ตอนที่ 21 สามศาสตราต้องห้าม

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 21 สามศาสตราต้องห้าม

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 21 สามศาสตราต้องห้าม

 

“สำนักจักรพรรดิใต้” เย่หวูเฉินหัวใจเต้นรัวเมื่อได้ยินคำว่า ‘จักรพรรดิใต้’ อีกครั้ง

 

หลงเจิ้งหยางแปลกใจเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าเขาและเอ่ยถาม “อย่าบอกนะว่าน้องเย่ไม่รู้จักสำนักจักรพรรดิใต้?”

 

เย่หวูเฉินพยักหน้า

 

หลงเจิ้งหยางยิ้มกล่าว “ดูเหมือนน้องเย่ไม่ได้เห็นโลกมานาน... สำนักจักรพรรดิใต้เป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งทวีป เพราะพวกเขาคือตัวตนทรงอำนาจ มีพลังมากพอทำลายเหล่าราชตระกูลและก้าวขึ้นมาแทนที่”

 

เย่หวูเฉิน “........”

 

“โบราณกาลกล่าวตำนานไว้ว่า โลกของเราถูกสร้างขึ้นมาโดยจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือ ภายหลังจักรพรรดิเหนือ-ใต้ต่อสู้ฟาดฟันและพากันดับดิ้น ทั้งสองฝ่ายต่างมีทายาท ทายาทสืบทอดเหล่านั้นต่างดำรงอยู่บนทวีปเทียนเฉิน ทายาทแห่งจักรพรรดิใต้ได้ก่อตั้งสำนักจักรพรรดิใต้ ส่วนทายาทแห่งจักรพรรดิเหนือก็ก่อตั้งสำนักจักรพรรดิเหนือ พวกเขาทรงอำนาจไร้เทียมทานไม่มีผู้ใดในทวีปเทียนเฉินที่อาจต่อกร เคราะห์ดีที่ทั้งสองสำนักไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของมนุษย์เดินดิน ทั้งสองสำนักคือคู่ปฏิปักษ์ต่อกัน ทั้งยังต่อสู้กันมาตลอดกัปกัลป์แต่ไม่เคยปรากฎผลผู้แพ้ชนะ”

 

“ทว่าเมื่อ 20 ปีก่อน ประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ติดกับกลอุบาย ร่างกายถูกพิษเพลิงจนแทบจะสิ้นชีวิต ผลที่ตามมาคือสำนักจักรพรรดิใต้พ่ายแพ้ต่อสำนักจักรพรรดิเหนือและเริ่มล่าถอย ในช่วงเวลานั้นพระบิดาข้าสถาปนาขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ สำนักจักรพรรดิใต้ได้ถอยร่นมายังที่ตั้งของราชวัง ราชตระกูลเราได้พบกับพวกเขา พระบิดาไม่ลังเลเข้าช่วยเหลือท่ามกลางเสียงคัดค้าน ไม่สนว่าการยุ่งเกี่ยวจะทำให้ราชตระกูลต้องเสี่ยงกับการถูกทำลาย เขามอบ ‘ยาสัมผัสวารี’ ที่มีอยู่เพียงเม็ดเดียวให้กับประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ และใช้มันสลายพิษเพลิงออกจากร่าง หลังจากนั้นเขาส่งยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์สามคน และยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณอีกกว่าสิบ ทั้งหมดเป็นคนของราชวังที่ถูกส่งไปช่วยเหลือสำนักจักรพรรดิใต้ ด้วยการฟื้นคืนพลังของประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ และยิ่งได้รับกำลังรบที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทิศทางของสงครามเบนผันหันมาทางพวกเขา สามยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ กับสิบยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณ รวมทั้งราชองครักษ์นับไม่ถ้วนที่เข้าร่วม สมดุลแห่งสงครามจึงพังลงอย่างง่ายดาย ทำให้สำนักจักรพรรดิใต้เป็นฝ่ายมีเปรียบ เป็นครั้งแรกแห่งสงครามที่พวกเขาเหนือกว่า พวกเขาใช้โอกาสนี้บดขยี้สำนักจักรพรรดิเหนือและเอาชนะได้ในที่สุด ส่วนสำนักจักรพรรดิเหนือได้หลบหนีไปทางตอนเหนือและหายสาบสูญไปตลอด 20 ปี แม้สำนักจักรพรรดิใต้จะสืบเสาะหามาตลอด 20 ปี แต่ก็ไร้ร่องรอยใดๆ”

 

“สำนักจักรพรรดิใต้ไม่เคยยอมให้ตัวเองติดค้างผู้อื่น ผู้นำตระกูลมอบสิ่งตอบแทนคือข้อเสนอยอมทำตามคำขอของพระบิดาข้อหนึ่ง หลังจากนั้นผ่านไป 15 ปี พระบิดาได้ยื่นคำขอต่อผู้นำตระกูลแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ คือขอแต่งงานกับลูกสาวเพียงคนเดียวของฉุ่ยหยุนเทียน”

 

หลงเจิ้งหยางยิ้มขมขื่น “สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือ ทั้งสองทรงพลังอำนาจพอที่จะครองโลก กระทั่งอาณาจักรกล้าแกร่งสุดในทวีปเทียนเฉินยังหวาดเกรงไม่กล้ากระตุ้นยั่วต่อพวกเขา หากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าพระบิดากลับยอมเสี่ยงเป็นอริต่อสำนักจักรพรรดิเหนือเพียงเพื่อสตรีคนเดียว... เพราะนางทรงเสน่ห์อันร้ายกาจ ไร้บุรุษใดที่จะต่อต้าน น้องเย่....เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะต่อสู้กับพระบิดา และถึงแม้ข้าจะสู้กับเขาได้ แต่ข้าก็ไม่อาจต่อกรกับสำนักจักรพรรดิใต้”

 

องค์จักรพรรดิเพียงเรียกร้องหนึ่งสตรีเท่านั้นจริงๆหรือ? ยิ่งกว่านั้น นางยังเป็นธิดาเพียงคนเดียวของประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ นั่นย่อมทำให้สำนักจักรพรรดิใต้มีความเกี่ยวดองกับราชตระกูลเทียนหลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง และด้วยเกียรติแห่งประมุขสำนักจักรพรรดิใต้จึงย่อมไม่มีทางปฏิเสธ ส่วนองค์จักรพรรดิเองก็อดทนรอถึง 15 ปีเพื่อยื่นข้อเรียกร้อง รอเด็กหญิงอายุสองขวบให้เติบโตอีก 15 ปี ช่างเป็นการคำนวณที่เหมาะเจาะเสียจริง

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่หวูเฉินจึงเอ่ยปากถาม “พี่หลง นี่สมควรเป็นเรื่องราวความลับภายในราชตระกูลของท่าน ท่านไม่กลัวว่าข้าจะนำเรื่องไปแพร่งพรายหรอกหรือ?”

 

หลงเจิ้งหยางส่ายศีรษะและกล่าว “นี่ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด แท้ที่จริงเรื่องนี้ต่างรับรู้กันทั่วทั้งทวีปเทียนเฉิน เวลานี้ไม่มีผู้ใดไม่ทราบว่าธิดาแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ กำลังจะแต่งงานเข้าสู่ราชตระกูลเทียนหลง”

 

เย่หวูเฉินแค่นเสียงในใจ ‘ว่าแล้ว’

 

“แล้วเหตุใดประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ ถึงได้ตั้งกฎกำหนดเวลาก่อนจะยอมให้นางเข้าวัง และเขากลับให้นางอาศัยอยู่ในเมืองเทียนหลง ใช่มีเหตุผลในเรื่องนี้หรือไม่?” เย่หวูเฉินถาม

 

หลงเจิ้งหยางพยักหน้าแล้วกล่าว “ในอดีต สำนักจักรพรรดิใต้ค้นคว้าตามหากระบี่จักรพรรดิใต้ซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เจ้าของผู้ครอบครองกระบี่จักรพรรดิใต้คือประมุขที่แท้จริงของสำนักจักรพรรดิใต้ หากเจ้าของกระบี่ปรากฎตัว ธิดาแห่งประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ตระกูลฉุ่ย จะต้องกลายเป็นสตรีของเจ้าของกระบี่ที่แท้จริง แต่หากนางอายุครบ 25 ปีแล้วยังไม่พบเจ้าของกระบี่ เมื่อนั้นนางจึงสามารถแต่งออกได้”

 

ม่านตาของเย่หวูเฉินหดวูบอย่างรุนแรง เขายกสุราขึ้นดื่มหนึ่งจอก สัมผัสรสชาติบาดคอตั้งแต่ปากถึงกระเพาะ เมื่อเขาวางจอกสุราลง ใบหน้าของเขากลับมาสงบราบเรียบอีกครั้ง

 

โชคชะตาช่างเล่นตลกเสียจริง

 

หลงเจิ้งหยางไม่ทันสังเกตความผิดปกติของเย่หวูเฉิน ด้วยดวงตาที่พร่ามัวอยู่ตลอดเขาเอ่ย “สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือ ล้วนถ่ายทอดสืบต่อสิ่งหนึ่งจากบรรพบุรุษเหมือนกัน สิ่งที่ต่างกันคือสำนักจักรพรรดิเหนือตามหา หนึ่งในสามศาสตราต้องห้ามที่มีบันทึกไว้ นั่นคือ ‘ศรจักรพรรดิเหนือ’”

 

“สามศาสตราต้องห้าม?” เย่หวูเฉินประหลาดใจ

 

หลงเจิ้งหยางค่อยๆคุ้นชินกับ ‘ความไม่รู้เรื่องราว’ ของเย่หวูเฉิน เขาเริ่มอธิบายต่อ “ระดับของอาวุธถูกจัดแบ่งเช่นเดียวกับระดับพลังของบุคคล ทวีปเทียนเฉินมีอาวุธระดับสวรรค์อยู่เพียงหยิบมือ และศาสตราชั้นเทพยิ่งมีน้อยลงไปอีก ในตำนานได้กล่าวไว้ว่า มีอาวุธที่ทรงอานุภาพยิ่งกว่าศาตราชั้นเทพ ในบรรดาอาวุธเหล่านั้นได้แก่ สามศาสตราต้องห้ามซึ่งถูกสร้างขึ้นมาในสมัยบรรพกาล มีคำกล่าวว่าหากผู้ใดได้ถืออยู่ในครอบครอง มันย่อมสามารถถล่มสวรรค์ ทลายปฐพี และสะบั้นดารา ศาสตราชิ้นแรกคือกระบี่จักรพรรดิใต้หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘กระบี่ตัดดารา’  ชิ้นที่สองคือศรจักรพรรดิเหนือหรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘ศรบาปวิบัติ’ ส่วนชิ้นสุดท้ายไม่มีผู้ใดเคยพบเห็น กระทั่งชื่อของยังไม่หลงเหลือให้ผู้ใดรู้จัก แน่นอนว่านี่เป็นเพียงตำนาน แต่ว่าทั้งสองสำนักจักรพรรดิใต้และเหนือต่างกล่าวว่านี่ไม่ใช่เพียงตำนาน และพวกเขาเชื่อมั่นในเรื่องนี้อย่างยิ่งยวด”

 

เมื่อเย่หวูเฉินเงียบไปทั้งสีหน้ายังบ่งบอกว่าเขาไม่สนใจกับเรื่องพวกนี้ หลงเจิ้งหยางยิ้มเยาะตนเองและหรี่ตาลง “หลังจากนี้อีก 3 ปี นางจะเข้าสู่วัง และเมื่อถึงเวลานั้นความหวังสุดท้ายของข้าจะจบลง ระหว่าง 5 ปีที่นางอาศัยอยู่ในเมืองเทียนหลง เวลาแทบทั้งหมดของนางคืออยู่ในบ้านหมอกฝัน เป็น 5 ปีที่ข้าไม่เคยได้เห็นใบหน้าของนางอีกเลย เพียงได้ยินเฉพาะน้ำเสียงของนางเท่านั้น เมื่อข้ากลับมาเมื่อปีก่อน ข้าทราบมาว่านางไปที่สวนแสงไผ่ดำ ทุกผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนั้นต่างเข้าใจว่านางเป็นเทพอัปสร จิตรกรบางคนพยายามวาดรูปนาง ทว่าไม่มีใครสามารถวาดดวงหน้านางอัปสรนั้นได้ พวกเขาพบว่ากระทั่งสุดยอดจิตรกรยังไม่อาจวาดความงามล้ำนั้นลงบนกระดาษ ในวันต่อมาพวกเขาจึงรู้ว่านางคือว่าที่พระชายาขององค์จักรพรรดิ และเป็นที่รับรู้กันว่านางคือ 1 ใน 3 สุดยอดสาวงามแห่งเมืองเทียนหลง”

 

หลงเจิ้งหยางหยุดพูด เขามองเย่หวูเฉินแล้วกล่าว “น้องเย่ เจ้าอยากฟังเรื่องราวของสามสุดยอดสาวงามหรือไม่?”

 

เย่หวูเฉินดวงตาเปล่งประกาย สีหน้าของเขาแสดงความสนใจอย่างเห็นได้ชัด

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.