หัวใจของสัตว์ร้าย

หมากสามโลก ภาค ความทรงจำจากน้ำหมึกเรืองแสง

-A A +A

หัวใจของสัตว์ร้าย

          ลานหญ้ารก ณ กึ่งกลางของผืนป่าทึบ   ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าที่แห่งนี้คือโรงอาหารตะวันตกที่พวกเขากำลังมองเห็น   มันทุรกันดารจนน่าหวั่นวิตก   ไม่มีรั้วล้อมรอบเขตโรงอาหาร   ไม่มีสีสันเย็นเฉียบของโต๊ะหิน   ไม่มีอะไรเลยนอกจากกลุ่มนักเรียนที่นั่งกันเป็นกระจุกบนพื้นหญ้า   ส่วนน้อยที่สวมชุดเหมือนพวกเขาและส่วนมากสวมชุดที่แปลกตาเป็นอย่างมาก 

          “เฮ้อ!!   นี่ไงล่ะความกันดารที่ดิฉันหมายถึง   ฝ่าบาทโปรดทรงไตร่ตรองอีกครั้งด้วยเถิดเพคะฝ่าบาท”   จูปิตันกล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย   เธอเหลือบตามองโทมัสเจ้าของความคิดแต่ด้วยใบหน้าอันทรงเสน่ห์จึงทำให้เธอยอมเงียบไปโดยปริยาย

          ใบหน้าที่หันมองไปที่ที่เดียวกันโดยไม่ได้ถูกบังคับหรือบอกกล่าว   กลุ่มนักเรียนที่ก้าวเดินในความเงียบซึ่งนำโดยชายหนุ่มร่างสูง   ผมขาวเกือบดูยุ่งเหยิงและนัยน์ตาสีแดงอันน่าประหลาด   สายตานับร้อยที่ส่งมาหาพวกเขามีทั้งความสงสัย   ไม่เข้าใจ   หวาดกลัวแต่ก็มีบางส่วนที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง   โกรธแค้นและชิงชัง  

          โทมัสเห็นด้วยสายตาจากระยะไกล   นักเรียนชายคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาที่กลุ่มของพวกเขา   ใบหน้าเรียบเฉยของนักเรียนคนนั้นยิ่งเห็นใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกเหมือนมันจะทำให้เกิดเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นและก็เป็นจริงตามลางสังหรณ์อันแข็งแกร่ง   ใบหน้าบิดเบี้ยวจากแรงต่อยอันแสนทรงอานุภาพส่งผลให้ซาคาเรียสตัวปลิวและหน้าไถลไปกับพื้นหญ้า   เสียงที่เขาได้ยินก่อนโลกจะล้มครืนไปต่อหน้าต่อตาคือเสียงร้องด้วยความตกใจของจูปิตัน   มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีสัมผัสนุ่มๆ ของแขนหลายคู่ที่กำลังพยุงตัวเขาให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับภาพของวิสัยทัศน์ที่กำลังปรับเข้าสู่สภาวะปกติ   หูยังคงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายทั้งรอบตัวและในระยะไกลแต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าสงสัย   ทั้งที่โดนต่อยเข้าเต็มกำลังแต่ทำไมถึงไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว

          จูปิตันโหวกเหวกโวยวายตามประสา   โรซาลินกำลังปฐมพยาบาลให้ซาคาเรียส   ส่วนวิลเลี่ยมก็กำลังคุยกับคนก่อเหตุที่ตอนนี้ถูกล็อกแขนสองข้าง   ดูจากสภาพแล้วเหมือนจะยังไม่สงบสติอารมณ์แต่อย่างใด   โทมัสเฝ้ามองสถานการณ์อย่างเงียบสงบ   ไม่มีอาการแยแสซาคาเรียส   เอาแต่ฟังเสียงตะโกนจากนักเรียนคนนั้นด้วยความสงสัย   “มันสมควรโดนแล้ว!!!”   ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังราวกับเสียงกระซิบ

          “ใจเย็นก่อนนะครับ”   วิลเลี่ยมพยายามไกล่เกลี่ย   “คุณเองก็เป็นไปกับเขาหรือครับ   คุณวิลเลี่ยม?”   โทมัสชำเลืองมองวิลเลี่ยมทันทีและเหมือนวิลเลี่ยมเองก็จะรู้ว่าโทมัสมองมาที่ตนทำไม   “คุณวิลเลี่ยม?”   เสียงปริศนาที่ผ่ากลางเสียงทั้งหมด   เร็วกว่าที่ปากของโทมัสจะส่งเสียงอะไรออกไปและบังคับให้เสียงอื่นใดเงียบไปในทันที   กลุ่มนักเรียนไทมุงแหวกตัวออกเป็น   2   ฝั่ง   ปล่อยให้นักเรียนชายผิวสี   ผมทรงสกินเฮด   ร่างกายกำยำและมีราศีของความเป็นผู้นำเดินตรงเข้ามาอย่างน่าเกรงขาม   “คุณมิลเลอร์?”   และดูเหมือนวิลเลี่ยมจะรู้จักกับชายคนนี้เมื่อฟังจากการทักทายของเขา     

          สถานการณ์อันน่าสับสนและตึงเครียดเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันกับการปรากฏตัวของเดวิด   วิลเลี่ยมแนะนำให้เพื่อนของเขาได้รู้จักว่าเขาเป็นหัวหน้ากลุ่มลีก ออฟ ลิเบอรัลไลเซชัน   กลุ่มของนักเรียนทุนที่ยังหลงเหลือในโรงเรียน   “ขอประทานอภัยเป็นอย่างสูงขอรับฝ่าบาทที่คนของกระผมล่วงละเมิดพระเกียรติยศของพระองค์เช่นนี้”   ในขณะที่ทุกคนนั่งบนเก้าอี้ของโต๊ะไม้ยาวที่มีเพียงตัวเดียวในเขตโรงอาหาร   เดวิดเป็นคนเดียวที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของซาคาเรียส   ร่างกำยำโค้งตัวลงจนเข่าชิดติดพื้นหญ้าเช่นเดียวกับหน้าผาก   “โปรดทรงประทานอภัยโทษให้คนของกระผมด้วยเถิดขอรับฝ่าบาท”   ไม่เพียงแต่คำพูดแต่เป็นการกระทำที่ซื้อใจทั้งโทมัสและซาคาเรียส   เจ้าชายตัวจริงและเจ้าชายตัวปลอมต่างก็รับรู้ถึงความจริงใจจากชายคนนี้   ทว่าอะไรคือต้นเหตุของความเกลียดชังจนนำไปสู่การใช้กำลังและเสียงโห่ร้องที่แสดงออกว่าไม่พอใจที่เดวิดยอมก้มหัวให้เจ้าชาย  

          “ผมขอถามได้ไหมครับว่าทำไมถึงต้องทำร้ายร่างกายเจ้าชาย?   พวกคุณไม่ชอบอะไรในตัวของพระองค์หรือครับ?”   โทมัสเอ่ยขึ้นเพียงเท่านั้นเสียงของเขาก็ถูกกลบด้วยคลื่นเสียงรอบตัว   คำว่าทอดทิ้ง   เมินเฉย   มันดังกังวานอยู่ในจิตใจของเขาจนรู้สึกสับสนมากกว่าเดิม   เดวิดลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ   เขาหันมองไปโดยรอบตัว   สายตาอันน่าเกรงขามแม้ไม่ต้องเอ่ยปากก็สามารถสยบทุกเสียงได้โดยง่ายดาย   เมื่อทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ   เขาเดินไปนั่งที่ข้างซาคาเรียส   ดวงตาที่กำลังจ้องมองซาคาเรียสแสดงถึงความเชื่อมั่นแม้จะแฝงเศษเสี้ยวของความสงสัยไว้ภายในเป็นจุดเล็กๆ   “1   ปีในเงามืด   ที่สุดเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์   พวกเรานับวันรอคอยความพร้อมของพระองค์   เจ้าชายฟรานซิสโก้โทมัส   ผู้ที่จะกอบกู้แสงสว่างที่อ่อนกำลังของกลุ่มจัสติค   ตั้งแรกวันแรกที่พระองค์เข้ามาเรียนที่โรงเรียน   พวกเราต่างรอคอยอย่างใจเย็นแต่สุดท้ายก็มีแต่เพียงความเงียบจากพระองค์เท่านั้นที่ดังกึกก้องอยู่   ณ   ที่แห่งนี้”   เดวิดมองหน้าซาคาเรียสผู้มีสีหน้างงงวยเป็นอย่างมาก

          “หากไม่ใช่เพราะท่านคาร์เน็ตโต วิลเลี่ยมและท่านอัลเบอร์โต รูบี้ที่คอยแก้ข่าวลือให้พวกกระผมได้ทราบ   กระผมเองก็คงหมดความศรัทธาในตัวพระองค์เหมือนดั่งเจ้าเด็กเขลาคนนั้น”   หัวใจของโทมัสเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ   อัลเบอร์โต รูบี้   เป็นเพราะชื่อนี้อีกแล้วแต่ไม่ใช่เวลาที่จะมาไขว้เขวกับสิ่งอื่นใด   “ข่าวลือที่ว่าคืออะไรหรือครับ?”   ใบหน้าเรียบเฉยของเดวิดบังเกิดความสับสนขึ้นทันใด   เขาหันไปมองวิลเลี่ยมเหมือนกับว่า....   “ขอโทษทีครับที่ไม่ได้แจ้งให้พระองค์ได้รับทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้   กระผมแค่คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะต้องบอกพระองค์ที่ยังมิทรงมีความพร้อมสำหรับการสานต่อกลุ่มจัสติคขอรับฝ่าบาท”   วิลเลี่ยมกล่าวไปหลบสายตาโทมัสไป   “แล้วข่าวลืออะไรหรือครับ?”   โทมัสย้ำอีกครั้ง   วิลเลี่ยมถึงกับขนลุกเมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นของโทมัส   ยิ่งคำถามนั้นทำให้เขาดูจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก   ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงให้โทมัสพึงพอใจ

          “เอ่อคือมันเกี่ยวกับ.....เกี่ยวกับความจริงที่ว่า…..เอ่อ”   “ความจริงที่ว่าเจ้าชายฟรานซิสโก้จะไม่เข้าร่วมกลุ่มจัสติคแต่จะเข้าเป็นสมาชิกของกล่มฟอร์เทร็ซเซสแทนครับ”   เดวิดตอบแทนวิลเลี่ยมที่ดูจะไม่กล้าตอบเต็มเสียง   เขาไม่รู้ว่ามันหนักอะไรนักหนากับแค่การตอบในแบบที่เขาเพิ่งกล่าวไปเมื่อครู่  

          “กระผมและเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์รู้ดีว่าพระองค์และทายาทที่แท้จริงของผู้ก่อตั้งกลุ่มจัสติคจะมาเยือน   ณ   โรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้เพื่อทำให้กลุ่มจัสติคเติบโตยิ่งกว่าที่เคยเป็นแม้ว่า   ณ   เวลานี้กลุ่มจัสติคจะเหลือเพียงนามแต่หากพระองค์และพระสหายอีก   3   คนร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว   จะต้องดึงความเชื่อมั่นที่แตกสลายของกลุ่มจัสติคในอดีตและทำลายความชั่วร้ายของโรงเรียนแห่งนี้ให้หมดไป   พวกเราต้องปลดแอกตัวเองจากอำนาจมืดของกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสให้ได้ขอรับฝ่าบาท”   เดวิดร่ายยาวก่อนจะหันไปมองซาคาเรียส   “ทรงพร้อมแล้วใช่ไหมขอรับฝ่าบาท?”   ทั้งซาคาเรียสและโทมัสต่างขมวดคิ้ว   “พร้อมอะไรหรือครับ?”   คำตอบของซาคาเรียสกลายเป็นความสงสัยให้เดวิดผู้หันกลับไปมองที่วิลเลี่ยมอย่างงุนงงไปด้วย   “หรือบางทีฝ่าบาทอาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการรับตำแหน่งจริงๆ”   เดวิดกล่าว   มันทำให้วิลเลี่ยมมีสีหน้าเปลี่ยนไป   กดดันและเคร่งเครียดเพราะหากโทมัสไม่เล่นด้วยกับความคิดดังกล่าวจะกลายเป็นว่าเขาจะต้องรับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มจัสติคไปโดยปริยายแทนโทมัส

          “ผม....เอ่อ....”   ทั้งหมดต่างหันไปมองที่ต้นเสียงเอะอะโวยวาย   นักเรียนทุนวิ่งหนีออกจากจุดหนึ่งที่ปรากฏกลุ่มนักเรียนหลวงกลุ่มใหญ่   ชายที่เดินนำหน้ากลุ่มนักเรียนเหล่านี้ไม่ใช่ใครแต่เป็นแฟรงก์ลินผู้มีรอยยิ้มแห่งความสุขที่กว้างขึ้นเมื่อเห็นกลุ่มของโทมัส   นิ้วชี้ปัดไปมาทั้ง   2   ฝั่งเป็นคำสั่งพิเศษเพื่อให้ผู้อยู่ใต้อาณัติเริ่มอาละวาดใส่นักเรียนทุนโดยรอบอย่างไม่ยำเกรง   เปลวไฟปลิวว่อนไปทั่วอาณาเขตโรงอาหาร   ทำลายแม้แต่ใบหญ้าบนพื้นจนมอดไหม้และทำให้นักเรียนทุนหากไม่หนีตาย   ก็เข้าไปตะลุมบอนกับกลุ่มผู้มาเยือนอย่างเดือดพล่าน

          แฟรงก์ลินยังคงยืนอยู่ที่เดิม   จ้องมองความวินาศสันตะโรด้วยรอยยิ้มกว้างไม่หุบราวกับงานศิลปะที่เคลื่อนไหวด้วยการกรีดนิ้วเรียวของเขาและมันเกิดขึ้นเป็นไปตามจังหวะที่เขาต้องการ   นัยน์ตาสีม่วงจ้องมองใบหน้าที่เป็นเดือดเป็นร้อนของซาคาเรียสผู้วิ่งเข้าไปช่วยเดวิดจัดการกับนักเรียนหลวงเหล่านั้นก่อนจะเปลี่ยนเป้าสายตามาที่โทมัส   เขาสัมผัสได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตนั้น   มันชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใดๆ   ทั้งความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายที่เริ่มสั่นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ   บางอย่างกำลังต้องการถูกปลดปล่อยออกมาจากภายใน   อสูรร้ายแห่งความโกรธแค้น

          แฟรงก์ลินปรบมือ   2   ครั้ง   เสียงนั้นแม้จะไม่ดังมากแต่กับโทมัสมันดังพอที่จะปลุกให้เขากลับมามีสติอีกครั้ง   เหมือนลมหายใจมันถูกอุดมานานและตอนนี้กำลังถูกปล่อยออกมาทีเดียวพร้อมกันจนหายใจไม่ทัน   ริมฝีปากอ้ากว้างพยายามที่จะผ่อนลมออกให้ได้มากที่สุด   การเต้นที่รุนแรงของหัวใจสัมผัสผ่านฝ่ามือที่ทาบอยู่บนหน้าอก   กระนั้นสายตาของโทมัสก็ยังคงจดจ้องมองแฟรงก์ลินโดยไม่ละสายตาและเห็นว่าร่างนั้นกำลังเตรียมเดินจากไปพร้อมนักเรียนหลวงที่ก่อความวุ่นวาย   ไม่มีใครรู้ว่าจุดประสงค์ที่เขามาเยือนและทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่   

          “ฝ่าบาท   เป็นอะไรรึเปล่าขอรับฝ่าบาท?”   ซาคาเรียสเข้ามาดูอาการไม่สู้ดีของโทมัส   กระซิบที่ข้างหูเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน   ช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง   “ฝ่าบาท   ก็อย่างที่เห็นขอรับฝ่าบาท   พวกเรานักเรียนทุนถูกกลั่นแกล้งสารพัดจากกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสโดยเฉพาะหัวหน้าของพวกมัน   โรบัสต้า แฟรงก์ลินและปีศาจหมาป่าสีดำ”   เดวิดเดินเข้ามา   “ตั้งแต่กลุ่มจัสติคและแกนนำทั้งหมดถูกกลืนกินโดยความชั่วร้ายของกลุ่มฟอร์เทร็ซเซส   พวกเราไม่เคยได้เห็นแสงสว่างในความมืดของโรงเรียนแห่งนี้และพระองค์   ฝ่าบาท   ฝ่าบาทคือแสงสว่างที่พวกเราจำเป็นต้องมี   พวกเราจำเป็นต้องพึ่งพระองค์   ท่านเป็นเพียงผู้เดียวที่จะรวมเศษเสี้ยวที่แตกสลายของกลุ่มจัสติคให้กลับมาอีกครั้ง   ได้โปรดเถิดขอรับฝ่าบาท   ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย”   เดวิดนั่งคุกเข่าลงกับพื้น   อ้อนวอนต่อซาคาเรียสที่มีสีหน้าเคร่งขรึม   เขาหันมองไปโดยรอบ   เสียงร้องไห้ดังระงมเช่นเดียวกับใบหน้าที่หวาดกลัว   ชั่งเป็นภาพที่น่าหดหู่และมันทำให้หัวใจที่อ่อนโยนถูกผลักดันด้วยความรู้สึกที่เข้มข้น

          “ครับ   ผมฟรานซิสโก้ โทมัส   ขอปฏิญาณตนต่อหน้าพวกคุณทุกคนว่าผมจะรื้อฟื้นกลุ่มจัสติคขึ้นมาอีกครั้งและจะทำลายความชั่วร้ายที่ชื่อว่ากลุ่มฟอร์เทร็ซเซสให้สิ้นซาก   เพื่อที่ความสุขของทุกคนจะได้กลับมาอีกครั้งครับ!”   ซาคาเรียสกล่าวเสียงเข้ม   มันเป็นครั้งแรกที่เขาทำอะไรโดยพลการ   ไม่คิดจะส่งสัญญาณให้โทมัสผู้ยังคงคุมสติไม่ได้เต็มร้อย  

 

          ประตูห้องที่ถูกเปิดออกในยามดึก   ซาคาเรียสยังคงทำหน้าที่ของตัวเองตามเดิม   เขาถือถาดแก้วและเหยือกนมร้อนมาเสริฟถึงโต๊ะในห้องบรรทมของเจ้าชายฟรานซิสโก้   โทมัสผู้นั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะหมากรุก   ดวงตาไม่ได้ตั้งใจมองการเคลื่อนไหวบนโต๊ะตรงหน้าแต่ก็มองเห็น   ได้กลิ่นและสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของของเหลวสีขาวขุ่นที่ถูกเทจากเหยือกลงในแก้วน้ำใส    “ฝ่าบาท   วันนี้กระผม....”   กล่าวเท่านั้นก็หยุดไป   มันรู้สึกกระดากปากที่จะกล่าวต่อ   ยิ่งเมื่อเห็นว่าโทมัสไม่แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ   “กระผมจะรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำ   กระผมจะเป็นเจ้าชายตัวปลอมและทำหน้าที่แทนพระองค์จนกว่าความจริงจะถูกเปิดเผยขอรับฝ่าบาท”   ซาคาเรียสกลับมายืนตัวตรงอีกครั้งหลังอยู่ในท่าโค้งตัวทำความเคารพแต่ก็ยังไม่เห็นปฏิกิริยาที่แตกต่างจากโทมัสจึงตัดสินใจหันหลังให้และเตรียมเดินออกจากห้องไป

          “ถ้าเราเป็นพี่   เราก็คงจะพูดแบบเดียวกันครับ”   เท้าที่ชะงักอยู่กับที่   ไม่จำเป็นต้องมองกลับไป   รอยยิ้มที่มุมปากกลับมาอีกครั้ง   มันหายไปตั้งแต่ช่วงที่ออกจากโรงอาหารตะวันตกและการที่มันกลับมาปรากฏอีกครั้ง   บางทีนี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับพวกเขาก็ได้   เสียงประตูที่ปิดลง   ทิ้งไว้เพียงชั่วครู่ก็มีเสียงวางแก้วน้ำที่ดังตามมาก่อนที่แสงสว่างภายในห้องจะดับลงและคืนความมืดที่แท้จริงให้คลุมพื้นที่ทั้งหมด  

          ในความมืดที่มองไม่เห็นสิ่งใด   โทมัสยังคงมีสติและกำลังไตร่ตรองถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้   ในความลำพังที่มีเพียงเสียงของความเงียบ   เขารู้สึกเจ็บหัวใจเพียงชั่ววินาทีเท่านั้น  

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.