ตอนที่ 980 ราชันย์ขั้นที่ 3

-A A +A

ตอนที่ 980 ราชันย์ขั้นที่ 3

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 980 ราชันย์ขั้นที่ 3

“นายน้อยเป็นคนชอบศึกษาเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มาก นายควรจะรู้ตัวนะว่าหลังจากนี้นายควรจะทำอะไร?” ลินนิจกล่าวขณะเหลือบสายตามองไปทางเซี่ยเฟย

“ทั้งฉันและนายต่างก็เป็นขุนพลของออโรร่าที่สัญญาจะปกป้องนายน้อยของเราเอาไว้ ตอนนี้นายได้กลายเป็นอาวุธวิญญาณของนายน้อยแล้ว หมายความว่านายจะต้องคอยอยู่เคียงข้างนายน้อยตลอดไป เอาเป็นว่าก่อนหน้านั้นฉันจะช่วยนายน้อยชำระจิตวิญญาณก่อนก็แล้วกัน” ริเวอร์กล่าวอย่างอับจนหนทาง

“ก็ได้ ฉันจะให้นายเก็บมรดกของนายน้อยเอาไว้เป็นการชั่วคราว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เซี่ยเฟยเปิดโซล์มาร์คได้สำเร็จ นายจะต้องเอามรดกมามอบให้กับเขาในทันที” ลินนิจกล่าว

“ตกลง” ริเวอร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้า

เซี่ยเฟยไม่เคยรู้เลยว่าลินนิจกับริเวอร์จะมีข้อตกลงลับหลังเขาแบบนี้ แต่ข้อตกลงของทั้งคู่มันก็ช่วยทำให้เขาสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม

คำถามก็คือโซล์มาร์คที่ลินนิจกับริเวอร์พูดถึงอยู่นั้นมันคืออะไรกันแน่?

ในอีกด้านหนึ่งเซี่ยเฟยกับริเวอร์ก็ยังคงพูดคุยกันเหมือนปกติราวกับว่าชายคนนี้ไม่ได้แบ่งสมาธิไปคุยกับลินนิจเลย

“บลันท์, ชิลล์, เครน, สไมล์, โอลเดน, กรีน, โอเชี่ยน, สโตน, ไดร์, คอนสแตน, ลีงโก, อินฟิกซ์, ซีน ชื่อพวกนี้แปลกมาก ฉันว่าพวกมันคงจะไม่ใช่ชื่อจริง ๆ ของพวกเขาใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถามขณะชี้ไปยังตัวอักษรที่ถูกสลักบริเวณฐานของรูปปั้นผู้สร้างทั้ง 13 คน

“ใช่ ชื่อพวกนี้เป็นฉายาของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น เครนที่เรียนรู้กฎแห่งการบิน เขาเลยได้รับฉายาเครนจากผู้สร้างคนอื่น ๆ” ริเวอร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ขอบคุณที่คุณยอมเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟัง ข้อมูลที่คุณบอกมามีประโยชน์สำหรับฉันมากจริง ๆ ว่าแต่คุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ถึงมาบอกข้อมูลพวกนี้ให้กับฉัน?” เซี่ยเฟยถามตรงประเด็น

“ไม่มีอะไรมากเป็นพิเศษหรอก แค่ฉันกับนายมีโอกาสได้พบกันโดยบังเอิญ ฉันก็เลยเล่าเรื่องพวกนี้ให้นายฟังฆ่าเวลาเท่านั้นเอง” ริเวอร์กล่าวขึ้นมาเบา ๆ ขณะที่ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

ในฐานะนักรบริเวอร์เป็นนักรบที่แข็งแกร่งมาก แต่หากพูดถึงการโกหกชายคนนี้มีความสามารถไม่ต่างไปจากเด็กน้อย เพราะแม้แต่คนธรรมดาทั่ว ๆ ไปก็สามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าชายตรงหน้ากำลังโกหกพวกเขาอยู่

“ลินนิจ คุณคิดว่าเขาแปลกเกินไปหน่อยไหม? จู่ ๆ เขาก็มาเล่าเรื่องผู้สร้างทั้ง 13 คนให้ผมฟังเพียงเพราะพวกเราบังเอิญเจอกันเนี่ยนะ เผลอ ๆ เขาไปหลอกเด็ก เด็กยังจะไม่เชื่อเขาเลย” เซี่ยเฟยแอบคุยกับลินนิจอย่างลับ ๆ

แน่นอนว่าลินนิจย่อมเข้าใจอุปนิสัยของริเวอร์เป็นอย่างดี ชายคนนี้คือนักรบที่มีความซื่อสัตย์มาก การจะโกหกสักครั้งสองครั้งจึงเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับสหายเก่าของเขามากพอสมควร

“ไหน ๆ เขาก็บอกข้อมูลที่มีประโยชน์กับนายแล้ว ทำไมนายไม่ลองถามสิ่งที่นายอยากรู้ไปเลยล่ะ” ลินนิจพยายามพูดเปลี่ยนเรื่อง

“นั่นสินะ บางทีเราอาจจะหลอกใช้ประโยชน์จากเขาได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกฉันว่าฉันใช้หงส์ครามผิดวิธี คุณกำลังหมายความว่าอะไรงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามขณะเผยใบหญ้าสีฟ้าออกมาจากแขนขวา

“อาวุธมายาคือสิ่งประดิษฐ์อันทรงพลังที่มีมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของจักรวาล แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าแท้ที่จริงพวกมันเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากเพียงใด หงส์ครามของนายเป็นอาวุธที่มีนิสัยอดทนและไม่ยอมแพ้ แต่ลักษณะเหล่านั้นมันเป็นเพียงแค่ลักษณะภายนอกของมันเท่านั้นเอง สิ่งที่นายใช้เปรียบเสมือนกับแสงที่ยังคงขาดเงา มันจึงยังห่างไกลกับการใช้พลังสูงสุดของอาวุธมายาออกมา” ริเวอร์อธิบาย

“เงา?” เซี่ยเฟยอุทานอย่างสับสน

“ใช่ เงา” ริเวอร์ชี้นิ้วไปยังเงาที่อยู่บนพื้น

“มันก็เป็นแค่เงาแล้วมันจะเอามาทำอะไรได้?” เซี่ยเฟยถามอย่างประหลาดใจ

“สิ่งที่ฉันอธิบายให้นายฟังออกไปเป็นเพียงแค่การเปรียบเทียบ ความจริงฉันหมายถึงอาวุธมายาทุกชนิดต่างก็มีจิตวิญญาณและสามารถสร้างโซล์มาร์คของตัวเองขึ้นมาได้ โซล์มาร์คเหล่านี้เปรียบเสมือนเงาที่อยู่อีกด้านของแสงสว่างอันเจิดจ้า” ริเวอร์กล่าว

“โซล์มาร์ค?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสับสนอีกครั้ง แต่คำอธิบายของริเวอร์กลับทำให้ชายหนุ่มอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น

วิญญาณที่เขารู้จักคือวิญญาณอมตะอย่างอันธและลินนิจ บางทีวิธีการที่อีกฝ่ายกำลังพูดถึงอาจจะเป็นการเปลี่ยนวิญญาณให้กลายเป็นสสาร และสามารถนำวิญญาณเหล่านั้นมาใช้ในการสังหารศัตรูได้

ลินนิจทำได้เพียงแต่ส่ายหัวอย่างเงียบ ๆ เพราะริเวอร์เป็นคนพูดเองว่าเซี่ยเฟยยังมีระดับต่ำเกินไปกว่าที่จะเริ่มเรียนรู้การใช้โซล์มาร์ค แต่คำพูดของอีกฝ่ายกลับชักนำเซี่ยเฟยไปหาโซล์มาร์คด้วยตัวเอง คล้ายกับว่าชายคนนี้กำลังไล่ต้อนตัวเองไปสู่ขอบเหว

เมื่อมองไปที่แววตาอยากรู้อยากเห็นของเซี่ยเฟย ลินนิจก็รู้เลยว่าชายหนุ่มคนนี้คงจะไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ จนกว่าเขาจะได้รู้ความหมายของคำว่าโซล์มาร์ค

เล่ห์เหลี่ยมของริเวอร์ไม่สามารถเทียบเคียงกับเล่ห์เหลี่ยมของเซี่ยเฟยได้เลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของชายผู้แข็งแกร่งจึงเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เนื่องมาจากว่าเขาทนโกหกต่อไปไม่ไหวแล้ว ท้ายที่สุดริเวอร์จึงตัดสินใจหนีไปเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของเซี่ยเฟย

ชายผู้ที่สามารถปิดผนึกประตูจักรวาลได้เพียงลำพังกำลังหลบหนีเซี่ยเฟยไปจริง ๆ!

อย่างไรก็ตามก่อนหนีไปริเวอร์ก็ยังคงทำตามคำสัญญา โดยการชำระล้างวิญญาณให้กับเซี่ยเฟย เมื่อวิญญาณของชายหนุ่มถูกชำระล้าง มันก็ทำให้เขารู้สึกว่าเขาจำเป็นจะต้องฝึกฝนในตอนนี้ และในระหว่างที่เขากำลังฝึกฝนอยู่นั้นเองริเวอร์ก็ใช้ช่วงเวลานี้ในการวิ่งหนีไป

ตูม!

คลื่นพลังอันรุนแรงระเบิดออกมาจากร่างของเซี่ยเฟยเป็นสัญญาณว่าเขาสามารถเลื่อนระดับกฎแห่งมิติไปได้อีกขั้น

“เขาเป็นใครกันแน่? เขาทั้งให้ข้อมูลของผู้สร้างและยังช่วยให้ฉันเลื่อนระดับอย่างง่ายดาย ตอนนี้ฉันได้กลายเป็นราชันย์ขั้นที่ 3 แล้ว การเลื่อนระดับคราวนี้แทบไม่ต้องใช้ความพยายามเลยด้วยซ้ำ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น

“ถึงเขาจะช่วยยกระดับให้นายได้แต่เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นแหละ น่าเสียดายที่เขาหนีเร็วเกินไปหน่อย ไม่งั้นเขาก็อาจจะช่วยนายได้มากกว่านี้” ลินนิจกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย เพราะในฐานะที่พวกเขาเป็นคนของออโรร่าเขาก็คิดว่าริเวอร์ควรจะเอาใจใส่เซี่ยเฟยมากกว่านี้

เซี่ยเฟยใช้เวลาตรวจสอบตัวเองอยู่นานกว่า 3 นาที ก่อนที่เขาจะอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ

“เป็นไปได้ยังไง!? หลังจากที่เขาช่วยผมตอนนี้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของผมก็ถูกเปิดออก 120% แล้ว เซลล์ทุกเซลล์ภายในร่างเหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่? ทำไมเขาถึงมีความสามารถมากขนาดนี้?”

“พื้นที่สมองส่วนที่ 7 มีเอาไว้เพื่อกักเก็บพลังงานและช่วยให้นายสามารถกักเก็บอักขะกฎได้มากขึ้น ยิ่งขอบเขตพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายถูกเปิดกว้างมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งหมายความว่านายสามารถเรียนรู้กฎได้มากขึ้นเท่านั้น”

“ส่วนที่นายบอกว่าเซลล์ทุกเซลล์ภายในร่างเหมือนกับถูกผลัดเปลี่ยนขึ้นมาใหม่ มันเป็นเพราะว่านายเพิ่งได้รับชำระวิญญาณ มันเลยช่วยให้ร่างกายของนายกระปรี้กระเปร่าขึ้น และช่วยให้นายสามารถพัฒนาพลังได้อย่างรวดเร็ว นักรบชั้นยอดจะมีการชำระวิญญาณเป็นระยะ ๆ อยู่แล้วเพื่อกำจัดเซลล์ส่วนเกินออกไปและให้เซลล์ใหม่ถูกผัดเปลี่ยนขึ้นมา” ลินนิจอธิบาย

“ทำไมจู่ ๆ น้ำเสียงของคุณถึงเปลี่ยนไป? ก่อนหน้านี้ไม่ว่าผมจะทำอะไรคุณก็มักจะพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่ออยู่เสมอ แต่ตอนนี้คุณพูดเหมือนกับว่าสิ่งที่ผมได้รับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

คำพูดของเซี่ยเฟยทำให้ลินนิจชะงักค้างไปครู่หนึ่ง เพราะหลังจากที่ความทรงจำของเขากลับมา มันก็ทำให้ความก้าวหน้าของเซี่ยเฟยกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาของเขาไปจริง ๆ ไม่ว่ายังไงครั้งหนึ่งเขาก็เคยอยู่ในระดับเดียวกันกับริเวอร์ ผู้ซึ่งสามารถปิดผนึกประตูจักรวาลด้วยความแข็งแกร่งของเขาเพียงคนเดียวได้

เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นพร้อมกับเริ่มทดสอบปล่อยท่าทางจู่โจมออกไป ซึ่งหลังจากที่พลังเลื่อนระดับขึ้นมา เขาก็ได้พบว่าการจู่โจมของเขามีความเฉียบคมมากขึ้นกว่าเดิม

ปกตินักรบระดับราชันย์จะพัฒนาความแข็งแกร่งได้ยากมาก แต่เซี่ยเฟยกลับสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งถึงสองระดับได้ในคราวเดียว นอกจากนี้เขายังได้เรียนรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาอย่างมากมาย แต่น่าเสียดายที่ความรู้เรื่องโซล์มาร์คยังไม่เป็นที่ชัดเจน

ชายหนุ่มจึงรู้สึกว่าเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายหมอก ที่ถึงแม้จะรู้ว่าโซล์มาร์คคือสิ่งที่ทรงพลังแต่เขาก็ยังไม่สามารถเอื้อมมือออกไปจับต้องมันได้ แต่ถึงกระนั้นความรู้ที่เขาได้รับมาจากริเวอร์ย่อมสร้างประโยชน์ให้เขามากกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย

“ที่เขาบอกว่าอาวุธมายาสามารถเชื่อมโยงซึ่งกันและกันได้ เขากำลังหมายความว่ายังไงกันแน่?” เซี่ยเฟยพึมพำอย่างสับสน

“สิ่งที่เขาหมายถึงคือถ้าหากนายสามารถรวบรวมอาวุธมายาธาตุพืชทั้งเจ็ดชนิดเข้าด้วยกันได้ มันจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ขึ้นมาในทันที ขณะเดียวกันอาวุธมายาชิ้นอื่น ๆ จะเริ่มสื่อสารเข้าหากันเพื่อหลอมรวมกลายเป็นอาวุธมายาที่สมบูรณ์” 

“ในเวลานั้นอาวุธมายาจะเหลือเพียงแค่ 5 ชนิดคืออาวุธธาตุโลหะ, ธาตุพืช, ธาตุน้ำ, ธาตุไฟและธาตุดิน แตกต่างจากในอดีตที่พวกมันจะกระจัดกระจายเป็นอาวุธมายาทั้ง 30 ชิ้น” ลินนิจกล่าว

“โบราณว่าไว้ว่าอาวุธมายาจะมีการรักษาสมดุลย์กันไว้ตลอดเวลา ถ้าหากผมสามารถรวมอาวุธมายาธาตุพืชเข้าด้วยกันได้สำเร็จ สมดุลย์ของจักรวาลก็คงจะพังพลายลงในทันที อาวุธมายาธาตุอื่นคงจะกลัวว่าพวกมันถูกทำลาย พวกมันจึงจำเป็นจะต้องรีบกลับมารวมตัวกันไม่ให้อาวุธมายาธาตุพืชโดดเด่นอยู่เพียงแค่ธาตุเดียวสินะ”

“ยิ่งเขาพูดแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมสงสัยว่าเขาคือใครกันแน่? เขาถึงรู้แม้กระทั่งความลับของอาวุธมายา” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“เรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลังเถอะ อย่างน้อยตอนนี้ถึงแม้ว่านายจะยังพิชิตดอกบัวห้วงสมุทรไม่ได้ แต่นายก็มีมันไว้ในครอบครองแล้ว หลังจากนี้นายควรรีบออกตามหาใบไม้แห่งขุนเขา นายจะได้หลอมรวมอาวุธมายาให้เสร็จสมบูรณ์สักที” ลินนิจกล่าว

***************

ริเวอร์ยังหนีเพราะกลัวโป๊ะเลย แล้วลินนิจจะไหวแค่ไหน? 5555

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.