ตอนที่ 22 เย่ฉุ่ยเหยา , ฮั่วฉุ่ยโหรว

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 22 เย่ฉุ่ยเหยา , ฮั่วฉุ่ยโหรว

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 22 เย่ฉุ่ยเหยา , ฮั่วฉุ่ยโหรว

 

“ธิดาเพียงคนเดียวของตระกูลเย่ เย่ฉุ่ยเหยา แม้ว่านางจะมีความงามล้ำโลก หากแต่อุปนิสัยของนางกลับหยิ่งยโสและเย็นชา ประตูทางเข้าตระกูลเย่แทบพังด้วยเหล่าคนที่มาสู่ขอนาง แต่นางไม่เคยแม้แต่ชายตามอง นางใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องและแทบไม่ก้าวออกมา คิดดูแล้ว ข้าไม่ได้พบนางมานานหลายปี นางสมควรอายุครบ 19 ในปีนี้ ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นนางคือเมื่อ 5 ปีก่อน ในเวลานั้น นางไม่แม้จะเหลือบมองข้าเป็นหนที่สอง แม้ว่าข้าจะเป็นถึงองค์รัชทายาทก็ตาม” หลงเจิ้งหยางยิ้มเยาะกับตัวเอง

 

“ตระกูลเย่?”

 

“โอ้ จริงสิ... น้องเย่เองก็ใช้แซ่เย่เหมือนกัน ตระกูลเย่เป็น 1 ใน 3 ตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนเฉิน พวกเขามีชื่อเสียงอย่างมากในอาณาจักรเทียนหลง ขุนพลเย่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเทพขุนศึก ทุกวันนี้ขุนพลเย่ยังคงไร้ผู้ต้านและเป็นหนึ่งในทัพอันเกรียงไกรของเมืองเทียนหลง ไม่เป็นการเกินเลยหากจะกล่าวว่าครึ่งหนึ่งของเมืองอยู่ใต้อาณัติของตระกูลเย่”

 

“แต่ว่าชะตากลั่นแกล้ง... สวรรค์คงริษยาตระกูลเย่ รุ่นถัดมาของตระกูลกลับถูกตัดตอน บุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลเย่รูปงามและเฉลียวฉลาด แต่เขากลายเป็นคนพิการเพราะถูกโรคภัยรุมเร้าตั้งแต่เด็ก เขาได้แต่นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน ครั้งสุดท้ายที่ข้าพบเขาคือ 5 ปีที่แล้วเช่นกัน ยามนั้นเขานอนอยู่กับเตียงไม่อาจลุกขึ้นได้ น่าเศร้าที่ผู้กล้าตระกูลเย่ในรุ่นนี้กลับ....  ทว่าเมื่อ 1 ปีก่อน ข้าได้ยินพระบิดาเล่าให้ฟังว่า หลังจากผ่านความยากลำบากมากมาย ในที่สุดขุนพลเย่ก็พบบางสิ่งที่สามารถรักษาเขาได้ เป็นโสมหิมะพันปี หากในช่วงเวลาดังกล่าวบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลเย่กลับหายตัวสาบสูญ และพวกเขาไม่พบเบาะแสใดๆของเขาอีกเลย ผู้คนจำนวนมากต่างคิดว่าเขาคงถูกสังหารไปแล้ว หากข้าจำไม่ผิดชื่อของเขาคือ....”

 

หลงเจิ้งหยางตาเบิกโพลงในฉับพลัน สายตามองจับจ้องที่ใบหน้าเย่หวูเฉิน ราวกับเห็นบางสิ่งที่เหลือเชื่อ เขาลุกพรวดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

เย่หวูเฉินหรี่ตาลงและเริ่มคิดคำนวณถึงความเป็นไปได้

 

อย่างไรก็ตาม หลงเจิ้งหยางส่ายศีรษะและนั่งลงกับที่ เขาถอนหายใจ “ข้าเพิ่งฉุกนึกขึ้นมาได้ ว่าบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลก็มีนามว่า เย่หวูเฉิน เช่นเดียวกัน ช่างบังเอิญจริงๆ ไม่เพียงพวกเจ้ามีชื่อแซ่เหมือนกัน เจ้ากระทั่งมองดูคล้ายกับเขา ยามที่ข้าเห็นเขาในปีนั้น ทั้งอายุของพวกเจ้ายังไล่เลี่ยกัน นี่คงเป็นสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกคลับคล้ายว่าเคยเห็นน้องเย่ที่ไหนมาก่อน”

 

“คงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะเป็นคนของตระกูลเย่” เย่หวูเฉินแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการคุยเรื่องนี้อีก เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาและกล่าว “ข้าอยากฟังเรื่องสามสุดยอดสาวงามที่ท่านเล่าก่อนหน้านี้ต่อมากกว่า”

 

หลงเจิ้งหยางยังคงไม่หายแคลงใจ แต่เขาไม่ถามสิ่งใดและเริ่มเล่า “คนที่สองคือธิดาเพียงคนเดียวของตระกูลฮั่ว ฮั่วฉุ่ยโหรว นางน่ารักเหมือนดอกไม้ นุ่มนวลเหมือนสายน้ำ ในปีก่อนหน้าที่ข้าจะจากมา นางยังตัวเท่าน้องหญิงหนิงเสวี่ย หลังจาก 5 ปีที่ไม่ได้พบกับนาง ตอนนี้นางสมควรเป็นสาวรุ่นอายุ 16 ปี ความงามของนางกระทั่งทำให้ปักษาและเหล่าสัตว์ต้องเสน่ห์งมงาย กระทั่งตอนที่นางยังไม่ใช่ 1 ใน 3 สุดยอดสาวงามของเมืองเทียนหลง เมื่อ 7 ปีก่อนนางก็ถูกสู่ขอโดยบุตรชายของผู้นำตระกูลหลิน บางทีตอนนี้นางอาจแต่งงานไปแล้วก็ได้”

 

เย่หวูเฉินไม่กล่าวอะไร เขาฟังอยู่เงียบๆโดยไม่ขัดจังหวะ ขณะที่ปล่อยให้หลงเจิ้งหยางพูดสาธยาย สิ่งเดียวที่เย่หวูเฉินยังขยับตัวเคลื่อนไหวอยู่บ่อยๆคือเช็ดมุมปากของหนิงเสวี่ยเพื่อไม่ให้อาหารเปื้อนชุดของนาง เขารู้ว่าหลงเจิ้งหยางใช้เรื่อง 3 สุดยอดสาวงามเป็นข้ออ้าง สำหรับจุดประสงค์ที่แท้จริงคือการอธิบายให้เขารู้จักตระกูลใหญ่ทรงอิทธิพลในเมืองเทียนหลง และหลงเจิ้งหยางยังคงเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับตระกูลฮั่วและตระกูลหลิน

 

โชคไม่ดีนักที่เย่หวูเฉินไม่สนใจก้าวก่ายเรื่องที่เขาต้องการขึ้นเป็นจักรพรรดิ จึงอาจกล่าวได้ว่า กลายเป็นเขาเพียงให้ข้อมูลแก่เย่หวูเฉินเท่านั้น

 

“ตระกูลเย่และตระกูลหลิน คือสองตระกูลที่แข็งแกร่งและทรงเกียรติที่สุดในเมืองเทียนหลง แต่ตระกูลฮั่วเป็นตระกูลที่พวกเขาไม่อาจยั่วโทสะ ขุนพลหลินแห่งตระกูลหลินเป็นผู้ทรงคุณธรรมและศักดิ์ศรี แต่หนึ่งขุนเขาย่อมไม่อาจมีสองพยัคฆ์อยู่พำนักร่วมกัน ขุนพลหลินและขุนพลเย่จึงมักขัดแย้งแตกคอ ตระกูลเย่และตระกูลหลินต่างประชันขันแข่งกันมาตลอดหลายปี เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วในเมืองเทียนหลง ทั้งพระบิดาข้าก็ปล่อยให้พวกเขาทำตามปรารถนาโดยไม่เข้าไปแทรกแซง”

 

“ตระกูลฮั่วอันที่จริงมีกำลังทหารน้อยกว่าตระกูลเย่และตระกูลหลิน แต่ตระกูลฮั่วสามารถผลิตยุทธภัณฑ์ที่เรียกว่า ‘อัสนีลั่น’ แม้จะเป็นสิ่งของขนาดไม่ใหญ่ แต่ยามที่ใช้ออกพวกเขาสามารถสังหารผู้คนจำนวนมากได้ ตระกูลฮั่วยังสามารถผลิตสิ่งน่ากลัวนี้ได้จำนวนมาก ยิ่งกว่านั้น ทุกคนต่างต้องการครอบครองของสิ่งนี้ ข้าเคยได้ยินว่ามีบริวารผู้ลักลอบเอาอัสนีลั่น 100 ชิ้น เข้าไปยังเมืองหลวงและหลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นเขาอีกเลย อีกทั้งเพราะการดำรงอยู่ของตระกูลฮั่ว จึงทำให้อาณาจักรต้าฟงไม่กล้ารุกรานอาณาจักรเทียนหลง ราชตระกูลเทียนหลงของข้ายังให้ความยำเกรงต่อตระกูลฮั่วอยู่หลายส่วน และแม้ว่าตระกูลฮั่วจะผลิตสิ่งน่ากลัวเหล่านี้ออกมามากมาย แต่พวกเขาเพียงส่งมอบให้กับราชตระกูลเราเพื่อใช้ในสงครามและป้องกันตัวเองเท่านั้น หากแต่คนที่มีสายตาเฉียบแหลมย่อมดูออกว่าตระกูลฮั่วไม่เพียงดำรงอยู่ได้โดยอาศัยเพียงอัสนีลั่น ที่มีฤทธิ์เผาผลาญเท่านั้น”

 

“แน่นอนว่าตระกูลฮั่วมีสายสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเย่และตระกูลหลิน แต่ตระกูลฮั่วในรุ่นหลังไร้บุรุษและพวกเขามีเพียงธิดาเพียงคนเดียว ซึ่งทำให้สามารถแต่งกับตระกูลเย่หรือตระกูลหลินเพียงหนึ่งตระกูลเท่านั้น ครั้งหนึ่งขุนพลเย่ต้องการเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลฮั่ว แต่เขาถูกปฏิเสธเนื่องจากบุตรชายคนเดียวของตระกูลเย่มีร่างกายที่อ่อนแอ ในสายตาของตระกูลฮั่วเขาไม่ต่างจากขยะ ขุนพลฮั่วมีธิดาเพียงคนเดียวตอนอายุได้ 30 ปี เขาจะยอมปล่อยให้ลูกสาวแต่งงานกับขยะได้อย่างไร หนึ่งเดือนหลังจากนั้น ทั่วทั้งเมืองเทียนหลงต่างทราบข่าวว่าตระกูลฮั่วยกลูกสาวให้บุตรชายตระกูลหลิน”

 

หลงเจิ้งหยางจ้องเย่หวูเฉินแล้วเล่าต่อ “ตระกูลหลินรุ่นหลังมีบุตรชายอยู่สองคน บุตรชายคนโตชื่อหลินเสี่ยว เขาเป็นบัณฑิตที่ดีและเป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยม เขาได้ชื่อว่าเป็นนักศึกษาอันดับ 1 แห่งเมืองเทียนหลง ยิ่งกว่านั้นเขายังแข็งแกร่งมาก เขาบรรลุถึงระดับ10 ตอนอายุเพียง 20 ปี กระทั่งในราชวัง ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์หลายคนยังกล่าวยกย่องและชื่นชม ทั้งยังกล่าวว่าพรสวรรค์ของเขานั้นเพียงพบได้ในรอบ 100 ปี แม้แต่พระบิดายังกล่าวยกย่องเขาเป็นอย่างมาก ทำให้ตระกูลฮั่วยิ่งพอใจกับการหมั้นหมายแต่งงาน สำหรับบุตรชายคนที่สอง หลินอวี้ ถูกตามใจตั้งแต่เด็กจนมีชื่อเสียงย่ำแย่ของพฤติกรรม เขากลายเป็นที่รู้จักว่าเป็นบุคคลที่ไม่อาจประสบความสำเร็จใดๆในชีวิต กระทั่งตระกูลหลินยังหมดหวังในตัวเขา พวกเขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่บุตรชายคนโต”

 

“ตระกูลหลินและตระกูลเย่ต่างแข่งขันกันมาตลอด แม้จะยังไร้ผลผู้ชนะ แต่ทุกคนก็ล้วนรู้กันทั่วว่ายามนี้กระกูลเย่ได้พ่ายแพ้ลง ด้วยเหตุที่ไม่เหลือใครให้สืบทอดต่อตระกูล ทั้งพวกเขายังไม่อาจส่งมอบตระกูลให้คนนอกได้ ตระกูลเย่ยามนี้ไร้ซึ่งอนาคต ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับตระกูลหลิน”

 

 

หลังจากเล่ามายืดยาว หลงเจิ้งหยางในที่สุดก็หยุดลง จากนั้นแสดงสีหน้าละอาย “ข้าไม่ทันยั้งปาก ไม่รู้ตัวเลยว่าวกมาพูดถึงเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร น้องเย่ โปรดอย่าได้ถือสา”

 

เย่หวูเฉินยิ้มกล่าว “ดูเหมือน พี่หลงแม้ไม่ได้อยู่ในเมืองเทียนหลงมานานหลายปี แต่ท่านยังคงรับรู้ถึงความเป็นไปของเมืองแห่งนี้เป็นอย่างดียิ่ง”

 

หลงเจิ้งหยางส่ายศีรษะแล้วกล่าว “เรื่องเหล่านี้คว้าใครมาถามก็ได้ตามท้องถนน เพียงแต่ข้ามีความรู้สึกถึงบางสิ่ง นั่นคือแม้ข้าจะเป็นรัชทายาทรอการสืบทอดบัลลังก์ แต่ข้ากลับรู้สึกเหมือนมีใครต้องการแทนที่ข้า ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ ข้าเริ่มถูกผู้คนลืมเลือน ถ้าหากข้าต้องการการสนับสนุนจากตระกูลใหญ่ ข้าจำต้องทำงานอย่างหนัก น้องเย่ หลังจากนี้เจ้าวางแผนจะทำสิ่งใดต่อ?”

 

“ข้าเหรอ? ข้าเพียงแค่ต้องการให้อดีตของข้ากลับมา” เย่หวูเฉินกล่าวด้วยสายตาฉายแววโดดเดี่ยว เขาไร้ซึ่งอดีตความเป็นมา ไม่มีผู้ใดแม้กระทั่งตัวเขาที่ทราบว่าตัวตนแท้จริงของเขาคือใคร

 

“ตามหาอดีตของตัวเอง?” หลงเจิ้งหยางทบทวนคำพวกนี้อย่างระมัดระวัง เขาขมวดคิ้วมุ่นและกล่าว “เจ้าสูญเสียความทรงจำอย่างนั้นหรือ?”

 

เย่หวูเฉินพยักหน้า

 

“สูญเสียความทรงจำ.... เจ้าได้สติกลับคืนมาเมื่อไหร่?”

 

“หนึ่งเดือนก่อน”

 

หลงเจิ้งหยางหายใจติดขัดขณะยืนขึ้น สายตาของเขาไม่อาจปิดบังความตื่นเต้น “น้องเย่ ข้าคิดว่าเจ้าสมควรลองไปเยี่ยมเยือนตระกูลเย่ บางทีอดีตของเจ้าอาจจะอยู่นั่น!”

 

“โอ้?” เย่หวูเฉินมองเขาด้วยความแปลกใจ แต่ลึกเข้าไปในดวงตากลับสงบนิ่งเหมือนผิวน้ำ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.