บทที่ 419 แม่น้ำมูนสปิริต

-A A +A

บทที่ 419 แม่น้ำมูนสปิริต

บทที่ 419 แม่น้ำมูนสปิริต

“ฉงป้ามันจะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว แต่หวังเถิงก็ยอมปล่อยตัวโซลออฟอีเทอนิตี้ออกมาด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ตอนนี้หวังเถิงถูกพวกเราอัดจนสับสนไปหมด ถึงมันจะทำอะไรที่ดูแปลกตาไปบ้างแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เดี๋ยวฉันไปเอง สถานการณ์ที่นี่อยู่ตัวแล้วฉันไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ก็ได้” เจียงเจ๋อกล่าว

“เดี๋ยวผมก็จะพากองทัพกลับไปด้วยเหมือนกัน” ซุนหยูกล่าว

“ฉันจะรีบนำทีมกลับไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว

“โอเค พวกเธอ 3 คนนำทีมกลับไปที่ป้อมปราการวินด์ธันเดอร์ได้เลย เดี๋ยวฉันตามไปทีหลัง” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ครับ/ค่ะ” ทั้ง 3 พยักหน้ารับก่อนจะแยกย้ายกันออกไปนำทีมของตัวเอง

ลู่หยางนำเรื่องนี้ไปอธิบายให้พวกฉิงชางฟังด้วยเช่นกัน ก่อนที่เขาจะออกคำสั่งเป็นครั้งสุดท้ายว่า

“ทุกคนสั่งให้ลูกน้องถอนตัวออกมาจากเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ ก่อนอย่าปล่อยให้พวกเขาถูก NPC ฆ่าเพราะเผลอไปฆ่าพวกดีวายโซลในเมืองเด็ดขาด การเก็บเลเวลในช่วงเลเวล 30 ขึ้นไปไม่ใช่เรื่องง่ายและเราก็ต้องการให้ทุกคนอยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อรักษาป้อมปราการทั้ง 3 แห่งนี้เอาไว้”

“ครับ” ฉิงชาง, ไป๋ฉือ, บิทเทอร์เลิฟและโจวเทียนหมิงตอบรับพร้อมกัน

หลังสั่งการเสร็จลู่หยางก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก และเนื่องมาจากแม่ทัพเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นฝีมือดีที่มีชื่อเสียงในชาติที่แล้ว เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไรมากทุกคนก็รู้ดีว่าตัวเองควรจะต้องทำอะไร

“แบล็คเฟลมนำทีมนักเวทไฟตามฉันกลับไปที่ป้อมปราการวินธันเดอร์” ลู่หยางตะโกนสั่ง

“ได้ครับหัวหน้า” แบล็คเฟลมรับคำก่อนที่เขาจะออกคำสั่งให้ลูกน้องทุกคนใช้ม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ตไปยังป้อมปราการวินธันเดอร์

ลู่หยางเลือกเทเลพอร์ตไปยังป้อมปราการวินด์ธันเดอร์ด้วยเช่นกัน ก่อนจะได้พบฮั่นอิ่งและมู่หยูที่กำลังรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ตอนนี้กองทัพของโซลออฟอีเทอนิตี้กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังแม่น้ำมูนสปริต พวกเขาน่าจะวางแผนเดินทางข้ามแม่น้ำอ้อมป้อมปราการวินด์ธันเดอร์เพื่อกลับไปยังเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ค่ะ” ฮั่นอิ่งกล่าว

ลู่หยางเปิดแผนที่ 3 มิติขึ้นมาในทันที ก่อนจะได้พบว่าแม่น้ำมูนสปริตอยู่ห่างจากป้อมปราการวินด์ธันเดอร์ออกไป 2 ชั่วโมงและมีเทือกเขากั้นระหว่างแม่น้ำกับป้อมปราการอยู่

“ในเมื่อโซลออฟอีเทอนิตี้มันอยากตายมากนัก ฉันก็จะสนองความต้องการให้กับมันเอง” ลู่หยางกล่าว

บนกำแพงเมือง

เซี่ยหยู่เว่ย, ซุนหยูและเจียงเจ๋อได้เตรียมกองทัพเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยกองกำลังเหล่านี้มีจำนวนมากถึง 110,000 คน และมันก็รวมนักเวทไฟ 100 คนที่สามารถใช้เวทมนตร์ต้องห้ามเอาไว้อยู่ในนี้อีกด้วย

“ทุกคนออกเดินทางได้” ลู่หยางออกคำสั่ง ก่อนจะนำทุกคนวิ่งไปยังหุบเขาโคลด์วินด์

“หัวหน้า พวกเรากำลังจะไปไหนกันเหรอคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถามเมื่อเห็นลู่หยางนำกองกำลังไปยังพื้นที่ระหว่างป้อมปราการวินด์ธันเดอร์และป้อมปราการซีดราก้อน

“ฉันได้รับข่าวมาว่าโซลออฟอีเทอนิตี้ต้องการจะข้ามแม่น้ำมูนสปริต ฉันเลยจะพาทุกคนไปทางลัด” ลู่หยางตอบ

“คราวนี้โซลออฟอีเทอนิตี้จะต้องตายแน่ ๆ” เจียงเจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ฉันคิดว่าเขาออกไปใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ อยู่อย่างสงบดีกว่า แค่เงินที่ลิ่วเจียให้เขามามันก็มากพอจะทำให้เขาใช้ชีวิตส่วนที่เหลืออย่างสบาย ๆ แล้ว” ลู่หยางกล่าว

นักเวทหนุ่มนำทีมข้ามหุบเขาโคลด์วินด์ไปยังแม่น้ำมูนสปิริต และถึงแม้ว่าระยะทางที่เขานำทีมเดินทางไปจะค่อนข้างไกล แต่เส้นทางที่โซลออฟอีเทอนิตี้กำลังนำทีมเดินทางอยู่นั้นมีระยะทางที่ไกลกว่า

ท้ายที่สุดโซลออฟอีเทอนิตี้ต้องตีวงอ้อมจากทางด้านหน้าป้อมปราการแบล็คร็อคไปยังแม่น้ำมูนสปิริต ซึ่งมันจำเป็นจะต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติถึง 3 ชั่วโมง

หนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมา

ลู่หยางใช้คัมภีร์เพิ่มความเร็วให้กับผู้เล่นทั้งกองทัพ ก่อนที่เขาจะนำทีมมาถึงฝั่งทางใต้ของแม่น้ำมูนสปิริตได้ในที่สุด

“ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกทุกคนเอาไว้แล้วว่าในสงครามแต่ละครั้งหากใครเก็บของอะไรได้ของชิ้นนั้นก็จะกลายเป็นของของทีมนั้นไปเลย ทุกคนยังจำได้ไหม?” ลู่หยางหันมาพูดกับกองทัพทั้ง 110,000 คนเมื่อได้เห็นว่าโซลออฟอีเทอนิตี้ยังเดินทางมาไม่ถึง

“จำได้ครับ/ค่ะ” ทุกคนตอบรับอย่างตื่นเต้น

“ตัวฉันไม่ค่อยมีข้อดีอะไรมากมายนัก แต่สิ่งที่ฉันทำมาโดยตลอดคือฉันเป็นคนพูดจริงทำจริง หลังจากทุกคนเอาชนะโซลออฟอีเทอนิตี้ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อุปกรณ์จะกลายเป็นของพวกนายทั้งหมด ส่วนกิลด์จะไม่ขอรับส่วนแบ่งอะไรจากสงครามในครั้งนี้เลย” ลู่หยางกล่าว

“หัวหน้าใจดีที่สุด!” ทุกคนตะโกนพร้อมกัน

“เอาล่ะทุกคนจัดกองกำลังซ่อนตัวได้ จำเอาไว้ว่าห้ามใครส่งเสียงออกมาเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นพวกเราทั้ง 110,000 คนก็จะเดินทางมาเสียเที่ยว” ลู่หยางกล่าว

“ครับ/ค่ะ”

ตอนแรกเซี่ยหยู่เว่ย, เจียงเจ๋อและซุนหยูต่างก็กังวลว่ามันจะมีคนทนไม่ไหวจนเปิดเผยตัวออกมา แต่เมื่อลู่หยางพูดถึงเรื่องอุปกรณ์พวกเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องพฤติกรรมของลูกน้องอีกต่อไป

แม้ว่าในครั้งนี้ภายในกองทัพของโซลออฟอีเทอนิตี้จะไม่มีอุปกรณ์ระดับทองเลยสักชิ้น แต่อุปกรณ์ระดับเงินเลเวล 20 ก็ยังคงมีราคาตลาดที่สูงมาก โดยอุปกรณ์แต่ละชิ้นจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 100 เครดิต

นับวันประชากรในเซคคัลเวิลด์ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ผู้เล่นอิสระที่สามารถผ่านดันเจียนระดับอีปิคและได้รับอุปกรณ์ระดับเงินเลเวล 20 ก็มีจำนวนอยู่น้อยมาก ขณะเดียวกันผู้เล่นปัจจุบันส่วนใหญ่ก็ยังมีเลเวลไม่ถึง 30 อุปกรณ์ระดับทองเลเวล 30 จึงยังไม่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้เล่นส่วนใหญ่ด้วยเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้เองอุปกรณ์ระดับเงินเลเวล 20 จึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่ขาดตลาดมากที่สุด ซึ่งถ้าหากผู้เล่นคนไหนต้องการจะขายอุปกรณ์เหล่านี้ พวกเขาก็จะสามารถขายออกไปได้ในทันทีโดยไม่จำเป็นจะต้องรอเวลา

ขณะเดียวกันลู่หยางก็เปิดโอกาสให้ลูกน้องเก็บเกี่ยวอุปกรณ์ของศัตรูได้ตามสบาย เมื่อการทำสงครามครั้งเดียวมีโอกาสทำให้ทุกคนได้รับเงินหลายร้อยเครดิต ทุกคนจึงพร้อมใจฟังคำสั่งโดยไม่มีใครคิดจะแตกแถวเลยแม้แต่คนเดียว

หลังจากเซี่ยหยู่เว่ย, เจียงเจ๋อและซุนหยูนำกองกำลังไปซ่อนตามพุ่มไม้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับเข้ามาหาลู่หยาง

20 นาทีต่อมา

บริเวณฝั่งทางเหนือของแม่น้ำมูนสปิริตเริ่มมีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่โจร 20 คนจะปรากฏตัวบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเป็นคนกลุ่มแรก

“มันเป็นไปอย่างที่หัวหน้าบอกเอาไว้เลยที่นี่มีแม่น้ำอยู่จริง ๆ ด้วย” กรีนเมาเทนผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าโจรกล่าว

“พวกเราว่ายน้ำข้ามไปดูฝั่งตรงข้ามกันก่อนดีไหมครับ?” เอนดิว หนึ่งในโจรภายในกลุ่มถาม อย่างไรก็ตามคำถามนี้กลับทำให้โจรทุกคนภายในทีมเงียบเสียงลง เพราะกระแสน้ำในแม่น้ำมูนสปิริตไหลเชี่ยวมากและแม่น้ำแห่งนี้ก็มีความลึกจนมองไม่เห็นก้นแม่น้ำเลยทีเดียว

สภาพแวดล้อมภายในเซคคัลเวิลด์ถูกจำลองมาจากสภาพแวดล้อมภายในโลกแห่งความเป็นจริง ดังนั้นถ้าหากว่าผู้เล่นว่ายน้ำไม่เป็น การพยายามว่ายน้ำผ่านแม่น้ำเช่นนี้ไปมันก็ไม่ต่างไปจากการพยายามฆ่าตัวตาย

“พวกนายว่ายข้ามไปดูสิ” กรีนเมาเทนกล่าว

เอนดิวแอบด่าตัวเองที่พูดมากจนเกินไปจนทำให้ได้รับสายตาไม่พอใจจากเพื่อนร่วมทีม อย่างไรก็ตามเมื่อหัวหน้าสั่งการมาแล้วพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น น่าเสียดายที่ทันทีที่เขาก้าวเท้าลงไปในน้ำ กระแสน้ำอันเชี่ยวกราดก็พัดพาจนทำให้เขาเสียการทรงตัว

กรีนเมาเทนรีบยื่นแขนออกไปในทันที ก่อนที่เขาจะคว้าตัวเอนดิวขึ้นมาจากน้ำอย่างรวดเร็ว

“เกือบไปแล้ว! ขอบคุณมากครับหัวหน้า” เอนดิวพูดด้วยความหวาดกลัว เพราะถ้าหากเขาตายที่นี่ เขาก็จำเป็นจะต้องวิ่งกลับเมืองซีเอ็มเพอเรอร์อีกรอบ ที่สำคัญคือเขายังจะพลัดจากกองทัพใหญ่อีกด้วย

“กระแสน้ำพัดแรงขนาดนี้พวกเราไม่มีทางข้ามไปได้หรอก รอให้กองทัพใหญ่มาถึงแล้วให้ทุกคนจับมือกันเอาไว้เป็นเหมือนโซ่แล้วค่อย ๆ ก้าวผ่านแม่น้ำไปพร้อม ๆ กันดีกว่า” กรีนเมาเทนกล่าว

“เท่าที่ดูผมไม่เห็นรอยเท้าจากอีกฝั่งของแม่น้ำ ผมคิดว่ามันไม่น่าจะมีใครมาดักพวกเราอยู่ที่นี่หรอกครับ” เอนดิวกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

กรีนเมาเทนพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะส่งข้อความรายงานข่าวไปให้โซลออฟอีเทอนิตี้

 

 


เรียบร้อยยยย

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.