บ้านของเรา
ชื่อเรื่อง บ้านของเรา
แดดอ่อนยามบ่ายสาดส่องลอดผ่านบานหน้าต่างห้องนั่งเล่นกว้างของบ้านหลังใหม่ ฝุ่นละอองจากการขนย้ายข้าวของยังคงล่องลอยระยิบระยับในลำแสงนั้น
“เราจะต้องอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอแทน…” ลลิลเอ่ยเสียงแผ่ว ทิ้งตัวลงบนโซฟาเก่าตัวเดิมที่ยังไม่ได้จัดเข้าที่ ความกังวลและความเหนื่อยล้ารวมกันจนเธอแทบหมดแรง แทนยิ้มบาง ๆ เดินไปเปิดหน้าต่างบานใหญ่ ลมเย็นพัดโชยเอากลิ่นดินและใบไม้จากสวนหน้าบ้านเข้ามา สูดดมความสดชื่นนั้นเต็มปอด
“ใช่แล้วลลิล ที่นี่คือจุดเริ่มต้นใหม่ของเราจริง ๆ” เขากล่าว มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเพียงความเงียบสงบของย่านชานเมืองที่ห่างไกลจากความวุ่นวาย
ลลิลและแทน คู่รักที่เคยร่วมกันสร้างธุรกิจจนกระทั่งล้มไม่เป็นท่า พวกเขาตัดสินใจเช่าบ้านหลังเล็กโทรม ๆ หลังนี้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย มันช่างแตกต่างจากความหรูหราที่พวกเขาเคยคุ้นเคยราวฟ้ากับดิน
เวลา 19.45 น.
หลังจากทานมื้อเย็นเรียบง่ายเสร็จ แทนขอตัวขึ้นไปอาบน้ำที่ชั้นบน ปล่อยให้ลลิลยังคงเก็บล้างจานอยู่ด้านล่าง เสียงน้ำไหลจากก๊อกดังเป็นจังหวะซ้ำ ๆ คล้ายกับความคิดที่ตีวนอยู่ในหัวของเธอไม่หยุดหย่อน หนี้สินที่พอกพูน อนาคตที่มืดมน และความรู้สึกเหมือนจนหนทาง
ตึก... ตึก... ตึก...
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก้าวลงมาจากบันไดไม้ช้า ๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ
“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ” ลลิลถามโดยไม่หันไปมอง ยังคงก้มหน้าก้มตาล้างคราบสกปรกบนจานอย่างตั้งใจ
“............”
สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบงัน เงียบจนผิดปกติ หัวใจของลลิลเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอชะงักมือที่กำลังล้างจานช้า ๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงความเงียบที่ไร้การตอบรับจากคนรัก ลลิลค่อย ๆ หันไปมอง...
แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้ากลับเป็นเพียงความว่างเปล่า บันไดทอดยาวขึ้นไปยังความมืดมิดเบื้องบน ไม่มีแม้แต่เงาของแทนอยู่ตรงนั้น ความรู้สึกเย็นเยียบแล่นริ้วไปทั่วสันหลัง
“แทน!” ลลิลตะโกนเสียงดัง ความตกใจถาโถมเข้าใส่จนตัวเธอสั่นเทา แทนที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จได้ยินเสียงร้องตกใจของคนรักก็รีบวิ่งลงมาหาด้วยความเป็นห่วง
“ลลิล เป็นอะไร!?” แทนถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
“เค้า... ได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ที่บันได” ลลิลตอบเสียงสั่นเครือ ขนอ่อนตามแขนลุกชันขึ้นมาเองอย่างห้ามไม่ได้ ความรู้สึกประหลาดบอกเธอว่ามันไม่ใช่แค่เสียงที่เธอคิดไปเอง
“พวกเราเพิ่งย้ายมาบ้านใหม่ เธอขี้กลัวอยู่แล้ว อาจจะหูแว่วไปเอง... ไม่มีอะไรหรอกน่า” แทนปลอบโยน โอบไหล่บางของเธอเบา ๆ ลลิลพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก ความรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด
.....หลายวันต่อมา.....
กลางดึกสงัด บรรยากาศรอบตัวบ้านเย็นเยียบยะเยือก ลลิลสะดุ้งตื่นเพราะปวดท้อง เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงเดินไปยังห้องน้ำ ความง่วงงุนและความเงียบงันรอบข้างทำให้เธอไม่ได้ใส่ใจสิ่งใดเป็นพิเศษ
เอี๊ยดดดดดดดดดดด........
เสียงเปิดประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำให้ลลิลหลุดออกจากภวังค์
“แทนเหรอ!?” เธอถามออกไป เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
“............”
มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา ความผิดปกติเริ่มก่อตัวขึ้นในความรู้สึกของลลิล เธอรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกมา ตั้งใจจะไปปลุกแทนให้ลงมาสำรวจความผิดปกติที่เธอได้ยิน
แต่เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกไป ความกลัวก็จู่โจมเข้าใส่จนแทบทรุด เพราะประตูทุกห้องบนชั้นสองปิดสนิท ราวกับไม่มีใครเคยเปิดมันมาก่อน และเสียงที่เธอได้ยินเมื่อครู่... เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นจริง
“แทน! แทน! แทน!” ลลิลรีบตรงไปยังเตียง เขย่าตัวคนรักอย่างแรง แต่แทนยังคงนอนหันหลังนิ่ง ไม่มีการตอบสนองใด ๆ ราวกับหลับลึกจนปลุกไม่ตื่น ความกังวลเริ่มกัดกินหัวใจของเธอ
ตึง!
เสียงอะไรบางอย่างดังมาจากชั้นล่าง กระแทกกันอย่างรุนแรงจนลลิลสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ หัวใจเต้นระรัวราวกับกลอง เธอค่อย ๆ รวบรวมสติ เดินไปหยิบมีดพกเล็ก ๆ บนชั้นวางของ ความกลัวถาโถมเข้ามาในจิตใจ หากเป็นโจร เธอจะสู้ได้อย่างไรในเมื่อแทนไม่ตื่นขึ้นมาปกป้อง และหากไม่ใช่โจร... เธอไม่อยากแม้แต่จะคิด
ตึก...ตึก...ตึก...เอี๊ยดดด.....ตึก.....เอี๊ยดดด.....ตึก.....เอี๊ยดดดด.......
เสียงฝีเท้าก้าวลงบันไดไม้ดังขึ้นช้า ๆ ท่ามกลางความมืดมิด จังหวะการเดินของเธอเองกลับกลายเป็นเสียงที่สร้างความหวาดหวั่นให้จับใจ ลลิลมองลงไปยังความมืดใต้บันได หัวใจเต้นระส่ำระสาย
เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง เธอคลำหาสวิตช์ไฟในความมืดมิดอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้น มือเย็นเฉียบของใครบางคนก็ยื่นเข้ามา สัมผัสปลายนิ้วของเธอ ราวกับต้องการคลำหาสวิตช์ไฟเช่นกัน ลลิลรู้สึกขนลุกซู่ ความเย็นยะเยือกแล่นผ่านปลายนิ้วขึ้นไปทั่วร่าง
แปะ!
ในที่สุดแสงสว่างก็สาดส่อง ไล่ความมืดมิดออกไป ลลิลกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณชั้นล่าง ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ความโล่งใจเพียงชั่วครู่
“สงสัยจะหูแว่วจริง ๆ...” ลลิลพึมพำกับตัวเอง พยายามปลอบใจตัวเอง
“จริงเหรอออ...” เสียงแหบพร่ากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู ลลิลสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปตามเสียงทันที แต่สิ่งที่พบกลับเป็นความว่างเปล่า ความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบรัดหัวใจ
ในขณะที่ลลิลกำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนยืนอยู่ที่บันได ขนบนตัวลุกชันขึ้นมาทันที เพราะเงาที่เธอเห็นนั้นค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามไรผมและหน้าผาก ความหวาดกลัวถาโถมจนแทบยืนไม่อยู่ เมื่อความกลัวถึงขีดสุด เธอตัดสินใจหันหน้ากลับไปเผชิญหน้า แต่กลับไม่พบใครเลย ลลิลตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดอย่างไม่คิดชีวิต ตรงไปยังห้องนอนเพื่อปลุกคนรัก
ตึกๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงฝีเท้าที่วิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วดังสนั่นไปทั่วบ้าน ราวกับตอนนี้ไม่ใช่เวลานอนหลับ ความหวาดกลัวผลักดันให้เธอไม่คิดถึงสิ่งอื่นใด
“แทน! ขอร้อง... ตื่นเถอะ” เมื่อเห็นแผ่นหลังของคนรักยังคงหันให้ เธอจึงตัดสินใจกระชากร่างของเขาให้หันมาเผชิญหน้า แต่สิ่งที่ปรากฏในวินาทีต่อมา ทำเอาเลือดในกายเย็นเยียบ ใบหน้าของแทนหันมา... พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนสยดสยอง
“กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!”
วินาทีนั้น ลลิลหวีดร้องสุดเสียง ความกลัวเข้าครอบงำจนแทบเสียสติ เธอรีบหันหลังวิ่งลงบันไดอีกครั้ง พยายามเปิดประตูบ้านเพื่อหนีออกไป หนีจากที่นี่ ที่ที่น่ากลัวเกินกว่าจะทนทาน ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายมากมายขนาดนี้ คนรักที่เคยรักกัน กลับกลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้า พาชีวิตเธอตกต่ำถึงขีดสุด และในตอนนี้... เขากลับไม่สามารถปกป้องเธอได้เลย ลลิลได้แต่คิดอย่างสิ้นหวัง ในขณะที่มือก็พยายามเปิดประตูที่ดูเหมือนจะถูกล็อคแน่นหนา
“ลลิล” เสียงเรียกชื่อเธอแว่วมาจากด้านหลัง ลลิลชะงักเท้า ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอค่อย ๆ หันไปตามเสียงเรียกนั้น
“แท... อ๊อกกก” ยังไม่ทันที่เธอจะเปล่งเสียงเรียกชื่อคนรักได้เต็มคำ ร่างของแทนก็พุ่งเข้าบีบคอเธออย่างรวดเร็ว ลมหายใจของเธอขาดห้วง ดวงตาเบิกโพลง น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เธอพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังเพื่อเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของคนที่เธอรัก
“เค้า... แค่ก... ไม่... อ๊อกก ไหว-..........” แทนปล่อยมือออกจากคอของลลิลทันที
ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงของเธทรุดลงไปกองกับพื้น พร้อมกับรีบกอบโกยอากาศเข้าปอด
“เฮือกกกกก... แค่ก แค่... กรี๊ดดดดดดดดด” ยังไม่ทันที่ลลิลจะได้ตั้งสติ สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็ทำให้เธอหวีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและหวาดผวา แทนกระชากศีรษะของเธออย่างแรง แล้วลากร่างของเธอลากไปตามพื้นบ้าน ขึ้นบันไดไปยังชั้นบน เนื้อตัวของเธอเริ่มบอบช้ำจากการถูกกระแทกกับพื้นและขั้นบันได
“ปล่อยเรา... ฮึก... ไปเถอะ... ฮือออ... นะ... ทำไมเธอ... ฮืออออออ... ทำกับเค้า... ฮึก... แบบ... ฮึก....นี้” ลลิลสะอื้นฮัก พยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของแทน ความสับสนและความเจ็บปวดตีวนอยู่ในหัว
“.........”
สิ่งที่เธอได้รับกลับมายังคงเป็นความเงียบงัน และรอยยิ้มที่แสนน่ากลัวนั้น
เมื่อขึ้นมาถึงบนห้อง แทนพาลลิลไปยังระเบียงห้อง เขายืนยิ้มรับลมเย็นที่พัดโชยมา มองออกไปยังหน้าบ้านที่เต็มไปด้วยเศษขวดเบียร์ที่เขามักจะดื่มทิ้งไว้ทุกวัน
“บ้านหลังนี้มันไม่ดียังไง” แทนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้ความรู้สึก รอยยิ้มสยองขวัญนั้นหายไปชั่วขณะ ลลิลพยายามตั้งสติ ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอรับรู้ได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่แทนคนเดิมที่เธอรู้จักอีกแล้ว
“เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของเรา... เราอยากย้ายออก” เธอพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แต่แฝงไปด้วยความหวังเล็ก ๆ ที่จะได้ออกจากที่นี่
“อยู่ที่นี่เถอะ....” เสียงของแทนเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดและเสียใจ
“.....” ลลิลยิ่งรู้สึกสับสน สิ่งที่เธอเจออยู่คืออะไร หากเป็นผีจากที่คิดว่าเขาไม่อยากให้อยู่ กลับกลายเป็นว่าเขาโกรธที่เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?
“มัน... มันเป็นบ้านของคุณ... คุณก็อยู่ไปสิ” ลลิลพูดออกไปอย่างระมัดระวัง พยายามคิดหาทางเอาตัวรอด
“ไม่!!! กูจะให้มึงอยู่ที่นี่!” เสียงนั้นตวาดลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว
“มะ... ไม่เอานะ... แทนชอบที่นี่ก็อยู่ที่นี่ไปสิ... ปล่อยเราไปเถอะ...” ลลิลอ้อนวอน น้ำตาไหลอาบแก้ม
“อยู่ที่นี่... จะได้เลิกกลัวไง” แทนยิ้มสยองออกมาอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงไปบีบคอลลิลอีกครั้ง คราวนี้เขากดแรงขึ้นจนลลิลไม่สามารถเปล่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีกต่อไป ใบหน้าของเธอแดงก่ำจากการขาดอากาศหายใจ หูเริ่มอื้อ ดวงตาพร่ามัว มองเห็นทุกสิ่งเลือนราง รับรู้เพียงร่างกายที่ลอยหวือขึ้นในอากาศ ภาพความทรงจำต่าง ๆ หลั่งไหลเข้ามาในความคิดของเธอ ทั้งตอนที่ทั้งคู่บอกรักกันครั้งแรก ตอนที่ทะเลาะกัน ตอนที่กินข้าวด้วยกัน ภาพวันเวลาแห่งความสุขมากมายที่เธอเคยได้รับจากแทนปรากฏขึ้นในห้วงคำนึง
“ขอ... โทษ... นะ...” ลลิลพยายามเปล่งเสียงออกมาแผ่วเบา พร้อมกับฝืนยิ้มให้กับคนรักในเฮือกสุดท้ายของลมหายใจ
แทนที่เหมือนได้สติกลับคืนมา ชะงักงันด้วยความตกใจ รีบปล่อยมือออกจากคอของลลิล ร่างกายที่ไร้ชีวิตของเธอทรุดฮวบร่วงหล่นลงไปกระแทกกับพื้นเบื้องล่าง ตรงที่มีเศษขวดเบียร์แตกกระจายอยู่ เศษแก้วแหลมคมทิ่มแทงไปทั่วร่างของลลิล เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาเปรอะเปื้อนพื้น ราวกับเป็นการทาสีแดงฉานให้กับพื้นห้อง
แทนรีบวิ่งตามลงไปทรุดตัวลงข้างร่างของลลิล มองคนรักด้วยความหวาดผวา ภาพที่เห็นช่างน่าสยดสยองจนเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตา ผู้หญิงที่เคยมีรูปร่างงดงามราวกับนางแบบ ผิวขาวผ่องราวหิมะ ใบหน้างดงามราวเจ้าหญิง บัดนี้ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว ดวงตาเบิกค้าง ร่างกายบวมช้ำจากการถูกกระแทก กระดูกหักผิดรูป เลือดสีแดงสดเปรอะเปื้อนทั่วร่างจนแทบมองไม่เห็นสีผิวเดิม แทนได้แต่นั่งร้องไห้เหมือนคนเสียสติกับภาพที่เห็น
......................
หลายเดือนต่อมา แทนกำลังเก็บข้าวของภายในบ้านเพื่อเตรียมตัวย้ายออก เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว ทุกสิ่งในบ้านหลังนี้ล้วนแต่ตอกย้ำความทรงจำถึงลลิล เขายิ้มเยาะให้กับโชคชะตาที่ทำให้เขาสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ด้วยเงินประกันชีวิตของลลิล ถึงมันจะเจ็บปวด แต่ก็ต้องขอบคุณลลิลที่ลงพินัยกรรมยกทุกอย่างให้เขา
“อย่าไปเลยนะ” เสียงแว่วกระซิบข้างหู แทนสะดุ้งเฮือก หันขวับไปมอง แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า... เขาส่ายหน้า พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป แล้วรีบเก็บของต่อ
หลังจากเก็บของทุกอย่างเสร็จ แทนก็เตรียมตัวออกเดินทาง
“ลาก่อนนะ ที่รัก” แทนหันกลับไปมองตัวบ้านเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไป
................................
ในมุมมืดของหน้าต่างห้องนอน วิญญาณที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของลลิล ได้แต่ร่ำไห้คร่ำครวญ มองร่างของคนที่เธอรักจากไปด้วยความอาลัย และเป็นเธอเองที่ต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดกาล เธอร้องไห้มองรถที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปจากรั้วบ้าน ระหว่างนั้นเอง วิญญาณของใครบางคนก็เดินเข้ามาหาเธอ
“ทำไมถึงอยากให้ฉันอยู่ที่นี่” ลลิลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่รถของแทน
“ฉันไม่เคยอยากให้เธออยู่” วิญญาณของใครบางคนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท แตกต่างจากเสียงที่เคยได้ยินตอนยังมีชีวิตอยู่ราวฟ้ากับดิน
“ถึงฉันจะไม่อยากให้เธออยู่....ฉันก็ทำได้แค่หลอกเพื่อไล่เธอ... แต่ฉันควบคุมหรือเข้าร่างใครไม่ได้หรอกนะ” สิ่งที่ได้ฟังทำให้รู้ว่าในคืนนั้นแทนมีสติทุกอย่าง และสิ่งที่เกิดขึ้น แทนตั้งใจทำทั้งหมด
แล้ววิญญาณนั้นก็ค่อย ๆ เลือนหายไป ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและคับแค้นใจของลลิลดังสะท้อนอยู่ในความเงียบงัน
แสดงความคิดเห็น