ตอนที่ 964 เหวินหยิงลืมตา
ตอนที่ 964 เหวินหยิงลืมตา
บริเวณส่วนลึกในจักรวาลอันมีเนบิวลาสีดำปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่เต็มไปหมด
ตอนนี้โอโร่ได้เปลี่ยนมาใส่ชุดเกราะสีทองแล้วและเขาก็กำลังยืนอยู่กับกลุ่มผู้พิทักษ์อย่างสง่างาม
ระหว่างสงครามในไนท์ปาร์ตี้โอโร่ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันเก่งกากจนทำให้เขาถูกยอมรับโดยกลุ่มผู้พิทักษ์ในที่สุด
คาเซะที่เคยทำงานเป็นสายลับให้กับเซี่ยเฟยช่วยปลอมแปลงตัวตนของโอโร่เป็นอย่างดี ประกอบกับการที่ร่างกายของเขาถูกเปลี่ยนไปเป็นมนุษย์แต่กลับเลือกฝึกฝนกฎแห่งความมืดของเผ่ามาร ตัวตนใหม่ของโอโร่จึงไม่ถูกตั้งข้อสงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว
บรรดานักรบเกราะทองยืนรวมบนยอดเขาสูงก่อให้เกิดภาพอันน่าเกรงขาม ขณะเดียวกันมันก็มีเสียงคลื่นกระแทกจากเนบิวลาสีดำในระยะไกลดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ
หัวหน้าทีมผู้พิทักษ์เริ่มมุ่งหน้าไปยังเนบิวลาสีดำทีละคน ๆ ขณะที่สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความอึดอัด
“ไอ้หนุ่มอย่าพึ่งกังวลใจไปเลย ประตูจักรวาลก็เป็นแบบนี้แหละ นาน ๆ ครั้งมันจะมีเสียงคลื่นกระแทกดังขึ้นมาบ้างเป็นสัญญาณว่าพวกที่อยู่นอกประตูพยายามจะทำลายผนึกเพื่อเดินทางข้ามประตูมา” ผู้พิทักษ์สูงอายุกล่าวอธิบายพร้อมกับตบไหล่โอโร่เบา ๆ
เนื่องมาจากโอโร่เพิ่งเกิดใหม่และได้มาอยู่ในร่างของมนุษย์ รูปร่างภายนอกของเขาจึงอ่อนเยาว์กว่าที่ควรจะเป็น ผู้พิทักษ์ทุกคนจึงมองชายคนนี้เป็นน้องชายคนเล็กของกลุ่มจนทำให้โอโร่รู้สึกหดหู่ใจมากพอสมควร
อย่าลืมว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นถึงราชันย์ไลอ้อนฮาร์ทและเป็น 1 ใน 3 ผู้ครองแหวนราชันย์สิงโตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงอำนาจ ความจริงแล้วอายุของผู้พิทักษ์กลุ่มนี้รวมกันยังไม่ถึงครึ่งของอายุที่แท้จริงของเขาด้วยซ้ำ การถูกเด็กรุ่นใหม่ ๆ มองว่าเขาเป็นน้องเล็ก มันจึงทำให้โอโร่เต็มไปด้วยความอับอาย
“ที่นายพูดมันก็ไม่ผิดว่าประตูจักรวาลจะมีเสียงดังขึ้นเป็นระยะ ๆ แต่ความถี่ของเสียงในช่วงนี้มันกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ” ชายชราอีกคนกล่าวขึ้นมาอย่างกังวล
ผู้พิทักษ์ที่อยู่ใกล้ ๆ เริ่มส่งเสียงถอนหายใจเหมือนกับเป็นการยอมรับว่าสิ่งที่ชายชราคนนั้นพูดขึ้นมามันคือเรื่องจริง
โอโร่ชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้เข้าใกล้ประตูจักรวาล ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าประตูจักรวาลจะเปราะบางกว่าที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้มาก เมื่อฟังเสียงที่ดังขึ้นมาจากเนบิวลาสีดำมันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่ามันกำลังมีกองกำลังนับพันเข้ามาใกล้
“คุณคิดว่าประตูจักรวาลจะทนได้อีกนานแค่ไหน?” โอโร่ถามอย่างกังวลใจ
“ไม่มีใครตอบคำถามเรื่องนี้ได้หรอก แต่ถึงยังไงพวกเราก็มีหน้าที่ปกป้องประตูจักรวาลนี้เอาไว้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ประตูถูกเปิดออกพวกเราก็มีหน้าที่ขัดขวางอสูรกายเอาไว้อย่างสุดกำลัง ไม่ให้มันรุกรานเข้ามาในดินแดนกฎได้” ชายชรากล่าวตอบพร้อมกับยักไหล่
เหล่าบรรดาผู้พิทักษ์มีกฎที่เข้มงวดไม่ให้พวกเขาทำการเรียกชื่อสิ่งมีชีวิตด้านหลังประตูจักรวาลขึ้นมาโดยตรง พวกเขาจึงมักจะเรียกพวกมันว่าอสูรกาย
“ฉันจะมีสิทธิ์เข้าใกล้ประตูจักรวาลได้เมื่อไหร่?” โอโร่ถามอีกครั้ง เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ใกล้กับประตูจักรวาลมาก แต่เขาก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้ใกล้ชิดกับประตูจริง ๆ ทำได้เพียงแต่อยู่ในค่ายของกลุ่มผู้พิทักษ์เท่านั้น
“นายเนี่ยนะ?!” ผู้พิทักษ์ทุกคนมองไปยังน้องชายคนเล็กก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา
“คนที่มีสิทธิ์เข้าใกล้ประตูจักรวาลได้มีเฉพาะนักรบระดับราชันย์ขั้นสูงขึ้นไปเท่านั้น ระดับพลังของนายในปัจจุบันยังคงอยู่ห่างไกลอีกมาก ๆ เลย” ชายชรากล่าวอธิบาย
โอโร่อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะฟื้นฟูพลังการต่อสู้กลับมาอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ยังมีหนทางอีกยาวไกลก่อนที่เขาจะไปถึงระดับราชันย์ขั้นสูงได้จริง ๆ ซึ่งมันก็ดูเหมือนว่าเขาคงจะไม่สามารถเข้าใกล้ประตูจักรวาลได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
ปัง ๆ ๆ
เสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นใหม่อีกครั้ง ทุกคนจึงมองไปยังเนบิวลาสีดำในระยะไกลอย่างกังวล
ในฐานะกลุ่มผู้พิทักษ์ผู้ซึ่งคอยเฝ้ามองประตูจักรวาลอยู่ทุกวัน พวกเขารู้ดีว่าตอนนี้ประตูจักรวาลเปราะบางมากแค่ไหน ผนึกบนประตูอาจจะถูกทำลายได้ตลอดเวลา พวกเขาจึงจำเป็นจะต้องเตรียมพร้อมเพื่อเผชิญหน้ากับอสูรกายที่อยู่หลังประตู
โอโร่ตัดสินใจหันหลังเดินจากไปด้วยสีหน้าอันขุ่นเคือง
“ลีโอ นั่นนายจะไปไหน?” ชายชราถามอย่างสงสัย
เนื่องมาจากว่าโอโร่ได้มาอยู่ในร่างใหม่ เขาจึงเลือกใช้ชื่อลีโอซึ่งเป็นชื่อที่เอาไว้ใช้สำหรับเรียกเด็ก ๆ ของตระกูลไลอ้อนฮาร์ท
“ไปฝึก!” โอโร่ตอบห้วน ๆ โดยไม่หันกลับมามอง
‘เซี่ยเฟย ตอนนี้นายกำลังทำอะไรอยู่นะ รีบ ๆ รวบรวมอาวุธมายาให้สมบูรณ์ได้แล้ว สถานการณ์มันเลวร้ายกว่าที่เราจินตนาการเอาไว้มาก’ โอโร่คิดในใจอย่างเงียบ ๆ
—
โอโร่ไม่รู้เลยว่าเซี่ยเฟยไม่เคยอู้งานแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้าจะมีความสามารถถึงระดับจอมเทพ แต่ศัตรูเหล่านี้ก็ไม่สามารถที่จะหยุดความมุ่งมั่นของเซี่ยเฟยไม่ให้เดินหน้าไปไขว่คว้าอาวุธมายาได้
ปัจจุบันอสรพิษเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองมายังชายหนุ่มด้วยแววตาอันดุร้าย
ชายหนุ่มรู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่ใช่อสรพิษธรรมดา และถึงแม้ว่าพวกมันจะตัวเล็กมากแต่อสรพิษทุกตัวต่างก็ล้วนแล้วแต่ทรงพลังจนเขาไม่อาจประมาทได้เลย
ในเวลาเดียวกันองค์หญิงอสรพิษยังคงหลับตาขยับริมฝีปากไปมา แต่เธอก็ไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
“เธอไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างภาพลวงตาเท่านั้น แต่เธอยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมสัตว์ประหลาดอีกด้วย!” ลินนิจอุทานเสียงดัง
เซี่ยเฟยแตะนิ้วที่แหวนมิติเบา ๆ ก่อนที่เขาจะหยิบขวดแก้วขนาดใหญ่โยนขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ทำลายมันซะ!” เซี่ยเฟยออกคำสั่งกับขนอุย เจ้าตัวน้อยจึงปล่อยลูกบอลพลังงานออกไปทำลายขวดแก้วที่เซี่ยเฟยโยนขึ้นไป
เพล้ง!
พริบตาต่อมาฝุ่นสีขาวก็กระจายไปทั่วทั้งหุบเขาส่งกลิ่นแรงจนทำให้ผู้คนแทบจะหายใจไม่ออก โชคดีที่ชุดเกราะของเซี่ยเฟยมีฟังก์ชั่นกรองอากาศ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะถูกทรมานจากสสารที่เขาเพิ่งระเบิดออกไปด้วยเช่นกัน
“นั่นมันอะไร?” ลินนิจถามอย่างประหลาดใจ
“มันคือสารสกัดจากต้นเมเปิ้ลห้ากลีบ อย่าลืมว่าผมได้เรียนรู้ศาสตร์ในการปรุงยามาเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
พิษของเซี่ยเฟยส่งผลอันน่าประหลาดใจ เพราะอสรพิษแต่ละตัวเริ่มรู้สึกหมดแรงและไม่ว่าเหวินหยิงจะพยายามควบคุมสัตว์ประหลาดพวกนี้มากแค่ไหน แต่พวกมันก็ไม่ขยับเขยื้อนไปจากตำแหน่งเดิมแม้แต่นิดเดียว
‘เดี๋ยวก่อน!? ทำไมสารสกัดถึงมีผลรุนแรงแบบนี้ อย่าบอกนะว่าพวกมันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่ถือกำเนิดจากดาร์คไนท์ตั้งแต่แรก!!’ เซี่ยเฟยตะโกนภายในใจ
ไม่ว่าพิษที่เขาปลดปล่อยออกไปจะรุนแรงแค่ไหน แต่มันก็ถูกเตรียมเอาไว้สำหรับการรับมือกับสัตว์อสูร ตอนแรกเขาคิดว่าสัตว์ประหลาดภายในดาร์คไนท์แตกต่างจากสัตว์อสูรภายในดินแดนกฎ ซึ่งถ้าหากว่าพิษของเขาให้ผลดีแบบนี้ มันก็หมายความว่าแม้แต่วิชามนตราอสูรก็มีสิทธิ์จะใช้งานได้ด้วยเช่นกัน
เนตรมนตรา!
มนตราอสูร!
เซี่ยเฟยเริ่มปลดปล่อยวิชามนตราอสูรออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งในครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้มีโอกาสใช้งานวิชามนตราอสูรอย่างเต็มกำลัง นับตั้งแต่ที่เขาได้เรียนรู้วิชามนตราอสูรฉบับดั้งเดิม
พริบตาต่อมาชายหนุ่มก็สามารถเข้าควบคุมอสรพิษได้เป็นจำนวนมาก โดยแทบที่จะไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
ย้อนกลับไปในอดีตวิชามนตราอสูรมีผลกับสัตว์อสูรเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหนอนด้วงมิติหรือสัตว์ประหลาดจากดาร์คไนท์ต่างก็ไม่สามารถจะใช้วิชานี้เข้าควบคุมได้
แต่ในวันนี้เซี่ยเฟยตระหนักแล้วว่าวิชามนตราอสูรฉบับดั้งเดิมมีพลังมากพอที่จะควบคุมสิ่งมีชีวิตอื่นที่นอกเหนือจากสัตว์อสูรด้วย เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยคิดจะใช้วิชานี้มาก่อน เนื่องมาจากว่าเขาประเมินพลังของมันต่ำเกินไป
แน่นอนว่าการควบคุมสัตว์ประหลาดจากดาร์คไนท์ยังคงยากกว่าการควบคุมสัตว์อสูร แต่อย่างน้อยเซี่ยเฟยก็มีวิธีการจัดการกับสัตว์ประหลาดพวกนี้แล้ว ถือได้ว่ามันเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
ใบหน้าของเหวินหยิงเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด เพราะเซี่ยเฟยกำลังเข้ามาแย่งเธอควบคุมอสรพิษนับหมื่นตัว
วิชาควบคุมอสรพิษของเหวินหยิงคือวิชาแบ่งปันชีวิต ซึ่งเป็นวิชาลับอันโหดร้ายที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายในคลังสมบัติ
เพื่อการฝึกฝนวิชานี้เธอจึงจำเป็นจะต้องเสียสละร่างกายท่อนล่างให้กลายเป็นงู เพื่อที่เธอจะแบ่งปันชีวิตระหว่างกันและทำให้เธอสามารถควบคุมอสรพิษได้ดั่งใจ
แต่ถึงกระนั้นวิชามนตราอสูรของเซี่ยเฟยกลับเข้ามาแทรกแซงการควบคุมระหว่างเธอกับอสรพิษ ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ที่เธอไม่เคยเผชิญหน้ามาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
สถานการณ์หลังจากนั้นคืออสรพิษที่ถูกควบคุมโดยเซี่ยเฟยเริ่มเข้าปะทะกับอสรพิษที่ถูกควบคุมโดยเหวินหยิง ก่อให้เกิดภาพชุลมุนวุ่นวายที่อสรพิษเข้ารัดเกี่ยวทำร้ายกันไปทั่วทั้งบริเวณ
ระหว่างที่เซี่ยเฟยมุ่งเน้นความสนใจไปกับการควบคุมอสรพิษ จอมเทพที่อยู่ใกล้ ๆ ก็เริ่มลงมือจู่โจมอีกครั้ง
แม้ว่าชายคนนี้จะไม่ได้มีอาวุธมายาเหมือนกับเกน แต่เขาก็ลงมือพร้อม ๆ กับเหวินหยิงจึงทำให้เซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องรับมือศัตรู 2 คนในเวลาเดียวกัน
“แส่หาที่ตาย!” เซี่ยเฟยร้องคำรามขณะควบคุมหงส์ครามและเนอร์วาน่าเพื่อต่อกรกับจอมเทพ
แม้ว่าระดับพลังของชายหนุ่มจะไม่ได้สูงเทียบเท่ากับจอมเทพ แต่เขาก็มีผู้ช่วยที่คอยช่วยเหลืออย่างมากมาย มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงสามารถยืนหยัดรับมือกับจอมเทพได้เพียงลำพัง แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูพร้อม ๆ กันถึงสองคนก็ตาม
อีกด้านหนึ่งของสนามรบเหวินหยิงเริ่มส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเธอก็กางแขนทั้งสองข้างออกราวกับว่าเธอต้องการจะโอบกอดดาวทั้งดวงเอาไว้ ต่อมากระแสจิตอันทรงพลังก็ซึมลึกเข้าไปภายในร่างของอสรพิษเพื่อผลักดันกระแสจิตของเซี่ยเฟยให้ออกไปจากการควบคุม
เลือดสองสายไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิทของเหวินหยิง ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าการพยายามเข้าควบคุมอสรพิษอีกครั้งในคราวนี้ส่งผลกระทบต่อเธอไม่น้อยเลยทีเดียว
วินาทีต่อมาอสรพิษเป็นจำนวนมากก็เริ่มเข้ารวมกลุ่มกันอย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่าพวกมันกำลังจะรวมร่างกลายเป็นอสรพิษเพียงตัวเดียว
พลังของเหวินหยิงเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในระหว่างที่อสรพิษรวมร่างกัน ซึ่งความสามารถนี้เป็นความสามารถที่คล้ายคล้ายกับวิชาเล่ห์มายา ที่เซี่ยเฟยสามารถแบ่งปันพลังงานกับขนอุยในระหว่างที่เจ้าตัวน้อยแปลงร่างกลายเป็นเขาคนที่ 2 ได้
เซี่ยเฟยกัดฟันอย่างเคร่งเครียดเมื่อเขาค่อย ๆ สูญเสียการควบคุมอสรพิษไป ที่แย่ไปกว่านั้นคือจอมเทพยังคงเข้าพัวพันต่อสู้กับเขาอย่างใกล้ชิด ทำให้เขาไม่สามารถแบ่งปันสมาธิไปแย่งการควบคุมอสรพิษได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ดูนั่น เธอลืมตาขึ้นมาแล้ว!!” ลินนิจอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
***************
พลังระเบิดออกจากดวงตา ย๊ากกกกกกก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 323
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น