บทที่ 418 เวทมนตร์กึ่งต้องห้าม 3 ระลอก

-A A +A

บทที่ 418 เวทมนตร์กึ่งต้องห้าม 3 ระลอก

บทที่ 418 เวทมนตร์กึ่งต้องห้าม 3 ระลอก

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความตกตะลึงให้กับทางฝั่งดีวายโซลเท่านั้น เพราะพวกโจวเทียนหมิงที่พึ่งเข้าร่วมกิลด์ก็กำลังมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงด้วยเช่นกัน

“พี่ เขาคือใคร? มีอาชีพอะไรงั้นเหรอ? ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนั้น?!” โจวเทียนหยานถาม

โจวเทียนหมิงถอนหายใจพร้อมกับพูดว่า

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่โชคดีที่พวกเราขายกิลด์ให้กับหัวหน้าตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นอีกไม่ถึง 2 เดือนเราก็คงจะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดพวกนั้นด้วยตัวเอง”

โจวเทียนหยานและลูกน้องที่อยู่ทางด้านหลังต่างก็พยักหน้ารับพร้อม ๆ กัน จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองลู่หยางบนหลังสิงโตเพลิงด้วยความหวาดกลัว

ขณะเดียวกันเมื่อลู่หยางเห็นเสี่ยวเหลียงวิ่งกลับออกมาจากแนวรบ เขาก็เริ่มตะโกนออกคำสั่งด้วยความพึงพอใจ

“กองทัพทั้งหมดเดินหน้าไป 300 ก้าว”

“เดินหน้า!” ฉิงชาง, ไป๋ฉือและบิทเทอร์เลิฟต่างก็ยกโล่นำทัพหน้าก้าวเดินออกไปอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งทุกก้าวที่พวกเขาก้าวเท้าออกไปนั้นทุกคนต่างก็พร้อมใจส่งเสียงตะโกนขึ้นมาพร้อม ๆ กัน

“1”

“2”

“3”

...

“300”

ตึง!

โล่ทั้ง 10,000 อันกระแทกลงบนพื้นพร้อมกันอย่างเป็นระเบียบ

“ฆ่ามัน!” สมาชิกบลัดบราเธอร์ทั้ง 190,000 คนร้องตะโกนพร้อมกันจนก่อให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองซีเอ็มเพอเรอร์

ที่ประตูเมือง

ย้อนกลับไปก่อนที่ลู่หยางจะสั่งเคลื่อนทัพ หัวหน้ากิลด์ขนาดใหญ่หลาย ๆ กิลด์ของเมืองซีเอ็มเพอเรอร์กำลังสังเกตการณ์กองทัพของทั้งสองฝ่ายพร้อมกับหาโอกาสที่จะทำการโจมตี

“ถ้าพวกเราหาโอกาสดี ๆ บางทีพวกเราอาจจะยึดป้อมปราการได้สักป้อมก็ได้นะ”

“ฉันเห็นด้วย ก่อนหน้านี้โซลออฟอีเทอนิตี้ครอบครองอำนาจอยู่เพียงแค่ฝ่ายเดียวจนทำให้พวกเราไม่มีโอกาสตอบโต้กลับเลย แต่ตอนนี้มีลู่หยางเข้ามาเป็นตัวแปรเพิ่มเติมแล้ว หากพวกเขาต่อสู้จนบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย ในเวลานั้นมันก็จะเป็นโอกาสของพวกเรา”

ในระหว่างที่หัวหน้ากิลด์ขนาดใหญ่กำลังพูดคุยปรึกษากัน เสียงตะโกนของผู้เล่นทั้ง 190,000 คนก็ดังสนั่นจนทำให้ทุกคนสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ

“พวกบลัดบราเธอร์มันทำได้ยังไง?” หัวหน้ากิลด์คนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างตกตะลึง

ทุกคนที่เคยบริหารกิลด์จะรู้ดีว่าการพยายามทำให้สมาชิกกิลด์เป็นหนึ่งเดียวกันนั้นคือเรื่องยากลำบากมากแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือการรวมกำลังภายในเกม ซึ่งการที่ทุกคนสามารถส่งเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความกระหายแบบนี้ได้ มันก็จะต้องเป็นความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมาจากภายในใจของทุกคนจริง ๆ

เพียงแค่เสียงตะโกนที่ดังออกมานี้มันก็เป็นข้อพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าสมาชิกของบลัดบราเธอร์ต่างก็มีความมุ่งมั่นในการรบด้วยกันทุกคน

“พวกเราไปดูพวกเขาหน่อยเถอะ ถ้าพวกเขามีทั้งความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นในระดับที่ใกล้เคียงกัน พวกเราก็คงไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องการแย่งป้อมปราการจากพวกเขาแล้ว” หัวหน้ากิลด์คนหนึ่งกล่าว โดยมีหัวหน้ากิลด์คนอื่น ๆ พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

ในสนามรบ

ลู่หยางสังเกตเห็นสถานการณ์ทางฝั่งดีวายโซลกำลังวุ่นวายกันไปหมด เขาจึงสั่งการขึ้นมาว่า

“ทีมนักเวทน้ำแข็ง นักเวทมิติ นักเวทไฟก้าวเท้าออกมา”

ทีมนักเวทน้ำแข็งที่เขาพูดถึงนี้คือนักเวทน้ำแข็ง 20 คนที่เรียนรู้สกิลกึ่งต้องห้ามไอซ์รอร์และฟรอสริง ส่วนทีมนักเวทมิติคือนักเวทมิติ 10 คนที่เรียนรู้สกิลกึ่งต้องห้ามสเปซคัทติงและสเปซไทม์สตอร์มและทีมนักเวทไฟก็คือนักเวทไฟ 100 คนที่เรียนรู้สกิลกึ่งต้องห้ามเมเทโอเชาเวอร์และได้เรียนรู้วิธีการย่อคาถาไปจากเขา

“หัวหน้าเล่นแรงไปหรือเปล่า! เหลืออะไรให้พวกเราทำบ้างสิ ถ้าทุกคนปล่อยเวทมนตร์ต้องห้ามออกมาพร้อม ๆ กัน พวกดีวายโซลจะไม่วิ่งหนีกลับเมืองไปหมดเหรอครับ?” ไป๋เหลิงกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาเกาหัว

“พวกนายยังมีโอกาสได้โชว์ฝีมืออีกเยอะ แต่ตอนนี้ฉันต้องการให้คนในเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ได้รู้ว่าพวกเราคือกิลด์ที่น่าหวาดกลัวมากแค่ไหน” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับตบไหล่ไป๋เหลิงเบา ๆ จากนั้นเขาก็หันไปตะโกนสั่งการทีมนักเวทไฟ

“รอบแรกนักเวทไฟปล่อยเมเทโอเชาเวอร์พร้อมกัน 20 คน”

“ครับ” แบล็คเฟลมรับคำสั่ง หลังจากนั้นเขาก็สั่งการให้นักเวทไฟ 20 คนยืนห่างกันคนละ 100 เมตร ก่อนที่จะให้พวกเขาเริ่มท่องคาถาขึ้นมาพร้อมกัน

เมเทโอเชาเวอร์เลเวล 2 มีรัศมีการโจมตีกว้างถึง 100 เมตร เมื่อนักเวทไฟ 20 คนปล่อยเวทมนตร์ออกมาเรียงหน้ากระดานกัน มันก็ทำให้ผลของเวทมนตร์ปกคลุมพื้นที่ด้านหน้าในระยะ 2,000 เมตรเลยทีเดียว

30 วินาทีต่อมาพวกชาโดว์ดัสค์ที่กลับไปฟื้นคืนชีพภายในเมืองก็วิ่งออกมาถึงประตูเมืองอีกครั้ง แต่พวกเขาก็สังเกตเห็นเมฆดำที่เริ่มปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

“เมเทโอเชาเวอร์!”

นักเวทไฟทั้ง 20 คนส่งเสียงตะโกนพร้อมกับชี้คทาไปด้านหน้า

อุกกาบาตจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากบนท้องฟ้าพุ่งเข้าใส่กองทัพของดีวายโซลอย่างบ้าคลั่ง

“ทุกคนรีบหนีเร็วเข้า! นั่นมันเวทมนตร์ต้องห้าม!!”

“พวกนักบวชรีบฮีลสิวะ”

“ทุกคนพยายามต้านทานพวกมันเอาไว้ อย่าเพิ่งหนีไปไหนสิ”

เมื่อขาดผู้บัญชาการ กองทัพของดีวายโซลก็เคลื่อนไหวกันอย่างไร้ระเบียบ

“ทางด้านซ้าย 2,000 เมตร นักเวทน้ำแข็งทั้ง 20 คนลงมือได้” ลู่หยางสั่งการต่อ

“ค่ะ” โคลด์วิลโลว์ลงมาจัดการทีมนักเวทน้ำแข็งด้วยตัวเอง

หลังจากเวลาผ่านพ้นไปไม่นานผลของสกิลเมเทโอเชาเวอร์ยังไม่ทันจะจบลง พายุน้ำแข็งของนักเวทน้ำแข็งทั้ง 20 คนก็กวาดไปทั่วทั้งแนวรบทางด้านซ้าย

“ทางด้านขวา 2,000 เมตร นักเวทมิติ 10 คนลงมือได้” ลู่หยางสั่ง

“ค่ะ” หลานอวี่รับคำสั่งพร้อมกับลงมาดูแลทีมนักเวทมิติด้วยตัวเอง

สเปซคัทติง!

รอยแยกมิติเริ่มปรากฏในพื้นที่สีม่วงเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และทุกครั้งที่มันมีรอยแยกมิติตัดผ่านไป มันก็จะมีสมาชิกดีวายโซลเสียชีวิตลงไปเสมอ

บนกำแพงเมืองซีเอ็มเพอเรอร์

“พวกเขามีนักเวทต้องห้ามกี่คนกันเนี่ย?!” หัวหน้ากิลด์ร่างผอมอุทานด้วยความทึ่ง

“เท่าที่เห็นตอนนี้พวกเขามีนักเวทต้องห้าม 50 คนแล้วมันยังไม่ได้นับรวมนักเวทอีก 80 คนที่ยังไม่ได้ออกมาในแนวหน้า” หัวหน้ากิลด์ร่างอ้วนกล่าวอย่างจนใจ

“พวกเราคงไม่ต้องคิดเรื่องการแย่งป้อมปราการมาจากพวกเขาแล้วมั้ง ต่อให้พวกเราแย่งป้อมปราการมาจากบลัดบราเธอร์ได้ แต่นักเวทต้องห้ามของพวกเขาแค่ 50 คนก็สามารถขับไล่พวกเราออกจากป้อมปราการได้แล้ว”

เมื่อมีคนพูดขึ้นมาทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าขึ้นมาอย่างอึดอัดใจ

หลังจากถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์กึ่งต้องห้ามอีก 3 ระลอก มันก็ทำให้แนวรบของดีวายโซลวุ่นวายมากกว่าเดิม แต่ในขณะที่ลู่หยางกำลังจะสั่งการให้ลูกน้องโจมตีต่อ ทันใดนั้นเขาก็ได้รับข้อความมาข้อความหนึ่ง

“นำกองทัพอสูรกายของนายจัดการพวกมันซะ” ลู่หยางหันไปสั่งไป๋เหลิงที่อยู่ข้าง ๆ

“ได้ครับ” ไป๋เหลิงรับคำสั่งก่อนจะวิ่งไปนำกองกำลังของตัวเองอย่างตื่นเต้น

“กองทัพอสูรกาย บุก!”

ผู้เล่นชุดทอง 7,000 คนและผู้เล่นชุดเงินอีก 13,000 คนเริ่มจู่โจมโอบล้อมเข้าทางปีกซ้ายของดีวายโซลด้วยความรวดเร็ว

“นำกองกำลังของนายเข้าโจมตีได้” ลู่หยางส่งข้อความถึงฉิงชาง

“ทุกคน บุก!” ฉิงชางตะโกนสั่งการพร้อมกับชูดาบภายในมือขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะนำทีมบุกเข้าปะทะกับศัตรูโดยโอบล้อมเข้าทางปีกขวา

ฝ่ายหนึ่งเป็นกองทัพผู้เล่นเลเวล 20 กว่า ๆ ที่ไร้ระเบียบ ขณะที่อีกฝั่งเป็นกองทัพผู้เล่นเลเวล 30 ที่จู่โจมอย่างมีแบบแผน เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกันสมาชิกดีวายโซลที่สูญเสียความเชื่อมั่นไปแล้วก็ละทิ้งความคิดที่จะต่อสู้ไปอย่างสิ้นเชิง และไม่ว่าชาโดว์ดัสค์และหัวหน้าทั้ง 3 จะพยายามแก้ไขสถานการณ์ยังไง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถควบคุมลูกน้องของตัวเองได้อีกแล้ว ผู้เล่นส่วนใหญ่ภายในกองทัพจึงวิ่งหนีกลับเข้าไปภายในเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ด้วยความหวาดกลัว

“หัวหน้าจะให้พวกเราลงมือเมื่อไหร่คะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถามเมื่อได้เห็นกองทัพของสามพี่น้องตระกูลไป๋และฉิงชางขับไล่ศัตรูไปจนถึงหน้าประตูเมืองแล้ว

ลู่หยางมองไปยังนาฬิกา ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับหญิงสาวว่า

“ทุกคนเตรียมกลับป้อมวินด์ธันเดอร์ ตอนนี้มันถึงคราวที่เธอต้องโชว์ฝีมือแล้ว”

“ป้อมปราการวินด์ธันเดอร์?” เซี่ยหยู่เว่ยทวนคำอย่างไม่เข้าใจ

“ใช่ ฉันเพิ่งได้รับข้อความจากเฉียนเฉียนว่าฉงป้ากับโซลออฟอีเทอนิตี้ได้ตกลงปล่อยตัวอีกฝ่ายออกมาจากป้อมปราการ และตอนนี้โซลออฟอีเทอนิตี้กำลังนำกองกำลัง 50,000 คนเดินทางกลับมาแล้ว” ลู่หยางกล่าว

 

 


 

หืออออออ ลู่หยางยังติดต่อกับเฉียนเฉียนอยู่งั้นเหรอ?

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.