ตอนที่ 808 กลุ่มโจรเอนเชียนวินด์
ตอนที่ 808 กลุ่มโจรเอนเชียนวินด์
“พวกแกเป็นคนของกลุ่มโจรเอนเชียนวินด์งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้เห็นสหายถูกเซี่ยเฟยสังหารโดยไม่ลังเล ชายอ้วนก็หมดความคิดที่จะต่อต้านอีกต่อไป ท้ายที่สุดการฆ่าใครสักคนมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไรนัก แต่การฆ่าใครสักคนอย่างไร้อารมณ์เป็นอีกเรื่องที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
การลงมืออันเย็นชาของเซี่ยเฟยจึงทำให้ชายอ้วนรู้สึกหวาดกลัวไปจนถึงส่วนลึกของจิตใจ
“อือ” ชายอ้วนกล่าวตอบอย่างไม่เต็มใจ เซี่ยเฟยจึงให้หงส์ครามผ่อนแรงรัดลงเล็กน้อย เพื่อให้อีกฝ่ายสามารถตอบคำถามได้อย่างสบายมากยิ่งขึ้น
“ยูรินทร์กับรูปมิสเทอรีมูนคืออะไร? แล้วใครเป็นเจ้าของสุสานนี้?” เซี่ยเฟยถามต่อ
“เจ้าของสุสานชื่อซานชิงเป็นสุดยอดนักประดิษฐ์ตั้งแต่เมื่อ 100 ปีก่อน ในเวลานั้นเขาสำเร็จกฎแห่งการประดิษฐ์ถึงขั้นที่ 8 และค่อนข้างจะมีชื่อเสียงแม้แต่ภายในหมู่ของชนชั้นสูงของแดนเนรเทศ เขาจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์นักประดิษฐ์ชั้นยอดที่หาได้ยาก แล้วมันคงเป็นเวลาอีกนานมากกว่าจะมีใครขึ้นมาเทียบชั้นกับเขาได้”
“น่าเสียดายที่ซานชิงเป็นคนที่หยิ่งยโสมากจนเกินไป ในระหว่างการทำงานเขาจึงสร้างศัตรูขึ้นมาอย่างมากมาย ในที่สุดเขาก็ถูกลอบสังหารตอนที่มีอายุเพียงแค่ 34 ปี ไม่อย่างนั้นความสำเร็จของเขามันก็คงจะอยู่ในระดับที่ยากจะจินตนาการถึง” ชายอ้วนอธิบายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
“เขาสามารถฝึกกฎแห่งการประดิษฐ์ขั้นที่ 8 ได้ตั้งแต่อายุ 34 ปีเนี่ยนะ!?”
เซี่ยเฟยต้องยอมรับว่าซานชิงคืออัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นนิสัยของอีกฝ่ายังมีความโหดเหี้ยมมาก ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงจะไม่สามารถสร้างอุโมงค์มรณะที่ทั้งอันตรายและมีความยาวได้ขนาดนี้
โชคอย่างดีที่เขาได้เรียนรู้กฎแห่งความเร็วของสกายวิงแล้ว ไม่อย่างนั้นกับดักในอุโมงค์ก็คงจะสร้างปัญหาให้กับเขามากกว่านี้
เซี่ยเฟยเขย่ารูปมิสเทอรีมูนและยูรินทร์ภายในมือเป็นสัญญาณให้ชายอ้วนอธิบายต่อไป
“ว่ากันว่าสาเหตุที่ทำให้ซานชิงประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ นั่นก็เพราะว่าเขาได้รับรูปมิสเทอรีมูนมาจากบรรพบุรุษ น่าเสียดายที่รูปมิสเทอรีมูนเป็นภาพที่ลึกลับมาก แต่หากใครสามารถทำความเข้าใจมันได้ คนคนนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะพัฒนาไปจนถึงจุดสูงสุดของนักประดิษฐ์”
“ต้นตระกูลของซานชิงเคยมีเทพนักประดิษฐ์ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว และบรรพบุรุษคนนั้นก็เป็นผู้ทิ้งรูปมิสเทอรีมูนเอาไว้ให้กับลูกหลานของตัวเอง แต่ภาพภายในแบบแปลนมีความซับซ้อนมาก แม้กระทั่งภายในตระกูลซานก็ยังมีเพียงแค่ซานชิงคนเดียวที่ตีความแบบแปลนนี้ได้” ชายอ้วนอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเมื่อได้รู้แล้วว่ารูปมิสเทอรีมูนคือมรดกวิธีการฝึกฝนนักประดิษฐ์ของตระกูลซาน และในเมื่อฮัวหยูตงไม่รู้ถึงการมีอยู่ของรูปชิ้นนี้ ชายหนุ่มก็ตัดสินใจที่เขาจะเก็บมันเอาไว้เป็นของตัวเอง
“แล้วยูรินทร์ล่ะ มันคืออะไร?”
“ยูรินทร์เป็นชื่อของชุดเกราะที่คล้าย ๆ กับชุดเกราะต่อสู้ แต่มันเป็นชุดเกราะที่ไม่มีระดับ พวกนักประดิษฐ์ที่ไม่ค่อยฝึกพลังมากนักจึงมักจะชอบใช้ชุดเกราะประเภทนี้ แต่มันก็เป็นชุดเกราะที่ไม่มีประโยชน์สำหรับพวกนักรบมากนัก”
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ฮัวหยูตงต้องการคือชุดเกราะชั้นยอดสำหรับนักประดิษฐ์ ซึ่งเคยเป็นของซานชิงมาก่อน
ฮัวหยูตงกำลังจะต้องขึ้นไปยังแดนเทพในอีกไม่ช้า และเขาก็น่าจะรู้แล้วว่าสถานที่แห่งนั้นมีอันตรายมากแค่ไหน เขาจึงต้องการที่จะได้ชุดเกราะยูรินทร์ไปไว้ป้องกันตัว แต่ชายชราคงจะไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในสุสานของซานชิงไม่ใช่ชุดเกราะชุดนี้ แต่มันคือรูปมิสเทอรีมูนซึ่งเป็นมรดกความรู้ที่เทพนักประดิษฐ์ได้ส่งต่อให้กับลูกหลานของตัวเองต่างหาก
แม้ว่าชุดเกราะยูรินทร์จะเป็นชุดเกราะชั้นยอดสำหรับนักประดิษฐ์ แต่สำหรับเซี่ยเฟยที่มีชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นอยู่แล้ว ชุดเกราะประเภทนี้มันก็ไม่ได้มีความสำคัญใด ๆ สำหรับเขาเลย
“เอาล่ะฟังคำถามของฉันให้ดี ๆ เมื่อไม่นานมานี้กลุ่มโจรเอนเชียนวินด์ได้ไปสร้างศัตรูกับใครเอาไว้หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
กลุ่มโจรเอนเชียนวินด์อาจจะไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับพวกที่ขโมยกฎแห่งเวลา คนพวกนั้นจึงได้ทิ้งตราสัญลักษณ์ของกลุ่มโจรเอนเชียนวินด์เอาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อที่จะให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเหตุการณ์ฆ่าล้างบางลัทธิเทพโบราณเป็นฝีมือของกลุ่มโจรปล้นสุสานที่มีชื่อเสียงแห่งนี้
แน่นอนว่าถ้าหากกลุ่มโจรเอนเชียนวินด์สามารถระบุศัตรูของพวกเขาได้ เซี่ยเฟยก็อาจจะหาตัวตนของผู้ที่ขโมยกฎแห่งเวลาไปได้ด้วยเหมือนกัน
“ศัตรูงั้นเหรอ? พวกเราทำงานปล้นสุสานใครจะไปรู้ว่าพวกเราได้ไปสร้างความขุ่นเคืองกับใครเอาไว้บ้าง” ชายหนุ่มกล่าวตอบอย่างไม่รู้เหมือนกัน เพราะด้วยลักษณะงานของพวกเขามันก็ทำให้กลุ่มโจรเอนเชียนวินด์มีศัตรูเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
“มีศัตรูคนไหนที่ดูจะอาฆาตมากเป็นพิเศษบ้างไหม? ศัตรูที่มีพลังมากและพร้อมจะล้างแค้นพวกแกอย่างสาสม” เซี่ยเฟยพยายามพูดอย่างใจเย็น
“พวกเรามีศัตรูมากเกินไปจริง ๆ และผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงคือนายท่านกับอาจารย์ของพวกเรา ฉันไม่รู้หรอกว่าใครมันพร้อมจะมาล้างแค้นพวกเราบ้าง” ชายอ้วนกล่าวตอบพร้อมกับส่ายหัว
ฟุบ!
จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็หายตัวไปอย่างกะทันหันเหลือเพียงแค่ขนอุยเท่านั้นที่กำลังจ้องมองชายอ้วนอยู่
ต่อมามันก็มีเสียงการต่อสู้อันดุเดือดดังขึ้นมาจากระยะไกล ก่อนที่มันจะมีเสียงร้องโหยหวนดังตามมาอีกไม่นาน
ฟุบ!
เซี่ยเฟยกลับมาอีกครั้งพร้อมกับโยนร่างของชายชราผิวซีดคนหนึ่งลงบนพื้น ซึ่งผิวของชายคนนี้มีความซีดขาวเป็นอย่างมาก คล้ายกับว่าผิวของเขาไม่ได้โดนแดดมาเป็นเวลานานมากแล้ว
แขนขวาของชายชราถูกตัดจนขาดเสมอไหล่ ทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายซีดเซียวลงมากกว่าเดิมและทั่วทั้งร่างกายก็มีเหงื่อออกมาอย่างหนัก
“ราชากฎงั้นเหรอ? พอใช้ได้เลยนี่” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองขึ้นมาเบา ๆ
ตอนนี้เขามีพลังอยู่ในระดับราชากฎขั้นที่ 5 แล้ว ซึ่งอยู่ห่างจากการเป็นราชากฎขั้นสูงเพียงแค่ระดับเดียวเท่านั้น และเมื่อมันได้รวมพลังเข้ากับกฎแห่งความโกลาหล ประกอบกับสมบัติชนิดพิเศษต่าง ๆ ที่เขาได้ครอบครองอยู่อย่างมากมาย
มันจึงทำให้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันไม่สามารถคุกคามเซี่ยเฟยได้อีกต่อไป การจัดการกับราชากฎที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดจึงเป็นเพียงแค่เรื่องง่าย ๆ สำหรับเขา
“มันคงจะเป็นอาจารย์ที่แกพูดถึงใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“อาจารย์! ทำไมคุณถึงมาที่นี่? คุณมาช่วยผมงั้นเหรอ?” ชายอ้วนอุทานออกไปด้วยความตกตะลึง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบลงบลัดบิวเทียสก็แทงเข้าใส่หัวใจของเขาเสียก่อน จนทำให้ร่างของชายอ้วนซูบซีดลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเพียงแค่ซากศพที่แห้งเหี่ยวและแหลกสลายหายไปกลายเป็นฝุ่นผงในอากาศ
“ชื่ออะไร?” เซี่ยเฟยถามอย่างเย็นชา
“ฟางหลู” ชายชรากัดฟันตอบกลับไปอย่างยากลำบาก
“แกเป็นพวกอาจารย์ที่ไม่ดีเท่าไหร่สินะ ทั้ง ๆ ที่แกเป็นคนส่งลูกศิษย์ไปทำภารกิจ แต่แกกลับไม่เชื่อใจลูกศิษย์ของตัวเองและแอบติดตามลูกศิษย์มาอย่างลับ ๆ แต่ลูกศิษย์ที่โง่เขลาของแกก็ยังเชื่อมั่นว่าแกจะมาช่วยมันจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต”
“น่าเสียดายที่ลูกศิษย์โง่ ๆ ของแกไม่รู้ตัวเลยว่าแท้ที่จริงพวกมันก็เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งที่แกคิดจะใช้แล้วโยนทิ้งเท่านั้น ถึงฉันจะไม่ใช่คนสังหารลูกศิษย์ของแก แต่แกก็คงจะเป็นคนที่สังหารลูกศิษย์ของตัวเองใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นเศร้าสร้อย
สีหน้าของฟางหลูเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะทุกสิ่งมันเป็นไปอย่างที่เซี่ยเฟยได้พูดเอาไว้จริง ๆ ท้ายที่สุดสุสานของซานชิงก็น่าหวาดกลัวมากจนเกินไป เขาจึงส่งลูกศิษย์เข้ามาเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายด้วยตัวเอง
ในเวลาเดียวกันเขาก็แอบตามลูกศิษย์ของตัวเองมาอย่างลับ ๆ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้รับรูปมิสเทอรีมูนและยูรินทร์ เขาก็จะทำการสังหารลูกศิษย์ทุกคนเพื่อปกปิดไม่ให้ความลับเรื่องนี้รั่วไหล
ดินแดนกฎเป็นสถานที่ของสังคมปลาใหญ่กินปลาเล็กมาโดยตลอด มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฟางหลูจะมีแผนการแบบนี้ แต่ถึงยังไงก็ตามการกระทำของคนในดินแดนกฎ มันก็ทำให้เซี่ยเฟยอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
“เอาล่ะแกคงจะได้ยินคำถามก่อนแล้ว คราวนี้มันถึงคราวที่แกจะต้องเป็นคนตอบคำถามบ้าง” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“บางทีคนที่แกกำลังตามหาอาจจะเป็นพวกตระกูลหลุยส์ ตระกูลของพวกมันทำธุรกิจเมืองแร่และขายแร่หายากทุกชนิด พวกมันคือศัตรูที่มีความแค้นต่อพวกเรามากที่สุด”
“คนที่ฉันกำลังตามหาไม่ใช่พวกตระกูลขายหินหรอกนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ถึงแม้ว่าพวกตระกูลหลุยส์จะออกหน้าว่าทำธุรกิจขุดเหมือง แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกมันเป็นนายหน้าขายสินค้าให้กับกลุ่มโจรต่างหาก ครั้งหนึ่งพวกมันก็เคยเป็นนายหน้าให้กับกลุ่มโจรเอนเชียนวินด์ของพวกเราด้วย” ฟางหลูกล่าว
“พวกแกเป็นโจร ส่วนพวกมันเป็นพ่อค้าที่เอาของจากโจรไปขายให้ พวกแกก็น่าจะเป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกันนี่ แล้วทำไมพวกแกถึงมีความแค้นต่อกันได้?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างสับสน
“แต่เดิมพวกเราเคยตกลงส่วนแบ่งเอาไว้ที่ 60 ต่อ 40 โดยพวกเราได้ 60% ส่วนพวกมันได้ 40% แต่จู่ ๆ พวกมันก็อาศัยอำนาจในการเพิ่มส่วนแบ่งของตัวเองเป็น 60% แล้วพวกเราจะทำงานหนักเพื่อเอาส่วนแบ่งแค่ 40% ไปทำไม”
“หลังจากนั้นพวกเราเลยรวมกลุ่มโจรกลุ่มใหญ่ ๆ ก่อตั้งพันธมิตรขึ้นมา และสร้างเครือข่ายการค้าเพื่อปล่อยสินค้าของพวกเราเอง การสร้างธุรกิจของพวกเราได้กลายเป็นการสร้างความขัดแย้งกับตระกูลหลุยส์โดยตรง”
“หลังจากนั้นมันก็เริ่มมีการปะทะกันและมีผู้เสียชีวิตจากทั้งสองฝ่าย หากจะเรียกว่าพวกมันคือศัตรูที่โกรธแค้นพวกเรามากที่สุด มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรใช่ไหมล่ะ?” ชายชรากล่าวตอบ
“การไปทำลายธุรกิจของใครบางคนมันก็เป็นเหมือนการไปฆ่าพ่อแม่ของพวกมันนั่นแหละ การแก้แค้นของพวกแกมันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บแสบดีนี่”
“ในเมื่อแกกับตระกูลหลุยส์เป็นศัตรูกัน ฉันก็เชื่อว่าพวกแกคงจะต้องส่งสายลับเข้าไปในตระกูลของพวกมันด้วยใช่ไหม? เมื่อเร็ว ๆ นี้ตระกูลหลุยส์มีการเคลื่อนไหวอะไรแปลก ๆ บ้างหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
การสังหารหมู่สาวกของลัทธิเทพโบราณนับหมื่นคนไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทำได้ด้วยคนเพียงแค่คนเดียว หากตระกูลหลุยส์มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง ๆ มันย่อมจะต้องมีการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่น่าสงสัยภายในตระกูลบ้าง
“ช่วงไม่นานมานี้ตระกูลหลุยส์มีการเคลื่อนไหวแปลก ๆ อยู่จริง ๆ สายลับบอกว่ามันมีคนแปลกหน้าเข้าออกตระกูลบ่อยมากขึ้น และคนแปลกหน้าพวกนั้นมันก็ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเลย”
…
หลังจากสอบถามสถานการณ์ไปอีกสักพัก เซี่ยเฟยก็ทำการสังหารฟางหลูโดยตรง
“เราจะเชื่อคำพูดของมันได้ไหม?” โอโร่ถาม
“ปกติผมจะเชื่อคำพูดของคนอื่นแค่ 50% แต่สำหรับของฟางหลูผมเชื่อถือคำพูดของมันแค่ 10% เท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
—
เมื่อฮัวหยูตงได้รับชุดเกราะยูรินทร์ที่เขาใฝ่ฝันมาโดยตลอด ชายชราก็รีบใส่ชุดเกราะชั้นยอดและเดินไปเดินมาภายใต้ชุดเกราะชุดใหม่ไม่หยุด
เซี่ยเฟยมองภาพตรงหน้าอย่างไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไรมากนัก เพราะท้ายที่สุดชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นของเขาก็ดีกว่าชุดเกราะยูรินทร์อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้รับรูปมิสเทอรีมูนที่ล้ำค่ากว่ากลับมาอีกด้วย
ในที่สุดฮัวหยูตงก็เก็บชุดเกราะเข้าไปในแหวนมิติอย่างระมัดระวัง พร้อมกับกล่าวขอบคุณเซี่ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี
“ผู้อาวุโส ตอนนี้พวกเราก็มีวัตถุดิบที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว พวกเราควรสร้างค้อนรวมศูนย์เลยดีไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ไม่ต้องรีบร้อน อีก 3 เดือนนายกลับมารับค้อนรวมศูนย์ของนายไปได้เลย” ฮัวหยูตงกล่าวต่อ
“ผมให้อย่างมากที่สุด 1 เดือน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเหยียดนิ้วชี้ออกไปด้านหน้า
“อย่าคิดว่านายจะมาสั่งฉันได้เพียงเพราะว่านายช่วยให้ฉันได้รับชุดเกราะนี้มา ในเมื่อฉันบอกว่า 3 เดือนมันก็หมายถึง 3 เดือนจริง ๆ” ฮัวหยูตงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ถึงแม้ว่าตระกูลซานจะสูญเสียซานชิงไป แต่พวกเขาก็ยังถือว่าเป็นตระกูลนักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่อยู่ดี ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าหากพวกเขารู้ว่าชุดเกราะยูรินทร์ได้มาอยู่กับคุณ ตอนนั้นพวกเขาจะทำอะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างใจเย็น
“นี่นายกำลังขู่ฉันอยู่งั้นเหรอ?!” ฮัวหยูตงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ขอโทษด้วยผู้อาวุโส พอดีว่าบนชุดเกราะมีฟังก์ชั่นบันทึกวิดีโอแล้วผมก็บังเอิญบันทึกท่าทางการดีใจของคุณเมื่อกี้เอาไว้พอดีเลย แล้วบังเอิญว่าข้อมูลวิดีโอพวกนั้นก็ถูกเก็บเอาไว้ในที่ที่มีเพียงผมที่รู้จักเพียงคนเดียว ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่เดือดร้อนอะไร ผู้อาวุโสช่วยบังเอิญสร้างค้อนรวมศูนย์ให้กับผมภายใน 1 เดือนได้ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฮัวหยูตงอ้าปากค้างอย่างพูดอะไรไม่ออก เพราะเขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเป็นพวกที่เจ้าเล่ห์มากขนาดนี้
แน่นอนว่าฮัวหยูตงย่อมไม่ใช่คนแรกที่ถูกเซี่ยเฟยแก้เผ็ด และเขาก็คงจะไม่ใช่คนสุดท้ายอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดทุกคนที่คิดจะใช้ประโยชน์จากชายหนุ่มก็มักที่จะลงเอยด้วยการถูกแก้เผ็ดเช่นนี้อยู่เสมอ
“ทุกสิ่งมันมีราคาที่ต้องจ่ายอยู่เสมอ ในเมื่อคุณจงใจส่งผมไปพบกับอันตราย นี่ก็คือราคาที่คุณจะต้องจ่ายให้กับผมด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวทิ้งท้ายก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่สนท่าทางของชายชรา
***************
เกมพลิก! 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 304
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น