บททดสอบของการเป็นหนึ่ง

โอเปอร์เรชั่น เกรย์วูล์ฟ

-A A +A

บททดสอบของการเป็นหนึ่ง

                “นั่นคือโลโกขององค์กร   Operation of Greywolf   ครับ”   เพรนิควีขมวดคิ้ว   “องค์กร   Operation of Greywolf   คือผู้ก่อตั้งประเทศลาฟฮิลโดยมีจุดประสงค์แรกเริ่มคือการอยู่อาศัยบนเกาะแห่งนี้ให้ได้ในสภาพอากาศที่แปรปรวน”   ภาพวาดที่กำลังมองเปลี่ยนเป็นภาพอื่น   ภาพคล้ายแผนที่จากมุมมองด้านบนที่เห็นผืนป่าและหุบเขานับสิบลูกที่รายล้อมมัน   “ตอนนี้พวกเราอยู่ในป่าตามภาพที่เห็นครับ”   ภาพตัดไปและเปลี่ยนเป็นภาพวาดอีกชิ้นที่เป็นเหมือนภาพวาดฝาผนังของสิ่งมีชีวิตมีปีกพ่นไฟใส่กลุ่มคนที่ถือหอกและโล่   “จากการต่อสู้กับสภาพอากาศที่ยากต่อการมีชีวิตรอด   พวกเรายังต้องปะทะกับราชันต์แห่งโลก”   ประธานาธิบดีกล่าว   “มันเผาทำลายหมู่บ้านของพวกเราย่อยยับ   คิดว่าพวกเราสูญสิ้นไปแล้ว”   น้ำเสียงของประธานาธิบดีเปลี่ยนไป   มันเข้มข้นด้วยความเคียดแค้นอย่างน่าประหลาด   “ที่สุดพวกเราก็สร้างโดมเหล็กสำเร็จ   ป้องกันการมองเห็นของมัน   เฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้น   ไม่ใช่แค่มัน   แต่แสงที่สว่างที่สุดด้วย”   แสงที่สว่างที่สุดด้วยยังงั้นหรือ?’   เพรนิควีคิดในใจ  

                “การที่จะกำจัดแสงนั้นจำป็นต้องรู้จักตัวตนของมันก่อน   พวกคุณรู้จักธาตุใช่ไหมครับ?”   ไม่มีใครตอบด้วยเสียงแต่พยักหน้ารับกันพอสมควร   “แล้วรู้จักธาตุที่เก้าและสิบไหมครับ?”   คราวนี้ต่างคนต่างหันมองหน้ากัน   บางก็ยกนิ้วขึ้นนับ   มีก็แต่เพรนิควีที่ยังคงมีอาการนิ่งสงบ   “ธาตุที่เก้า   และสิบคือธาตุแสง   และธาตุความมืด   มันคือสุดยอดธาตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้   แพ้ซึ่งกันและกัน”   ประธานาธิบดีกว่าต่อ   “พวกเราเจอธาตุทั้งสองในตอนที่ปะทะกับราชันต์แห่งโลก   ส่วนหนึ่งของมันถูกตัดขาดโดยหัวหน้ากลุ่ม   Operation Greywolf   ท่านมิคาเอลที่สี่”   ภาพวาดเปลี่ยนไปอีกครั้งกลายเป็นภาพวาดที่เคลื่อนไหวได้   กลุ่มคนที่กำลังยืนอยู่รอบแท่นหินกับชิ้นเนื้อสีเทาค่อนขาวที่ดิ้นไปดิ้นมา   “พวกเราเชื่อว่าราชันต์แห่งโลกถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าเพื่อกำจัดพวกเรา   หลักฐานก็คือบรรพบุรุษของเราบันทึกวันที่แสงสีขาวที่สว่างราวดวงอาทิตย์และดำมืดราวผลไม้เน่าเสียภายในกลุ่มแสง   ร่วงหล่นลงมาสู่ผืนน้ำแข็งของทวีปซินเรดแลม   หลังจากนั้นไม่ถึงมีเจ้านั่นก็ฆ่าล้วงเผ่าพันธุ์ของพวกเราอย่างที่บอก”   เพรนิควีรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แทรกซึมอยู่ในน้ำเสียงของอีกฝ่าย   มันชั่งเหมือนตัวเขาเสียทุกอย่างจริงๆ

                “ด้วยการนั้นพวกเราจึงจะสังหารราชันต์แห่งโลก   และดึงพระเจ้าผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างของพวกเราลงมาจากบัลลังค์เหนือเวหา   สังหารมันทั้งสองให้ดับสูญ   เพราะงั้นแล้วพวกเราจึงได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว   เร็วเกินกว่าที่โลกภายนอกจะเข้าใจได้”  

                “พวกคุณรู้จักแค่พลังธาตุและเวทมนต์   มองว่าพวกเราใช้เวทมนต์กับเก้าอี้ที่พวกคุณนั่ง   เปล่าเลย   ทั้งหมดนั่นคือวิทยาศาสตร์   ความก้าวหน้าที่จับต้องได้   และสิ่งที่ทำให้ผมรู้ถึงความทรงจำในส่วนลึกของหัวพวกคุณ   กลับกันที่เวทมนต์นั้นคืออำนาจเหนือธรรมชาติ   และอธิบายไม่ได้   ที่สำคัญมันมีแหล่งกำเนิดมาจากพลังธาตุที่เก้าและสิบครับ”   ประธานาธิบดีกล่าวต่อ   “แต่ก็ใช่ว่าพวกเราจะเกลียดพลังที่มาจากผู้ที่ต้องการทำลายเราหากพลังนั้นสามารถใช้ทำลายเจ้าของพลังได้”  

                “แล้วพวกข้ามีประโยชน์อะไรกับพวกท่าน   ท่านถึงได้ลักพาตัวพวกข้ามาแบบนี้”   ประธานาธิบดีแสยะยิ้ม   “พวกเราแชร์อุดมคติเดียวกันยังไงครับ”   เขายกมือขึ้นพลันชายผู้ช่วยแจกแผ่นกระดาษเท่าเอสี่ออกมาปึกหนึ่งให้กลุ่มเพรนิควีที่เก้าอี้กำลังหมุนกลับมา   “นี่คือพันธสัญญา   หากพวกคุณอยากสังหารผู้ให้กำเนิดที่ทอดทิ้งพวกคุณ   มาอยู่กับพวกเรา   ช่วยกันเติมเต็มความฝันที่พวกคุณมองหา”   ประธานาธิบดีหุบยิ้ม   ใบหน้าเคร่งขรึมขึ้น   “แต่ผมขอเตือนไว้อย่าง   ก่อนที่พวกคุณจะใช้ปากกานั่นเขียนอะไรลงไป   ให้จำไว้ว่าจุดประสงค์ของการมีอยู่ของประเทศนี้ก็เพื่อสังหารแสงสว่าง   ไม่น่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม   เพราะงั้น   หากพวกคุณไม่พร้อมที่จะตายเพื่อจุดหมาย   ก็ถือซะว่าวันนี้เป็นแค่การเปิดหูเปิดตา   พวกเราจะปล่อยคุณไป   ส่งคุณถึงหมู่บ้านของชนเผ่าออปโปซีครับ”  

                เพรนิควีแหงนหน้ามองแผ่นกระดาษตรงหน้า   ตัวอักษรที่เขียนอยู่บนแผ่นกระดาษเป็นภาษาของพวกเขา   เข้าใจได้อย่างชัดเจน   เขาหยิบแท่งสีเทานั้นขึ้น   สังเกตเห็นฝั่งหนึ่งที่มีลักษณะแหลมออกมาจึงลองกดลงไปในแผ่นกระดาษก่อนจะตกใจที่มันปรากฏหมึกสีน้ำเงินออกมา   เขากดปลายแหลมของแท่งเหล็กนี้ครู่หนึ่งก่อนจะลากมันที่กึ่งกลางกระดาษที่เป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่   ก่อนจะส่งแผ่นกระดาษและแท่งเหล็กนั้นให้ผู้แจกอย่างสุขุม   ท่ามกลางสายตาของเพื่อนที่เหลือที่ต่างก็อ้ำอึ้งกับการตัดสินใจที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจได้ในช่วงเวลาอันสั้น   แต่แล้วอนานำก็ได้ยื่นแผ่นกระดาษของตนให้ผู้แจกเป็นคนที่สอง   “ถ้าชีวิตของข้ามีค่าขนาดที่จะเสียเพื่อเป้าหมายที่ข้าต้องการ   ข้าก็พร้อมตายไม่ว่าจะทรมาณแค่ไหนก็ตาม”   เขาหันไปยิ้มให้เพรนิควีผู้ไม่ได้แสดงรอยยิ้มกลับแต่อย่างใด   พวกที่เหลือพอเห็นแบบนั้นต่างก็ไม่ลังเลที่จะยินยอมติดตามราชาของตนแม้ความตายอาจรออยู่ข้างหน้า

                “ขอต้อนรับอีกครั้ง   แต่ไม่ใช่ในฐานะของผู้มาเยือนอีกต่อไป   ตอนนี้พวกคุณคือหนึ่งในประชาชนของประเทศ   ลาฟฮิล   ขอให้ลืมฐานะและเกียรติยศที่ตัวเองเคยมีเพื่อให้การทำงานเป็นไปได้โดยไม่มีข้อกังขา   และผิดพลาด   และขออภัยที่ผมไม่สามารถพาพวกคุณชมรอบประเทศได้นะครับ”   ประธานาธิบดียิ้มส่งท้าย 

                “ตามผมมาครับ   ผมจะพาไปส่งที่พักของพวกคุณ”   ชายผู้ช่วยประธานาธิบดีนำทางคนทั้งสิบออกจากห้องประชุมไปพร้อมกับตัวประธานาธิบดีเองที่เดินควบเพรนิควี   “จากนี้ไปอีกเจ็ดวันจะมีการทดสอบเพื่อคัดเลือกงานให้พวกคุณแต่ละคน   โดยในเจ็ดวันนี้พวกคุณจะได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อการดำรงอยู่ที่นี่อย่างมีประสิทธิภาพ   อักษรที่พวกเราใช้ครับ”   เพรนิควีไม่ได้กล่าวอะไร   นึกสงสัยด้วยซ้ำว่าทั้งที่ภาษาของคนสองคนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากตัวเองเลย   แต่ทำไมถึงใช้อักษรต่างกันคนละขั้ว   ที่เห็นในสิ่งก่อสร้างสีขาวนั่นก็ทีหนึ่งแล้ว   “หวังว่าผมจะได้ยินข่าวว่าคุณถูกบรรจุเป็นทหารนะครับ”   ประธานาธิบดียิ้ม   “คุณกับอนานำเหมาะมากที่สุดแล้วครับ”   เขายังคงยิ้มค้างอยู่อย่างงั้นตลอดทางจนผ่านประตูของสิ่งก่อสร้างสีขาวที่ไม่ได้สูงแต่มีรูปทรงเหมือนบ้านที่ทำจากหินและมีเสาหินมากมาย  

                พวกเขาเข้าไปในกล่องสีดำนั่นอีกครั้ง   มันเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว   เพรนิควี   สายตามองลอดออกมาจากช่องว่างที่มีสิ่งไร้รูปลักษณ์กั้นอยู่   ภาพทิวทัศน์ด้านนอกหวนให้นึกถึงกลอนแห่งความตายนั้น   ‘เริ่มจากพันรอดเพียงสิบ   ทั้งเหมันต์ชั่วนิรันด์และความตายอันใหญ่ยักษ์   พวกมันไล่ตาม   กัดกินชีวิตนี้ดับสลาย   กลับมิอาจหยุดฝันอันยิ่งใหญ่   จากบ้านมาไกลแสนคณา   จะหวนกลับคืนหาใช่เลือกได้   เมื่อสวรรค์ไม่ทรงเมตตา   ก็จงลิขิตชะตาตน’    เขาหลับตาลง   อันนากา.....ข้าทำถูกรึเปล่า?’  

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.