บทที่ 74 ท่าไม้ตาย!!
ผมคิดตามแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาแบรนด์หรูที่อยู่ภายในห้องทำงาน ก่อนจะปิดเปลือกตาลงเพื่อผ่อนคลายไฟอารมณ์ให้เบาบาง ก่อนจะคิดทบทวนว่าทำไม...
ถ้าทุกอย่างที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเธอมันมักจะทำให้ผมแทบคลั่ง ผมที่เป็นคนสุขุมเยือกเย็น รอบคอบ กลายเป็นคนไม่มีเหตุผลขึ้นมาทันที ถ้าเรื่องนั้นมันเกี่ยวกับเธอ...เอลิซ
และคำตอบของทุกคำถามที่ผมเฝ้าถามตัวเองนั่นก็คือ... ‘ผมรักเธอมาก’
ผมนั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองสักพัก ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“โธ่นาย...ผมบอกแล้วไงใจเย็นๆ ก่อน” กิตกุลีกุจอทันทีเมื่อเห็นท่าทางของผมที่กำลังเดินไปที่ประตูเพื่อออกไป
“เออน่า...ตามกูมา กูไม่ทำอะไรมันหรอก กูจะไปตามเมียกูกลับแค่นั้น” ผมบอกกับลูกน้องที่ยืนทำหน้าเครียด เพราะกลัวว่าผมจะอาละวาดจนพังที่นี่ราบเป็นหน้ากลอง...หึ มันคิดได้ไง ที่นี่มันของของผม ผมจะทำลายทำไม
ผมเดินนำหน้าลูกน้องจนลงมาถึงชั้นล่าง...
สองเท้าก้าวยาวด้วยความเร็วจนใกล้จะถึงเคาน์เตอร์บาร์ แต่ทว่า...ภาพตรงหน้าดันทำให้อารมณ์บ้าคลั่งที่เพิ่งจะสงบลงไปปะทุขึ้นมาอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว
“มึงจะทำอะไรเมียกู!!” เสียงเข้มดังกังวานถูกส่งออกไปทันทีหลังจากที่ผมดึงดวงใจของผมให้กลับมาแนบอบ เพราะภาพที่ผมได้เห็นคือมันกำลังกอดเมียผมอยู่
“พอดีคุณเอลิซจะล้มผมก็ช่วยประคองก็แค่นั้น” มันตอบกลับมาท่าทางกวนเบื้องล่างสุดๆ นั่นยิ่งทำให้ผมแทบอยากจะชักปืนเป่ากบาลมันซะให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่าในอ้อมแขนมีร่างนุ่มนิ่มแอบอิงอยู่
“แต่ที่กูเห็นคือมึงกำลังกอดเมียกูอยู่” ผมรู้เจตนามันดี แววตาตอนที่เอลิซอยู่ในอ้อมกอดมันฟ้องทุกอย่างแล้วว่ามันคิดยังไงกับเมียผม
“ก็ถ้าคุณจะคิดแบบนั้น ผมก็ไม่ติดนะ ใครใช้ให้เอลิซสวยน่ารักตรงสเปกผมทุกอย่างขนาดนี้” นั่นไงเห็นไหมมันยอมรับแล้ว...มันยอมรับแล้ว...ความโกรธปรี๊ดขึ้นสมองผมทันทีจนมือกระตุกอยากจะเข้าไปชกหน้ามันให้รู้แล้วรู้รอดก็ทำไม่ได้...โธ่โว๊ยยย!!!
“มึง!!!” ผมทำได้แค่ตะโกนออกไปเพื่อบรรเทาความอัดอั้นในใจ
แต่ในขณะที่ผมโกรธจนตัวสั่นอยู่นั่น ก็ได้มีมือนุ่มนิ่มยืนมาจับใบหน้าแข็งกร้าวของผมให้ก้มลงไปสบดวงตากลมโตที่ตอนนี้กำลังปรือนิดๆ เนื่องจากฤทธิ์ของดีกรีในแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป พร้อมกับอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผมฟัง ผมมองใบหน้าสวยของเธอด้วยแววตาที่หวั่นไหว แก้มแดงเพราะความเมา ดวงตาปรือพริ้ม ริมฝีปากอิ่มขยับเล่าเรื่องราว เสียงหวานแผ่วเบาจนแทบจะเหมือนกระซิบ ภาพตรงหน้าทำใจของผมยวบยาบยอมจำนนเธอทุกอย่าง...
ผมเชื่อเธอและเชื่อใจเธอ แต่ผมไม่เชื่อมัน!!!
เมื่อเธอพูดจบผมก็หันกลับไปจ้องหน้ามันเขม็งอีกครั้ง ก่อนจะบอกกับมันไปว่า...
“งั้นมึงก็จำไว้คนนี้เมียกู กูดูแลเองได้ ทีหลังมึงไม่ต้องเสือก!!” ผมเตือนให้มันจำเอาไว้ และเน้นคำว่าเมียให้มันรีบตัดใจถ้ามันคิดอะไรเกินเลยกับเอลิซจริงๆ
“อ๋อ...แล้วกูหวังว่าจะไม่เจอมึงมาป้วนเปี้ยนใกล้เมียกูอีกเป็นครั้งที่สามนะ ไม่งั้นตระกูลมึงสิ้นชื่อแน่” และก่อนที่ผมจะอุ้มเธอเดินจากไป ผมก็ได้ทิ้งคำพูดไว้ให้มันรู้ว่าผมรู้ความเคลื่อนไหวของมันทุกอย่าง และที่ผมพูดผมไม่ได้ขู่แน่นอน
ผมอุ้มเธอเดินกลับขึ้นมายังห้องทำงานชั้นสอง โดยที่คนร่างบางนอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอด ผมให้กิตใส่รหัสเปิดประตูให้ เมื่อเข้ามาในห้องทำงานได้แล้ว ไอ้กิตซึ่งรู้งานก็รีบออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่าวินาทีนี้ผมกำลังสกัดกั้นอารมณ์ไว้แทบไม่อยู่แล้ว ขืนถ้ามันยังอยู่ต่อคงได้โดนลูกหลงแน่
เมื่อประตูปิดลง ผมวางเธอลงบนโซฟาแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานทันทีเพื่อสงบสติอารมณ์ ผมมองดูเธอที่นั่งโอนไปเอนมาแล้วพิงเข้ากับโซฟา เพราะอาการมึนเมาที่เริ่มมากขึ้น...เธอคงไม่รู้สินะ ว่าเหล้าที่ร้านใช้ชงเป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ เป็นเหล้าที่ถ้าดื่มอย่างต่อเนื่องจะไม่มีอาการเมาจนไม่ได้สติอย่างมากก็แค่มึนๆ พอให้ร่างกายได้สนุกสนาน และเหล้าสูตรพิเศษนี้ไม่มีกลิ่นเหม็นโดยเฉพาะเมื่อผสมเข้ากับค็อกเทล แต่ถ้าหยุดกินมันเมื่อไหร่จะเกิดอาการเมาขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งผมคิดสูตรไว้เพื่อเอาใจนักท่องราตรีที่อยากสนุกไปนานๆ ไม่เสียอาการเร็ว ส่วนเธอที่หยุดดื่มมาได้สักพักแล้วตอนนี้ก็น่าจะกำลังเผชิญกับผลลัพธ์ของเหล้าสูตรพิเศษที่เริ่มออกฤทธิ์ใส่เธออยู่
แต่เรื่องอาการเมาของเธอเอาไว้ก่อนเพราะสิ่งนั้นมันไม่ได้อันตรายอะไรก็แค่อาการเมาทั่วไป แต่สิ่งที่กำลังกวนใจผมอยู่ในขณะนี้ก็คือ เธอคุยหัวเราะต่อกระซิกอะไรกับไอ้มาคินทร์เป็นนานสองนาน ไหนจะจับไม้จับมือทักทายกันด้วยทำยังกับสนิทกันมาแต่ไหนแต่ไร แล้วยังจะช็อตสุดท้ายที่ทำอีท่าไหนถึงไปล้มใส่อ้อมกอดของมันได้ ถึงผมจะเชื่อใจเธอ แต่มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้...โอ๊ยยยย หงุดหงิดโว๊ยยยยย
ผมจ้องเขม็งไปที่เธอด้วยสายตาเยือกเย็นโดยไม่รู้ตัว แต่เพราะเป็นคนที่เวลาอารมณ์มาคุมักจะแผ่รังสีอำมหิตออกไปจนคนอื่นสัมผัสได้แบบไม่รู้ตัว เพราะแบบนี้เลยทำให้เธอคนที่โดนจ้องรู้สึกขนหลังคอตั้งขึ้นทันที
--- เอลิซ Talk ---
ฉันที่รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากร่างคนตัวโต ที่ตอนนี้เดินงอนไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วมานั่งหน้าบูดส่งสายตาอาฆาตมาให้ฉัน จนทำให้ฉันรู้สึกขนลุกขนพองทันที
ฉันรีบสลัดหัวไปมาเพื่อเรียกสติกลับคืน เพื่อที่จะได้อธิบายเขาให้ชัดเจน ฉันไม่ชอบเวลาที่เขาเป็นแบบนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกกลัว
แต่ที่น่าแปลกก็คือ ยิ่งสลัดหัวมากเท่าไร ความรู้สึกมึนหัวก็ยิ่งมากเท่านั้น จนแทบจะประคองสติเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นี่มันเหล้าบ้าบออะไรกันเนี้ย ตอนกินยังดีๆ อยู่เลย แถมรสชาติเหมือนกินน้ำผลไม้ รสชาติเหล้าหรือกลิ่นเหล้าแทบไม่มี แล้วไหงถึงมึนได้ขนาดนี้เนี้ย
ฉันหยุดสลัดหัวลงทันทีเพราะยิ่งทำก็ยิ่งไม่มีประโยชน์ ก่อนจะพิงศีรษะลงกับโซฟาพร้อมอาการมึนสุดๆ แล้วมองไปที่เขาด้วยสายตาออดอ้อนขอความเห็นใจ
“เฮียขาาา...เอลิ..ซ...มึนหัวจางงงเลยยยค่ะ” ฉันส่งเสียงหวานออดอ้อนไปเพื่อหยั่งเชิงอารมณ์ของเขาในตอนนี้ แม้ว่าความเป็นจริงฉันจะมึนหัวอย่างที่พูดนั่นแหละ
“..............” (ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียก)
ฉันพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นเพื่อมองไปที่เขาอีกครั้ง แต่เพราะความเมาทำให้ภาพที่เห็นดูหมุนจนฉันเวียนหัว
“เฮียขาาาา เอลิ..ซ...ปวดหัว...จางงงเลยคร่าาา” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามเรียกเขาอีกครั้ง
“..............” เขายังคงเงียบใส่ฉันกลับมาเหมือนเดิม
ถ้าอย่างนั้นคงต้องใช้ท่าไม้ตายสะแล้ว
“เฮียขาาา ‘เมีย’ ...เวียนหัว...จางงงเลยค่ะ...” ฉันพูดเอียงคอ พยายามส่งสายตาหวานไปให้เขา
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 31
แสดงความคิดเห็น