ตอนที่ 981 เคาน์เตอร์แคกตัสขาว
ตอนที่ 981 เคาน์เตอร์แคกตัสขาว
“ตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองไม่สามารถพิชิตดอกบัวห้วงสมุทรได้จริง ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเราพยายามพิชิตมันรวดเร็วเกินไป ใครจะไปรู้ว่าดอกบัวห้วงสมุทรคืออาวุธมายาที่ต้องหลอมรวมเป็นชิ้นสุดท้าย ก่อนหน้านั้นพวกเราจำเป็นจะต้องหลอมรวมอาวุธมายาทั้งหกชนิดเข้าด้วยกันให้ได้ซะก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบดอกบัวห้วงสมุทรออกมาจากแหวนมิติอย่างตลกขบขัน
“ในบรรดาพืชพันธุ์ทั้งเจ็ดดอกบัวห้วงสมุทรมีลักษณะเด่นน้อยที่สุด แต่มันกลับมีความสำคัญมากที่สุดด้วยเหมือนกัน เพราะมันคือตัวเร่งปฏิกิริยาที่จะทำให้อาวุธมายาทุกชนิดหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ฉันว่าบางทีหงส์ครามอาจจะถูกเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปจากนี้หลังจากที่ได้หลอมรวมเข้ากับอาวุธมายาทั้งหกชนิดแล้ว” ลินนิจกล่าว
“มันจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์งั้นเหรอ? เดี๋ยวก่อนนะทำไมจู่ ๆ คุณถึงดูเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“เปลี่ยนอะไรไม่มีอะไรเปลี่ยนไปสักหน่อย! ทุกอย่างที่ฉันพูดก็เป็นสิ่งที่ชายคนนั้นเล่าให้นายฟังไม่ใช่เหรอ ฉันแค่สรุปประเด็นสำคัญจากเรื่องที่เขาพูดให้นายฟังเท่านั้นเอง ถ้าดอกบัวห้วงสมุทรไม่ใช่ตัวเร่งปฏิกิริยาแล้วทำไมมันต้องเป็นส่วนผสมชิ้นสุดท้าย เรื่องนี้มันก็คล้าย ๆ กับการปรุงยานั่นแหละที่วัตถุดิบชนิดสุดท้ายที่ใส่ลงไปมักจะมีบทบาทสำคัญอยู่เสมอ” ลินนิจรีบกล่าวปฏิเสธ
“ที่คุณพูดมามันก็ถูก แต่คุณหลอกผมไม่ได้หรอกว่าคุณเปลี่ยนไปแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นไม่ว่าเซี่ยเฟยจะพูดอะไรลินนิจก็ปฏิเสธอยู่เสมอ ชายหนุ่มจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องออกเดินทางต่อโดยปล่อยเรื่องนี้ไป ไม่ว่ายังไงเขาก็เสียเวลาแวะมายังวิหารนี้นานมากแล้ว เขาจึงส่งสัญญาณไปยังช่องว่างมิติอย่างเงียบ ๆ เพื่อบอกให้แท่งทองติดตามเขามา
แม้แท่งทองจะไม่ปรากฏตัวแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าหนอนด้วงตัวนี้จะไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ความเป็นจริงแท่งทองพร้อมจะปรากฏกายออกมาหาเซี่ยเฟยได้เสมอ ตราบใดก็ตามที่ชายหนุ่มเรียกใช้งานมันก็จะปรากฏตัวออกมาในทันที
—
หลังจากเดินทางไปได้ไม่ไกล มันก็มีสัญญาณแปลก ๆ ส่งเข้ามาในระบบเรดาร์ ซึ่งมันไม่ใช่สัญญาณที่มาจากทั้งของทางฝั่งดินแดนดาร์คไนท์และดินแดนกฎ
“มันน่าจะเป็นสัญญาณรวมตัวของพวกที่อยู่บริเวณชายแดน” ลินนิจกล่าวหลังจากมองสัญญาณอันแปลกประหลาดบนระบบเรดาร์
“คนที่อยู่แถว ๆ ชายแดนเป็นพวกพ่อค้าขายของเถื่อนใช่ไหม? บางทีพวกเขาอาจจะมีเรื่องพิเศษอะไรก็ได้ เราควรจะไปพบกับพวกเขาดีหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าว
“อย่าเลย ตอนนี้นายพึ่งสร้างเรื่องราวขึ้นมาใหญ่โต โดยเฉพาะการตัดแขนองค์หญิงของพวกดาร์คไนท์ ทางที่ดีพวกเราควรรีบกลับโดยเร็วที่สุด พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้” ลินนิจกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ถึงแม้พวกที่อยู่แถวชายแดนจะไม่ได้ร่ำรวยแต่พวกเขาก็เดินทางไปกลับระหว่างดินแดนกฎกับดินแดนดาร์คไนท์อยู่เสมอ สถานที่แบบนี้มันจะต้องมีเรื่องน่าสนใจอยู่แน่ ๆ และมันก็เป็นสถานที่ที่อาจจะถูกมองข้ามได้ง่ายที่สุด ทางที่ดีเราควรไปตรวจสอบสถานที่นี้ด้วยตัวเองจะดีกว่า”
“อีกอย่างตอนนี้เราก็ยังเหลืออาวุธมายาให้ต้องค้นหาอีกเพียงแค่ชิ้นเดียว เราไม่ควรมองข้ามเบาะแสใด ๆ บางทีคนพวกนี้อาจจะมีเบาะแสมาให้เราด้วยก็ได้”
—
การถอดรหัสสัญญาณที่ถูกส่งมาจากคนที่อยู่บริเวณชายแดนไม่ใช่เรื่องยาก ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้รู้ว่าสถานที่นัดรวมตัวที่ถูกส่งมานี้เป็นเทศกาลประจำปีขนาดใหญ่
ฟุบ!
เจมินี่พาเซี่ยเฟยเดินทางไปยังดาวดวงหนึ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เซี่ยเฟยจะเก็บยานลำนี้เอาไว้ในแหวนมิติ และเริ่มออกเดินทางด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่นมากเกินไป
“คนพวกนี้เลือกสถานที่จัดงานได้ดีจริง ๆ ดาวที่จัดงานตั้งอยู่ใจกลางเขตหินกรวดทำให้ตรวจพบได้ยากมาก โดยรวมแล้วการจัดงานในสถานที่แบบนี้ก็ค่อนข้างที่จะปลอดภัยมากพอสมควร” ลินนิจกล่าวหลังจากสำรวจสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ดาวจัดงาน
“ใช้ชีวิตอยู่บริเวณชายแดนไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อยู่แล้ว พวกเขาย่อมมีวิธีที่ทำให้ตัวเองอยู่รอดมาได้นานขนาดนี้ พวกเราลองไปดูเมืองข้างหน้ากันเถอะ” เซี่ยเฟยกล่าว
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินทางเข้าไปใกล้ ๆ ตัวเมือง เขาก็ได้พบกับยานรบถูกจอดอยู่เป็นจำนวนมาก โดยยานรบส่วนใหญ่เป็นยานที่มีอายุมากแล้ว ยานบางลำถึงกับใช้แผ่นโลหะขนาดใหญ่มาปิดไว้อย่างหยาบ ๆ เพื่อซ่อมแซมจุดที่สึกหรอด้วยซ้ำ พวกมันจึงเป็นยานอวกาศที่ใช้สำหรับการขนส่งได้เท่านั้นเอง
ทันใดนั้นกองยานขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ ร่อนลงมาจากบนท้องฟ้า โดยมันเป็นกองยานที่มียานบรรทุกมากกว่า 12 ลำและมียานครุยเซอร์คอยคุ้มกันอีกสองลำ
“กองยานนั่นจะต้องเป็นกองยานของพ่อค้าใหญ่แน่ ๆ ถึงได้เอาสินค้ามาในงานเทศกาลมากมายขนาดนั้น” ลินนิจกล่าว
เซี่ยเฟยไม่ได้สนใจกองยานของพ่อค้ามากนัก เพราะสิ่งที่เขากำลังสนใจกว่าคือคนพวกนี้ผ่านปากเสือ ซึ่งเป็นปากทางเข้าดินแดนดาร์คไนท์เข้ามาได้ยังไง
“กองยานใหญ่ขนาดนี้ผ่านปากเสือเข้ามาได้ยังไง? พวกทหารที่เฝ้าอยู่บริเวณปากทางเข้าไม่สังเกตเห็นพวกเขาจริง ๆ เหรอ?”
“ความสัมพันธ์ระหว่างดินแดนกฎกับดินแดนดาร์คไนท์อาจจะไม่ได้แย่อย่างที่เราคิด อีกอย่างคนพวกนี้ก็แค่ลักลอบขนส่งสินค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงอะไร แค่พวกเขาจ่ายเงินค่าสินบนนิดหน่อย แค่นั้นมันก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
“นอกจากนี้สินค้าจากดินแดนกฎก็เป็นที่ต้องการภายในดินแดนดาร์คไนท์มาก ถ้าหากพ่อค้าพวกนี้ถูกจัดการไปจริง ๆ มันก็จะส่งผลกระทบต่อคนในดินแดนดาร์คไนท์ไปด้วย” ลินนิจอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ภายในเมืองมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่แต่งตัวแตกต่างกันออกไป ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปภายในเมืองโดยใช้วิชาพรางจิตเพื่อทำตัวกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมมากที่สุด
หลังจากเดินดูสินค้าอยู่สักพักชายหนุ่มก็ได้พบว่าภายในเมืองนี้ไม่มีสินค้าที่เขาต้องการอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว เขาจึงจ่ายเงินซื้อข่าวเกี่ยวกับเรื่องใบไม้แห่งขุนเขา แต่เขาก็ไม่ได้รับเบาะแสอะไรเพิ่มเติมเลยแม้แต่นิดเดียว
“ที่นี่ไม่น่ามีเบาะแสอะไรให้กับเราหรอก พวกเรารีบออกเดินทางต่อกันเถอะ” ลินนิจกล่าวอย่างเร่งเร้าเหมือนกับว่าเขาไม่ต้องการให้เซี่ยเฟยอยู่ที่นี่นานเกินไป
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับเตรียมตัวเดินออกจากเมือง แต่ในทันใดนั่นเองเขาก็ได้ยินเสียงโวยวายเข้ามาในโสตประสาทเสียก่อน
“เคาน์เตอร์แคกตัส! นี่มันเคาน์เตอร์แคกตัสขาว!!”
“พวกเขาโชคดีเจอของแบบนี้มาได้ยังไง?!”
“ทำไมฉันถึงไม่โชคดีแบบพวกเขาบ้าง ฉันก็ออกไปสำรวจพวกมันมานานหลายปี แต่ฉันยังไม่เคยเห็นเงาของเคาน์เตอร์แคกตัสเลยด้วยซ้ำ”
ฝูงชนเริ่มพูดคุยกันก่อนที่พวกเขาจะวิ่งไปยังอีกฟากฝั่งของเมือง
“เคาน์เตอร์แคกตัส? มันคืออะไร?” เซี่ยเฟยถาม
“มันไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นขนาดนั้นหรอก เคาน์เตอร์แคกตัสเป็นกระบองเพชรแปลก ๆ ที่สามารถนำมาสร้างเป็นตัวแทนของเราได้ เคาน์เตอร์แคกตัสขาวที่พวกเขาพูดถึงเป็นชนิดของเคาน์เตอร์แคกตัสที่ดีที่สุด หากศัตรูจู่โจมเข้าใส่เคาน์เตอร์แทรกตัส พวกเขาจะได้รับแรงสะท้อนกลับจนทำให้บาดเจ็บเอง”
“แต่เคาน์เตอร์แคกตัสไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับนายมากเท่าไหร่หรอก เพราะตอนนี้ระดับพลังของนายสูงมากอยู่แล้ว แม้นายจะได้รับเคาน์เตอร์แคกตัสขาวที่มีความสูงกว่า 1 เมตรมา แต่มันก็เป็นเพียงแค่ของตกแต่งสำหรับนายเท่านั้นเอง” ลินนิจกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างค่อนข้างชื่นชอบกับคุณสมบัติของเคาน์เตอร์แคสตัส เพราะหากมันสามารถใช้ในการสะท้อนการโจมตีได้ พืชชนิดนี้ก็มีประโยชน์ในการต่อสู้มากเลยทีเดียว
“ลองไปดูกันก่อนเถอะ มันคงจะไม่เสียเวลามากนักหรอก” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่เขาจะเริ่มเร่งความเร็วไปยังจุดขายเคาน์เตอร์แคกตัสอย่างว่องไว
ภาพที่ปรากฏหลังจากเขาเดินทางมาถึงคือต้นกระบองเพชรสีขาวสูงใหญ่ที่มีความสูงมากกว่า 2 เมตร
“2 เมตร! ของแบบนี้มันมาอยู่แถวชายแดนได้ยังไง?!” ลินนิจสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ
เซี่ยเฟยสัมผัสได้ถึงแรงกดดันแปลก ๆ ในระหว่างที่เขามองไปยังต้นกระบองเพชรตรงหน้า คล้ายกับว่ามันกำลังมีดวงตาอันเย็นชาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองมาที่เขา
กระบองเพชรขาวถูกบรรจุเอาไว้ภายในกระถางดินเผาขนาดใหญ่ โดยคนที่นำมันมาขายคือชายชรากับหลานชายที่แต่งกายโดยชุดที่ทรุดโทรม
ปู่หลานคู่นี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับพึมพำขอบคุณพระเจ้าอยู่ซ้ำ ๆ ตลอด ทั้งคู่เชื่อว่าต้นไม้ต้นนี้มันจะทำให้พวกเขาหลุดออกไปจากความยากจน
“กระบองเพชรต้นนี้มีอายุหลายแสนปีแน่ ๆ หากนายใช้มันสร้างตัวแทน ราชันย์กฎจะถูกสะท้อนพลังกลับอย่างเต็มกำลัง แม้แต่จอมกฎก็จะได้รับแรงสะท้อนกลับจนบาดเจ็บรุนแรง ถ้าราคาของมันไม่สูงมาก ฉันก็แนะนำให้นายซื้อมันมาเก็บเอาไว้ บางทีมันอาจจะมีประโยชน์กับนายในอนาคต” ลินนิจกล่าวแนะนำ
มันคือผู้ช่วยที่สามารถสะท้อนพลังของจอมกฎกลับไปได้งั้นเหรอ!?
บางทีต้นไม้ต้นนี้อาจจะนำมาใช้ในการจัดการกับพวกผู้สร้างด้วยก็ได้!
“ลุง!” เซี่ยเฟยเริ่มเปิดปากเพื่อถามราคาที่อีกฝ่ายตั้งไว้ แต่ในทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงปั่นป่วนของฝูงชนและเสียงตะโกนที่ดังขึ้นมาแต่ไกล
“หลบไปให้พ้น! คนจนอย่างพวกแกจะเอาปัญญาที่ไหนมาซื้อเคาน์เตอร์แคกตัสขาว!!” สิ้นเสียงพูดฝูงชนก็รีบแหวกทางในทันทีเผยให้เห็นชายร่างอ้วนเดินเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดไม่น้อยกว่า 20 คน
เมื่อพิจารณาจากเครื่องแต่งกายแล้ว ชายคนนี้ย่อมไม่ใช่คนที่อยู่ในบริเวณชายแดนอย่างแน่นอน เพราะชุดเกราะและการแต่งกายของเขาดูหรูหรามากเกินไป คล้ายกับว่าเขาเป็นคุณชายที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังเทศกาลแห่งนี้ต่างหาก
“เยี่ยมจริง ๆ ในที่สุดฉันก็โชคดีกับเขาสักที ทุกคนออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้! แคกตัสขาวต้นนี้เป็นของฉัน!!” ชายอ้วนหันไปตะโกนใส่ฝูงชนอย่างเย่อหยิ่ง
***************
พี่เฟยลอบเร้นเข้ามาอย่างยาก แล้วพวกนี้เข้ามายังไงกันแน่?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 313
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น