ยินดีต้อนรับ เพื่อนของฉัน

โอเปอร์เรชั่น เกรย์วูล์ฟ

-A A +A

ยินดีต้อนรับ เพื่อนของฉัน

                “ท่าน   ถึงท่านจะพูดเมื่อคืน   แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมพวกเราถึงไม่สามารถใช้เส้นทางลัดได้?”   ชายผมบลอนด์จ้องมองผืนน้ำที่พวกเขากำลังเคลื่อนผ่านด้วยเรือไม้ที่สร้างขึ้นอย่างลวกๆ   ตัวเรือขับเคลื่อนด้วยโดพีฟิฟหนึ่งเชือก   ทำให้มันมีความเร็วที่พอจะช่วยลดเวลาเดินทางไปจุดหมายได้บ้าง   “อืม   ข้าเข้าใจว่าเจ้าคิดเช่นไร   เพียงแต่เจ้าไม่คิดว่ามันน่าประหลาดรึ   กับสภาพอากาศที่รายล้อมไปด้วยภูเขาไฟแต่ป่าหนานั่นดูจะไม่ได้รับอิทธิพลของพื้นที่แต่อย่างใด”   เพรนิควีกล่าวเสียงเรียบ   “อย่าได้เป็นห่วงไป   ด้วยความเร็วของการเดินเรือ   พวกเราจะไปถึงที่นั่นในไม่เกินเดือนนี้”   ทั้งที่ตัวเองพูดไปแบบนั้นแต่กลับมีสีหน้าเป็นห่วง  

 

                ค่ำคืนเคลื่อนผ่าน   จอดแวะข้างทาง   และออกล่าหาอาหาร   วนซ้ำไปเรื่อยๆ   กระทั่งในที่สุดก็เริ่มมองเห็นต้นไม้นับร้อยของหมู่เกาะตรงหน้าที่เรือกำลังแล่นผ่าน   “พวกเรามาถึงแล้ว!!”   ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างมีความสุข   หลายคนตอนนี้ก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน   เต็มไปด้วยรอยยิ้ม   แม้แต่เพรนิควีเองก็ปริรอยยิ้มออกมาบ้าง   มันเหมือนกับทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นเพียงความฝัน   ทั้งภูเขาสีดำและกลิ่นของความตาย   เหมือนกับว่าทุกอย่างคือความฝันที่ยาวนาน   และมันจะจบลงเมื่อพวกเขาเหยียบขาลงที่เกาะนั้น   ตื่นจากความฝัน   และมองความจริง   ตู้ม!!!!!!   ภาพสุดท้าย   ภาพของพายขนาดยักษ์   แต่งแต้มด้วยเกล็ดสีดำเปล่งแสงสีเขียวราวกับทับทิม   มันฟาดลงที่เรือ   ความรู้สึกที่เหมือนกับกำลังจมน้ำ   ทรมาณ   จุก   อากาศกำลังหายไป   ถูกแทนที่ด้วยของเหลว   แรงกระชาก   ไม่รู้ว่าแรงมากแค่ไหนแต่นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่จำได้

 

                “อืม~~”   ลืมตาอีกครั้ง   แสบตาเพราะแสงจ้า   สิ่งที่เห็นคือเพดานสีขาว   เสียงสัญญาณที่ดังตลอดเวลา   และไอเย็นของห้องที่จับขั้วหัวใจ   กับความรู้สึกอันน่ารำคาญเสมือนข้อมือตัวเองมีอะไรติดอยู่   พยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงนุ่ม   สอดส่ายสายตามองไปโดยรอบ   มันคือห้องสี่เหลี่ยมสีขาว   มีประตูเข้าออกเพียงบานเดียว   และกล่องสี่เหลี่ยมทรงผืนผ้าที่มีชายผมน้ำตาลนั่งสัปหงกอยู่   “อนานำ?”   เสียงเกือบจะแหบพร่า   มันไม่ดังพอให้อีกฝ่ายคืนสติกลับมาได้   เขาลุกออกจากเตียง   ค่อนข้างยากลำบากเอาการเพราะเหมือนขามันไม่มีแรงชั่วขณะ   ทิ้งตัวลงนั่งกล่องสี่เหลี่ยมทรงผืนผ้า   จ้องหน้าที่ก้มต่ำราวกับหัวจะหลุดร่วงลงพื้นให้ได้   “อนานำ?”   ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างฉับพลันทำให้อนานำตั้งท่าเตรียมหาเรื่องเพรนิควีทันใด   “ท่าน!?”    แต่พอเห็นใบหน้าแม้จะสวมชุดประหลาดก็ทำให้เข้าใจสถานการณ์ทันที  

                “ที่นี่ที่ไหน?”   “อืมม   ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน   โฮ   อะไรซักอย่าง   ข้ารู้แค่มันคือที่พักรักษา”   อนานำเอ่ย   “ใช่เกาะของชนเผ่าออปโปซีรึเปล่า?”   อนานำอึ้งไปครู่หนึ่ง   “ไม่ใช่”   เขาตอบด้วยเสียงเรียบๆ   ทำเอาเพรนิควีอึ้งไปใหญ่   ความสับสนบังเกิดพร้อมคำถามมากมาย   หนึ่งในนั้นคือ   “ทำไมเจ้าอยู่นี่?”   อนานำขมวดคิ้วเล็กน้อย   ใบหน้าดูกลุ้มใจพอสมควร   “พวกเรา...ไม่ได้ไปไหนไกลเลย”   ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่  

               

                ภายในห้องสี่เหลี่ยมแห่งหนึ่ง   โต๊ะทำงานที่ทำจากไม้   ด้านบนคือโน็ตบุ๊คขนาดกะทัดรัดสีดำ   มีตราสัญลักษณ์รูปหมาป่าสีเทากำลังงับแสงสว่างและอักษรที่เขียนว่า   This asset belongs to Operation Greywolf’   สลักบนมุมซ้ายของฝาหน้าจอ

                “ท่านประธานาธิบดี   แขกมาถึงที่ห้องประชุมแล้วครับ”   ชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบที่แตกต่างจากชุดของชายเจ้าของประโยคลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทำงาน   หยิบแฟรชไดร์สีขาวบนโต๊ะ   และเดินตามชายคนนั้นไปยังห้องอีกแห่ง   ไม่ไกลจากห้องทำงาน   เมื่อประตูถูกเปิดออก   ทั้งสองเห็นกับชายในชุดเครื่องแบบสีเทาเหมือนของชายผู้นำทางแต่ทรงผมกับลักษณะใบหน้ากลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง   “ยินดีที่ได้เจอครับ   สมาชิกชนเผ่าอีโวลนู....หรือจะให้ผมเรียกว่าอดีตประชาชนประเทศเอซเรดนูดีครับ”   ประธานาธิบดีเอ่ยทักผู้มาเยือนหลังจากนั่งลงแล้ว   “ท่านรู้จักพวกข้าได้เช่นไร...พวกท่านลักพาตัวพวกข้ามาที่นี่ใช่รึไม่   ด้วยสิ่งมีชีวิตนั่น?”   เพรนิควีจ้องอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ   ประโยคที่เขาเอ่ยทิ้งไว้ทำให้ใบหน้าของเพื่อนร่วมชาติต่างแสดงออกว่าตกใจและเริ่มไม่ไว้วางใจชายปริศนาทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้าม

                ประธานาธิบดีแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์   มือล้วงหยิบกล่องปริศนาขนาดเล็กกะทัดรัด   ดูประหลาดตายิ่งนัก   เสียบลงไปบนโต๊ะสีขาวที่ปรากฏประตูกะทัดรัดเลื่อนออก   เผยให้เห็นช่องประหลาด   “สมกับที่เป็นถึงพระราชาของประเทศเอซเรดนู   ชั่งหลักแหลมยิ่งนัก”   ประธานาธิบดีกล่าวต่อ   “อย่างที่เข้าใจ   The Hunter   เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของพวกเรา   และประเทศลาฟฮิล”   “ท่านยังไม่ตอบคำถามของข้า…ที่ว่าท่านรู้จักพวกข้าได้ยังไง?”   เพรนิควียังคงแสดงท่าทางคุมเชิง   ไม่แสดงออกว่าหดหู่   หรือจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อในกรงปีศาจ   ทั้งหมดนั้นสะท้อนอยู่ในดวงตาสีฟ้าสว่างคู่นั้น   “รบกวนหันหลังกลับไปที่กำแพงด้วยครับ”   ประธานาธิบดีจิ้มนิ้วลงบนโต๊ะพลันเก้าอี้ของคนทั้งสิบค่อยๆ   หมุนกลับไปข้างหลัง   “นี่มันเวทมนต์บ้าอะไร?!!”   ชายผมน้ำตาลหนึ่งในสิบหนุ่มฉกพรรด์เด้งตัวลุกจากเก้าอี้ทรงไข่ของตน   ไม่ใช่แค่เขาแต่คนอื่นก็มีปฏิกิริยาตอบสนองไม่แพ้กัน   เกิดเป็นความโกลาหลที่ไม่รู้จักเวทมนต์ประหลาดนี้   “ฮ่าๆๆๆ   พวกคุณนี่ตลกดีนะครับ”   เสียงหัวเราะชอบใจของประธานาธิบดีรังแต่จะสร้างความหงุดหงิดให้พวกเขามากกว่าจะคล้อยตาม   “นั่นไม่ใช่เวทมนต์ครับ   วิทยาศาสตร์ต่างหาก   เอาล่ะ   นั่งลงก่อนแล้วดูที่กำแพงด้านหลังของพวกคุณครับ   ผมจะได้อธิบายทุกอย่างให้เข้าใจ”   เพรนิควีเป็นคนแรกที่นั่งลง   สายตามองจ้องไปที่ผนังกำแพงตามที่ประธานาธิบดีบอก   มันก็ยังดูเป็นกำแพงสีขาวโล้นๆ   ไม่ได้มีอะไรประดับให้แตกต่าง   แต่พอสมาชิกทั้งหมดนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว   มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวกำแพงที่นูนออกมาและเบนหน้าลง   เพียงครู่หนึ่งก็แสดงภาพวาดที่เคลื่อนไหวได้   รูปร่างของหมาป่าสีเทากำลังงับแสงสว่าง

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.