็คือไททันระดับ 8 ขั้นสูงสุด มีเพียงไททันระดับนี้เท่านั้นที่เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับเขา
ที่น่าตกใจยิ่งกว่าสำหรับหลินหยวนก็คือความจริงที่ว่า ไททันที่ต่อต้านไม่อยากให้เกิดสงครามแม้จะเป็นจำนวนเล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นไททันระดับ 8 ขั้นสูงสุดถึง 8 ตัว
เพียงเท่านี้ก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่าพลังของเผ่าไททันนั้นมหาศาลมากแค่ไหน
“เฮ้อ มรดกไททันทั้ง 8 นั้นไม่ใช่ว่าใครอยากได้ก็จะเอามาครอบครองได้ง่าย ๆ หรอกนะ” ทันใดนั้นโจวอวี้หลงก็พูดขึ้นอีกครั้ง “อย่างน้อยที่สุด คนที่จะได้ครอบครองมรดกจะต้องมีบางอย่างสอดคล้องกับมรดกของไททันชิ้นนั้นด้วยเหมือนกัน”
หลินหยวนรีบถามขึ้นมาว่า “มันมีเงื่อนไขพิเศษอะไรหรือเปล่าครับ?”
คนเป็นหัวหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “อืมมม… อาจจะเป็นพลังพิเศษหรือไม่ก็พลังจิต กองทัพได้ศึกษาเรื่องนี้มานานมากแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ชัดเจนว่ามันมีเงื่อนไขพิเศษอะไร”
“แต่ก็ไม่มีทางที่เราจะพิสูจน์ได้อยู่ดี ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงอาศัยหลักการว่า ถ้าหากใครมีพลังพิเศษตรงกับพลังที่บรรจุอยู่ภายใน คนคนนั้นก็จะถูกส่งไปทำการทดสอบ”
“ถ้าผลสรุปออกมาว่ามีความเข้ากันเกิน 70% นั่นหมายความว่าคนคนนั้นจะมีสิทธิ์ได้ครอบครองมรดกไททัน และยิ่งความเข้ากันสูงมากเท่าไหร่ พลังที่ได้รับมาก็จะยิ่งสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น”
หลินหยวนเข้าใจแล้วว่าทำไมโจวอวี้หลงถึงบอกว่านี่เป็นข่าวดี เพราะถ้าหากมีใครที่เข้ากับมรดกนี้ได้ ประเทศก็จะมีผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SSS เพิ่มขึ้นมาอีกคน
ถึงกระนั้นเขาก็ยังอดที่จะถามอย่างสงสัยไม่ได้ “แล้วระดับความเข้ากันที่คุณพูดถึงมันต้องเท่าไหร่ถึงจะสมบูรณ์ครับ?”
“จากที่ฉันได้ยินมา เขาบอกว่าต้องเข้ากัน 95%!” ดวงตาของโจวอวี้หลงเป็นประกาย “ก่อนหน้านี้มีแค่ 3 คนที่มีระดับความเข้ากันสูงกว่า 90%”
หลินหยวนยกแก้วขึ้นจิบเบา ๆ พลางกล่าวว่า “นับว่าเป็นโชคดีของประเทศแล้วครับ”
“อ้อ จริงสิ ฉันได้ยินมาว่าหลังจากได้รับมรดก ผ่านไปแค่เดือนเดียว ผู้หญิงคนหนึ่งก็มีพลังก้าวไปถึงแรงก์ S ขั้นสูง” ผู้เป็นหัวหน้ากล่าวพลางถอนหายใจ “เฮ้อ แข่งเรือแข่งพายยังแข่งได้ แต่จะให้แข่งบุญวาสนามันเทียบกันไม่ได้จริง ๆ ดูฉันสิ ฉันทำงานอย่างหนักมาตั้งนาน ฉันยังอยู่แค่แรงก์ SS แต่ผู้หญิงคนนั้นที่เพิ่งได้รับมรดกไททันศักดิ์สิทธิ์ พลังของเธอก็เกือบจะเหนือกว่าฉันแล้ว”
ถึงโจวอวี้หลงจะบ่นด้วยความน้อยใจ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มจาง ๆ ประดับที่มุมปากของเขา
นั่นบ่งบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกอิจฉาเลยสักนิด กลับกันเขารู้สึกดีใจที่กองทัพกำลังมีสมาชิกที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น
*******************************************
SkySaffron: มีไททันฝ่ายดีด้วยแฮะ ถึงว่าล่ะทำไมฝ่ายมนุษย์ถึงยันไททันได้จนถึงทุกวันนี้ และคนที่ได้มรดกนั้นมาครองคือสาวคนไหนกันน้า
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 102
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น