ตอนที่ 788 ขอซื้อชีวิต
ตอนที่ 788 ขอซื้อชีวิต
การเดินทางจากกลุ่มดาวม้าขาวไปยังกลุ่มดาวห่านป่าจำเป็นจะต้องใช้ประตูมิติพิเศษ และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะสามารถใช้เข็มทิศมิติธรรมดาเดินทางไปที่นั่นได้ แต่การเข้าไปในลักษณะนั้นมันก็เป็นการลักลอบเข้าไปแบบผิดกฎหมาย ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องเดินทางด้วยวิธีการที่เหมือนกับคนอื่น ๆ เท่านั้น
หลางซุนเย่นำเซี่ยเฟยมาส่งยังประตูมิติที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งมีคนเข้าแถวรอคิวยาวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามชายหนุ่มร่างอ้วนก็บอกว่าคนที่มาเข้าแถวรอคิวมีจำนวนน้อยมากกว่าที่ควรจะเป็น นั่นก็เพราะว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เพิ่งจะพ่ายแพ้ให้กับเผ่าพันธุ์ซุนนีภายในกลุ่มมังกรฟ้า ผู้คนเป็นจำนวนมากจึงรู้สึกอับอายเกินกว่าจะเดินทางไปยังกลุ่มดาวห่านป่าในช่วงเวลานี้
ประตูมิติในบริเวณนี้มีจำนวนมากถึง 10 ประตู ซึ่งนอกเหนือจากประตูที่ถูกทำเครื่องหมายว่ามีจุดหมายเป็นสถานที่อื่น ๆ อีก 2-3 บานแล้ว ประตูในส่วนที่เหลือต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกตั้งค่าให้เดินทางไปยังกลุ่มดาวห่านป่าทั้งหมด
“ฉันมาส่งนายได้แค่นี้นะ ระหว่างเดินทางไปที่นั่นก็ระวังตัวด้วย พวกซุนนีเพิ่งจะชนะมนุษย์ได้แค่เพียงไม่นาน ตอนนี้พวกมันน่าจะยังสนุกปากเรื่องที่พวกเราพ่ายแพ้ให้กับพวกมันอยู่” หลางซุนเย่กล่าว
เซี่ยเฟยเพิ่งจะเข้ามาอาศัยอยู่ภายในกลุ่มดาวม้าขาวได้เพียงแค่ไม่นานเท่านั้น หลางซุนเย่จึงคอยแนะนำเรื่องต่าง ๆ ให้กับชายหนุ่มอยู่เสมอ ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่สหายคนนี้คอยมอบให้เซี่ยเฟยตลอดเวลา แม้ว่าในบางครั้งชายหนุ่มจะไม่ได้เอ่ยปากร้องขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายเลยก็ตาม
หลังจากที่เซี่ยเฟยเดินทางผ่านประตูมิติมาเรียบร้อยแล้ว ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขารู้สึกเปิดหูเปิดตาเป็นอย่างมาก เพราะมันมีผู้คนมากมายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และมันก็ยังมีสมาชิกจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเดินทางมาร่วมงานอย่างมากมาย
เจ้าถิ่นอย่างเผ่าซุนนีก็ดูไม่ได้มีความแตกต่างจากเผ่าพันธุ์มนุษย์มากนัก ความแตกต่างระหว่างพวกเขากับมนุษย์มีเพียงเขาม้วนงอ 2 เขาบนศีรษะและหูแหลมยาว 2 หูที่ดูคล้ายกับเผ่าเอลฟ์ในตำนานของชาวโลก
ชาวซุนนีส่วนหนึ่งคอยเร่งให้แขกก้าวเท้าไปด้านหน้าอย่างเร่งรีบ โดยแขกทุกคนต่างก็รีบนำคำเชิญออกมาแสดงเพื่อให้พวกเขาผ่านด่านตรวจตรวจสอบได้อย่างว่องไว
เซี่ยเฟยไม่ได้นำคำเชิญจากพวกชาวซุนนีติดตัวมาด้วย นั่นก็เพราะว่าเซี่ยอู๋เย่โยนคำเชิญพวกนั้นทิ้งไปจนหมดแล้ว สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้คือการแสดงป้ายอสูรคลั่งออกมา แต่ทันทีที่ป้ายประจำตระกูลสกายวิงถูกเปิดเผยสู่สายตาสาธารณชน มันก็ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“นั่นมันตราศูนย์คลั่ง! มีคนจากตระกูลสกายวิงเดินทางมาร่วมงานด้วย!”
ฝูงชนรีบก้าวเท้าถอยห่างออกจากเซี่ยเฟยอย่างว่องไว พร้อมกับจ้องมองไปทางชายหนุ่มราวกับตัวประหลาด แม้แต่ทหารชาวซุนนีที่มีหน้าที่รับผิดชอบตรวจสอบบัตรเชิญก็เปลี่ยนสีหน้าไปจากเดิมอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยทำตัวไม่ถูกแต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะพูดแก้ตัวอะไรออกมา ก่อนที่เขาจะเดินหน้าออกไปเพื่อไปร่วมงานเทศกาล
ทหารชาวซุนนีร่างอ้วนคนหนึ่งต้องการที่จะก้าวเท้ามาหยุดเซี่ยเฟยที่ไม่มีบัตรเชิญเอาไว้ แต่หลังจากที่ชายหนุ่มเดินรอบ ๆ ชายอ้วนคนนี้ไปเพียงแค่ไม่กี่รอบ ทหารชาวซุนนีก็มีเหงื่อไหลออกมาท่วมร่างก่อนที่เขาจะไม่มีความคิดที่จะหยุดเซี่ยเฟยเอาไว้อีกต่อไป
เนื่องมาจากงานเทศกาลชาวซุนนีจึงเปิดเมืองให้คนจากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ เดินทางเข้ามายังกลุ่มดาวของพวกเขาในกรณีพิเศษ แขกที่ได้รับเชิญจึงสามารถค้นหาสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ตราบใดก็ตามที่พวกเขายังคงปฏิบัติตามคำแนะนำ
แน่นอนว่าบริการที่แขกแต่ละคนจะได้รับย่อมแตกต่างไปขึ้นอยู่กับสถานะของพวกเขาเอง โดยแขกวีไอพีจะได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษ ขณะที่คนธรรมดาจะต้องคอยเดินไปยังสถานที่ต่าง ๆ หรือไม่ก็ต้องเช่ารถที่มีราคาแพงมากพอสมควร
การเดินทางก้าวข้ามผ่านระยะ 10 กิโลเมตรไม่ใช่ปัญหาสำหรับเซี่ยเฟยเลยแม้แต่นิดเดียว และในตอนนี้สองข้างทางก็มีพ่อค้าเริ่มตั้งร้านขายสินค้าของพวกเขาบ้างแล้ว
ท้ายที่สุดคนบางคนก็ทนเดินทางไปจนถึงสถานที่จัดงานหลักไม่ไหว พวกเขาจึงเริ่มตั้งร้านข้างทางตั้งแต่พื้นที่ในบริเวณนี้เลย เซี่ยเฟยจึงเดินมองสินค้าสองข้างทางอย่างสบาย ๆ ก่อนที่จะได้พบว่าสินค้าพวกนี้มันไม่มีอะไรที่น่าสนใจมากนัก
“งานแลกเปลี่ยนสินค้าของเผ่าเทพพอใช้ได้อยู่เหมือนกันนะเนี่ย ดูเหมือนสมาชิกภายในเผ่าทั้งสองจะมีธรรมเนียมจัดงานแลกเปลี่ยนสินค้าขึ้นมาเป็นระยะ ๆ อยู่เหมือนกัน”
“แต่น่าเสียดายที่มันไม่ค่อยมีการค้าขายระหว่างเผ่าเทพกับเผ่ามารมากนัก หากใครต้องการสินค้าเฉพาะจากอีกเผ่าก็จะจำเป็นจะต้องไปที่ตลาดมืดเท่านั้น ราคาของสินค้าเลยสูงกว่าเดิมไปมากกว่าที่ควรจะเป็น” โอโร่กล่าวพร้อมกับมองดูงานแลกเปลี่ยนสินค้าภายในเผ่าเทพอย่างตื่นเต้น
ภายในงานมีผู้คนและสินค้านำมาวางขายอยู่อย่างมากมาย เซี่ยเฟยจึงได้ใช้วิชาเนตรมนตราเพื่อตรวจสอบคุณภาพของสินค้า โดยที่เขาไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปตรวจสอบสินค้าใกล้ ๆ
แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของการเดินทางมาในครั้งนี้คือการตามหาเฮเลน ลูกสาวของผู้อาวุโสวูด เพราะท้ายที่สุดผู้ที่อยู่เบื้องหลังเฮเลนก็อาจจะเป็นผู้ที่ได้ครอบครองกฎแห่งเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของเซี่ยเฟยได้มากที่สุด
ขณะเดียวกันเมื่อไหร่ก็ตามที่ชายหนุ่มได้พบกับวัตถุดิบในรายการของฮัวหยูตง เขาก็จะซื้อวัตถุดิบเหล่านั้นมาเก็บสะสมเอาไว้ และเนื่องมาจากว่าเงินภายในธนาคารของเขายังคงเหลืออยู่อีกมาก การซื้อวัตถุดิบโดยทั่วไปจึงไม่ได้กระทบกับความมั่งคั่งของเขามากนัก
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือราคาของดักแด้จักจั่นทองแดงที่โอโร่บอกมาเป็นราคาตั้งแต่สมัยอดีตอันยาวนาน เขาจึงไม่รู้ว่าในปัจจุบันราคาของวัตถุดิบหายากพวกนั้นมันมีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่แล้ว
วันแรกเซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่ซื้อวัตถุดิบสำหรับการสร้างค้อนรวมศูนย์และสินค้าแปลก ๆ มาเก็บสะสมไว้เท่านั้น แต่เขาก็ยังไม่ได้เจอกับเฮเลนหรือชายอีกสองคนที่เขาได้พบในสนามรบโบราณเลย
อย่างไรก็ตามงานแลกเปลี่ยนสินค้าในครั้งนี้ก็มีเวลาจัดงานถึง 1 สัปดาห์เต็ม ๆ เซี่ยเฟยจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะตามหาบุคคลทั้งสามมากนัก
“งานแลกเปลี่ยนสินค้าครั้งนี้มีสินค้าให้เลือกซื้อหาเยอะแยะดีจริง ๆ ตอนนี้นายก็เหลือแค่หยกมังกรเย็นกับดักแด้จักจั่นทองแดงแล้วสินะ”
“หยกมังกรเย็นน่าจะหาได้ไม่ยากภายในงานน่าจะมีขายให้นายอยู่ สิ่งที่น่ากังวลจริง ๆ คือดักแด้จักจั่นทองแดงที่เรายังไม่เห็นตั้งแต่มาร่วมงานเลยด้วยซ้ำ” โอโร่กล่าวหลังจากตรวจสอบรายการวัตถุดิบสำหรับการสร้างค้อนรวมศูนย์
ภายในงานมีร้านค้าตั้งแผงขายของอยู่อย่างมากมาย และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วมากกว่าคนอื่น ๆ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเดินชมสินค้าทั่วทั้งงานภายในเวลาไม่กี่วันได้
“ทำไมนายถึงเดินช้าแบบนี้? แล้วเมื่อไหร่นายถึงจะเดินดูสินค้าได้ทั่วทั้งงาน?” โอโร่ถามอย่างสงสัยเมื่อสังเกตเห็นว่าเซี่ยเฟยเดินดูสินค้าช้ากว่าปกติ
“งานแสดงสินค้าครั้งนี้ใหญ่มาก ซึ่งมันก็หมายความว่ามันจะต้องมีการแบ่งโซนสำหรับลูกค้าวีไอพีโดยเฉพาะ คุณลองสังเกตดี ๆ ว่าคนสองคนที่อยู่ตรงหน้าเรามีบุคลิกที่แตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในพวกเขายังสวมชุดของบริษัทฟิกส์อีกด้วย อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็น่าจะเป็นทายาทสายตรงของตระกูลใหญ่ตระกูลอะไรสักอย่าง”
“ผมจับตาดูพวกเขามาสักพักแล้ว พวกเขาไม่คิดจะเหลือบสายตามองสินค้าข้างถนนด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็ยังคงเดินมุ่งหน้าไปอย่างไม่หยุดพัก แสดงว่าพวกเขามีเป้าหมายสำหรับการเดินทางในครั้งนี้แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวรอยยิ้ม
เมื่อได้พบกับผู้ชำนาญเส้นทาง เซี่ยเฟยจึงสะกดรอยตามชายหนุ่มทั้งสองไปอย่างช้า ๆ ท้ายที่สุดงานแลกเปลี่ยนสินค้าครั้งนี้ก็มีขนาดใหญ่มาก และมันก็คงจะเป็นเรื่องเสียเวลาถ้าหากว่าเขาจะต้องเดินสำรวจสินค้าทั่วทั้งงานด้วยตัวเอง
หลังจากชายหนุ่มเดินตามคุณชายต่างเผ่าพันธุ์ทั้งสองคนมาสักพัก เขาก็เดินออกมาจากโซนร้านค้าที่ตั้งอยู่อย่างเนืองแน่น ต่อมาเขาก็ได้พบกับร้านค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากร้านค้าอื่น ๆ มากพร้อม ๆ กับมีคนคนหนึ่งเดินออกมาและตะโกนสาปแช่งด้วยท่าทางที่ฉุนเฉียว
“นี่มันร้านอะไรวะ? พวกมันกล้าดียังไงถึงมาขายมีดหัก ๆ ในราคา 4 ล้านคริสตัลเหลือง!”
คุณชายต่างเผ่าพันธุ์ทั้งสองคนเผยรอยยิ้มให้แก่กัน ก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปภายในร้านโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว
แน่นอนว่าภาพเหตุการณ์ทั้งหมดย่อมตกอยู่ในสายตาของเซี่ยเฟย ก่อนที่เขาเดินเข้าไปภายในร้านที่ดูเก่า ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น
ภายในร้านมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่อย่างหยิ่งผยอง โดยมีสินค้ามากมายวางอยู่บนชั้นพร้อมกับราคาที่ตั้งกำกับเอาไว้ใกล้ ๆ กับสินค้าแต่ละชิ้น
หลังจากสำรวจสินค้าอย่างเร็ว ๆ เซี่ยเฟยก็ได้พบว่าราคาขั้นต่ำของสินค้าเหล่านี้สูงถึง 1 ล้านคริสตัลเหลือง และมันก็มีสินค้าบางชิ้นที่มีราคาสูงกว่า 10 ล้านคริสตัลเหลืองด้วยเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามสินค้าทุกชิ้นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าที่มีตำหนิหรือเป็นของปลอม แน่นอนว่ามันย่อมไม่มีใครคิดที่จะซื้อสินค้าเหล่านี้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
เหตุการณ์ปัจจุบันทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างสับสน และมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมร้านค้าแห่งนี้ถึงมีลูกค้าเดินทางมาไม่มากนัก เพราะแม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าสินค้าภายในร้านไม่คุ้มค่ากับราคาเลยแม้แต่น้อย
คุณชายต่างเผ่าพันธุ์ทั้งสองคนเดินตรงไปยังประตูที่ถูกปิดโดยผ้าม่านอย่างคุ้นเคย แต่ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังจะเดินตามทั้งสองไป เขากลับถูกชายหนุ่มที่นั่งเฝ้าร้านหยุดร่างเขาเอาไว้ซะก่อน
“เฮ้! พี่ชาย คุณไม่เห็นข้อความที่เขียนเอาไว้บนประตูงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มผู้เฝ้าร้านกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางอันหยิ่งผยอง ขณะใช้มือเคาะป้ายที่เขียนว่าอนุญาตให้เข้าเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
“ฉันจะสมัครเป็นสมาชิกได้ยังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเมื่อได้เห็นท่าทางดูถูกของอีกฝ่าย
“แค่ซื้อของสักชิ้นจากในร้านก็ถือว่าเป็นสมาชิกของพวกเราแล้ว แต่ถ้านายไม่มีเงินก็รีบไสหัวออกไปซะ” ชายหนุ่มผู้เฝ้าร้านกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นจู่ ๆ ร่างของเขาก็ถูกเซี่ยเฟยคว้าจับเอาไว้ซะก่อน และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้เป็นอิสระ แต่เมื่อเขาได้เห็นแววตาอันดุร้ายของเซี่ยเฟย ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่จะไร้เรี่ยวแรงขัดขืนการจับกุมจากนักรบสกายวิง
“ตอนนี้ฉันมีของอย่างหนึ่งอยากจะซื้ออยู่พอดี” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ถ้าคุณอยากจะซื้ออะไรก็เชิญไปหยิบมันมาชำระเงินได้เลยครับ” ชายหนุ่มผู้เฝ้าร้านกล่าวขึ้นมาอย่างเร่งรีบเมื่อได้สัมผัสกับตัวเองแล้วว่าเขามาหาเรื่องลูกค้าผิดคน
“ฉันอยากจะซื้อชีวิตของแก” เซี่ยเฟยกล่าวเน้นย้ำออกมาทีละคำ จนทำให้ชายหนุ่มภายในมือหน้าซีดเหงื่อไหลท่วมไปทั่วทั้งตัว
ทันใดนั้นมันก็มีชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของร้านก้าวเท้าออกมาจากหลังม่าน และเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเซี่ยเฟยเขาก็กล่าวออกไปว่า
“เอาสิ ตราบใดก็ตามที่คุณกล้าซื้อฉันก็กล้าขาย ราคาของเจ้าเด็กนี่ฉันขอขายที่…”
ฉัวะ!
น่าเสียดายก่อนที่เจ้าของร้านจะทันได้พูดจบลง เซี่ยเฟยก็ได้ทำการตวัดดาบผ่าร่างของเด็กเฝ้าร้านออกเป็น 2 ท่อน
“ว่าแต่แกคิดจะขายชีวิตของตัวเองด้วยหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยแววตาอันเย็นชา
***************
เอางี้เลยเหรอ?!


แสดงความคิดเห็น