ตอนที่ 4 ลงโทษสถานเบา

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 4 ลงโทษสถานเบา

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 4 ลงโทษสถานเบา

 

“เอาละ ตื่นเถอะไม่อย่างนั้นคงไม่เหลืออาหารเช้าให้พวกเรากิน” เย่หวูเฉินลุกขึ้นนั่ง พยุงนางขึ้นมาแล้วลูบใบหน้าน้อยๆ ผิวขาวของนางละเอียดอ่อนประดุจดั่งหิมะ มองแวบแรกดวงหน้าน้อยๆของนางดูราวกับตุ๊กตา แต่เพราะสองรอยแผลเป็นทำลายรูปโฉมของนาง จนดูราวกับมีคนขุดดินพลิกขึ้นมาบนผืนหิมะขาวไร้ตำหนิ

 

“อาหารเช้า?” หนิงเสวี่ยลืมตามองเขาอย่างงัวเงีย “เรามีอาหารให้กินในตอนเช้าด้วยเหรอ?”

 

เย่หวูเฉินเจ็บแปลบอยู่ข้างใน แต่เขาก็ยังยิ้ม “หนิงเสวี่ยไม่ทานอาหารเช้าหรือ?”

 

“อื้ม” นางพยักหน้าด้วยดวงตาที่ยังสลึมสลือ “เพราะว่า... ข้าหาอะไรมากินไม่ได้ นอกจากเวลากลางคืน... ตอนที่พี่ต้าหนิวแจกผลไม้”

 

เย่หวูเฉินค่อยๆใช้มือจัดแจงผมเผ้าและเสื้อผ้าให้นาง ในระหว่างนั้น เย่หนิงเสวี่ยมองเขาอย่างใจจดใจจ่อ ราวกับนางรื่นรมณ์กับทุกสัมผัสของเขา หวูเฉินอุ้มนางลงยืนบนพื้นแล้วจูงมือ “ไปกันเถอะ ข้าบอกเจ้าแล้วไง ว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องหิวอีก”

 

พื้นที่ว่างเปล่าในตอนกลางคืน ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายประเภท มีทั้งคนชรา ผู้ใหญ่ และเด็กๆ เมื่อพวกเขามาถึงก็ดึงดูดความสนใจจากคนหมู่มากทันที สายตาของพวกเขาไม่เป็นมิตร เด็กบางคนกระทั่งพูดจาทารุณทิ่มแทง...

 

“นั่นมัน... นั่นมันยัยอัปลักษณ์นี่!”

 

“ยัยนั่นมาอีกแล้ว...พ่อ ข้าไม่อยากเห็นนาง นางดูน่ากลัวมากเลย!”

 

“มาๆ ไปทุบตีนางกันเถอะ ไปทุบตีนาง!”

 

ไม่เพียงแค่เด็กๆเท่านั้น กระทั่งผู้ใหญ่หลายคนที่สวมใส่เสื้อผ้ามอมแมม พวกเขาเองก็แสดงท่าทางขยะแขยงอย่างเห็นได้ชัด เย่หนิงเสวี่ยสีหน้าเริ่มซีดลง นางขยับซ่อนร่างอ่อนแออยู่ด้านหลังของเย่หวูเฉิน นางจับชายเสื้อของเขาไว้แน่น ดวงตาคู่นั้นเริ่มพร่าไปด้วยน้ำตา

 

พอเห็นหินก้อนเล็กๆขว้างมาที่พวกเขา เย่หวูเฉินขมวดคิ้วแล้วคว้าจับก้อนหินเหล่านั้นทันที จากนั้นขว้างก้อนหินกลับไปที่เด็กแต่ละคน พวกเด็กๆตะลึงอยู่ชั่วขณะ ถัดจากนั้นก็ร้องไห้เสียงดัง การกระทำของเย่หวูเฉินเหมือนการแหย่ฝูงผึ้งให้แตกรัง แน่นอนย่อมมีบางคนไม่พอใจ เพียงไม่นานนัก ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งท่าทางฉุนเฉียวก็ตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าทำอะไร?” พร้อมกับเขวี้ยงชามไปทางเย่หวูเฉิน

 

ฉู่จิงเทียนที่กำลังจะก้าวออกไปถูกหยุดไว้โดยปู่ฉู่ เขาส่ายศีรษะอย่างเคร่งขรึม ฉู่จิงเทียนมีใบหน้าสับสน ทว่าเขาไม่เคยมีความคิดสงสัยในตัวปู่ ดังนั้นเขาจึงนั่งลงและรอดูอยู่เงียบๆ

 

ปู่ฉู่หรี่ดวงตาชราลง จดจ่อดูทุกการเคลื่อนไหวของเย่หวูเฉิน คนอื่นไม่มีใครทันสังเกต แต่เขามองเห็นอย่างชัดเจนในขณะที่ก้อนหินพุ่งมายังส่วนล่างของร่างกาย เย่หวูเฉินเพียงโบกมือธรรมดา แต่ก้อนหินเหล่านั้นกลับคล้ายถูกดูดและบินเข้าไปในมือ มากกว่าที่จะถูกเอามือยื่นออกไปคว้าจับ

 

ปู่ฉู่รู้ดีว่าเย่หวูเฉินสามารถรับมือได้ง่ายๆ ทว่าเย่หวูเฉินกลับไม่มีพลังใดๆกระเพื่อมออกมาตั้งแต่เริ่มจนจบ.... ซึ่งเขารู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ

 

ชายวัยกลางคนถูกเย่หวูเฉินจับข้อมือไว้แน่น แววตาของเย่หวูเฉินเย็นเยือก เขาบิดข้อมือของชายวัยกลางคนจนมีเสียงลั่นดังขึ้น เป็นข้อมือขวาที่ร้าว เขาร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือด กลุ่มคนเริ่มรุมล้อมเข้าหาเย่หวูเฉินพร้อมกัน ส่วนคนที่เหลือก็ขว้างปาสิ่งของในมือใส่หวูเฉินกับหนิงเสวี่ย

 

เย่หวูเฉินยิ้มเย้ยหยัน เขาค่อยๆแกะมือเล็กๆของหนิงเสวี่ยออก จากนั้นก้าวออกไปเบื้องหน้า มือข้างขวาคว้าแขนขวาของคนผู้หนึ่ง พร้อมกับมือซ้ายที่จับแขนซ้ายของคนผู้นั้น จากนั้นเขาใช้ร่างผอมบางเหวี่ยงคนผู้นั้นออกไป มีเสียงกระดูกลั่นสองครั้งตามมา อีกคนหยุดชะงักลงเพราะถูกเย่หวูเฉินย่ำใส่ข้อเท้า เขารู้สึกเหมือนถูกเย่หวูเฉินใช้พลังประหลาดในการบิดกระดูกข้อเท้า

 

หลายคนโดนซัดเข้าที่หน้า ถูกโยนกลับไปยังจุดที่ก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว เย่หวูเฉินใช้พลังปานกลาง ที่สุดแล้วพลังเพียงเท่านี้ไม่นับเป็นอันตรายกับพวกเขามากนัก แต่อย่างน้อยก็คงจะเจ็บปวดไปอีกหลายวัน

 

เพียงพริบตา ชายวัยกลางคนทั้งหลายก็ร่วงอยู่บนพื้น กุมข้อมือและข้อเท้า แสดงออกซึ่งสีหน้าเจ็บปวด พวกเด็กก้าวร้าวที่มีรอยจ้ำม่วงบนใบหน้า ตอนนี้ยิ่งร้องไห้เสียงดังหนักกว่าเดิม เมื่อเห็นบิดาของพวกตนพ่ายแพ้ลง เหลือเฉพาะเพียงคนชราและสตรีสั่นกลัวบางส่วนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

 

“เจ้า... ทำไมถึงต้องมาทำร้ายพวกเราด้วย?” ชายวัยกลางคนที่ลงมือคนแรกถามด้วยความเจ็บปวด

 

“เพราะว่าเจ้าล่วงล้ำข้า” เย่หวูเฉินตอบเสียงเย็นเยือก

 

“พวกเราเพียงแค่จะไล่ยัยเด็กอัปลักษณ์นั่นออกไป” ชายวัยกลางคนชี้ไปที่หนิงเสวี่ย

 

“เห? แต่ข้าคือพี่ชายของนาง มาขับไล่พวกเราสิถ้าเจ้าต้องการ” เย่หวูเฉินแค่นเสียงกล่าว

 

ชายวัยกลางคนอ้าปากค้าง ไม่อาจกล่าวสิ่งใด

 

“ทำไม? ตอนนี้ไม่กล้าแล้วหรือไง?” เย่หวูเฉินหัวเราะ สืบเท้าเข้าหาแล้วเหยียบลงบนหน้าอก จากนั้นมองลงไป “ที่จริงแล้ว นางก็แค่อ่อนแอและไม่สามารถปกป้องตัวเอง เพียงเพราะว่าเจ้าเข้มแข็งกว่านาง เลยถือเป็นเหตุผลอันสมควรที่จะขับไสไล่ส่งนาง หรือจะรังแกนางอย่างไรก็ได้เช่นนั้นรึ? ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า หมายความว่าข้าสามารถรังแกเจ้าได้เหมือนที่เจ้าทำกับนาง? ข้ากระทั่งสามารถฆ่าเจ้าได้ง่ายๆ ในเมื่อเจ้าปฏิบัติกับนางเช่นนั้น แล้วเจ้ายังมีสิทธิ์มาบ่นอะไร ในเมื่อข้าก็ทำกับเจ้าด้วยวิธีการเดียวกัน?”

 

เขาเตะชายวัยกลางคนออกไป จากนั้นยกเด็กน้อยอายุราว 7-8 ขวบขึ้นมา และตะโกนใส่ “หยุดร้องไห้ได้แล้ว!”

 

เด็กน้อยหวาดผวาและหยุดร้องไห้ทันที เด็กน้อยมองเขาด้วยน้ำตานองหน้า

 

“บิดาของเจ้าคือใคร?” เย่หวูเฉินถามเสียงเย็นเยือก

 

“คือเขา...เขา” เด็กน้อยอยากร้องไห้หากแต่ไม่กล้าร้องออกมา เขาสะอื้นเบาๆในจมูกและชี้ไปที่ชายคนที่เพิ่งถูกย่ำกระดูกข้อเท้า

 

“บิดาเจ้าเคยสอนว่าอย่ารังแกใครบ้างมั้ย?”

 

“เคย เขาเคยสอนข้า”

 

“แล้วทำไมเจ้ายังรังแกนางอยู่อีก?” เย่หวูเฉินชี้ไปที่หนิงเสวี่ย

 

“เพราะ.... เพราะว่านางอัปลักษณ์มากแล้วคนอื่นๆก็แกล้งนาง ดังนั้นข้าจึง....”

 

“อ้อ? งั้นข้าจะทำให้เจ้าดูน่าเกลียดเหมือนตัวประหลาด แล้วลองปล่อยให้เจ้าลิ้มรสความรู้สึกดู ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหนเวลาที่ถูกคนอื่นรังแก เจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?” เย่หวูเฉินยื่นนิ้วออกมาแล้วขยับช้าๆบนใบหน้าเขา เด็กน้อยกลัวมากจนร้องไห้น้ำตาร่วงกราว “ไม่นะ ข้าไม่ ข้าไม่รังแกนางอีกแล้ว...แง!” 

 

เย่หวูเฉินวางเขาลงกับพื้นเบาๆ จากนั้นก้าวเท้าเดินไปหาคนพ่ออย่างไร้อารมณ์ “ในเมื่อเจ้าก็สอนไม่ให้เขารังแกใคร พอเห็นเขารังแกนางเพราะเหตุผลแบบนั้น ทำไมถึงไม่ห้ามปราม? เขาเป็นเพียงเด็กไม่รู้เดียงสา แต่เจ้าเป็นผู้ใหญ่กลับรังแกนางเสียเอง หรือเจ้าก็เป็นเด็กไร้เดียงสาด้วยอีกคน? ในเมื่อเจ้าทำกับเด็ก 10 ขวบแบบนั้น ตอนนี้ก็อย่าโทษว่าผู้อื่นที่ทำกับเจ้าแบบเดียวกัน อะไรนะ ตอนนี้อยากติดตามข้างั้นรึ? งั้นเจ้าก็คงอยากถูกทุบตีทุกครั้งที่เจอข้าสินะ!”

 

ชายวัยกลางคนขยับปากขึ้นลงแต่ไม่อาจกล่าวคำใดออกมา เพราะเขารู้ดีว่าเย่หวูเฉินไม่ได้พูดเล่นๆแน่นอน เขารู้สึกสยดสยองในทันทีเพียงแค่เห็นสีหน้าเหี้ยมโหดของเย่หวูเฉิน

 

“ปล่อยมันไปเถอะ”

 

ในที่สุดชายชราก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวสุขุม “หนุ่มน้อยเอ๋ย พวกเขาทำผิดก็จริง แต่ก็ไม่ใช่พวกคนเลวร้ายอะไร พวกเขาเพียงทำไปตามสัญชาติญาณเท่านั้น ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะทำอีก ข้าจะให้ทุกคนขอโทษหนิงเสวี่ย ถือว่าเห็นแก่หน้าชายชราอย่างข้า ขอให้เจ้าปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป ตกลงไหม?”

 

เย่หวูเฉินหันกลับมา ความเหี้ยมโหดบนใบหน้าหายไปฉับพลัน จากนั้นเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านปู่ฉู่ช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าย่อมไม่ขัดข้องความต้องการของท่าน เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องให้พวกมันมาขอโทษสิ่งใด หากมีครั้งต่อไป  ข้าก็แค่ทุบตีพวกมันอีกก็แค่นั้น ฮ่าฮ่า”

 

เขาเหยียบชามให้ดีดขึ้นมาและใช้มือจับ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ครั้งนี้ถือเป็นการลงโทษสถานเบา หากครั้งต่อไปข้าได้ยินว่าใครรังแกนางอีกละก็ ข้าจะหักกระดูกมัน!” เขาบีบมือขวาจนชามหินแข็งป่นเป็นผง ฝุ่นผงหินปลิวออกจากนิ้ว พวกคนเหล่านั้นต่างหน้าซีดขาว คนที่คิดต่อต้านต่างหวาดกลัวจนสุดท้ายทำได้เพียงสงบเงียบเจียมตัว

 

“พวกเจ้าไปกันได้แล้ว” ชายชราโบกมือ ตอนนี้สถานที่ระเนระนาด ดังนั้นคงไม่มีใครมีอารมณ์กินต่อ

 

ผู้คนรีบจากไป เย่หวูเฉินจูงมือหนิงเสวี่ยแล้วเดินตรงไปหาชายชรา “ท่านปู่ฉู่ ขออภัยที่สร้างปัญหาให้ท่าน”

 

ชายชราไม่พยักหน้าหรือส่ายศีรษะ เขากลับถอนหายใจ “ปฏิเสธสิ่งน่าเกลียดคือสัญชาตญาณของผู้คน ถึงแม้พวกเขาจะทำผิดจริง แต่ก็ไม่อาจโทษพวกเขาได้ทั้งหมด”

 

เย่หวูเฉินพยักหน้า “ข้าทราบดี ดังนั้นข้าจึงลงโทษพวกเขาเพียงสถานเบา ป่วยการที่จะพูดเหตุผลกับคนแยกตัวพวกนี้ ข้าจึงคิดว่าทำให้พวกมันหลาบจำน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า”

 

ชายชรายกยิ้ม หากแต่ไม่เอ่ยคำใด

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.