ตอนที่ 807 สุสานยอดนักประดิษฐ์
ตอนที่ 807 สุสานยอดนักประดิษฐ์
“ดูนั่น! มันมีแสงสว่างอยู่ข้างหน้า” โอโร่ตะโกนขึ้นมาด้วยความหวัง
เมื่อชายหนุ่มวิ่งเข้าใกล้แสงสว่างมากขึ้น ทางเดินก็เริ่มชัดเจนขึ้นมากเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันบริเวณด้านหลังของเขายังคงมีเสียงกึกก้องดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับถ้ำทั้งถ้ำที่เริ่มจะพังทลายลงมา
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็วิ่งเข้าไปภายในห้องกว้างพร้อม ๆ กับถ้ำที่ถล่มลงมา แต่ห้องแห่งนี้ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเลยแม้แต่นิดเดียว แสดงให้เห็นว่ามันเป็นห้องที่ถูกแยกโครงสร้างออกจากทางเดินภายในถ้ำอย่างสิ้นเชิง
“ฉันว่าที่นี่มันคือสุสานนะ” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เซี่ยเฟยรีบหันศีรษะมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง และได้เห็นว่าทางออกจากห้องกว้างแห่งนี้มี 8 ทิศทางแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง ส่วนทางด้านบนก็ถูกประดับตกแต่งเอาไว้ด้วยโคมไฟคริสตัลหลายร้อยดวง มันจึงทำให้ห้องทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว
นอกจากนี้ภายในห้องยังมีโลงศพอีกสามโลงที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการ รอบ ๆ โลงถูกแกะสลักด้วยรูปมังกรและหงส์อย่างสวยงามคล้ายกับว่ามันคือโลงศพของชนชั้นสูง
“มันคือสุสานสำหรับคนสามคนงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
จากข้อความที่ฮัวหยูตงได้บอกมาเส้นทางที่เขามุ่งหน้ามานี้จะนำเขาไปสู่ห้องเก็บสมบัติ แต่ชายชราก็ไม่ได้อธิบายรายละเอียดใด ๆ มากนัก เซี่ยเฟยจึงกำลังคิดว่าห้องสมบัตินั้นแท้ที่จริงแล้วคือสุสานแห่งนี้หรือเปล่า
“ความจริงแล้วเจ้าของสุสานมีเพียงแค่คนเดียว เหตุผลที่เขาวางโลงศพเอาไว้ 3 โลงและสร้างโลงทุกโลงให้เหมือนกันก็เพื่อป้องกันไม่ให้โจรปล้นสุสานบุกรุกเข้ามาสร้างความเสียหายให้กับสุสานของพวกเขา”
“โลงศพที่เป็นโลงจริงจึงมีเพียงแค่โลงเดียว ส่วนโลงศพอีกสองโลงเป็นกับดัก ซึ่งถ้าหากว่าใครไปแตะต้องพวกมันโดยไม่ได้ตั้งใจ ห้องทั้งห้องมันก็จะถล่มลงมาไม่ต่างไปจากทางเดินที่นายผ่านมานั่นแหละ สุสานลักษณะนี้มีให้พบเห็นโดยทั่วไปทั่วทั้งดินแดนกฎ เพราะมันก็มีธุรกิจปล้นสุสานมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว” โอโร่กล่าวอธิบาย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เดินวนรอบโลงศพทั้งสาม และสังเกตพวกมันอย่างระมัดระวัง
“โลงศพทั้งสามโลงนี้คงจะเป็นกลไกป้องกันอย่างสุดท้าย ถ้าหากว่าฉันทำลายกลไกนี้ได้ฉันก็ควรจะได้รับสมบัติกลับไปด้วยสินะ”
“ฉันไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่าฮัวหยูตงจะได้ขอให้ฉันมาปล้นสุสานของคนอื่นแบบนี้” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
แม้ชายหนุ่มจะไม่พอใจเล็กน้อยแต่ตอนนี้มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาบ่น ท้ายที่สุดภายในโลงศพตรงหน้ามันก็มีสิ่งที่ฮัวหยูตงต้องการอยู่ ดังนั้นถ้าหากว่าเขาต้องการที่จะให้ชายชราสร้างค้อนรวมศูนย์ขึ้นมาให้กับเขา เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องปล้นสุสานแห่งนี้ให้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามโลงศพทั้งสามมันก็ดูเหมือนกันทุกประการ จนทำให้ยากจะบอกได้ว่าโลงศพโลงไหนคือของจริง
หากพิจารณาจากการป้องกันภายนอกที่เขาฝ่าฟันเข้ามาได้สำเร็จ เจ้าของสุสานแห่งนี้ก็คงจะเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก ดังนั้นถ้าหากว่าชายหนุ่มเกิดพลาดขึ้นมา สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้มันก็คงจะเป็นสิ่งที่ร้ายแรงชนิดที่เขายากจะแก้ไขได้
ไม่ว่าจะยังไงเขาก็เป็นเพียงแค่นักรบไม่ใช่โจรปล้นสุสานมืออาชีพ เขาจึงไม่รู้วิธีจริง ๆ ว่าเขาจะหาวิธีแยกแยะโลงศพของจริงออกจากโลงศพของปลอมได้ยังไง
เนตรมนตรา!
ชายหนุ่มเสริมพลังให้กับดวงตาเพื่อพยายามสังเกตความแตกต่างระหว่างโลงศพทั้งสาม
“เอายังไงดี? โลงศพพวกนี้มันเหมือนกันมากเกินไป ฉันไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างพวกมันได้เลย” เซี่ยเฟยส่งเสียงพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว
วัตถุดิบที่ใช้สร้างโลงศพทั้งสามขึ้นมาคือหยกจักรพรรดิซึ่งเป็นอัญมณีที่หนามาก วิชาเนตรมนตราของเขาจึงไม่สามารถที่จะมองทะลุผ่านเข้าไปยังโลงศพได้
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปเรื่อย ๆ แต่เซี่ยเฟยก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปริศนาตรงหน้าได้แม้แต่นิดเดียว แต่ในทันใดนั่นเองมันก็มีเสียงดังมาจากภายนอก คล้ายกับว่ามันมีใครบางคนกำลังพยายามทำลายหินทำลายมังกรเพื่อเข้ามาภายในสุสาน
สุสานห้องนี้เชื่อมต่อกับเส้นทางทั้งหมด 8 เส้นทาง ซึ่งเส้นทางที่เกิดเสียงขึ้นมานั้นคือเส้นทางที่อยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับเส้นทางที่ชายหนุ่มใช้เดินทางมา
เซี่ยเฟยพยายามเงี่ยหูตั้งใจฟังเสียงที่เกิดขึ้นมา ซึ่งมันก็ดูคล้ายกับว่ามันจะเป็นเสียงสว่านที่กำลังพยายามจะเจาะผ่านหิน
“หรือว่าพวกทหารโลหะพวกนั้นมันกำลังพยายามตามเข้ามาไล่ล่านาย?” โอโร่เริ่มสันนิษฐาน
“เป็นไปไม่ได้! พวกทหารยามจะเข้ามาในเขตสุสานเจ้านายของพวกมันได้ยังไง นอกจากนี้เจ้าของสุสานยังเป็นพวกพิถีพิถันมาก หากเขาต้องการจะให้ทหารยามเข้ามาภายในห้องนี้จริง ๆ มันย่อมมีวิธีการอื่นที่ดีกว่าการพยายามเอาสว่านเจาะเข้ามาแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะจะรู้เอง” เซี่ยเฟยกล่าวทิ้งท้าย ก่อนที่เขาจะเริ่มทำลายร่องรอยของตัวเอง จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปทางด้านบนอย่างคล่องแคล่ว และซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดบริเวณใต้หลังคา
โดยปกติมันย่อมไม่มีใครเงยหน้าขึ้นมาสังเกตพื้นที่บริเวณด้านบนอยู่แล้ว เว้นแต่ว่ามันจะมีสถานการณ์ที่พิเศษจริง ๆ นอกจากนี้เซี่ยเฟยยังใช้วิชาพรางจิตเพื่อหลบตัวตนด้วย ดังนั้นโอกาสที่ศัตรูจะค้นพบตัวตนของเขามันจึงมีอยู่น้อยมาก
อย่างไรก็ตามการพยายามใช้เครื่องมือเพื่อทำลายหินทำลายมังกรก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องรอคอยนานกว่า 20 นาที ก่อนที่พวกผู้มาใหม่จะสามารถทำลายหินเพื่อเข้ามายังห้องด้านในได้สำเร็จ
ชายชุดดำ 2 คนค่อย ๆ ย่องตัวเข้ามาภายในห้อง จากนั้นพวกเขาก็รีบมุ่งหน้าไปซ่อนตัวในเงามืดและสังเกตพื้นที่บริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง
ชายหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผู้มาใหม่ทั้งสองถึงระวังตัวมากขนาดนี้ บนศีรษะของชายอ้วนถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผล แต่มันก็ยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
เมื่อเซี่ยเฟยพิจารณาจากรูปร่างของโจรทั้งสอง เขาก็สันนิษฐานว่าทั้งสองคนนี้ไม่ใช่คนจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มาก
“ใครมันเป็นคนทำให้ถ้ำถล่มวะ? พวกเราอุตส่าห์วางแผนมาตั้งนาน แต่สุดท้ายน้องสาวผู้น่าสงสารของฉันกลับต้องมาตายเพราะความโง่ของใครก็ไม่รู้” ชายอ้วนชุดดำเริ่มบ่นเมื่อไม่เห็นใครอื่นอยู่ในห้องนี้นอกจากสหายของตัวเอง
เซี่ยเฟยแอบขำอยู่ในใจเพราะคนที่ทำให้ถ้ำถล่มลงมามันก็คือเขานี่เอง
“เลิกคิดถึงผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว ตราบใดก็ตามที่พวกเรานำรูปมิสเทอรีมูนกับยูรินทร์ออกไปได้สำเร็จ หลังจากนั้นนายจะมีผู้หญิงอีกสักกี่คนก็ได้” ชายชุดผอมกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงจริงจัง
บทสนทนาระหว่างชายทั้งสองดึงดูดความสนใจของเซี่ยเฟยมาก โดยยูรินทร์คือสิ่งที่ฮัวหยูตงต้องการ ส่วนเรื่องรูปมิสเทอรีมูนมันก็เป็นสิ่งที่ชายชราไม่เคยได้พูดถึง
หลังจากนั้นชายชุดดำทั้งสองคนก็เริ่มนำเครื่องมือออกมาจากแหวนมิติทีละชิ้น ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเจาะรูเล็ก ๆ บนโลงศพและใส่กล้องขนาดเล็กเข้าไปเพื่อสำรวจพื้นที่ทางด้านใน
“นายเห็นไหม? พวกเขาดูเป็นมืออาชีพมากกว่านายซะอีก” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจหลังจากที่ได้เห็นการทำงานของคนทั้งสอง
“ถึงแม้ผมจะทำเหมือนโจรปล้นสุสานไม่ได้ แต่ผมมั่นใจว่าผมฆ่าโจรปล้นสุสานได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
—
อากาศภายในสุสานค่อนข้างร้อน ซึ่งหลังจากทำงานไปสักพักชายอ้วนก็เริ่มกระพือเสื้อออกเผยให้เห็นรอยสักรูปประตูครึ่งบานบริเวณลำคอของเขาอย่างชัดเจน
“นั่นมันสัญลักษณ์ของโจรเอนเชียนวินด์! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงลงมืออย่างเชี่ยวชาญแบบนี้ ที่แท้พวกเขาก็เป็นสมาชิกของกลุ่มจนปล้นสุสานที่โด่งดังที่สุดในดินแดนกฎนี่เอง” โอโร่อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจหลังจากที่เขาได้เห็นรอยสักบนลำคอของชายอ้วน
เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะในระหว่างที่เขาพยายามสืบค้นเรื่องกฎแห่งเวลา เขาก็เคยเจอร่องรอยของกลุ่มโจรเอนเชียนวินด์ด้วยเช่นกัน แต่ในคราวนั้นร่องรอยที่เขาพบเจอมันเป็นเพียงแค่ร่องรอยจอมปลอม เขาจึงไม่คิดว่าหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปไม่นาน เขาจะมีโอกาสได้มาพบกับกลุ่มโจรปล้นสุสานที่โด่งดังด้วยตัวเองแบบนี้
“โลงศพจริงคือโลงศพทางด้านซ้าย” ชายผอมกล่าวหลังจากสำรวจโลงศพจนจบ
ชายทั้งสองเริ่มงัดแงะโลงศพอย่างมืออาชีพ และเมื่อพวกเขาเปิดโลงออกมามันก็แสดงให้เห็นว่าภายในโลงมีเพียงแค่เสื้อผ้าที่กลายเป็นฝุ่นผงทันทีที่อากาศได้ไหลเวียนเข้าไป
ชายชุดดำทั้งสองเริ่มแสดงความเคารพด้วยท่าทางที่เซี่ยเฟยไม่เคยเห็นมาก่อน จากนั้นพวกเขาก็ค่อย ๆ หยิบกล่องหยกและม้วนกระดาษที่ถูกปิดผนึกด้วยโลหะผสมออกมาจากโลงอย่างช้า ๆ
“เท่าที่ฉันได้ยินมาท่าทางของพวกเขาคือการขอขมาดวงวิญญาณของผู้ตาย และในฐานะที่พวกเขาทำอาชีพปล้นสุสานมานาน พวกเขาจึงค่อนข้างจะเข้มงวดกับกฎในการแสดงความเคารพต่อหลุมศพมาก”
“กล่องหยกกับม้วนกระดาษนั่นจะต้องเป็นยูรินทร์กับรูปมิสเทอรีมูนที่พวกเขาพูดถึงแน่ ๆ ตอนนี้มันคงจะถึงคราวที่นายจะต้องลงมือได้แล้วมั้ง” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไรและยังคงรอคอยอยู่อย่างใจเย็น
“ฮ่า ๆ ๆ อาจารย์พูดถูกแล้ว สุสานบนเกาะนี้คือสุสานของยอดนักประดิษฐ์ซานชิงจริง ๆ ด้วย” ชายร่างผอมพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“ซานชิงเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก มันคงจะไม่ได้มีกับดักอะไรซ่อนอยู่ในสุสานนี้ใช่ไหม?” ชายอ้วนกล่าวถามขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“มันไม่มีอะไรหรอก อุโมงค์นั่นเป็นฝีมือของซานชิงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สุสานนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากลูกหลานของเขา ดังนั้นมันเลยไม่มีอันตรายอะไรอย่างที่ควรจะเป็น” ชายร่างผอมกล่าว
“เอาล่ะพวกเรากลับกันเถอะ ตอนขามาพวกเรามีกันตั้ง 128 คนแต่ตอนขากลับพวกเรากลับเหลือรอดแค่สองคน การเดินทางในรอบนี้มันเป็นการเดินทางที่ยากลำบากจริง ๆ” ชายอ้วนกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ฟุบ!
ทันใดนั้นร่างของชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงมาจากใต้หลังคา ก่อนที่บลัดบิวเทียสจะแทงทะลุลำคอของชายร่างผอมอย่างว่องไว ในเวลาเดียวกันหงส์ครามก็เคลื่อนไหวออกไปรัดร่างของชายอ้วนให้ลอยขึ้นไปในอากาศ พร้อม ๆ กับขนอุยที่พุ่งตัวออกไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายคนนั้น และจ้องมองออกไปด้วยแววตาที่พร้อมจะสังหารชายอ้วนได้ตลอดเวลา
ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีบลัดบิวเทียสก็ดูดกลืนพลังชีวิตของชายร่างผอมมาจนหมด ชายผู้มีความสูงประมาณ 180 เซนติเมตรจึงกลายเป็นโครงกระดูกที่เหี่ยวเฉา ก่อนที่จะแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงในเวลาเพียงแค่ไม่นาน
ชายอ้วนมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด เพราะไม่ว่าจะเป็นความเร็วอันน่ากลัวของเซี่ยเฟยหรือดาบสีแดงเล่มนั้น ต่างก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เขาหวาดกลัวจนพูดอะไรไม่ออก
แม้ว่าเขาอยากจะกรีดร้องแต่หงส์ครามก็พันลำคอของเขาเอาไว้แน่น จนทำให้ผิวหนังของเขาแทบที่จะถูกฉีกกระชากออกจากกันหากว่าเขาเริ่มพยายามดิ้นรนแม้แต่เพียงเล็กน้อย
“พวกแกเป็นคนของกลุ่มโจรเอนเชียนวินด์งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม ขณะหยิบรูปมิสเทอรีมูนและยูรินทร์ขึ้นมาชั่งน้ำหนักภายในมือ
***************
ช่วงเวลาสอบปากคำสินะ


แสดงความคิดเห็น