บทที่ 66: ลมหายใจมังกร! ความตายของโม่จิ่วโหยว
“ไม่นะ!!!” โม่จิ่วโหยวเบิกตากว้างด้วยความลืมเชื่อ
เขารู้สึกได้ว่าเกราะมัจจุราชที่อยู่ปกป้องตัวเขากำลังละลายไปอย่างรวดเร็ว
ทำไมเจ้ามังกรกระดูกนั่นถึงได้ทรงพลังขนาดนี้?!
ตัวเขาที่เป็นถึงไททันควรจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงสุด!!
ทำไม… ทำไมกัน ทำไมฉันถึงพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง?!
“ก่อนที่แกจะตาย แกจำใส่กะโหลกไว้ซะ… บนโลกนี้ไม่มีใครเหนือกว่าใคร สิ่งที่น่าอัปยศก็คือการที่แกทรยศเผ่าตัวเองต่างหาก!”
เสียงเย็นเยียบของหลินหยวนดังขึ้น จากนั้นร่างสายฟ้าก็พุ่งแหวกอากาศมาอยู่ต่อหน้าโม่จิ่วโหยว ก่อนที่เขาจะทันได้ทั้งตัว ดาบปราบมังกรก็แทงเข้าไปในหัวใจของเขาจนมิดด้าม
หลังจากแทงดาบทะลุหัวใจโม่จิ่วโหยว หลินหยวนก็ชักดาบออกทันที
ถ้าเขาไม่รีบชักมันกลับมา เขากลัวว่าแม้แต่ดาบปราบมังกรก็คงละลายไปเพราะความร้อนของลมหายใจมังกร
ตึง!!
ร่างใหญ่โตของโม่จิ่วโหยวร่วงกระแทกกับพื้นทำให้ฝุ่นผงฟุ้งกระจาย
ทางด้านหลินหยวนก็รีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็วพลางมองร่างของอีกฝ่ายถูกเปลวไฟสีเขียวเข้มแผดเผาจนเป็นเถ้าถ่าน
เฮ้อ~ เสียดายร่างของโม่จิ่วโหยวจริง ๆ ถึงยังไงนั่นก็เป็นถึงศพของไททันมหาวิบัติ
ถ้าเด็กหนุ่มใช้พลังอันเดดชุบชีวิตมันขึ้นมา มันจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มมากขึ้น
แต่ถึงเสียดายไปมันก็เท่านั้น เพราะบนโลกนี้เมื่อไหร่ที่ใช้คำว่า ‘ถ้า’ เท่ากับว่าสิ่งนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ศพของโม่จิ่วโหยวถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้าปลิวไปตามสายลม และผู้ศรัทธาลัทธิบูชาไททันคนนี้ก็ถูกหลินหยวนสังหารจนสิ้นซาก
เด็กหนุ่มพอจะเข้าใจความคิดของโม่จิ่วโหยว ในสายตาของเขา ไททันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหาร หากมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งแบบนี้อาศัยอยู่บนโลก มันก็ไม่จำเป็นจะต้องมีสิ่งมีชีวิตอะไรมากมายบนโลกใบนี้
เหตุผลที่มนุษย์ถูกเรียกว่ามนุษย์เป็นเพราะธรรมชาติของมนุษย์เอง เหนือสิ่งอื่นใด มนุษย์ย่อมไม่รังเกียจที่จะอยู่ร่วมกับเผ่าใดก็ตาม และมีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้หลินหยวนเกลียดเผ่าไททันมากขนาดนี้
นั่นก็คือ… ฝ่ายนั้นไม่ได้มองว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เท่าเทียมกันเลย
ในสายตาไททัน มนุษย์เป็นเพียงสัตว์ที่ถูกเลี้ยงไว้เป็นอาหาร
และนี่คือเหตุผลที่เด็กหนุ่มอยากจะขับไล่เผ่าไททันออกไปจากโลกนี้ให้ได้
แต่ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมนุษย์นั้นไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีวันยอมจำนน
เมื่อหลินหยวนมั่นใจว่าโม่จิ่วโหยวสิ้นชีพไปแล้ว เขาก็หันหลังเดินไปที่รถหุ้มเกราะ
เนื่องจากเกิดเรื่องวุ่นวายมากมายขึ้นที่นี่ นอกจากตัวเขาแล้ว ทุกคนถูกฆ่าตายหมด เพราะคนพวกนี้โดนมัจจุราชหน้าหยกหลอกให้แปลงร่างเป็นไททัน แล้วพวกเขาก็ถูกหุ่นต่อสู้ระดับสูงฆ่าตายไปทีละคน เขาจึงทำได้แค่บอกว่าโชคไม่ดีที่พวกเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
หลินหยวนไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยสักนิด เพราะถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็เป็นเพียงเศษสวะที่ทำชั่วมามากมาย ต่อให้พวกเขาตายมันก็ไม่มีอะไรให้เสียดาย
สิ่งที่เขาสนใจที่สุดในตอนนี้ก็คือ… ยาในมือของโม่จิ่วโหยวนั้นมาจากไหน
ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มเคยได้ยินว่าเผ่าไททันใช้วิธีการบางอย่างเพื่อเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นไททัน
ผู้ศรัทธาในลัทธิบูชาไททันจำนวนมากจึงยอมจำนนต่อเผ่าไททัน แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีคนที่บังคับให้มนุษย์เปลี่ยนเป็นไททันได้ด้วยการใช้ยาเพียงไม่กี่หยด
เรื่องนี้มัน… จะน่ากลัวเกินไปแล้ว
หากวิธีนี้ไม่มีข้อจำกัด มันก็จะกลายเป็นฝันร้ายของมวลมนุษยชาติ
เพราะถ้าเผ่าไททันเติมยาลงในแหล่งน้ำให้มนุษย์ดื่ม มนุษย์ทุกคนที่ดื่มน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาตินั้นก็จะเปลี่ยนร่างกลายเป็นไททัน
แค่คิดถึงเรื่องนี้หลินหยวนก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
จากนั้นเด็กหนุ่มก็เดินตรงไปที่อยู่รถหุ้มเกราะแล้วเริ่มค้นของภายในรถ
ถ้าเขาคาดไม่ผิด มันน่าจะมีข้าวของส่วนตัวของโม่จิ่วโหยวอยู่ในรถ เขาอยากจะตรวจสอบสัมภาระของอีกฝ่ายดูว่าจะได้อะไรจากมันบ้าง
ซึ่งหลินหยวนก็คาดเดาได้ถูกต้อง ไม่นานเขาก็เจอกล่องไม้อีกกล่องที่ชายคนนั้นใช้เก็บสัมภาระ และสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้นี้ไม่ใช่ไวน์เหมือนก่อนหน้านี้แน่ ข้างในมีภาชนะที่คล้ายกับหลอดทดลองอยู่หลายสิบหลอด
ภายในหลอดทดลองมีของเหลวสีแดงสดบรรจุเอาไว้ ในบรรดาหลอดทดลองพวกนี้ มีหลอดทดลอง 1 หลอดที่ว่างเปล่า
ถ้าเด็กหนุ่มเดาไม่ผิด ของเหลวสีแดงสดพวกนี้น่าจะเป็นยาที่เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นไททัน
“ไม่คิดเลยว่าไอ้ยาหลอดเล็ก ๆ แค่นี้ก็ทำให้คนมากมายเปลี่ยนกลายเป็นไททันได้…” ในระหว่างที่หลินหยวนมองดูของเหลวสีแดงสดตรงหน้า แววตาของเขาก็มีประกายแข็งกร้าว
วินาทีต่อมา เพลิงจักรพรรดิชาดหิรัณย์ก็ลุกโชน
หลอดทดลองที่อยู่ท่ามกลางเพลิงจักรพรรดิชาดหิรัณย์พร้อมกล่องไม้ตอนนี้ได้ถูกเผาเป็นจุณ
อย่างไรก็ตาม หลินหยวนไม่ได้เผายาแปลงร่างเป็นไททันไปทั้งหมด เขายังเก็บเอาไว้ในช่องเก็บของ 1 หลอด
เขาคิดว่าถ้ามีโอกาสเขาจะส่งยานี้ให้กองทัพเพื่อให้พวกเขาได้นำไปศึกษาองค์ประกอบ จากนั้นก็เร่งหาวิธีการป้องกันแผนการร้ายของเผ่าไททัน
หลังจากเด็กหนุ่มจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาก็ยังคงค้นของในรถหุ้มเกราะต่อไป
แต่ขอบเขตการค้นหาของเขาก็ยังมุ่งเน้นไปที่สิ่งของที่โม่จิ่วโหยวเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตาม ผู้ชายคนนี้พกของติดตัวมาน้อยมาก เขาพกเพียงสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิต
แต่ถึงกระนั้นหลินหยวนก็ยังเจอจดหมายในเสื้อคลุมสีดำที่เขาสวม สิ่งนี้บ่งบอกว่าเจ้าตัวมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมาก ถึงได้ไม่ทำลายจดหมาย
และเนื้อหาภายในจดหมายนี้ก็มีข้อมูลสำคัญมาก
มัจจุราชหน้าหยก ไม่ได้เจอกันนานเลย เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือนก่อนที่ขั้นตอนสุดท้ายจะเสร็จสิ้น ฉันแค่อยากรู้ว่านายเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว?
ฉัน ภูตพยัคฆ์กับปีศาจนรกได้รวบรวมยาเอาไว้มากพอแล้ว กระบวนการผลิตยาพวกนี้ซับซ้อนมาก แม้แต่วัตถุดิบก็หาได้ยาก เรายังต้องใช้เลือดของเด็ก 3 ขวบและคนอายุ 80 กว่า ๆ อีกด้วย ไม่งั้นเราคงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตกลับมาที่แนวหลังของหัวเซี่ยเพื่อรวบรวมวัตถุดิบพวกนี้หรอก โชคดีที่ทุกอย่างราบรื่นดี เพียงแต่เราขาดการติดต่อจากนายเท่านั้น ถ้านายได้รับจดหมายฉบับนี้ นายไม่ต้องตอบกลับนะ เพราะเราจะไปรอนายอยู่ที่ป้อมปราการสงครามในแนวป้องกันที่ 3
พอถึงแผนขั้นสุดท้าย ทั้งเผ่าไททันและเผ่ามนุษย์จะต้องตกตะลึงกับผลงานชิ้นเอกของเราแน่! และความยิ่งใหญ่ของลัทธิไททันของเราจะต้องถูกเปิดเผยต่อสายตาของคนทั่วโลกแน่นอน
ฉันแทบจะอดใจรอจนถึงวันนั้นไม่ไหวแล้ว!
หลังจากที่หลินหยวนได้อ่านเนื้อความในจดหมายฉบับนี้ เขาก็รู้สึกสั่นสะท้าน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่เขาเพิ่งประสบพบเจอมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด
นอกจากโม่จิ่วโหยวแล้ว ยังมีคนของลัทธิบูชาไททันอย่างน้อยอีก 3 คนที่กำลังแอบสร้างยาเปลี่ยนร่างเป็นไททัน แถมยังเตรียมสิ่งที่พวกมันเรียกว่าแผนการขั้นสุดท้ายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ในเมื่อการผลิตยาจะต้องใช้เลือดของเด็ก 3 ขวบกับเลือดของผู้สูงอายุ พวกมันจึงตั้งใจจะกลับมายังแนวหลังของประเทศ
เพราะที่แนวหน้าจำนวนเด็กและผู้สูงอายุมีน้อยมาก พอหลินหยวนคิดว่ายาพวกนี้ถูกปรุงขึ้นด้วยวิธีการที่โหดร้าย เขาก็อดรู้สึกโมโหขึ้นมาไม่ได้
“ไอ้พวกลัทธิไททัน!… พวกแกต้องตาย!” เด็กหนุ่มกำจดหมายในมือจนยับยู่ยี่ พร้อมกันนั้นไอสังหารก็แผ่กระจายไปทั่ว
ถึงแม้ว่าข้อมูลที่เขารู้ตอนนี้จะมีจำกัดมาก แต่อย่างน้อยเขาก็ได้รู้จำนวนคนและชื่อของศัตรู
นอกจากคนเขียนจดหมายแล้ว ยังมีเพื่อนอีก 2 คนที่ใช้ชื่อ ‘ภูตพยัคฆ์’ และ ‘ปีศาจนรก’ ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันพวกมันอยู่ที่ป้อมปราการสงครามในแนวป้องกันที่ 3
เมื่อหลินหยวนคิดถึงเรื่องนี้ บรรยากาศรอบกายของเขาก็เย็นลง หากวัดจากบาปกรรมที่พวกมันก่อ เขาจะต้องฆ่าพวกมันให้ได้!
อีกอย่าง ในมุมของลัทธิบูชาไททัน สิ่งที่พวกมันกำลังวางแผนอยู่ในตอนนี้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศชาติ
“ดูเหมือนว่า… พอไปถึงป้อมปราการสงครามแล้ว ฉันคงต้องหาทางจับคนพวกนี้ให้ได้ก่อน” ดวงตาของเด็กหนุ่มหรี่ลงในขณะที่เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองมังกรกระดูกพิโรธที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าแล้วพูดกับอีกฝ่ายว่า “เก็บกวาดร่องรอยการต่อสู้ให้สิ้นซาก”
มังกรกระดูกพิโรธตัวนี้เป็นเพียงอันเดดตัวเดียวที่เขาเรียกออกมา มันมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นานนัก พอหมดเวลามันก็จะสลายไปเอง ดังนั้นเขาจึงมอบหมายงานให้มันเก็บกวาดสนามรบ
หลังจากที่มันได้รับคำสั่งจากหลินหยวน มันก็พ่นไฟมังกรสีเขียวเข้มพุ่งตรงไปยังสนามรบเบื้องหน้า
ไม่นานทั้งรถหุ้มเกราะ ศพไททัน คราบเลือดรวมถึงเศษซากต่าง ๆ ก็ถูกเปลวเพลิงมังกรเผาไหม้ไปจนหมดสิ้น
ทางด้านหลินหยวนเองก็เก็บดาบปราบมังกรแล้วมุ่งตรงไปยังป้อมปราการสงคราม
หลังจากที่ไฟมอดดับลง ตรงนั้นก็เหลือเพียงผืนดินที่ถูกไฟไหม้โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าบริเวณนั้นเคยเกิดอะไรขึ้น
หากไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน อีก 2 วันเด็กหนุ่มก็จะไปถึงป้อมปราการสงครามได้อย่างปลอดภัย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 81
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น