ตอนที่ 52 ไม่ไว้หน้า!

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 52 ไม่ไว้หน้า!

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 52 ไม่ไว้หน้า!

 

“ผู้อาวุโสหลิว ท่านคิดเห็นอย่างไรกับพลังของเขา?” หลงหยินถามพร้อมกับใช้สายตามองนำไปที่เย่หวูเฉิน

 

“เขาไร้ทั้งวรยุทธ รวมไปถึงพลังเวทย์” ชายชราที่อยู่เบื้องขวากล่าว คนที่เหลือทางซ้ายต่างพยักหน้าเห็นด้วย

 

“โอ้? เช่นนั้นหรือ?” หลงหยินดูท่าทางแปลกใจ เขาอาจเชื่อเรื่องที่เย่หวูเฉินไร้ทักษะวรยุทธ แต่หากกระทั่งพลังเวทย์ใดๆยังไม่มี... จากข่าวที่เขาได้รับมา เย่หวูเฉินไม่เพียงสามารถใช้เวทย์สายลมได้ แต่เขายังมีแหวนของเทพกระบี่ ดังนั้น เขาจึงเลือกเข้าข้างตระกูลหลินต่อหน้าผู้คนเพื่อต้องการทดสอบพลังของเย่หวูเฉิน

 

และปรากฎว่าเขากลับไม่คิดปิดบังสิ่งใด และตอบตกลงในทันที

 

พัดหยกสัมผัสกับกระบี่ เกิดเสียงดัง ‘ติ้ง’ สะท้านเสียดแก้วหู พลังระเบิดรุนแรงตรงจุดปลายที่สัมผัสกัน เย่หวูเฉินแขนชาเล็กน้อยและถอยไปสองก้าว หลินเสี่ยวเองก็ทำเช่นกัน ความประหลาดใจวาบผ่านแววตาของทั้งสองคน

 

“บัดซบเอ้ย! เขารับมันได้จริงๆ!”

 

เสียงหยาบกระด้างดังสะเทือนผ่านฝูงชน นี่คือน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของฮั่วเจิ้นเทียน และเสียงนี้แสดงความรู้สึกแทนผู้ชมที่รู้สึกแบบเดียวกัน

 

“อะไรกัน...” ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆหลงหยินน้ำเสียงแตกตื่น “เกิดอะไรขึ้น? นายน้อยหลินใช้พลังถึงครึ่งหนึ่งโจมตีใส่ในกระบี่เดียว เขารับมันได้ยังไงกัน? ทั้งยังไม่ปรากฎคลื่นพลังไหลเวียน อย่าบอกนะว่าความแข็งแกร่งของร่างกายเขาเหนือล้ำขนาดนี้?”

 

หลงหยินปราดสายตามองจ้องตรึงที่ร่างเย่หวูเฉิน

 

“คุณชายเย่แท้จริงกลับเป็นปราชญ์ผู้น่าเลื่อมใสที่ปลอมปนในหมู่ผู้คน เช่นนั้น โปรดระวัง” หลังจากชั่วขณะที่แปลกใจ หลินเสี่ยวกลับมายิ้มด้วยความมั่นใจอีกครั้ง เขาระเบิดเพลงกระบี่ออก เงากระบี่เข้าปกคลุมร่างของเย่หวูเฉิน หลังจากการลงมือครั้งแรก เขาตัดสินใจไม่ยั้งมืออีกต่อไป

 

เมื่อครู่เขาใช้พลังเพียงครึ่งเดียว หากแต่เย่หวูเฉินก็ใช้พลังของตนเพียงครึ่งเดียวเช่นกัน

 

กระบี่ของหลินเสี่ยวกวัดแกว่งรวดเร็วมาก แต่พลังการมองและความเร็วของมือเย่หวูเฉินเหนือล้ำเกินปกติ เพียงอาศัยพัดธรรมดากลับสามารถปัดป้องกระบี่ได้ เขาพลิกข้อมือเปิดพัดหยก ส่วนหนาของพัดวาบแสงคมมุ่งตรงเข้าอกหลินเสี่ยว

 

ติ้ง..... ติ้ง..... ติ้ง..... ติ้ง.....

 

เสียงกระบี่กับหยกปะทะกันต่อเนื่อง สองบุรุษที่ต่อสู้กันบนเวทีมีสีหน้าสงบเงียบ แต่ผู้คนนอกเวทีอ้าปากค้างอย่างไม่อาจเชื่อสายตา

 

หลินเสี่ยวกระโดดขึ้นสูงแล้วทุ่มแทงกระบี่ลง เร่งพลังไร้รอยสู่พลังไร้ต้าน หากกลับถูกเย่หวูเฉินหยุดไว้โดยตรง ‘เปรี้ยง’ เสียงดังสะท้าน หินอ่อนใต้ฝ่าเท้าเย่หวูเฉินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เท้าทั้งสองจมลึงลงบนพื้น

 

หลินเสี่ยวกระโดดถอยกลับจากพลังสะท้อน เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็ยืนลงบนพื้นอย่างมั่นคง

 

รอยบิ่นลึกปรากฎบนพัดหยกที่เย่หวูเฉินถือในมือ พัดเกือบร่วงกระเด็นออกจากมือเนื่องจากแรงปะทะ พลังที่สามารถฝากรอยบิ่นไว้บนพัดเช่นนี้ได้แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของหลินเสี่ยวไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขาเลย

 

พลังหวูเฉินขั้นสองเทียบได้กับพลังปกติระดับ10  ของโลกใบนี้ ถ้าเช่นนั้นพลังขั้นสาม ,ขั้นสี่... และขั้นสูงสุดหรือขั้นเจ็ดที่ถูกผนึกอยู่ในความทรงจำเลือนรางของเขาล่ะ?

 

หลินเสี่ยวสูดหายใจเข้าลึก ความรู้สึกดูถูกหายไปไม่มีเหลือ เขาไม่ได้หยุดและเพ่งสมาธิยังกระบี่ คิ้วขมวดมุ่นแล้วพุ่งไปเบื้องหน้า ส่งรังสีกระบี่บางสองสายนำไปขณะที่พุ่งเข้าหาเป้าหมาย เย่หวูเฉินใช้พัดหยกปัดรังสีกระบี่สองสายออกด้านข้าง แล้วแทงพัดหยกตรงยังกระบี่ที่ใกล้เข้ามา

 

“ลูกชายข้า.... เขาไปทันมีพลังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” หวังเวิ่นชูน้ำเสียงตื่นเต้นแปลกใจ แม้ไม่ปรากฎถึงความมั่นใจ แต่ความกังวลส่วนใหญ่ได้สลายลบเลือน ที่ด้านข้างนาง เย่ฉุ่ยเหยาที่ปกติไม่มีอารมณ์ร่วมกับสิ่งใด ยามนี้ปรากฎสีหน้าประหลาดใจ

 

“ที่รัก เฉินเอ๋อร์นับเป็นผู้สืบทอดของเทพกระบี่ ดังนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่ได้รับการสั่งสอนจากเทพกระบี่ เขาคงแค่ไม่ต้องการเปิดเผยพลังที่แท้จริงเท่านั้น” เย่เว่ยกล่าว ใบหน้าที่ปกติเคร่งเครียดยามนี้ปกคลุมไปด้วยความตื่นเต้น เขาไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป

 

“เขาคือนายน้อยขี้โรคของตระกูลเย่จริงๆหรือ?” ยังคงมีผู้คนถามคำถามนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“เขายังหนุ่มกว่านายน้อยหลิน แต่พลังของเขากลับทัดเทียมกับนายน้อยหลิน แท้จริงแล้วนายน้อยแห่งตระกูลเย่กลับเป็นอัจฉริยะเหนือผู้คนทั้งปวง”

 

“หากข้าไม่ได้มาเห็นกับตาตนเอง ข้าคงไม่มีวันเชื่อลง”

 

“นี่ย่อมหมายความว่าหากบิดาเป็นผู้เก่งกล้ามีความสามารถ บุตรชายของเขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดา ตระกูลเย่ย่อมไม่อาจกำเนิดบุคคลผู้เป็นขยะ หลังจากที่อดทนอยู่อย่างเงียบงันมาตลอดหลายปี....ในที่สุดพวกเขาก็เผยตัวอัจฉริยะรุ่นเยาว์ในวันนี้”

 

……………..

 

มีเสียงคิดเห็นต่อเนื่องดังไม่หยุดหย่อนรอบสนาม ขณะที่เย่หวูเฉินกับหลินเสี่ยวปะทะกันผ่านไปได้หลายนาทีก็ยังไม่ปรากฎวี่แววว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะ ทั้งสองบุรุษต่างรุกรับสลับกัน

 

เช่นนั้นก็ทำให้มันจบๆเลยดีกว่า นี่คงเป็นพลังทั้งหมดของเขาแล้ว.... เท่าที่เห็นเมื่อเทียบการจัดพลังของโลกใบนี้ พลังขั้นสองอยู่ที่ระหว่างพลังขั้น10 กับ ขอบเขตวิญญาณ

 

แต่พลังหวูเฉินนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาหรือจินตนาการได้

 

การปะทะกันโดยตรงเกิดขึ้นอีกครั้ง พลังเกรี้ยวกราดพัดพาเศษหินใต้เท้าปลิวกระจายว่อน พัดหยกในมือหวูเฉินแตกหักตรงกึ่งกลาง เขายังคงไม่มีความคิดล่าถอย แต่กลับเร่งเคลื่อนร่างพุ่งฝ่ามือเล็งคว้าลำคอ

 

หลินเสี่ยวแทงกระบี่สวนฉับพลัน แต่ภาพเบื้องหน้ากลับเลือนหาย ร่างของเย่หวูเฉินกลับปรากฎเยื้องออกขวาเหมือนวิญญาณ ภาพที่คนธรรมดาเห็นคือเขาพุ่งเข้าหาแล้ววับไปอยู่ด้านขวาในฉับพลัน

 

เย่หวูเฉินไม่เพียงเยื้องร่างเปลี่ยนทิศ เขายังคว้าจับข้อมือของหลินเสี่ยว กระบี่ไม่ทันได้สำแดงพลัง หลินเสี่ยวก็ตระหนักได้ทันทีว่าหมดเวลา ไม่อาจดึงมือกลับหรือต้านทาน ข้อมือเขาถูกเย่หวูเฉินจับอย่างแน่นหนาและบิดพลิกขึ้น

 

“กร๊อบ” เสียงข้อมือบิดได้ยินอย่างชัดเจน กระบี่ในมือถูกเย่หวูเฉินชิงไป และเขาใช้กระบี่แทงใส่ในทันที

 

หลินเสี่ยวรีบถอยสุดตัว แต่เงากระบี่สีเงินยิ่งเข้าใกล้ในเสี้ยวพริบตา

 

“ฉึบ!”

 

คมกระบี่เฉือนใบหน้าไร้ที่ติของหลินเสี่ยวทางด้านซ้าย ทิ้งไว้เพียงแผลรอยยาวยิ้มเลือดไว้เบื้องหลัง

 

ฮือฮา!

 

คลื่นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว คุณหนูน้อยใหญ่ที่หลงใหลในตัวหลิงเสี่ยวต่างกรีดร้อง หลินขวงและหลินซางยืนขึ้นพร้อมกัน ดวงตาแทบถลนออกจากเบ้า ตะโกนอย่างกังวล “เสี่ยวเอ๋อร์!”

 

“ฮ่าฮ่า! ดีมาก ยอดเยี่ยม! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ท่ามกลางคลื่นเสียง ปู่เย่ปรบมือหัวเราะร่า ปรารถนาลุกขึ้นเต้นไม่สนวัย เพราะเขาคอยห่วงกังวัลเรื่องหลานชายมาแสนนาน ทั้งยังต้องทนถูกหยามยามถูกเปรียบกับนายน้อยตระกูลหลินมาตลอดหลายปี แต่ตอนนี้...ถึงเวลาเปลื้องปลด! คำว่า ‘ความสุข’ ไม่เพียงพอใช้อธิบายความรู้สึกของเขาในเวลานี้

 

“เจ้า เจ้าหนุ่มบัดซับตระกูลเย่ เจ้ากล้าทำร้ายเสี่ยวเอ๋อร์!” เวลานี้หลินเหยียนหน้าตาบิดเบี้ยว เพลิงโทสะพุ่งทะยานจนถึงขีดจำกัดความอดทน

 

“โอ้ เมื่อครู่นี้ผู้ใดบอกกับข้าว่า ‘ระหว่างการต่อสู้ กระบี่ล้วนไร้ดวงตา หากเกิดสิ่งไม่คาดฝันจงโทษที่ตนเองอ่อนด้อยอย่าได้ตำหนิใคร แม้ว่าพลาดพลั้งต้องพิการก็จะไม่มีการสืบสวนเอาความ’ นี่..หรือว่าท่านชรามากจนลืมกระทั่งคำพูดของตนเอง? หรือท่านจะบอกว่าคำพูดตนเองเป็นดั่งผายลม?” เย่หวูเฉินกล่าวเย้ยหยัน กระบี่ในมือเขายังใสสะอาดเหมือนเช่นเดิม ไร้ร่องรอยเลือดแม้เพียงหยดเดียว

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.