รอยดาว

-A A +A
รอยดาว

รอยดาว

              ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ ลมบ้าคลั่งอื้ออึง รถหรูบอลเงินคันโก้วิ่งฝ่าความเลวร้ายของอากาศแปรปรวนด้วยความเร็วสูงไล่ตามสิ่งที่คนในรถเห็น แต่คนอื่นไม่เห็น

              ความเร็วเพิ่มระดับขึ้น

              ไป ตามไป ส่วนลึกในใจสั่ง ฤทธิ์ของยาร้ายแรงกว่าที่คิด

              คนเราจะเดินตามสิ่งที่ตนเห็น และเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น

              ครืง ฟ้าคำรามเตือน ต่อเมื่อมันยังไม่แสดงความเลวร้ายให้เห็น มันก็ยังเป็นความตื่นเต้นเพิ่มรสชาติชีวิต

              เปรี้ยง!!! ฟ้าผ่าลงมาไม่ไกล ความหลงเปรียบเหมือนตาที่มืดบอด ไม่กลัว เมื่อไม่เห็น สายฝนหนาหนักประหนึ่งม่านบดบังอีกชั้น บางครั้งสิ่งแวดล้อมก็ทำให้ไม่เห็นอันตรายเบื้องหน้า ยิ่งผสมผสานเข้ากับความลุ่มหลงอันไร้สติความอาจหาญไร้แก่นสารยิ่งเพิ่มพูน

              จนกระทั่ง

              ตูม!!

              รถคันโก้ตีลังกาทันทีเมื่อปะทะกับสิ่งกีดขวาง ก่อนจะตีลังกาอีกหลายตลบ แล้วไถลไปชนกับเสาไฟฟ้าแรงสูงดัง โครม ใหญ่

 

  “ตามสัญญานะตา ถ้าไม่มีเงินคืนต้น ดอก ให้หลานสาวตามาทำงานกับฉัน พรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปรับ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะดูแลหลานตาให้เหมือนกับน้องสาวฉันคนนึง ถ้าใช้หนี้หมดแล้วฉันจะส่งมันกลับ”ดาวเด่นคุยกับลูกหนี้ทางโทรศัพท์ เธอกำลังจะได้คนทำงานให้อีกรายแล้ว

              คนปลายสายลังเลครู่หนึ่ง แต่ด้วยศิลปะการพูดที่ฝึกฝนมานานก็ทำให้เขาตกลงในที่สุด

              หญิงสาวางสายจากลูกหนี้

  “ผมอยากให้คุณหยุดทุกอย่างก่อนจะสาย สิ่งที่คุณทำมันไม่ถูกต้อง” เสียงของเขาคนนั้นแว่วมา ผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อหลายวันก่อน

              ไม่ถูกต้องงั้นหรือ อะไรกันเป็นตัววัดว่าสิ่งไหนถูกหรือผิด?

              ในสายตาเขา ครั้งนี้เธอกำลังทำสิ่งไม่ถูกต้องอีกครั้ง แต่สำหรับเธอ ใช่ ที่แรกทีเดียวมีคนเสีย แต่ภายหลังก็ได้ประโยชน์กันทั้งคู่ ทุกอย่างที่เธอทำมันก็แค่กลอุบายทางธุรกิจ ทุกคนต้องอยู่รอด เธอก็ต้องทำเพื่อเหตุผลนั้นเช่นกัน

              วันรุ่งขึ้น ดาวเด่น ก็ให้คนไปรับหลานสาวของลูกหนี้เข้ามาในเมือง เพื่อทำงานใช้หนี้ แต่ลูกหนี้ไม่รู้เลยว่างานที่เธอจะให้หลานสาวแกทำจริงแล้วคืองานขายบริการ

              ดาวเด่น นอกจากจะเป็นคนปล่อยเงินกู้ให้คนยากจนแถบชายแดนหรือคนประเทศเพื่อนบ้านที่แอบเข้ามาทำงานในไทยแล้ว เธอยังเป็นเจ้าของบาร์ที่แอบเปิดขายบริการให้เสี่ยกระเป๋าหนักอีกด้วย

 

  “ห้องนี้แหละที่พี่จะให้น้องเข้าไปทำความสะอาด”ชายหนุ่มบอกกับเด็กสาวที่มาใหม่ ขณะพาเธอเดินมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง

  “แล้วอุปกรณ์ทำความสะอาดล่ะจ๊ะ?”เด็กสาวถามด้วยความสงสัย เพราะเท่าที่ตาบอก เธอต้องมาทำงานเป็นแม่บ้าน แต่เดินจนมาถึงห้องที่จะต้องเริ่มงานแล้วก็ยังไม่ได้อุปกรณ์ทำงานสักชิ้น

  “พี่เตรียมไว้ให้ในห้องแล้ว เข้าไปก็ทำงานได้เลย”

            แล้วชายหนุ่มก็เปิดประตูให้เด็กสาวเดินเข้าไป เขาเดินตาม ก่อนจะรีบปิดประตู

  “ไหนหรือจ๊ะอุปกรณ์?”เด็กสาวกวาดตามองรอบห้องหาสิ่งที่จะใช้ในการทำงานตามที่ได้มอบหมาย

  “พี่เข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ น้องนั่งรอที่เตียงก่อน”เขาบอกแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เด็กสาวหันมองที่เตียงสังหรณ์ร้ายกระตุ้นเตือน แต่ยังพยายามคิดในแง่ดีตามประสาคนซื่อ ‘คงไม่มีอะไรหรอก’ แล้วยืนรอแทนที่จะไป นั่งที่เตียง เพราะรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย

              ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยร่างเปลือยเปล่า

  “ว้าย! พี่ทำอะไรจ๊ะ”เด็กสาวรีบยกมือปิดหน้า

  “ถอดผ้า แล้วขึ้นเตียง”เขาบอก ได้ยินอย่างนั้นเด็กสาวก็สะดุ้ง ขารีบก้าวไปที่ประตูแต่ช้ากว่าอีกฝ่ายที่เข้ามาคว้าตัวเธอไว้แล้วเหวี่ยงขึ้นเตียง

  “กรี๊ดดดดดด!!!”

 

  “ฮือ..ฮือ..หนูจะกลับบ้าน ให้หนูกลับบ้านเถอะนะจ๊ะ”เด็กสาวอ้อนวอนทั้งน้ำตาหลังจากเพิ่งผ่านชั่วโมงอันเลวร้ายมา

              ชายหนุ่มยิ้มย่องด้วยความภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นคนแรกที่พรากพรหมจรรย์ของเด็กสาว สิ่งมีค่า สำหรับผู้หญิงทุกคน และมีค่ามหาศาล เมื่อเขานำหญิงสาวคนนี้ไปหลอกเสี่ยเงินหนา ที่ยอมทุ่มให้กับค่าเปิดซิงแสนแพง เขามีแต่ได้กับได้

“ไม่ได้หรอก เธอต้องทำงานใช้หนี้ ตาเธอติดหนี้มาม่าซังเยอะ”

  “พี่จ๋าหนูไม่อยากอยู่ที่นี่”

  “ไม่ เธอต้องทำงาน แล้วก็อย่าคิดหนี ไม่งั้นมาม่าเอาเธอตายแน่ แล้วตาเธอก็ต้องโดนไปด้วย“ ชายหนุ่มเดินไปที่ด้านหนึ่งของห้อง หยิบกล้องที่ซ่อนอยู่ออกมาก่อนซ่อนมันไว้ในเสื้อแจ็คเก็ต โดยเด็กสาวไม่ทันสังเกตเห็น

              ขณะเขาเปิดประตูเดินออกจากห้อง เด็กสาววิ่งพรวดเบียดเขาออกจากประตู แต่ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชน เขาคว้ามือเด็กสาวไว้ทัน กระชากตัวโยนลงไปบนเตียงนอน พร้อมกับเข้าไปตบตีเด็กสาวไม่ยั้งมือจนเลือดกบปาก

              เด็กสาวเอามือกุมท้องด้วยความจุก

  “ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากให้ตาเธอต้องเดือดร้อน ก็ตั้งใจทำงาน เข้าใจมั้ย!”เขาตะคอกใส่

 

  “เด็กนั่นว่าไงบ้าง?”ดาวเด่นคุยกับลูกน้องผ่านโทรศัพท์

  “มันโอเคแล้ว ก็เหมือนรายอื่นๆนั่นแหละ ต้องเจ็บตัวบ้าง ถึงยอมทำงานใช้หนี้ให้เรา อีกอย่างเราก็มีส่วนแบ่งให้มันด้วยนี่”

  “ดี แล้วรายก่อนหน้านี้ล่ะ?”

  “มันก็ตั้งใจทำงานดี โดนไปครั้งก่อนคงไม่กล้าหืออีกแล้วล่ะ”คนปลายสายรายงาน

  “บอกพวกมันให้ตั้งใจทำงาน ใช้หนี้หมดเมื่อไหร่ฉันจะให้มันกลับบ้าน..อ้อ แล้วคลิปก็ส่งให้พี่เขาซะ แล้วก็เก็บเงินมาด้วย เอาล่ะ ตอนนี้พอแค่นี้ก่อน ฉันจะออกไปคาสิโน”

            วางสายจากลูกน้องดาวเด่นก็ต่อสายหาใครอีกคนที่นัดกันไว้

  “สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง หนูกำลังออกไปหานะคะ แล้วเจอกันค่ะ”

 

  “คุณรู้มั้ยว่าความโชคร้ายเกิดขึ้นได้ยังไง?”

  “มันเกิดขึ้นได้เพราะฉันประมาท ถ้าฉันระวังก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก”

  “แล้วความโชคดี?”

  “คงเกิดขึ้นได้เพราะฉันไม่ประมาทอีกแหละมั้ง”

  “แล้วอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณ ที่ผมมาช่วยคุณทัน ก่อนที่เขาจะเอาเครื่องในคุณไปหมดนี่ล่ะ อะไรคือความไม่ประมาทของคุณที่ทำให้ผมมาช่วยคุณไว้ได้ก่อนสาย?”

              ดาวเด่นคิดว่าคำถามของเขาช่างไร้สาระเสียจริง จะเป็นอะไรได้ล่ะถ้าไม่ใช่ความบังเอิญ แต่พอตอบไปแล้วเขากลับว่าไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่รู้แล้วล่ะ และไม่ใส่ใจจะสงสัยอะไรบ้าๆแบบนี้ด้วย สลัดความคิดแล้วกลับมาสนใจคนข้างๆ พ่อเลี้ยงสุชาติคู่ควงเข้าคาสิโนของเธอในเย็นนี้ดีกว่า

  “แลกเท่าไหร่ดีครับ?”พนักงานแคชเชียร์ถามขึ้นขณะที่ดาวเด่นและพ่อเลี้ยงสุชาติมาหยุดยืนตรงหน้า

  “เจ็ดแสน”พ่อเลี้ยงสุชาติบอกออกไป พอได้ยินอย่างนั้นดาวเด่นก็รีบทำหน้าที่ทันที

  “อุ๊ย พ่อเลี้ยงคะ ครั้งนี้หนูว่าเพิ่มเป็นแปดแสนดีกว่าค่ะ ยิ่งลงมากพ่อเลี้ยงก็มีโอกาสได้เพิ่มมากขึ้นนะคะ อีกอย่างหนูกลัวว่าคนอื่นจะดูถูกว่าพ่อเลี้ยงกระจอก ใจไม่นักเลง มาทีไรก็ลงแค่เจ็ดแสน เจ็ดแสน คนอื่นเขาลงกันเป็นล้านเลยนะคะ”

  “หนูว่างั้นหรือ?”

  “ค่ะ เชื่อหนูนะคะ อย่าให้ใครมาดูถูกบารมีเราได้นะคะ อีกอย่าง ความจริงคนที่มากับหนูทุกคนเขาไม่มีใครเล่นต่ำกว่าเก้าแสนซักคนเลยนะคะ แต่ถ้าพ่อเลี้ยงมีเงินแค่นี้ก็ลงแค่นี้ก็ได้ค่ะ”

  “เอางั้นก็ได้ ฉันเอาล้านนึง”

  “พ่อเลี้ยงสุดยอดเลยค่ะ สมเป็นฮีโร่ในดวงใจดาวจริงๆเลย”ดาวเด่นชมก่อนจะยื่นจมูกไปหอมแก้มอีกฝ่ายเพื่อเอาใจ

              หลังจากแลกเงินเสร็จ ทั้งคู่ก็ควงกันเดินเข้าห้องวีไอพีไป ห้องที่จัดตกแต่งอย่างหรูหรา ที่สำหรับแขกวีไอพีเท่านั้น

  “ดื่มค่ะพ่อเลี้ยง อารมณ์จะได้ดีขึ้น แล้วสิ่งดีๆจะเข้ามานะคะ”ดาวเด่นยกแก้วแตะริมฝีปากพ่อเลี้ยงอย่างเชิญชวนขณะที่เขากำลังจดจ่อกับการพนันตรงหน้าด้วยความเคร่งเครียด

  “เสียอีกแล้ว ตะกี้มือกำลังขึ้นแท้เชียว”พ่อเลี้ยงสุชาติพูดด้วยความเจ็บใจ ก่อนรับแก้วเครื่องดื่มกระดกทีเดียวหมด

  “เอาใหม่ได้เสมอนี่คะ หนูเชื่อว่าพ่อเลี้ยงพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้เสมอเหมือนตอนที่พ่อเลี้ยงทำธุรกิจไงคะ แค่ไม่ยอมแพ้ชัยชนะก็ใกล้เข้าไปเรื่อยๆเหมือนนักวิ่งที่วิ่งไม่ยอมหยุด สุดท้ายก็ต้องถึงเส้นชัย”ดาวเด่นพูดปลุกใจ ยิ่งเขาลงมากเท่าไหร่เปอร์เซ็นต์ค่าตอบแทนที่เธอจะได้ยิ่งมากเท่านั้น    

 

              สามวันต่อมา เพื่อนก็โทรศัพท์ชวนไปปาร์ตี้ต่างจังหวัด ดาวเด่นรับคำทันทีเพราะหลายวันนับแต่เริ่มลองไอซ์เธอก็เสพมาคนเดียวตลอด เพื่อนว่าครั้งนี้ของเพียบ และคนก็มากันหลายคน รับรองสนุกเธอจึงไม่ลังเล

              ดาวเด่นขับรถลงใต้คนเดียว ที่หมายคือหาดแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ ที่นั่นเป็นหาดส่วนตัวของเพื่อนของเพื่อนไฮโซของเธออีกที

  “มาเหนื่อยๆอย่างนี้ต้องจัดเยอะๆ รับรองแรงฟื้นแน่ ฉันเตรียมไว้ให้แกแล้ว”เพื่อนของเธอบอกหลังจากถึงห้องงานเลี้ยง ภายในมืดสลัว มีไฟเท็กสาดส่องสร้างสีสัน ดนตรีจังหวะแดนซ์เร้าใจทำให้บรรยากาศครึกครื้น

  “รู้ใจจริงที่รัก”ดาวเด่นชมปากหวาน แล้วเพื่อนของเธอก็หายไปพักหนึ่งก็กลับมาพร้อมไอซ์และอุปกรณ์ในการเสพ

  “เฮ้ย เอาให้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ”เพื่อนเธอบอกอย่างใจป้ำ

  “ของฟรีแบบนี้จะพลาดได้ไง”ดาวเด่นพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะลงมือกับสิ่งตรงหน้า

              ยาค่อยๆเข้าสู่ร่างกาย รอจนได้เวลามันก็เริ่มออกฤทธิ์ ดาวเด่นจึงลุกไปเต้นกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน โยกย้ายส่ายสะโพกด้วยความพลิ้วไหว

              ขณะนั้นเอง สายตาของเธอก็ไปปะทะกับภาพภาพหนึ่ง ชายหนุ่มผิวขาวผมยาวหน้าตาหล่อจัดส่งยิ้มเชื้อเชิญมาให้ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะ ดาวเด่นกำลังจะเดินเข้าไปหา แต่เขาก็ลุกไปที่ประตู หันมาส่งท่าทางยั่วเธออีกครั้ง แล้วก็หายไป ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ที่นั่น

  “เดี๋ยวสิสุดหล่อ!”ดาวเด่นร้องรั้ง แต่เขาไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เธอคิดว่าเขาต้องออกประตูไปแล้วแน่ๆ จึงรีบเดินตาม นั่นไง เขาเดินอยู่นั่น

ด้านนอกมรสุมก่อตัวเมื่อไหร่ไม่ทราบได้ ลมพัดผมกระเจิงก็ไม่ได้สนใจ เศษฝุ่นและใบไม้ปลิวมากระทบเนื้อตัว แต่ความสนใจอยู่ที่เขาคนเดียวเท่านั้น

  “สุดหล่อ!”ดาวเด่นเรียกออกไป เขาหยุดเดินแล้วหันมาส่งสายตาหวานเชื่อมให้ แล้วหันหลังเดินต่อ

  “รอก่อน!”ดาวเด่นเรียกตามหลังขณะวิ่งตามร่างสูง เธอเห็นเขาเดินไปที่รถของเพื่อนเธอ แล้วรถก็ขับออกไป เสียงในสมองร้องบอก เขาต้องการเธอแน่ๆ เขาจะพาเธอขึ้นสวรรค์ เธอต้องตามไป

              ดาวเด่นรีบวิ่งกลับไปที่ห้องด้วยความตื่นเต้น คว้ากระเป๋าออกมาหยิบกุญแจ ขึ้นรถ ขับออกมาด้านนอก ที่พายุกำลังบ้าคลั่ง ฝนค่อยๆเพิ่มระดับความแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอไม่กลัว ยามีอำนาจมากพอให้เธอกล้าเผชิญทุกอย่าง

              คันเร่งถูกเหยียบจนมิด เพื่อตามหาผู้ชายคนนั้น คนที่เธอคิดเอาเองว่าเขาต้องการเธอ และคืนนี้เขาจะทำให้เธอมีความสุขที่สุดเท่าที่เคยมีมา คิดได้อย่างนี้ใจก็ลิงโลดเหลือเกิน

              สุดหล่อจ๋า..สุดหล่อของฉัน

              ขับรถมาได้ระยะหนึ่ง และแล้ว เปรี้ยง!!! เสียงนั้นดังอยู่ไม่ไกล

บรืนนนนนน

              ท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง ดาวเด่นยังขับรถไปด้วยความเร็ว ตอนนี้รถของผู้ชายคนนั้นอยู่ห่างเธอไม่ไกลแล้ว สองข้างถนนเธอเห็นทั้งคนทั้งตัวการ์ตูนที่ชอบดูตอนเด็กส่งเสียงเชียร์ ปลุกความตื่นเต้นคึกคะนองให้โชตช่วง

              ตูม!

              แล้วสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายก็บังเกิด เมื่อความเร็วรถพาปะทะเข้ากับบางอย่างอย่างแรง

 

  “กรี๊ดดดดด!! แม่จ๋า ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย แม่จ๋า กรี๊ดดด!!”ดาวเด่นร้องลั่นเมื่อชายวัยกลางคนในร่างเปลือยเปล่าล็อกตัวเธอไว้ใต้ร่างท้วมของเขา

  “ป๋าไม่ทำหนูเจ็บหรอกน่า ไม่ต้องร้องน้าคนดี เชื่อป๋าสิ”เขาปลอบประโลม

  “กรี๊ดดด!! ไม่เอา ไม่เอา ปล่อยหนู ปล่อย ไม่เอา แม่จ๋าช่วยด้วย แม่จ๋า กรี๊ดดดด!! ฮือ..ฮือ..”ดาวเด่นพยายามดิ้น และดิ้น แต่มันช่วยอะไรไม่ได้เลย ตอนนั้นเธอยังแค่สิบเอ็ดขวบ กับชายวัยห้าสิบกว้า ยังไงก็ทานกำลังไม่ได้

  “เถอะนะ แล้วหนูจะติดใจร้องขออีกเลยจริงๆ เชื่อป๋า”เขาพยายามล่อหลอกให้เธอวางใจ เด็กสาวตรงหน้าช่างสวยหวานน่าเชยชิมเกินห้ามใจ

  “ฮือ..ฮือ..แม่จ๋า..ฮือ..”เธอดิ้นจนเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน ทำไมงานที่แม่ทำมันถึงน่ากลัวแบบนี้ แม่บอกว่าเธอต้องช่วยแม่ทำงาน แม่บอกให้เธอทำตัวกับลูกค้าดีๆ ให้เขาประทับใจ

              แต่ ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่แบบนี้

              “กรี๊ดดดดดดด!”

              แม่บังคับให้เธอทำงานอย่างนี้ตั้งแต่ 11 ขวบจนโต ครั้งแรกมันน่ากลัว น่ารังเกียจ แต่นานเข้าก็กลายเป็นความชินชา

              เธอเคยพยายามเลิกหลายครั้งเมื่อโตจนคิดอะไรเองได้ว่างานที่เธอ แม่ และป้าทำไม่มีใครยอมรับ แต่สังคมไม่เคยให้โอกาสเธอ สังคมทำร้ายเธอเลวร้ายกว่าลูกค้าทำ สังคมที่บอกว่าตนดี ตนสูงกว่า เธอจึงต้องกลับสู่วงจรเดิม วงจรที่คนในโลกมืดเหมือนกันเท่านั้นจะเข้าใจ

              คนดีที่ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกดี..ความดีไม่มีจริง

 

              ดาวเด่นรู้สึกตัวพร้อมกับน้ำตาที่เลอะหน้า เธอขยับแขนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วความปวดร้าวไปทั้งตัวก็ปรากฏ

              ทำไมถึงเจ็บไปทั้งตัวแบบนี้ ก่อนเธอจะตั้งใจสังเกตร่างกาย และสถานที่ที่อยู่

              หัวมีผ้าพันแผล คอมีเฝือก แขนสองข้างและขาข้างหนึ่งของเธอก็เช่นกัน

              เกิดอะไรขึ้น?.....

              “ฟื้นแล้วหรอคะ?”ดาวเด่นเหลือบตามองหน้าคนมาใหม่

              “หมอเองค่ะ เป็นคนดูแลไข้คุณ”เธอพูดด้วยรอยยิ้มอารีที่ชวนอุ่นใจ

 “ฉันเป็นอะไร?”นี่คือคำถามแรกที่ดาวเด่นอยากรู้

“คุณประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อสามวันที่แล้วค่ะ ตอนนี้คุณอยู่ในโรงพยาบาล” คำตอบนั้นทำให้หัวคิ้วของดาวเด่นขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ

  “นึกออกมั้ยคะ? ถ้าไม่ก็อย่าเพิ่งคิดนะคะ เพราะสมองคุณได้รับการกระทบกระเทือนมา อาจยังมึนๆและคิดอะไรไม่ออก แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวก็จะคิดออกเองเมื่ออาการดีขึ้น”แพทย์สาวอธิบาย จากนั้นเธอก็ถามว่าดาวเด่นจำได้หรือไม่ว่าเป็นใคร แล้วจึงเข้ามาตรวจอาการใกล้ๆ

              หลายเดือนจนกระทั่งถึงวันออกจากโรงพยาบาลแม่และป้าเธอก็มารับกลับบ้าน ส่วนเรื่องอาการของเธอแพทย์จะนัดให้มาตรวจเป็นระยะๆ พร้อมกับแผนกจิตเวชที่เธอต้องรักษาอาการภาพหลอนที่ปรากฏขึ้นหลังจากการประสบอุบัติเหตุ สิ่งที่เธอเห็นมีหลายรูปแบบ ทั้งเด็ก หนุ่มสาว ผู้ใหญ่ และคนแก่ รวมถึงสัตว์ด้วย พวกเขาบอกเธอว่า พวกเขาคือสิ่งในโลกหลังความตาย

              ใครจะเชื่อล่ะว่าตนจะเห็นอะไรแบบนั้น ตลอดชีวิตไม่เคยสักครั้งที่จะสัมผัสอะไรพวกนี้ได้ชัดเจน เธอต้องบ้า บ้าแน่ๆ

              ดาวเด่นมักเห็นภาพเด็กสาวที่เคยถูกลูกน้องเธอซ้อมจนตายมาหลอกหลอน ด่าว่าเธอเป็นต้นเหตุ บางครั้งก็เห็นวิญญาณเสี่ยที่ฆ่าตัวตายจากการถูกเธอเคยหลอกไปผลาญเงินที่คาสิโนจนหมดตัวขึ้นคร่อม พยายามบีบคอเธอ เหล่านี้มันทำให้ดาวเด่นจิตตกหนัก โวยวายจนแพทย์ต้องเพิ่มการรักษาอาการทางจิตให้ แต่ยาก็ช่วยไม่ได้ ช็อตไฟฟ้าก็ไม่ได้ผล แพทย์บอกว่าเหลือวิธีเดียว คือผ่าสมอง

              แต่เธอยังไม่พร้อม

              ตรืด..ตรืด! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ดาวเด่นคว้าขึ้นมาดูสายเรียกเข้า พบว่าเป็นเบอร์แปลกหน้าเบอร์เดิมที่โทรศัพท์หาเธอเมื่อวานหลายครั้ง แต่เธอไม่อยากรับ เพราะคิดว่าอาจโทรผิด แต่วันนี้เขาก็โทรมาสองสามครั้งแล้วเหมือนกัน สุดท้ายตัดสินใจรับสาย เพราะคิดว่าเขาคงมีธุระจริงๆ

  “สวัสดีค่ะ”ดาวเด่นกรอกเสียงลงไป

  “สวัสดีค่ะ เทียนเป็นน้องสาวพี่ทีปนะคะ ไม่ทราบว่าคุณดาวยังจำพี่ทีปที่เคยไปช่วยคุณดาวจากเอเยนต์ขายอวัยวะได้รึเปล่าคะ?” ดาวเด่นนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะจำได้

              “เขาชื่อ ทีป หรอกหรอคะ?”

              “คุณดาวจำพี่ของเทียนได้มั้ยคะ?”คนปลายสายถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ น้องสาวเขาคงได้เบอร์มาจากพี่ชาย เธอเคยทิ้งนามบัตรไว้ให้เขาเผื่อเขาต้องการให้ตอบแทนอะไร เพราะตอนนั้นถามเขาแล้ว เขาไม่ต้องการอะไร เพียงแต่พูดอะไรเพ้อเจ้อให้ฟังเท่านั้น

  “จำได้ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ?”ดาวเด่นถามด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่วันที่ช่วยเธอวันนั้นเขาก็ไม่ได้ติดต่อหาเธออีกเลย หรือเขานึกอยากจะทวงบุญคุณขึ้นมานะ

  “ช่วงนี้คุณดาวกำลังประสบปัญหากับภาพหลอนที่เห็นใช่มั้ยคะ?” ได้ยินอย่างนั้นดาวเด่นก็สะดุ้ง เรื่องนี้เธอไม่เคยบอกใคร นอกจากป้ากับแม่ และแพทย์ที่รักษา

  “คุณรู้ได้ยังไง?”เธอถามออกไปทันที ในใจกำลังคิดว่าหรือเขาอาจส่งคนติดตามเธอ

“พวกเรารู้ค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ พวกเราอยากจะช่วยคุณ ถ้าคุณจะลองดู”

  “แลกกับอะไร?”ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้ดาวเด่นรู้ว่าไม่มีอะไรได้มาโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน

  “คุณดาวอาจไม่ไว้ใจพวกเรา แต่พวกเราอยากให้คุณลองดูค่ะ เรื่องสิ่งตอบแทนพวกเราไม่อยากได้อะไรเลยนอกจากขอให้คุณเปิดใจสักครั้ง เพื่อตัวเอง”

  “แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง?”

  “อย่างแรก เทียนขอถามเพื่อความแน่ใจในสิ่งที่ญาณของเทียนเห็นก่อนนะคะ”

  “ญาณอะไร?”เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่คนปลายสายพูด

 “คนที่ปฏิบัติธรรมได้ขั้นหนึ่งจะมีน่ะค่ะ เรียกว่า ญาณหยั่งรู้ เทียนสามารถเห็นสิ่งที่เกิดกับคุณดาวได้ถ้าต้องการ เทียนกับพี่ทีปมีเหมือนกัน วันนั้นเพราะคุณยายของคุณดาวมาขอความช่วยเหลือและชี้ทางให้ พี่ทีปถึงเข้าไปช่วยคุณดาวไว้ได้ทัน”

              ยาย ยายงั้นหรือ เธอไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับยาย

  “เอาเป็นว่าเรื่องคุณยายของคุณดาวเอาไว้ก่อนนะคะ ตอนนี้มาว่าด้วยเรื่องของคุณดาวก่อนดีกว่า” ดาวเด่นสะดุ้งอีกครั้ง คนปลายสายทำอย่างกับรู้ว่าเธอสงสัยเรื่องนี้

  “ได้ค่ะ ว่ามาเลย”ขณะพูดออกไปใจของเธอเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น คนปลายสายจะทักเธอถูกรึเปล่า เธอจะช่วยได้แค่ไหน ตอนนี้ทรมานเหลือเกิน ไม่มีทางเลือก ไม่มีแล้ว ต้องลองดู

“ภาพที่คุณดาวเห็นคือน้องยุ้ย หรือชื่อเล่นเต็มๆคือ น้องแก้มยุ้ย ที่คุณดาวรับมาทำงานด้วย เธออยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวผ่อง มองมาที่คุณดาวด้วยความเจ็บปวด แค้นเคือง และยังต่อว่าคุณดาวด้วยใช่มั้ยคะ สภาพของน้องคือหน้าตาปูดโปนเขียวช้ำ ปากแตก เลือดออกจมูก ร่างกายสะบักสะบอมด้วย?”

              ดาวเด่นอึ้ง ทุกอย่างที่คนปลายสายพูดมาตรงทั้งหมด

  “อีกคนชื่อน้องหม่อง.....”

              คนปลายสายบรรยายลักษณะของเด็กสาวที่ตายในบาร์ของเธอมาอีกสี่คน แล้วจบด้วยสภาพของเสี่ยที่เธอหลอกเข้าคาสิโนจนหมดตัว

              ทุกอย่างที่คนปลายสายพูดถูกต้องทั้งหมด และบางเรื่องก็ไม่มีใครรู้แม้แต่จิตแพทย์ของเธอ เธอบอกแพทย์ไปแค่บางส่วนเท่านั้นในสิ่งที่เห็น

“คุณพอจะทายใจฉันได้มั้ยว่ากำลังคิดอะไรอยู่?”ดาวเด่นอยากทดสอบเธอเป็นครั้งสุดท้าย และหวัง หวังว่าเธอจะทายถูก

“ได้ค่ะ คุณกำลังคิดว่า......”คนปลายสายบอกสิ่งที่เธอรับรู้ได้ให้ดาวเด่นฟัง ก่อนถามต่อท้ายว่าถูกหรือไม่

              และเป็นอีกครั้งที่ปลายสายทักถูกต้อง

              ดาวเด่นทึ่งปนดีใจ ตอนนี้เธอหมดข้อสงสัยเรื่องความสามารถเหนือคนของอีกฝ่ายแล้ว

              เมื่อการทดสอบคนปลายสายจบลงจนไม่เป็นที่ค้างคาใจ ดาวเด่นก็ตกลงจะทำตามที่เธอบอกทุกอย่าง หญิงสาวบอกว่า สิ่งที่เห็นคือผลจากการที่ตาที่สามเปิด มันเกิดขึ้นหลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น เหล่าชายหญิงที่เห็นคือวิญญาณเจ้ากรรมนายเวร ต้องปลดปล่อยพวกเขา

              คุยกันนานไป ความวางใจในอีกฝ่ายก็เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นมั่นใจ เธอชวนดาวเด่นท้าพิสูจน์ตาพิเศษที่ได้มา จนแน่ใจว่ามันไม่ใช่ภาพหลอน แต่เป็นตาที่เปิดขึ้นหลังจากผ่านความเป็นความตาย

แต่ยังไง ยาปรับอารมณ์ก็ต้องกินอยู่ เพื่อความปกติของสภาพจิตใจ

              ของจริงแท้ย่อมไม่กลัวการพิสูจน์

  “ฉันเคยคิดว่าเราเกิดมาตายไปก็สูญ ไม่มีโลกหลังความตายอะไรทั้งนั้น”ดาวเด่นพูดขึ้นหลังจากเดินกลับขึ้นจากท่าปล่อยปลาพร้อมกับเพื่อนใหม่ ที่ภายหลังทราบว่าชื่อ เทียนหอม

  “คนไม่เห็น ก็คิดว่าไม่มีเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ แต่ไม่เห็นแล้วประมาทกับชีวิตถือว่าน่ากลัว”

  “โลกหลังความตายน่ากลัวมาก”ดาวเด่นพูดตามความรู้สึกที่เกิดจากการสัมผัสอีกโลกหนึ่งได้ สิ่งที่เธอเห็นไม่มีอะไรเจริญตาสักนิด

  “ภพที่คุณดาวเห็นเป็นภพของคนเสวยบาปค่ะ จิตคุณดาวยังไม่ละเอียดมากพอจะเห็นภพที่สูงกว่านี้ ภพสูงๆท่านจะเสวยบุญ งดงามไร้ที่ติ”เทียนหอมอธิบาย ขณะพากันเดินมานั่งที่เก้าอี้ไม้ใต้ร่มไทรใกล้ๆท่า

  “บุญ บาป มีจริงหรอคะ?”ดาวเด่นถามขึ้นหลังจากนั่งลงแล้ว

  “มีจริงค่ะ คุณดาวไม่แปลกใจหรอคะว่าทำไมคนบนโลกนี้ถึงเจอเรื่องดีร้ายแตกต่างกัน”

  “เป็นเรื่องของโชคชะตามั้งคะ”ดาวเด่นตอบอย่างที่เข้าใจมาตลอดตามที่ใครๆมักพูดกัน ขณะนั้นเองเจ้าตูบตัวหนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ ยื่นจมูกไปที่มือข้างหนึ่งของดาวเด่นที่ถือถุงลูกชิ้นอยู่

  “ความจริงแล้วโชคชะตาเป็นผลของการกระทำของเราเองค่ะ ทำดีก็ทำให้เกิดบุญบันดาลให้เจอแต่สิ่งดีๆ ทำชั่วก็จะมีบาปเป็นตัวบันดาลให้พบแต่สิ่งเลวร้าย เรียกว่า ประสบโชคดีร้ายก็ได้ค่ะ” ดาวเด่นฟังเทียนหอมพูดพรางลูบหัวเจ้าตูบสีน้ำตาลอย่างเอ็นดู ก่อนจะดึงไม้ลูกชิ้นยื่นให้มันคาบ

  “โชคดีร้ายเกิดจากตัวบุญ บาปเองหรอคะ พี่ชายคุณเคยถามฉันเรื่องนี้ แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้สนใจ ออกจะคิดว่าไร้สาระมากกว่าอีกค่ะ”

  “ทำไมถึงมองไร้สาระล่ะคะ?”เทียนหอมถามด้วยความสนใจ

  “อาจเป็นเพราะอะไรหลายๆอย่างในชีวิตทำให้ฉันหมดศรัทธาคำว่าบุญ บาป ความดี ชั่วมั้งคะ”พูดไปในใจดาวเด่นก็นึกถึงเรื่องราวในอดีต ไม่ใช่ไม่เคยได้ยินคนที่เขาพูดกันว่าตนเองเป็นคนดีพูดว่าความโชคดี โชคร้ายเกิดมาจากอะไร ภาพเกี่ยวกับตัวหญิงสาวตรงหน้าแล่นฉายแก่เทียนหอมจนเธอแจ้งใจ และขณะนี้ดาวเด่นกำลังยิ้มเยาะให้กับหลายๆคนที่เคยบอกว่าตนเป็นคนดีหนักหนาเหล่านั้น

  “ไม่แปลกหรอกค่ะ ใครๆก็อาศัยประสบการณ์เป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินอะไรหลายๆอย่างบนโลกนี้ แต่หลายคนไม่ทันคิดว่าประสบการณ์ที่ตนเจออาจเป็นเพียงโลกเล็กๆใบหนึ่ง หรือมุมหนึ่งของโลกกว้างใหญ่ใบนี้”เทียนหอมพูดเรื่อยๆ ก่อนดาวเด่นจะกลับมาอยู่กับปัจจุบัน

  “ก็คงอย่างนั้นค่ะ ก่อนนี้ฉันไม่เคยเห็นผี ก็นึกว่าผีไม่มีจริง แต่พอได้เห็นจึงรู้ว่าบางครั้งตาคนเราก็อาจมองได้ไม่กว้างพอ หรือลึกซึ้งพอ”

  “การเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่ขัดกับความเชื่อเดิมที่เกิดจากประสบการณ์เก่าที่ฝังใจตนเองบ้างก็เป็นการขยายขอบเขตของสายตาเราได้นะคะ อย่างที่คุณดาวทำตอนนี้ไงล่ะคะ”

  “ถ้าไม่เกือบตายจนตาที่เคยปิดสว่างขึ้นฉันก็คงไม่มีวันนี้เหมือนกันค่ะ”ดาวเด่นยิ้มอย่างนึกขัน “ฉันตัดสินใจแล้วนะคะว่าจะเลิกกิจกรรมชั่วทุกอย่างในชีวิตตัวเองเท่าที่จะทำได้ เพื่อดวงวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรทุกตนที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมชั่วของฉัน และเพื่อตัวเอง”

              สายลมอุ่นริมแม่น้ำกลางหน้าร้อนโชยมาอย่างรับรู้ได้ถึงเรื่องน่ายินดี ต่อไปนี้ชีวิตคงจะเปลี่ยนไป

              เมื่อก่อนเธอทิ้งบางอย่างที่มีคุณค่าไปเพราะโลกแคบๆของตนเอง แต่มาวันนี้ เธอรู้แล้วว่าโลกที่เธออยู่ เคยชิน และเชื่อมั่นมันเล็กและอับทึบแค่ไหน

              ทุกครั้งเราควรไตร่ตรองกับโลกที่อยู่ มันอาจไม่ใช่ความจริงของทุกอย่างก็ได้

 

              กลางดึกในวันพระคืนหนึ่ง เสียงโหยหวนของอะไรบางอย่างดังมาให้ได้ยิน เสียงนั้นฟังดีๆเป็นเสียงหญิงชรากำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวจากอะไรบางอย่าง

  “โอ๊ยยย! ช่วยด้วย ดาว ช่วยยายด้วย โอ๊ยยย! ร้อนเหลือเกิน ร้อนเหลือเกิน ฮือ..ฮือ..”

              เสียงทุกข์ทรมานนั้นปลุกดาวเด่นที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้น เสียงนั้นดังซ้ำๆให้แน่ใจ ด้วยความไม่ชินกับสัมผัสประหลาดของตนดาวเด่นจึงกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ แผ่เมตตา แล้วก็นึกอะไรได้ ต้องแผ่เมตตา เทียนหอมเคยสอนเธอไว้หากมีอะไร หมายถึงอมนุษย์อีกโลก เข้ามาใกล้ เธอรวบรวมสติ ก่อนบทแผ่เมตตาจะถูกสวด ครู่หนึ่ง เสียงน่าขนลุกก็เงียบไป ใจจึงค่อยดีขึ้น

              หลังจากโล่งใจได้แล้วว่าอมนุษย์ตนใดก็ตามคงจะไม่มารบกวนเธออีกเหมือนทุกครั้งที่เธอทำแบบนี้ดาวเด่นก็ทำท่าจะเอนตัวลงนอนต่อ แต่สายตาก็ไปเหลือบปะทะกับร่างหนึ่งเข้า ด้วยความตกใจสุดขีดเธอกำลังจะกรี๊ดลั่นพร้อมถดตัวไปนั่งขดบนหัวเตียงพรางดึงผ้าห่มปิดหน้า แต่กรี๊ดไม่ออก

  “ดาว..”เสียงจากร่างนั้นเรียกเธอเนิบๆอยู่ที่ปลายเตียง

  “อย่ามาทำอะไรเลย กลัวแล้ว กลัวแล้วจริงๆ”ดาวเด่นลนลานบอกกลัวสิ่งแปลกปลอมเบื้องหน้าจะคุกคามเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา แต่หลังๆดีขึ้นบ้างเมื่อเทียนหอมยื่นมือเข้ามาช่วย

  “ยายมึงเอง”ร่างในเงามืดขมุกขมัวบอก

  “ไม่เอา ไม่รู้ ไม่รู้”เธอรีบปัด เวลานี้ไม่อยากสื่อสารอะไรกับคนอีกโลกสักนิด

  “ฟังกูก่อน แล้วกูจะไป”

  “ไม่เอา ขอร้องล่ะ ไม่อยากฟัง ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น”ดาวเด่นไม่ยอมถ่ายเดียว จนเมื่อความกลัวขึ้นถึงขีดสุด ไล่เท่าไหร่อมนุษย์ในเงาดำก็ไม่ยอมหายไปเธอก็ไห้ออกมา ร่างใต้ความมืดนิ่งอยู่ที่เดิมซักพักก็หายไป

              ตื่นเช้ามาดาวเด่นก็รีบโทรศัพท์หาเทียนหอมทันทีโดยที่ยังไม่ได้ทำกิจวัตรประจำวัน เมื่อคืนเธอร้องไห้อยู่พักหนึ่งก็ผล็อยหลับไป ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเพื่อนที่ไม่ได้เชิญหายไปตอนไหน ตื่นมาก็เห็นรอยสีแดงคล้ายรูปมือจับติดที่ข้อเท้า มันกระตุ้นความทรงจำที่ไม่น่าจำเมื่อคืนทันที อมนุษย์ตนนั้นบอกว่าเธอคือยาย

  “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณดาว”เสียงใสอบอุ่นทักทายมาตามสาย ขจัดความหวาดกลัวที่เพิ่งก่อขึ้นใหม่ของเธอจนแทบหมด

  “สวัสดีค่ะคุณเทียน ขอโทษที่โทรมาปลุกแต่เช้าค่ะ แต่เมื่อคืนเกิดเรื่องกับฉัน”ดาวเด่นรีบเข้าเรื่องทันทีเพราะไม่อยากอ้อมค้อม และอยากรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเร็วๆด้วย

  “เกิดอะไรขึ้นคะ?”ปลายสายถาม

  “เมื่อคืนมีอมนุษย์มาหาฉันค่ะ เขาบอกว่าเป็นยายของฉัน จริงรึเปล่าคะ?” ปลายสายเงียบไปครู่เหมือนกำลังใช้สมาธิดูอะไรบางอย่าง

  “ค่ะ คุณยายแพงมาหาคุณดาว ท่านมีเรื่องอยากให้ช่วยค่ะ” แล้วหลังจากนั้นเทียนหอมก็เล่าทุกอย่างที่สื่อได้จากยายของดาวเด่นให้ฟัง เธอจึงทราบว่าสภาวะของยายตอนนี้คือเปรตประเภทหนึ่ง ที่บางช่วงเวลาจะมีชีวิตคล้ายเทวดา และบางครั้งก็เป็นเปรตที่ได้รับทุกข์แสนสาหัส เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะยายเคยทำทั้งความดีและชั่วไว้ตอนยังมีชีวิต ยายอยากหลุดจากสภาพดังกล่าวจึงมาสร้างกุศล การช่วยเธอครั้งนั้นก็เป็นอย่างหนึ่ง และครั้งนี้ยายเห็นว่าตนสามารถช่วยคนคุ้นเคยได้อีกจึงมาหาให้ดาวเด่นเป็นสะพาน

 

              ดาวเด่นกลับมาที่บาร์เพื่อจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยหลังจากตัดสินใจวางมือจากกิจกรรมชั่วทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ให้เงินลูกน้องทุกคนไปตั้งต้นชีวิตใหม่ เหลือเงินก้อนหนึ่งไว้สำหรับการเริ่มต้นใหม่ของตนเอง สำหรับเด็กที่หลอกมานอกจากจ่ายค่าเสียหายก็ส่งกลับประเทศเพื่อนบ้านไป บางคนอยู่ภายในไทยก็ให้เงินไปใช้แล้วแต่พวกเธอจะเอาเป็นค่ารถกลับบ้าน หรือมีชีวิตใหม่ในเมืองกรุง

              ดาวเด่นกำลังเช็คความเรียบร้อยทุกอย่างในบาร์รอบสุดท้าย ขณะนั้นเองคนที่เธอให้ลูกน้องอีกคนไปตามก็มา

  “เจ้”เขาเรียก เธอจึงหันไปมอง

  “ฉันมีเรื่องคุยกับแก”ดาวเด่นบอกจุดประสงค์ที่ให้คนไปตามเขามาพบทันที

  “ฉันก็เหมือนกัน”อีกฝ่ายบอก

  “งั้นว่าเรื่องของแกมาก่อน” คนฟังตลึงทันทีเมื่อคนเคยเป็นนายปฏิบัติตนเปลี่ยนไป

  “เจ้เปลี่ยนไปมากนะเนี่ย หมอทำอะไรกับสมองเจ้รึเปล่า หรือหัวเจ้กระทบกระเทือนอะไรมา?”ชายหนุ่มกึ่งยียวนกึ่งอยากรู้จริงๆ

  “นี่หรอเรื่องที่แกจะคุย?”

  “จะว่างั้นก็ได้ ที่จริงก็อยากรู้เรื่องที่เจ้จู่ๆก็ลุกขึ้นมาล้มกิจการตัวเองด้วย”

  “หมดรึยังที่อยากรู้?”ดาวเด่นถามให้แน่ใจ เพราะไม่อยากตอบคำถามหลายครั้ง คิดว่าจะตอบทีเดียวจบ พออีกฝ่ายพยักหน้าจึงค่อยๆพูดทีละเรื่อง

  “ถ้าฉันบอกแกว่าหลังจากรถคว่ำครั้งนั้นฉันก็เห็นผีแกจะเชื่อมั้ย?”

  “บ้าน่าเจ้”เขาหัวเราะหยัน คิดว่าดาวเด่นกำลังกุเรื่องตลกมาอำ ผีหรือ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจอ  เมื่อเห็นท่าทีไม่เชื่อของลูกน้องคนสนิทตรงหน้าดาวเด่นก็เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอให้ฟังพอได้ใจความ รวมถึงเรื่องที่ยายบอกเธอว่าเธอกับผู้ชายคนนี้เป็นญาติกันด้วย

  “ฉันเป็นประเภทไม่เห็นโรงศพก็ไม่หลั่งน้ำตา แต่ตอนนี้ฉันเห็นแล้ว ชัดเจน หลอกหลอนให้ชีวิตแทบไม่เป็นสุข แกจะทิ้งอะไรไปก็ได้ แต่อย่าทิ้งที่เขาเตือนว่าทำแล้วจะไม่มีใครมาเผาผีแก แถมสาปแช่งแกตามหลัง”ดาวเด่นมองหน้าคู่สนทนา แววตาเขายังมีความขบขัน ไม่รู้ว่าเรื่องที่เล่าไปเข้าสมองบ้างหรือเปล่า

  “เอาเถอะ แกจะไม่เชื่อก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของแก แต่ขอร้องให้แกเปิดใจ บางเรื่องที่ใครต่อใครไม่เห็น ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มี เหมือนที่หลายคนคิดว่าแกน่าจะเลวไร้ที่ติ แต่ฉันได้รู้มาว่า ไม่ว่าแกจะเลวแสนเลวกับใคร แต่คนนึงที่แกแทบจะไม่เคยทำร้ายเลยก็มีแม่แกนี่แหละ แม้คนจำนวนไม่น้อยมองว่าแกไม่มีความดีเลย แต่ความจริงแกก็รู้อยู่กับใจ บางครั้งแกบอกใครก็อาจไม่มีใครเชื่อ นอกจากคนที่มีโอกาสได้มาเห็นแกดูแลแม่ทุกวัน เหมือนกัน บางครั้งเรารู้ว่าอะไรดีก็บอกใครไม่ได้หรอกว่าสิ่งนั้นดี แต่ไม่ใช่คนที่บอกจะไม่ได้พูดความจริง”

              ดาวเด่นหมดคำพูดแล้ว ที่เหลือสุดแล้วแต่วิจารณญาณของไอ้หมอนั่น แต่เธอเชื่อที่เพื่อนบอก เรื่องที่เขาทะนุถนอมแม่แค่ไหนมีน้อยคนจะรู้ แม้เธอเองที่รู้จักมันมานานก็คงไม่รู้เลยหากไม่มีใครบอกวันนี้ เรื่องนี้อาจทำให้มันเฉลียวใจบ้าง

 

  “แกบ้ารึเปล่าจู่ๆก็ล้มทางหารายได้ของตัวเองทั้งหมด!”แม่ทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นดาวเด่นเดินเข้าบ้านมา บ้านหลังใหญ่โอ่อ่าที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเธอ

              หลังจากเธอเริ่มหารายได้เป็นกอบเป็นกรรมด้วยตนเองได้ แม่กับป้าก็หยุดรับงานทุกอย่างมาเสวยสุขตามประสาคนมีเงิน ปล่อยหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัวเป็นของเธอ

  “ไม่บ้าหรอกแม่ คนมีสติมากถึงจะทำได้ต่างหาก”ดาวเด่นตอบเนือยๆพรางเดินไปทรุดนั่งที่โซฟาตรงข้ามคุณกำไล

  “เพื่อนใหม่แกเป่าหูอะไรแกมาอีกล่ะ พักนี้แกชักจะบ้าขึ้นทุกวัน”คุณกำไลบ่น

  “อะไรที่แม่ว่าฉันบ้าล่ะ?”

  “เข้าวัด ใส่บาตร สวดมนต์”

  “ตอนเด็กๆเวลายายพาแม่กับป้าไปหาแม่ชีบรรจงตอนนั้นแม่ก็ชอบทำไม่ใช่หรอ” คุณกำไลจ้องหน้าลูกสาวด้วยความแปลกใจทันที เรื่องในวัยเด็กของเธอไม่เคยเล่าให้ลูกฟังสักครั้ง เพราะเกลียดบางคนที่เคยอยู่ในชีวิตตอนเด็ก พ่อ หรือปู่ของดาวเด่น คนที่ทำชีวิตเธอพัง หลังจากแม่ตายพ่อก็พาเธอกับพี่สาวมาขายซ่องเพื่อใช้หนี้พนัน

  “แกไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน?” หากลูกสาวไม่พูดขึ้น คุณกำไลก็คงลืมแม่ชีผู้อารีไปแล้วจริงๆ แม่ชีผู้สอนให้เธอกับแม่รู้จักบุญ บาป รู้จักทำความดีเพื่อชีวิตที่สดใส แต่พอแม่ชีบรรจงมรณภาพ และแม่ตาย ชีวิตแบบนั้นก็ถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา

  “ยายเล่าให้ฟังน่ะสิ” คำพูดนั้นทำให้คุณกำไลขนลุก ทั้งที่อีกใจก็คัดค้านว่าลูกสาวเพ้อเจ้อ ดาวเด่นสังเกตเห็นสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งของแม่จึงเอ่ยเสริมในสิ่งที่รับรู้มาจากเพื่อนใหม่ คราวนี้แม่เบิกตากว้างด้วยความตลึงพรางขนทั่วร่างกายก็ลุกชัน แล้วดาวเด่นก็ย้ำอีกครั้งว่ายายเป็นคนบอก

  “พี่แหวนเล่าให้แกฟังใช่มั้ย แล้วเอามาอำฉัน”คุณกำไลทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกที่คิดว่าตนเองเกือบหลงเชื่อว่าแม่มาสื่อกับลูกสาวจริงๆ

  “ไม่ใช่หรอก ฉันไม่เคยเล่าให้มันฟัง ลืมไปแล้วด้วยซ้ำเรื่องในตอนนั้น” จู่ๆ เสียงใครคนหนึ่งก็โพล่งขึ้นกลางวง คนที่กำลังนั่งสนทนากันอยู่พากันหันไปมองจึงเห็นเป็นคุณแหวน พี่สาวคุณกำไล หรือป้าของดาวเด่นยืนอยู่ไม่ไกล

  “เราจากบ้านมาไกลตั้งแต่ตอนนั้น ที่ใหม่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา ถ้าบังเอิญนังดาวไม่ไปเจอคนเก่าก่อนเข้ามันก็พูดความจริง”คุณแหวนสรุป

  “แกเอาเรื่องพวกนี้มาพูดให้ฟังทำไม มันก็นานมากแล้ว?”คุณกำไลสงสัยในเจตนาของลูกสาว

“แม่ก็เหมือนฉัน ที่สิ่งแวดล้อมหลังจากตอนนั้นมันโหดร้ายเกินกว่าจะคิดว่าคนดี ความดีมีจริง ที่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะยายอยากให้แม่นึกถึงใครคนนั้น แล้วกับไปทำเหมือนเดิมที่ท่านยังอยู่ ตอนนี้ยายมีสภาวะกึ่งชาวสวรรค์กึ่งสัตว์นรก สภาวะสวรรค์ยายได้มาจากการทำตามคำแนะนำของแม่ชีบรรจงบ้าง ส่วนสภาวะนรกได้มาจากการที่ยายกินเหล้าหนัก ฆ่าปลาขายตอนยังมีชีวิต กล่าวคือ บุญมีแต่บาปที่ทำก็หนักเกินกว่าจะส่งให้ยายเป็นเทพเต็มตัว ตอนนี้ยายตาสว่างแล้วจึงอยากมาช่วยพวกเราให้พ้นจากโลกแคบๆมืดๆที่กำลังอยู่นี้”

  “ป้าจะเชื่อแกได้ยังไง?”คุณแหวนถามเพื่อความแน่ใจ ทั้งที่ในใจตอนนี้เอนเอียงไปทางเชื่อมากกว่าแล้ว

  “แม่ชีบรรจงก็อาจไม่ได้ดีอย่างที่พวกฉันคิดจริงๆก็ได้”คุณกำไลแย้งในที่สุด

  “แม่กับป้าพิจารณาเองดีๆได้ว่าอะไรเป็นอะไร ขอแค่อย่าใช้อคติจากประสบการณ์มาตัดสินคนคนนึง หรืออะไรอย่างหนึ่งก็พอแล้วค่ะ”

 

 

***ขอความเห็นกับเรื่องนี้กันหน่อยน้า เรื่องนี้ตั้งใจเขียนประกวด แต่ก็ตกรอบ TT

ถึงยังไง ก็ไม่ยอมแพ้หรอก Writerจะพัฒนาตัวเองจนคว้ารางวัลมาให้ได้หลายๆรางวัลเลยค่ะ

***เป็นกำลังใจให้กันด้วยการเม้นท์+แชร์ด้วยนะคะ

ความคิดเห็น

รูปภาพของ tor
รู้สึกเหมือนยังไม่ถึงตอนจบเลยครับ แล้วก็บางเหตุการณ์ก็เหมือนไหลเร็วเกินไป (แต่ก็สไตล์เรื่องสั้นละนะครับ) ขอบคุณที่แต่งให้อ่านครับ
รูปภาพของ สรัญทรฯ'ครองใจฯ' / ปุณณ์ศศิภัสร์ : รุ้งเที่ยงคืน!!!
ขอบคุณมากค่ะที่สนใจ และให้คำแนะนำ จะเอาไปแก้ไขต่อไปนะคะ

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.