ตอนที่ 5 ตำนานสตรีเทพพิโรธ

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 5 ตำนานสตรีเทพพิโรธ

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 5 ตำนานสตรีเทพพิโรธ

 

ในที่สุดฉู่จิงเทียนก็ทนรั้งตัวเองอยู่เงียบๆไม่ไหว เขากระโดดออกมายืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความกระหาย “น้องหวูเฉิน คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ถ้ายังไงเรามาแลกเปลี่ยนชี้แนะกันหน่อย เจ้าคิดว่าเป็นไง?”

 

เย่หวูเฉินยิ้มและส่ายศีรษะ

 

ฉู่จิงเทียนคันไม้คันมืออยู่ในใจ กระทั่งฝ่ามือยังถูเข้าด้วยกัน เขามีสัญชาติญาณกระหายการต่อสู้ที่สืบทอดมาจากสายเลือดตระกูลฉู่ แต่ในสถานที่ถูกผนึกปิดตายแห่งนี้มีเพียงปู่ของเขาเท่านั้นที่คอยเป็นคู่มือให้ และแน่นอนว่าเขาพ่ายแพ้ทุกครั้ง ในเวลานี้เมื่อมีผู้เข้มแข็งอีกคนปรากฎตัวขึ้นมา แล้วจะให้เขายอมพลาดโอกาสดีขนาดนี้ได้เช่นไร?

 

ขณะที่เขากำลังจะตามตื้อต่อก็ได้ยินเสียงกระแอมไอของปู่ดังขึ้น “ต้าหนิว เจ้าไม่ควรไปคาดคั้นให้เขาประลองฝีมือกับเจ้า”

 

ฉู่จิงเทียนจำต้องเงียบปากและมีสีหน้าท่าทีผิดหวัง แต่ทันใดเขาก็เหลือกตาแล้วพูดว่า “น้องหวูเฉิน เจ้าเป็นคนแข็งแกร่งมาก ถ้างั้นเอาแบบนี้เป็นไง ไว้เจ้าออกไปล่าสัตว์กับข้า? ในป่าแห่งนี้มีสัตว์อสูรอยู่หลายชนิด มีกระทั่งราชสีห์เพลิงระดับ 10 ถ้าหากเราร่วมมือกัน บางทีคืนนี้พวกเราอาจได้ลิ้มรสชาติของเนื้อราชสีห์”

 

ระดับ 10?

 

ใช้เวลาคิดเพียงเสี้ยววินาที เย่หวูเฉินก็ยิ้มกล่าว “ตกลง งั้นไปกันตอนนี้เลย”

 

“ตอนนี้?” ฉู่จิงเทียนตกใจเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “ย่อมได้ งั้นไปกันเลย” กล่าวจบเขาก็รีบสะพายตะกร้าไผ่ที่ใช้ประจำทุกวันใส่ไว้บนหลังเพราะกลัวว่าเย่หวูเฉินจะถอนคำพูด จากนั้นก็หยิบกระบี่สนิมเขรอะโยนใส่ตะกร้า

 

ปู่ฉู่ไม่กล่าวสิ่งใดหากแต่มองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

 

เย่หวูเฉินโน้มกายลงหาหนิงเสวี่ย “ข้าทำให้เจ้ากลัวรึเปล่า?”

 

หนิงเสวี่ยส่ายศีรษะนางอย่างจริงจัง “ไม่เลย เพราะท่านพี่ทำเพื่อปกป้องข้า... ท่านพี่ เขาเหล่านั้นทั้งหมดต่างก็เกลียดข้า แต่ทำไมท่านพี่ถึงยังทำดีกับข้าล่ะ?”

 

เย่หวูเฉินยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน “เพราะเจ้าคือน้องสาวของข้า”

 

เขาเหยียดกายขึ้นตรง “มาเถอะ พวกเราไปล่ากัน”

 

หนิงเสวี่ยตอบรับอย่างไร้เดียงสาแล้ววิ่งต้อยๆตามหลังพวกเขาไป ฉู่จิงเทียนเกาศีรษะเหมือนอยากจะบอกว่าไม่ควรพาเด็กสาวตัวน้อยมาด้วยเพราะอาจมีอันตราย แต่สุดท้ายเขาไม่ได้กล่าวสิ่งใด ด้วยเกรงว่าเย่หวูเฉินจะไม่มากับเขา

 

สองหนุ่มพูดคุยกันตลอดทาง ทว่ามีแต่เพียงหัวข้อที่เกี่ยวกับอาหาร หนิงเสวี่ยเดินตามเย่หวูเฉินอยู่ไม่ห่าง ดวงตากระจ่างใสมองสำรวจรอบๆอย่างใคร่รู้ เมื่อพวกเขามาถึงยังชายป่า เย่หวูเฉินก็เอ่ยขึ้น “พี่ต้าหนิว ระดับ 10 ที่ท่านพูดถึงคือการแบ่งตามระดับวรยุทธถูกไหม?”

 

“วรยุทธ? มันคือสิ่งใดกัน?” ฉู่จิงเทียนมองตากว้าง ทว่าฉับพลันนั้นเขาเข้าใจทันที “อ้อ ที่แท้ก็ระดับพลังในทวีปเทียนเฉิน”

 

หรือว่าที่นี่ไม่มีการฝึกวรยุทธ? เย่หวูเฉินขมวดคิ้วแล้วถาม “ถ้าอย่างนั้นผู้คนที่นี่ฝึกอะไรกัน?”

 

ฉู่จิงเทียนเกาศีรษะ “ก็มีอยู่หลายอย่าง มีพวกฝึกกระบี่ คันศรและดอกธนู ฝึกลอบสังหาร... อ้อ บางคนก็ฝึกเวทย์ด้วย ที่จริงก็มีคนฝึกเวทย์เยอะอยู่ แต่โดยทั่วไปกล่าวกันว่าผู้ฝึกกระบี่มีจำนวนมากที่สุด อย่างไรเสีย กระบี่นั้นก็เป็นจ้าวแห่งศาตรา”

 

“แล้วระดับขั้นล่ะ?” เย่หวูเฉินสอบถามขณะครุ่นคิดถึงเรื่องนี้

 

“อืมม การจัดแบ่งพลัง เรากำหนดจากระดับ1 , ระดับ2 ,ระดับ3… ไปจนถึงระดับ10 ตั้งแต่ระดับ8 ขึ้นไปจะถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่หากเกินระดับ10 ขึ้นไป จะเป็นขอบเขตที่แข็งแกร่งสุดยอด ขอบเขตที่สูงกว่าระดับ10 ได้แก่ ขอบเขตวิญญาณ ,ขอบเขตสวรรค์ และขอบเขตเทวะ เจ้าจะสามารถดูแคลนเหล่าผู้กล้าได้เมื่อถึงขอบเขตวิญญาณ เป็นผู้นำหนึ่งชั่วรุ่นเมื่อแตะขอบเขตสวรรค์ และสามารถทอดตามองทั่วหล้าเมื่อบรรลุขอบเขตเทวะ จากที่ท่านปู่เล่าให้ฟัง ในทวีปเทียนเฉินมีสี่คนที่ไปถึงขอบเขตเทวะได้ แน่นอนว่าตัวตนของพวกเขาเป็นดุจดั่งเทพพระเจ้า” ฉู่จิงเทียนกล่าวด้วยความชื่นชม

 

เย่หวูเฉินหยักหน้า “ทั้งสี่คนสมควรเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเทียนเฉิน”

 

“เปล่าเลย!” ฉู่จิงเทียนส่ายศีรษะ “ยังมีอีกผู้หนึ่ง เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป แต่ไม่มีใครรู้ชื่อของนางเพราะนางไม่เคยพูด อาวุธที่นางใช้มีชื่อว่า ‘เทพพิโรธ’ ผู้คนจึงเรียกนางว่า ‘สตรีเทพพิโรธ’ ท่านปู่เล่าให้ข้าฟังว่านางมีปกติชอบทำลายล้างและสังหารผู้คนไปจำนวนมาก เทพทั้งสี่ต้องร่วมมือกันจึงสามารถจับกุมนางได้ในที่สุดโดยอาศัยเวทย์ผนึกปีศาจ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานางถูกผนึกขังอยู่ในหอคอยปีศาจ และถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนปีศาจอันทรงพลังที่แม้แต่ทวยเทพยังไม่อาจทำลาย แม้ว่านางจะติดอยู่ในนั้น แต่ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถทำอันตรายนางได้ ไม่ว่าจะเป็นคมกระบี่ หน้าไม้ คันศร หรือแม้แต่ไฟและน้ำก็ตาม”

 

“สตรีเทพพิโรธ? นางเป็นผู้หญิง?” หวูเฉินประหลาดใจ

 

“ใช่ แต่เรื่องยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ตั้งแต่นั้นมาก็มีคนชั่วช้าที่ไปค้างคืนอยู่ใกล้ๆหอคอยพากันล้มตาย กระทั่งต้นไม้และใบหญ้าที่อยู่รอบๆก็แห้งเหี่ยวลง ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปในหอคอยปีศาจ ถ้ามิใช่ไม่อาจกลับออกมา ก็เป็นออกมาแล้วบ้าคลั่งไล่กัดผู้คนและสิ้นชีวิตในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันเห็นอะไรข้างใน และไม่มีใครกล้าเข้าไปอีกเลย ภายหลังผู้คนในทวีปเทียนเฉินต่างพากันกล่าวกันว่า ‘ยอมเหยียบย่างลงสู่ขุมนรก ดีกว่าเดินเข้าสู่หอคอยปีศาจ’”

 

ฉู่จิงเทียนสูดหายใจลึกแล้วกล่าวต่อ “ฉะนั้น ‘สตรีเทพพิโรธ’ จึงนับว่าเป็นบุคคลที่น่ากลัวที่สุด ข้ากระทั่งสามารถใช้หัวแม่เท้าจินตนาการได้เลยว่า.... ปีศาจตนนั้นจะต้องมีดวงตาเหมือนกระดิ่งทองแดง ปากกว้างชะโลมไปด้วยเลือด มีใบหน้าหนาและหูกาง.... พูดแล้วขนลุก ถึงข้าจะไม่เคยเห็นนางมาก่อนก็เถอะ”

 

เย่หวูเฉินพยักหน้า เขาจะจดจำทั้งสองชื่อนี้ไว้ในใจ ‘สตรีเทพพิโรธ’ กับ ‘หอคอยปีศาจ’  

 

“ต้าหนิว ความแข็งแกร่งของเจ้าอยู่ที่พลังระดับใด?”

 

“ข้า... เพิ่งแตะถึงระดับ10 ” ฉู่จิงเทียนเกาศีรษะอย่างค่อนข้างผิดหวัง ดูเหมือนเขาไม่พึงพอใจกับพลังของตนอย่างมาก เนื่องจากเขาใช้ปู่เป็นบรรทัดฐาน เขาจึงเข้าใจว่าตนเองก้าวหน้าได้ช้ามาโดยตลอด ทว่าด้วยวัยเพียงเท่านี้สามารถบรรลุถึงระดับ10 หากนำไปเปรียบเทียบกับผู้คนที่อาศัยอยู่ภายนอก เขาก็นับว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเลยทีเดียว

 

“แล้วพลังของข้าล่ะ? อยู่ที่ระดับใด?” เย่หวูเฉินถาม

 

ฉู่จิงเทียนเบิกตากว้างมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นส่ายศีรษะ “ไม่รู้สิ โดยปกติจะบอกได้ง่ายมาก เนื่องจากแต่ละระดับจะมีกลิ่นอายเฉพาะที่แผ่ออกมา เจ้าสามารถป่นหินเป็นผงได้ อย่างน้อยก็ต้องระดับ6 แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสกลิ่นอายใดๆของเจ้าได้เลย... อืมมม เหมือนกับว่าเจ้าไม่มีพลังใดๆ ยิ่งกว่านั้นเจ้าดูคล้ายนักศึกษาเสียมากกว่า”

 

ยิ่งมองฉู่จิงเทียนก็ยิ่งรู้สึกสับสน สุดท้ายเขาจึงได้แต่ถอนหายใจ บางทีคงเป็นเพราะเขายังไม่มีพลังมากพอที่จะสัมผัสได้

 

เย่หวูเฉินยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยปาก “เหยื่อของท่านกำลังมา”

 

“เหยื่อ? มันอยู่ตรงไหน?” ฉู่จิงเทียนถามอย่างงุนงง จากนั้นก็พบว่ามีเสียงมาจากข้างหลัง เขาหันกายกลับในทันที ถือกระบี่เหล็กแล้วกระซิบ “น่าแปลกจริงๆที่น้องหวูเฉินมีประสาทรับรู้เสียงดีกว่าข้า”

 

ฟังจากเสียงย่ำเท้า จะต้องเป็นสัตว์อสูรตัวโตอย่างแน่นอน ฉู่จิงเทียนตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้นและวิ่งเข้าหาตามทิศทางของเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะทิ้งคำพูดไว้ “ต้องตัวโตมากแน่ๆ อันตรายเกินไปสำหรับเจ้า ดังนั้นข้าจะไปเอง และจะรีบกลับมา”

 

โดยไม่ทันรู้ตัว ฉู่จิงเทียนกลับคิดว่าเย่หวูเฉินร่างบางเป็นนักศึกษาเหมือนเช่นที่ปู่ของเขาพูดถึงอยู่บ่อยๆ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.