ตอนที่ 44 เจ้าบ้าหรือไง!

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 44 เจ้าบ้าหรือไง!

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 44 เจ้าบ้าหรือไง!

 

“ยังไงก็ตาม นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาของเจ้าเท่านั้น” เย่ฉุ่ยเหยากล่าวเบาๆ นางไม่โทษเขา นอกจากที่นางไม่มองเขาแล้ว นางก็ไม่ได้แสดงอาการแปลกๆอันใดออกมา ราวกับว่าเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งสองคนนั่งนิ่งอยู่อย่างเงียบงัน

 

“ข้าไม่เคยสงสัยการคาดเดาของตัวเอง ยิ่งกว่านั้น นั่นไม่ใช่การคาดเดา หากแต่ว่า.... เป็นข้อเท็จจริง!”

 

“.... เจ้าจะบอกท่านแม่หรือไม่?”

 

นานมาแล้วที่เย่ฉุ่ยเหยาไม่ได้กล่าวคำพูดมากมาย ก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งยามที่นางคุยกับบิดามารดา นางยังไม่ค่อยอยากพูดและทำเพียงพยักหน้าหรือส่ายศีรษะเท่านั้น

 

“พี่หญิงเป็นห่วงข้าหรือ?”

 

“..........”

 

“อย่าห่วงเลยพี่หญิง เย่หวูหยุนเป็นบุคคลที่ใจกว้างและผ่อนปรน แล้วเขาจะเอาเรื่องข้าไปเล่าลับหลังได้อย่างไร เขาก็คงแค่อยู่เฉยๆ แล้วหลังจากนั้น เขาก็แค่‘บังเอิญ’หลุดปากพูดให้คนใช้ได้ยิน แล้วเรื่องก็ ‘บังเอิญ’แพร่กระจายไปถึงหูคนอื่นๆ แต่พวกเขาย่อมไม่มีเวลามาสนใจข้าในตลอดสองวันนี้”

 

เย่หวูเฉินหยิบเทียบเชิญที่อยู่บนโต๊ะและเปิดมันออก ที่จริงไม่ควรเรียกว่าเทียบเชิญ แต่ควรเรียกว่าจดหมายเชิญเข้าชมงานแข่งซึ่งจะจัดขึ้นในวันมะรืน เนื่องจากการแข่งเพื่อเฟ้นหาสุดยอดดาวรุ่งแห่งอาณาจักรเทียนหลง ซึ่งบางคนอาจกลายเป็นยอดฝีมือระดับสูงของเมืองเทียนหลงได้ในอนาคต และบางทีอาจได้รับใช้และกลายเป็นเสาหลักของอาณาจักรต่อไป นอกจากนั้นการแข่งขันหาผู้แข็งแกร่งที่สุดย่อมมีการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเกิดขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งสามารถหาดูได้เพียงปีละครั้ง ดังนั้นใครบ้างที่ไม่ต้องการเข้าชม? ดังนั้นเหล่าชนชั้นสูงส่วนใหญ่จึงปรากฎตัวพร้อมเพรียงในวันนั้น รวมถึงผู้คนจำนวนมากที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศเพื่อมารับชม และตระกูลเย่ซึ่งเป็นตระกูลยิ่งใหญ่ย่อมได้รับคำเชิญ

 

อย่างไรก็ตาม มีคำเชิญถึงสมาชิกทุกคนในตระกูลเย่ ยกเว้นเขาเพียงคนเดียว

 

“ดูเหมือนว่าข้าจะถูกลืมไปแล้ว พี่หญิง ท่านควรไปชมการแข่งขัน  เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทุกคนในเมืองเทียนหลงย่อมไปรวมตัวกันที่นั่น และบางทีพี่หญิงอาจเจอใครสักคนที่ท่านพึงพอใจ อ้อ แน่นอนว่าข้าเองก็จะไปชมด้วย” เย่หวูเฉินเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

 

เย่ฉุ่ยเหยา “.............”

 

คนทั้งสองหมดเรื่องคุยต่อและกลับมาเงียบอีกครั้ง หลังจากเงียบอยู่นาน บรรยากาศก็เริ่มจะอึดอัดขึ้น เมื่อต้องอยู่กันเงียบๆจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่คิดถึงบางเรื่อง

 

“แค่กๆ....เอ่อ พี่หญิง เรื่องเมื่อคืน.....”

 

เย่ฉุ่ยเหยาราวกับถูกไฟช็อต น้ำเสียงเย็นชาของนางกล่าวแทรกขึ้นมา “ออกไป!”

 

“.....ยังไงซะพวกเราก็เป็นพี่น้องกัน แค่มองคงไม่เป็นไร.....”

 

โครม!

 

แผ่นฝนหมึกพุ่งเข้าใส่ตรงที่เย่หวูเฉินนั่งอยู่ แต่เขาแตกตื่นหนีไปแล้วเรียบร้อย

 

“ข้าไม่ควรจะเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก.... แผ่นฝนหมึกแผ่นใหญ่ขนาดนั้น ทั้งยังเขวี้ยงมาแรงขนาดนี้ นั่นมันแรงพอที่จะทะลุศีรษะคนธรรมดาได้เลย สตรีช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ” เย่หวูเฉินคิดอย่างหวาดกลัวขณะเผ่นออกจากสวนของเย่ฉุ่ยเหยา

 

เขาสามารถพูดได้ว่าเขาเข้าใจในโลกยุคโบราณและโลกยุคปัจจุบัน แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่อาจทำความเข้าใจได้นั่นก็คือจิตใจของผู้หญิง เพราะว่าตั้งแต่ที่เขาอายุได้ 7 ขวบ เขาบังเอิญเรียนรู้ที่จะอยู่ห่างๆจากพวกนางโดยไม่ได้ตั้งใจ เขายังเป็นเหมือนกระดาษที่ขาวสะอาดหลังจากผ่านไป 10 ปี และสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือภาวะจิตใจของเขา ซึ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างสงบอยู่ภายในร่างกาย

 

เหมือนที่คาดไว้ ข่าวเรื่องนายน้อยเล็กทุบตีนายน้อยคนโตอย่างไร้เหตุผล ได้แพร่กระจายไปตั้งแต่บ่ายวันนั้น ขณะเดียวกันก็มีแรงต่อต้านมากมายพุ่งมาที่ตัวเขา แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมเป็นฝีมือของเย่หวู่ เขายังบอกอีกว่านายน้อยคนโตสั่งห้ามไว้อย่างเด็ดขาดไม่ให้บอกต่อแก่ผู้ใด แต่แน่นอนว่าเขาย่อมทนอยู่เฉยๆไม่ได้

 

ผลลัพท์คือเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของหวังเวิ่นชู แต่ว่านั่นคือลูกชายที่นางพึ่งได้รับกลับมา ทั้งนางยังคอยเอาอกเอาใจเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจะปรารถนาโทษว่าเขาได้อย่างไร นางกล่าวปลอบโยนเย่หวูหยุนเพียงไม่กี่ประโยค แต่สำหรับเย่หวูเฉินนางไม่กล่าวสิ่งใดสักคำ และเขาทำตัวราวกับว่าไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น

 

สำหรับขุนพลเย่ และท่านปู่เย่ พวกเขาทั้งสองกำลังยุ่งอยู่และดูเหมือนจะยังไม่กลับมาในอีกสองวัน

 

เย่หวูเฉินเฝ้ารอดูว่าเย่หวูหยุนจะอดทนอยู่เงียบๆได้อีกนานเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม หากวันนั้นมาถึงจริงๆ วันที่เย่หวูหยุนไม่อาจทนได้อีกต่อไปและเผยตัวตนออกมา เย่หวูเฉินก็คงต้องเสียของเล่นชิ้นเยี่ยมไป เขาจะทนใช้ชีวิตน่าเบื่อปราศจากสีสันได้อย่างไร

 

ในวันต่อมา เย่หวูเฉินพาเย่ซีไปเที่ยวรอบเมืองเทียนหลงอีกครั้ง พวกเขาเดินผ่านทุกๆสถานที่ทั้งที่เคยและไม่เคยไป และจดจำไว้มั่นถึงตำแหน่งที่ตั้งของอาคารต่างๆและร้านค้า ในตอนเย็นเขาอาบน้ำให้หนิงเสวี่ย หลังจากนั้นก็ออกไปสืบข่าวเงียบๆอีกครั้ง แต่ในคราวนี้ เมื่อผ่านห้องนอนของเย่ฉุ่ยเหยา เขาก็พบว่าหน้าต่างบนหลังคาถูกปิดเอาไว้แน่น

 

เมื่อเขากลับมา เย่หวูเฉินถือกระดาษเคลือบทองมาด้วยในมือ มันดูเหมือนชิ้นที่อยู่บนโต๊ะของเย่ฉุ่ยเหยาก่อนหน้านี้ มันคือจดหมายเชิญเข้าร่วมรับชมการแข่งขันวันพรุ่งนี้ แต่ว่าสิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือที่หัวจดหมายมีชื่อของเย่หวูหยุนเขียนติดเอาไว้

 

การแข่งในวันพรุ่งนี้ไม่สามารถเข้าชมได้นอกจากพวกมีตระกูล เนื่องจากองค์จักรพรรดิจะเข้ารับชมด้วย การคุ้มกันจึงไม่อาจหละหลวม รวมทั้งผู้ไม่ได้รับอนุญาตจะไม่อาจเข้าไปได้ ดังนั้นผู้ที่ไปปรากฎตัวย่อมเป็นทั้งผู้ทรงอำนาจและอิทธิพล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีตำแหน่งในเมืองเทียนหลง เหล่าองค์ชาย , อ๋อง , ชนชั้นสูง รวมไปถึงบรรดาขุนนาง, ตระกูลมั่งคั่ง และอื่นๆ

 

และตระกูลเย่ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ย่อมได้รับคำเชิญที่ดีที่สุด โดยใช้คำเชิญเคลือบทองซึ่งหาได้ยากอย่างยิ่ง

 

เย่หวูเฉินกดนิ้วลงบนตัวอักษรคำว่า ‘หยุน’ ปลายนิ้วของเขาเปล่งแสงที่ไม่อาจระบุสีได้ออกมา เมื่อเอานิ้วออก ตัวอักษรสีดำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย กระดาษขาวไร้ตำหนิไม่ปรากฎร่องรอยถูกทำลายใดๆ

 

เย่หวูเฉินเขียนคำว่า ‘เฉิน’ ลงไปแทนตรงตำแหน่งคำว่า ‘หยุน’ จากนั้นเขาวางพู่กันลงแล้วเดินไปนอน

 

เป็นเวลาสายเมื่อเย่หวูเฉินตื่นขึ้นในตอนเช้า เขาได้ยินเสียงเสี่ยวลู่เคาะประตูพร้อมกับกล่าว “นายน้อย นายหญิงออกไปแล้วและนางจะไม่กลับมาจนกว่าจะถึงตอนค่ำ อาหารเช้าเตรียมไว้พร้อมเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นนายน้อยและคุณหนูหนิงเสวี่ยโปรดลุกขึ้น....”

 

“เข้าใจแล้ว เจ้าเข้ามาได้” เย่หวูเฉินพูดเสียงอ่อยขณะขยี้ตาที่ยังงัวเงีย เขากระดิกนิ้วและกลอนประตูก็ถอนออก

 

เป็นเวลาที่การแข่งได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่เย่หวูเฉินดูเหมือนจะไม่เร่งรีบ เขาปล่อยให้เสี่ยวลู่สวมชุดและหวีผมให้  หลังจากนั้น เขาทานอาหารเช้ากับหนิงเสวี่ยอย่างสบายใจ ขณะที่เขากำลังจะออกจากคฤหาสน์ตระกูลเย่ โชคไม่ดีที่เขาเดินผ่านเย่หวูหยุนที่กำลังจะออกไปเหมือนกันพอดี

 

เย่หวูหยุนยิ้มฝืดและถาม “น้องหวูเฉิน เจ้าจะไปเดินเที่ยวอีกแล้ว?”

 

“โอ้ ไม่ใช่ว่ามีบางคนบอกว่าวันนี้ราชสำนักจัดการแข่งขัน ข้าเพียงแค่จะไปชมดูเสียหน่อย” เย่หวูเฉินตอบอย่างไม่ใส่ใจ ไม่แม้กระทั่งเหลือบตามอง

 

“เรื่องนี้... น้องหวูเฉิน นี่ไม่ใช่การแข่งขันทั่วๆไป เจ้าไม่สามารถเข้าไปชมได้หากไม่มีเทียบเชิญ น้องหวูเฉินดูเหมือนกับว่าเจ้าจะ....”

 

“เจ้าบ้าหรือไง? ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลเย่ของข้า มีที่แห่งใดในเมืองเทียนหลงที่ข้าจะไปไม่ได้? ใครก็ตามที่กล้าขวางทางข้า ข้าจะกุดศีรษะมัน!” เย่หวูเฉินมองอย่างดูถูก เขาแค่นเสียงเย็นชา แล้วพาหนิงเสวี่ยสาวเท้าไปเบื้องหน้าโดยไม่สนใจเขาอีกเลย

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.