บทที่ 65: ใครบอกว่ากองศพฆ่าคนไม่ได้?
เมื่ออยู่ท่ามกลางหมอกสีม่วงเข้ม พลังของโม่จิ่วโหยวก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า
ส่วนหลินหยวนกลับรู้สึกราวกับว่าถูกบางอย่างพันธนาการเอาไว้ นอกจากพลังของเขาจะถูกจำกัดแล้ว ความเร็วของเขาก็เริ่มช้าลงอีกด้วย
นี่ไม่ใช่ผลดีสำหรับเขาเลย ถ้าหากความเร็วของเขาต่ำลงเรื่อย ๆ เขาจะหลบการโจมตีของศัตรูไม่พ้น
“ฉันอยากจะเห็นนักว่าแกจะหลบยังไง!”
ไททันมัจจุราชตะโกนก้องพร้อมกับชกไปทางฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง
คราวนี้ถึงแม้ฉงถงระดับสูงจะเห็นวิถีการโจมตีของคู่ต่อสู้ แต่หลินหยวนก็ไม่มีทางหลบพ้น
เพราะหมัดของอีกฝ่ายเร็วกว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขามาก
หลินหยวนจึงกัดฟันยกแขนขึ้นป้องกันเตรียมพร้อมรับแรงกระแทก
ปัง!!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่น เด็กหนุ่มกระเด็นลอยไปกระแทกกับพื้นจนเกิดหลุมลึก
ทางด้านโม่จิ่วโหยวก้มหน้าพูดเยาะเย้ยอีกฝ่าย “มนุษย์หนอมนุษย์ สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ไม่มีทางเทียบกับไททันได้ ต่อให้แกไม่อยากจะยอมรับแค่ไหน แต่นั่นก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ!”
สิ้นเสียงพูด เขาก็ยกเท้ากระทืบลงไปยังจุดที่หลินหยวนอยู่
“ยังไม่จบหรอก” ทันทีที่โม่จิ่วโหยวเคลื่อนไหว เด็กหนุ่มก็รีบลุกขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก ก่อนจะหายไปจากจุดนั้นทิ้งไว้เพียงแสงสีฟ้า
สายฟ้านั้นเป็นเครื่องหมายของความเร็วมาตลอด
แล้วสกิลลมหายใจสายฟ้าก็ได้หยิบยกเอาข้อได้เปรียบของพลังสายฟ้าในเรื่องของความเร็วออกมาได้อย่างเต็มที่
ไททันมัจจุราชที่ยกเท้าค้างอยู่กลางอากาศไม่สนใจการกระทำของอีกฝ่ายเลย เขาเพียงพูดเยาะเย้ยว่า “ต่อให้แกพยายามต่อต้านมากแค่ไหน แกก็หนีชะตากรรมของตัวเองไม่พ้นหรอก”
“จริงเหรอ?” หลินหยวนถามเสียงเย็น “ฉันไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะ ฉันบอกไปแล้วว่าอุปสรรคของการมีชีวิตรอดของมนุษย์ไม่ใช่ความโง่ แต่เป็นความโอหังต่างหาก!!”
“ใครบอกแกว่าฉันเปิดไพ่ตายใบสุดท้ายไปแล้ว?”
สิ้นเสียงของเด็กหนุ่ม ประตูมิติก็เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้ไททันแมงมุม ไททันราชสีห์ ไททันเหล็กกล้า… ร่างไร้ชีวิตค่อย ๆ ลอยออกมากองอยู่ด้านข้างเขาเป็นภูเขาขนาดย่อม
ไททันพวกนี้ไม่ใช่อันเดดแต่เป็นเพียงซากศพ เพราะเนื่องจากพลังจิตในปัจจุบันของหลินหยวนสามารถควบคุมไททันมหาวิบัติได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น
หลังจากเปิดประตูแห่งความตาย สีหน้าของโม่จิ่วโหยวดูจะเปลี่ยนไปไม่น้อย มันมองภาพที่ปรากฏด้วยความหวาดหวั่น
เมื่อมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจน มันก็อดหัวเราะไม่ได้ “นี่น่ะเหรอไพ่ตายของแก?”
หลินหยวนยังมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาเช่นเคย เขาเงยหน้าขึ้นมองคู่ต่อสู้แล้วยิ้มพลางพูดว่า “ใครบอกว่ากองศพฆ่าคนไม่ได้?”
วินาทีต่อมา หลินหยวนไปยืนอยู่ต่อหน้ากองศพไททันแล้วใช้สกิลหนึ่งโดยไม่ลังเล
สังเวยอันเดด!!
นับตั้งแต่ที่เขาได้เรียนรู้สกิลนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ใช้มัน
พอใช้สกิลนี้ ไม่นานก็มีวงเวทสังเวยขนาดใหญ่ปรากฏต่อหน้าหลินหยวนซึ่งมันปลดปล่อยควันสีดำออกมาอย่างต่อเนื่อง
และในอากาศที่ปนเปื้อนไปด้วยไอแห่งความตายนี้ มันเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เริ่มกลืนกินซากศพที่อยู่ตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง
นี่เป็นผลของการสังเวยศพเพื่ออัญเชิญสิ่งมีชีวิตอันเดดที่ทรงพลังออกมา
ยิ่งหลินหยวนสังเวยศพมากเท่าไหร่ ยิ่งคุณภาพของศพที่สังเวยมีมากเท่าไหร่ สิ่งมีชีวิตอันเดดที่ถูกอัญเชิญก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็ส่งไททันโรคระบาดเข้าสู่วงเวทสังเวยเบื้องหน้าโดยไม่ลังเล
ในวงเวทสังเวยนี้มีไททันมหาวิบัติอยู่ 2 ตัว ไททันภัยพิบัติอีกเกือบ 10 ตัว
ศพทั้งหมดนี้ล้วนมีกลิ่นอายของความตายล้อมรอบ และหลินหยวนกำลังจะสังเวยศพทั้งหมดเพื่ออัญเชิญสิ่งมีชีวิตอันเดดมาต่อสู้กับโม่จิ่วโหยว!!
ในเวลาไม่ถึงอึดใจ การสังเวยอันเดดก็ได้เริ่มต้นขึ้น!!
เมื่อมองภาพเบื้องหน้าโม่จิ่วโหยวก็ขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่เข้าใจว่าหลินหยวนกำลังทำอะไรอยู่ แต่เขาสัมผัสได้ว่าวงเวทสังเวยนั้นแผ่รังสีรุนแรงออกมาจนทำให้เขาเองก็รู้สึกหวาดกลัว
ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องหยุดไม่ให้กระบวนการนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด!
ไททันมัจจุราชตัดสินใจอย่างรวดเร็วและพุ่งไปยังทิศทางของวงเวทสังเวย ท่าทางของเขาชัดเจนว่าต้องการจะขัดขวางกระบวนการสังเวยอันเดด
“อย่าแม้แต่จะคิด!” ทันใดนั้นดวงตาของหลินหยวนก็วาวโรจน์พร้อมกับที่เขาพุ่งเข้าหาศัตรู
เขารู้แก่ใจว่าขอเพียงเขาสังเวยศพได้สำเร็จถึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์นี้ได้
ดังนั้นเขาจะปล่อยให้โม่จิ่วโหยวทำลายกระบวนการสังเวยนี้ลงไม่ได้เด็ดขาด
เป๊ง!!
ดาบปราบมังกรในมือของหลินหยวนมีสายฟ้าแล่นปราด ในตอนที่เขาพุ่งเข้าใส่ร่างยักษ์ใหญ่ เขาก็ฟันดาบเข้าที่ข้อเท้าอีกฝ่ายทันที
ตอนนี้เกราะมัจจุราชที่ปกป้องร่างกายของโม่จิ่วโหยวได้รับความเสียหายในระดับหนึ่งแล้ว พอมันปะทะกับดาบปราบมังกรก็เกิดเสียงโลหะกระทบกัน จากนั้นดาบปราบมังกรก็สะท้อนกลับเต็มแรง
ถึงกระนั้นการโจมตีครั้งนี้ก็ได้ทิ้งรอยร้าวเอาไว้บนเกราะมัจจุราช
ซึ่งแรงกระแทกนี้ทำให้โม่จิ่วโหยวสะดุดล้ม แต่เขาก็รีบทรงตัวอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้ ไททันมัจจุราชก็ไม่สนใจฝ่ายตรงข้าม เขายังคงพุ่งตรงไปยังวงเวทสังเวยอันเดดอยู่ดี
“เพลิงจักรพรรดิชาดหิรัณย์!!”
หลินหยวนที่เห็นว่าการโจมตีของตัวเองไม่ได้ผล เขาก็แทบคลั่ง ตอนนี้เขาเข้าสู่โหมดบ้าดีเดือดเต็มที่แล้ว
วินาทีต่อมา เพลิงจักรพรรดิชาดหิรัณย์ก็ลุกโชนในดวงตาที่เปิดใช้งานฉงถงระดับสูง
แม้แต่เกราะมัจจุราชเองก็ละลายหายไปภายใต้ความร้อนของเพลิงจักรพรรดิชาดหิรัณย์
แล้วหลินหยวนก็ฉวยโอกาสนี้ฟันเข้าใส่ศัตรูอีกครั้ง
อสนีพิฆาต!!
คราวนี้ดาบปราบมังกรได้สร้างบาดแผลลึกที่ข้อเท้าของโม่จิ่วโหยวจนเห็นกระดูกสีขาว
ความเจ็บปวดระดับนี้ทำให้เขาร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว
แล้วเขาก็หยุดฝีเท้าที่จะก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน
“แกตายซะเถอะ!!”
โม่จิ่วโหยวระเบิดพลังออกมาอย่างรุนแรงแล้วใช้ฝ่ามือฟาดใส่หลินหยวนหมายจะเอาชีวิต
ทว่าในชั่วขณะนั้นเอง ก็มีเสียงคำรามดังก้องไปทั่วฟ้า
“กร๊าซซซซ!!”
และทิศทางของเสียงคำรามนั้น… ดังมาจากวงเวทสังเวยก่อนหน้านี้
ในที่สุดกระบวนการสังเวยอันเดดก็สำเร็จลุล่วง
ฝ่ามือขนาดใหญ่ของโม่จิ่วโหยวชะงักค้างอยู่กลางอากาศในขณะที่เขามองไปยังที่มาของเสียงคำรามโดยไม่รู้ตัว
แล้วเขาก็เห็นมังกรกระดูกสีดำที่กางปีกกว้างแทบจะคลุมทั้งผืนฟ้ากำลังเงยหน้าคำรามบินออกมาจากวงเวทสังเวย
ถึงแม้นี่จะเป็นเพียงโครงกระดูกมังกร แต่กระดูกบางชิ้นของมันกลับเป็นสีดำสนิทซึ่งดูแปลกตามาก
ขณะเดียวกัน ภายในเบ้าตามีไฟวิญญาณสีเขียวเข้มลุกโชนอยู่ตลอดเวลา
หลินหยวนมองมังกรกระดูกดำตรงหน้าและทันใดนั้นข้อมูลของมังกรตัวนี้ก็ปรากฏเป็นแผงมอนิเตอร์
[มังกรกระดูกพิโรธระดับ SS ขั้นสูง!!]
หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็ได้ว่ามังกรกระดูกดำนี้มีพลังเทียบเท่ากับไททันระดับ 7!!
ทันใดนั้นมังกรกระดูกพิโรธก็เหลือบมองไปรอบ ๆ คล้ายกับไม่พอใจหมอกสีม่วงเข้มที่กระจายอยู่ในอากาศในตอนนี้
จากนั้นมันก็เงยหน้าคำรามอีกครั้ง
“กร๊าซซซซ!!” พร้อมกับเสียงคำรามนี้ หมอกมรณะสีดำก็กระจายออกจากร่างของมัน
ซึ่งหมอกมรณะทำให้หมอกสีม่วงสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว
เป็นผลให้แม้แต่ร่องรอยของหมอกสีม่วงก็ไม่สามารถเข้าใกล้ร่างใหญ่โตของมันได้
เมื่อหลินหยวนสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของมังกรกระดูกพิโรธตรงหน้า ดวงตาของเขาก็เป็นประกายด้วยความดีใจทันที
สมแล้วที่สิ่งมีชีวิตอันเดดตัวนี้ถูกอัญเชิญออกมาหลังจากสังเวยศพไททันไปมากกว่า 10 ศพ
พลังระดับนี้ไม่ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ
ต้องบอกว่าถึงแม้ว่าโม่จิ่วโหยวจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังไม่ได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดของไททันมหาวิบัติ
แต่มังกรกระดูกพิโรธตัวนี้อยู่ในจุดสูงสุดของแรงก์ SS
“ฆ่ามัน!!” หลินหยวนรู้สึกได้ว่าเขามีอำนาจในการสั่งการสิ่งมีชีวิตอันเดดที่อยู่ตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงยกมือชี้ไปที่โม่จิ่วโหยวและออกคำสั่ง
วินาทีต่อมา มังกรกระดูกก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองไททันมัจจุราชตัวยักษ์ใหญ่ด้วยสายตาเย็นชา
ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ตั้งตัว มันก็กระพือปีกทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
โม่จิ่วโหยวเงยหน้าขึ้นมองตามมังกรตัวนั้นไปด้วยสายตาหวาดหวั่น
ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง มังกรกระดูกเบื้องหน้าทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ
หลังจากชะงักไปสักครู่ โม่จิ่วโหยวก็ยกก้อนหินก้อนใหญ่จากพื้นข้างตัว
ก้อนหินก้อนนั้นอาจจะใหญ่ในสายตาของมนุษย์ทั่วไป แต่มันกลับมีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือของไททันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“สอยมันให้ร่วง!!” ไททันมัจจุราชตะโกนสุดเสียงแล้วขว้างก้อนหินเข้าใส่มังกรกระดูกที่บินอยู่บนท้องฟ้าเหนือหัว
แรงขว้างมหาศาลทำให้ก้อนหินที่ลอยแหวกอากาศออกไปเกิดเสียงระเบิดดังก้อง
ในขณะนั้นมังกรกระดูกพิโรธเองก็กำลังอ้าปากใหญ่โตออกกว้าง
“กร๊าซซซซ!!” เสียงมังกรคำรามดังขึ้นอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ลูกไฟสีเขียวเข้มก็พุ่งออกมาจากปากกว้างของมันทันที
นี่คือ… ลมหายใจมังกร!!
ลูกไฟทำลายล้าง!!
ตูม!!
ลูกไฟสีเขียวเข้มพุ่งตรงไปหาโม่จิ่วโหยวด้วยความเร็วสูง
ลมหายใจมังกรที่เป็นสีเขียวเข้มนี้อาจจะดูเยือกเย็น แต่อุณหภูมิของมันกลับสูงมาก
ก้อนหินที่โม่จิ่วโหยวขว้างออกไปนั้นถูกไฟหลอมละลายกลายเป็นลาวาก่อนที่จะมาถึงตัวมัน
หลังจากนั้นลมหายใจมังกรทรงพลังก็ห่อหุ้มร่างของไททันมัจจุราชเอาไว้
*******************************************
SkySaffron: พลังใหม่ของหลินหยวนโหดมาก!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 108
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น