ตอนที่ 23 คร่ากุมตัวองค์หญิง (1)

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 23 คร่ากุมตัวองค์หญิง (1)

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 23 คร่ากุมตัวองค์หญิง (1)

 

เป็นเวลายามเที่ยงขณะที่พวกเขาออกจากร้านอาหาร หนิงเสวี่ยกินจนอิ่มหนำ แววตานางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะที่เริ่มมองสำรวจไปรอบๆ หลงเจิ้งหยางฝืนใจจากขณะมองไปยังชั้นบนของบ้านหมอกฝันที่อยู่อีกฝั่งของถนน หลังจากถอนหายใจแผ่วบาง เขาและเย่หวูเฉินก็เริ่มออกเดินตรงไปยังทิศทางที่ตั้งของราชวัง หลังจากดื่มสุราย้อมจิต ความคิดด้านลบที่วนเวียนอยู่ในศีรษะก็ค่อยบรรเทาลง

 

พวกเขาเพียงเพิ่งเริ่มย่างก้าว ฉับพลันนั้นบรรยากาศด้านหลังก็เปลี่ยนไปถนัด พวกเขาได้ยินเสียงกระซิบกระซาบด้วยความกังวลอื้ออึงรอบบริเวณ

 

“ดูนั่นสิ นั่นมันหัวหน้าราชองครักษ์!”

 

“เป็นผู้ใดถึงขนาดต้องใช้หัวหน้าหวู่คอยคุ้มกัน... หรือว่าวันนี้องค์จักรพรรดิเสด็จมา?”

 

“ข้าได้ยินว่าปีนี้หัวหน้าหวู่ชางเพิ่งอายุครบ 40 ปี แต่พลังของเขาตอนนี้แตะระดับสูงสุดของขอบเขตวิญญาณแล้ว ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก”

 

……………………………

 

เย่หวูเฉินและหลงเจิ้งหยางหันกลับมา ถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนตอนนี้เปิดออกเป็นช่องทางกว้าง ที่กึ่งกลางถนนปรากฎบุรุษผู้หนึ่งทั้งตัวสวมใส่เกราะสีทอง เขาเป็นบุรุษวัยกลางคนนำขบวนมา ดวงตาเขาฉายแววทรนงดุจพยัคฆ์ ฝ่ามือวางอยู่บนบั้นเอวกุมกระบี่ สายตาคมกล้าดุจใบมีดกวาดผ่านฝูงชน ผู้คนที่ถูกเขาตวัดสายตาผ่านไม่อาจต้านทานและตัวสั่น ด้านหลังเขามีชาย 4 คนแบกเกี้ยวหงส์ที่ประดับประดาสวยงามก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ไม่มีความเหน็ดเหนื่อยปรากฎบนหน้าของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าในเกี้ยวเป็นบุคคลตัวเล็กและบอบบาง  มีราชองครักษ์กว่า 10 นายถือกระบี่ล้อมอยู่ขณะเดินไป จดจ่อสมาธิเต็มที่กับการป้องกัน

 

“ทำไมนางถึงออกมา?” หลังจากเห็นเกี้ยวอันสวยงาม หลงเจิ้งหยางไม่ทราบสมควรหัวเราะหรือร้องไห้ เขาดึงเย่หวูเฉินออกไปอยู่ด้านข้างขอบถนนและซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน ภายใต้สถานการณ์ยามนี้ เขาจำเป็นต้องปกปิดตัวตนหลีกเลี่ยงไม่เพิ่มความวุ่นวายให้มากขึ้น

 

ในเวลานี้เอง ม่านบนเกี้ยวค่อยๆถูกแง้มเปิดออก มีดวงตาคู่หนึ่งแอบมองดูฝูงชนบนท้องถนน ดวงตาคู่นั้นฉายประกายแห่งความตื่นเต้นออกมา

 

ฝูงชนอัดแน่นเบียดเสียดเพียงขยับก้าวเดินได้เพียงช้าๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากในเกี้ยว เสียงกรีดร้องทำให้เหล่าราชองครักษ์สีหน้ากลับกลายในฉับพลัน ร่างของพวกเขาแข็งค้างในทันที เมื่อคิดว่าองค์หญิงที่พวกตนคุ้มกันอยู่กลับถูกลอบโจมตี หัวหน้าเกราะทองกลับหลังหันดุจสายฟ้า ชักกระบี่สีทองวาดออกมา ตวัดตัดม่านด้านข้างเกี้ยวอย่างฉกาจฉกรรจ์

 

เมื่อม่านข้างเกี้ยวถูกตัดออก ทุกคนที่อยู่ตรงข้ามก็เห็นเด็กสาวทรงเสน่ห์นั่งอยู่ นางดูราวอายุ 13-14 ปี สวมใส่กระโปรงสีขาวสวยงาม ผิวพรรณขาวประดุจหิมะ แววตาขยับงดงามราวระรอกน้ำที่กระเพื่อม ทว่าในยามนี้ ใบหน้าของนางซีดขาว ราวกับถูกทำให้ตื่นกลัวโดยบางสิ่ง

 

เมื่อเห็นว่าองค์หญิงปลอดภัยดี หัวหน้าหวู่จึงถอนหายใจโล่งอก จากนั้นถามออกมาในทันที “องค์หญิง เกิดอะไรขึ้น?”

 

องค์หญิงน้อยตอบสนองในทันที นางชี้นิ้วไปที่ข้างถนนและกล่าวด้วยน้ำเสียงแตกตื่น “นางน่ากลัวมาก ข้าไม่เคยเห็นใครน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน ไล่นางออกไปเร็ว... ไม่ ฆ่านางซะ ข้าไม่อยากเห็นนางอีก!!”

 

หวู่ชางมองไปยังจุดที่นางชี้ เพียงมองผ่านอย่างรวดเร็วเขาก็เห็นเย่หนิงเสวี่ย เนื่องจากเส้นผมของนางมีสีขาวสะดุดตา กระทั่งเขาแค่เหลือบมองปราดเดียวยังหัวใจเต้นผิดจังหวะ ไม่มีใครสามารถทนมองใบหน้านางได้ ด้วยแผลเป็นยาวบนใบหน้าที่ดูน่าเกลียดน่ากลัว

 

เขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก และเอ่ยถามด้วยความอึดอัดใจ “องค์หญิง นั่นไม่ดีเลย ยังไงเสีย...”

 

“ไม่ ไม่ ไม่! ฆ่านางเดี๋ยวนี้ นางน่ากลัวเกินไป!!” น้ำเสียงขององค์หญิงน้อยเหมือนเด็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด นางเอามือปิดตาไม่กล้าเหลียวไปมองอีก

 

“เรื่องนี้มัน....” หวู่ชางมองไปที่หนิงเสวี่ย ใบหน้าเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หรือว่าเขาต้องมาฆ่าสาวน้อยนางนี้จริงๆ ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเพียงเพราะนางดูน่ากลัว? ยิ่งกว่านั้น นางยังคล้ายอายุเพียง 10 ขวบ หากเขาแตะต้องทำร้ายนางขึ้นมา ชื่อเสียงของเขาต้องย่อยยับลงเป็นแน่

 

เขาไม่เห็นเลยว่าตั้งแต่ต้น มือของสาวน้อยถูกชายหนุ่มคนหนึ่งจับจูงอยู่ ผู้ที่เวลานี้สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบในพริบตา ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่เห็นหลงเจิ้งหยางที่หันศีรษะครึ่งหนึ่งไปอีกทาง ซ่อนอยู่เบื้องหลังของชายหนุ่ม

 

“หากเจ้าไม่ฟังคำสั่งข้า ข้าจะฟ้องเสด็จพ่อเมื่อกลับไป” องค์หญิงน้อยชี้นิ้วไปที่เขา นางโกรธหน้ามุ่ยและดื้อรั้นยืนกราน เมื่อเติบโตอาศัยในราชวัง นางรู้จักผู้คนเพียงไม่มากนัก นอกกว่านั้น ยังแทบไม่มีใครกล้าขัดขืนคำสั่งของนาง โอกาสที่นางจะได้ออกมาสนุกข้างนอกนั้นเป็นเรื่องยาก และนางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อให้ได้มันมา แต่ไม่คิดเลยว่าตนกลับต้องมาพบกับเรื่องเช่นนี้ระหว่างเดินทาง ในเวลานี้ นางไม่ทราบแม้กระทั่งความหมายของคำว่า ‘ฆ่า’ นางเพียงแค่เชื่อว่าหลังจากที่ฆ่าคนน่ากลัวนั้นแล้ว นางคนนั้นจะไม่ปรากฎตัวออกมาให้เห็นอีก

 

หวู่ชางหันกลับมา ลอบกล่าวกับตัวเองอย่างหมดหนทาง “ข้าไม่อาจทำอะไรเรื่องนี้ได้ เจ้าเพียงโทษตัวเองได้เท่านั้นที่ทำให้องค์หญิงขัดพระทัย”

 

เขาเดินไปอยู่เบื้องหน้าของหนิงเสวี่ย อาศัยร่างที่สูงมองลงมาที่นางและกล่าว “ข้าให้เวลาเจ้าสิบอึดใจรีบออกไปให้พ้นสายตาข้า จากนั้นจงออกจากเมืองเทียนหลงตลอดไป ไม่เช่นนั้น...”

 

สายตาดุร้ายจ้องมองที่หนิงเสวี่ย เขาจงใจปลดปล่อยปราณขั้นวิญญาณออกมากดดันนาง ไม่ต้องกล่าวถึงร่างที่อ่อนแอของเด็กหญิง กระทั่งผู้ใหญ่ที่อ่อนแอกว่าเขาเล็กน้อยยังยากที่จะต่อต้านพลังปราณนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้วางแผนที่จะฆ่านางจริงๆ เขาแค่ต้องการจะขู่ให้นางกลัว

 

หนิงเสวี่ยรู้สึกราวกับมีก้อนหินท่วมทับบนอก นางหายใจอย่างยากลำบาก ใบหน้าซีดขาวเหมือนกระดาษในทันที นางถอยหลังอย่างตระหนก และหลบอยู่ด้านหลังของเย่หวูเฉิน มือทั้งสองของนางจับเสื้อเขาไว้แน่น ร่างเล็กๆของนางแทบจะพังทลายลง

 

เมื่อเห็นนางยังไม่วิ่งหนีไป หวู่ชางต้องการเพิ่มแรงกดดันใส่นางอีก แต่เขาได้ยินเสียงพูดกระแทกกระทั้นดังขึ้นมาข้างหู “ยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณ กลับอาศัยพลังนั้นรังแกเด็กหญิงตัวเล็กๆที่ไม่มีพิษภัยและไร้หนทางสู้ หัวหน้าราชองครักษ์แห่งวังหลวง ‘หวู่ชาง’ ช่างประพฤติตนได้สง่างามสมกับเป็นผู้ใหญ่เสียจริง ดูเหมือนว่า เราไม่อาจตัดสินผู้คนจากเพียงชื่อเสียงของพวกเขาได้”

 

หวู่ชางขมวดคิ้วแน่นมองเย่หวูเฉินผู้มีสีหน้าเย็นชา เขากล่าวอย่างใจเย็น “เจ้าหนุ่ม หากเจ้าเป็นญาติกับนาง จงจากไปพร้อมกับนางเสียในตอนนี้ แล้วข้าจะทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งใดเมื่อครู่ที่ผ่านมา”

 

“งั้นเหรอ? ถ้างั้นน้องสาวข้าทำอะไรผิด?” เย่หวูเฉินค่อยๆกอดหนิงเสวี่ยขณะที่ถามอย่างไม่แยแส

 

“นางทำให้องค์หญิงหวาดกลัว” หวู่ชางตอบเสียงเย็นเยียบ

 

ผู้คนที่รายรอบมุงอยู่มีสีหน้าราวกับกำลังชมการแสดง เพราะว่าหวู่ชางอุตส่าห์เปิดทางให้พวกเขาจากไป แต่ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มกลับไม่รีบไปอย่างที่คิด ทั้งยังกลับเผชิญหน้ากับหวู่ชางโดยไม่มีอ่อนข้อ เขาไม่กลัวถูกฆ่าหรือยังไงกัน?

 

“โอ้ นางยืนอยู่ตรงนี้ทำให้องค์หญิงกลัวอย่างนั้นรึ?” เย่หวูเฉินสีหน้าทะมึนลง หน้าตากลับกลายเป็นดุร้ายอย่างน่าขนลุก “บอกองค์หญิงของเจ้า ว่าต่อให้องค์จักรพรรดิมาด้วยตนเอง หากใครก็ตามบังอาจกระตุ้นโทสะของน้องสาวข้า มันจะต้องชดใช้”

 

หวู่ชางจ้องเขาด้วยความตะลึงงัน ในชั่วขณะที่กำลังชะงัก เย่หวูเฉินฉับพลันพลิกร่างวาบเป็นแสงเขียว ร่างเบื้องหน้ากลายเป็นภาพติดตา ที่เบื้องหลังมีเสียงกรีดร้องขององค์หญิงดังขึ้น

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.