บทที่ 465: ข้าจะไปกับท่าน
“ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ” มู่จวินฝานก้าวออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา มู่ไป๋ไป่แตกต่างไปจากเขา แม้ว่าในอนาคตนางจะต้องแต่งงานออกไป แต่นางก็ควรจะได้แต่งงานกับคนที่นางรักแทนที่จะเป็นเครื่องมือของเหล่าขุนนางในแคว้นเป่ยหลง
“ท่านพี่รัชทายาท ท่านอย่าไปเลย” หญิงสาวพูดห้ามพร้อมกับดึงพี่ชายคนโตเอาไว้ “ข้าเชื่อว่าท่านพ่อคงจะไม่เห็นด้วยกับพวกเขา”
“ไป๋ไป่ เจ้าก็รู้สถานการณ์ปัจจุบันของเสด็จพ่อเป็นอย่างดี” มู่จวินฝานขมวดคิ้วไม่เห็นด้วย “จะเป็นอย่างไรถ้า… ข้าหมายถึงว่าจะเป็นอย่างไรถ้าเสด็จพ่อตอบตกลง”
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากเกิดอะไรขึ้น มันก็จะสายเกินแก้”
มู่ไป๋ไป่เม้มปากทำหน้าเครียด เธอเข้าใจสถานการณ์ ณ ตอนนี้เป็นอย่างดี แต่ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงยืนกรานที่จะหาวิธีการรักษามู่เทียนฉงให้ได้ก่อน
เธอรู้ดีว่าความผิดปกติของท่านพ่อที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้นมีความเกี่ยวข้องกับหนานซวน
“ปล่อยเขาไป” เซียวถังอี้ที่ก่อนหน้านี้ยืนอยู่เงียบ ๆ พูดขึ้นอย่างกะทันหัน “เราจะแยกกันลงมือ”
“ใช่ ไป๋ไป่ ปล่อยองค์รัชทายาทไปเถอะ” เซียวถังถังที่มักจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามพี่ชายของตัวเองมาตลอดบัดนี้รู้สึกเห็นด้วยกับเขาเป็นครั้งแรก “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่!”
เมื่อมู่ไป๋ไป่เห็นว่าทุกคนต่างก็เป็นกังวลกันมาก เธอจึงจำต้องปล่อยมือ แต่เธอยังคงบอกกับพี่ชายคนโตว่า “ท่านพี่รัชทายาท ถ้า… ถ้าหากท่านกับท่านพ่อคิดเห็นไม่ตรงกัน ท่านก็อย่าได้ฝืนอีกเลย”
เหตุผลหลัก ๆ ที่เธอไม่ต้องการให้อีกฝ่ายออกหน้าแทนเธอเพราะเธอไม่อยากให้เขาขัดแย้งกับมู่เทียนฉง
สถานการณ์ปัจจุบันของท่านพ่อนั้นแปลกประหลาดมากพอแล้ว มู่จวินฝานเป็นถึงรัชทายาทแห่งเป่ยหลง เป็นผู้สนับสนุนหลักของเป่ยหลง
หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก ทั้งเป่ยหลงก็จะตกอยู่ในความโกลาหลยากที่จะแก้ไข
“ไม่ต้องกังวล” ชายหนุ่มรู้ดีว่าน้องสาวกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงยิ้มอ่อนโยนให้นาง “พี่รู้ขีดจำกัดของตนเองดี”
หลังจากองค์รัชทายาทพูดจบ เขาก็หายตัวออกไปจากตำหนักอวี๋ชิงอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่มู่ไป๋ไป่มองส่งพี่ใหญ่ออกไปจากตำหนัก เธอก็ลอบถอนหายใจเงียบ ๆ จากนั้นก็คิดอะไรบางอย่างแล้วหันไปหาเซียวถังอี้ “ชิงหานยังไม่กลับมาอีกหรือ?”
ในตอนเช้ามืดชายหนุ่มได้ส่งชิงหานไปติดตามสาวใช้ข้างกายลี่เฟย
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว จริง ๆ เขาควรจะกลับมารายงานเจ้านายของตนได้แล้วไม่ใช่หรือ?
เซียวถังอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ชิงหานเป็นองครักษ์เงาที่ติดตามเขามานาน ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงฝีมือของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
ในวังหลวงแห่งนี้มีเพียงไม่กี่คนที่แข็งแกร่งกว่าชิงหาน
ในเมื่อเขายังไม่กลับมา นั่นหมายความว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างขัดขวางเขาอยู่แน่
“ซั่วเยว่” เซียวถังอี้เอ่ยเรียกคนของตน
“ขอรับ!” ซั่วเยว่กระโดดลงมาจากหลังคา จากนั้นเขาก็พูดว่า “ข้าน้อยจะรีบไปดูที่ตำหนักตี้เฉินขอรับ”
ผู้เป็นนายพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยเตือนอีกฝ่ายว่า “ระวังตัวด้วย”
ทันทีที่มู่จวินฝานกับซั่วเยว่ออกไป ภายในเรือนก็ดูเหมือนจะร้างผู้คนไปไม่น้อย
ปัจจุบันเซียวถังถังที่ปกติมักจะซุกซนกลับมีท่าทีจริงจังผิดปกติ นางไม่กล้าทำเป็นเล่นอีกต่อไป ขณะนี้นางกำลังขมวดคิ้วเปิดตำราแพทย์ดูทีละหน้า
หากมองจากระยะไกล ท่าทางนั้นเหมือนนางรู้สึกรังเกียจความรู้ทางการแพทย์เหล่านี้มากกว่า
“ศิษย์พี่ ดูนี่สิเจ้าคะ…” ขณะที่ดวงตาของมู่ไป๋ไป่กำลังเมื่อยล้าเนื่องจากการเพ่งอ่านตำรามานาน อวี้หวานหว่านก็ยื่นตำราเล่มเล็กในมือให้เธอดู
“อาการที่เขียนเอาไว้ในนี้ดูเหมือนจะคล้ายกับอาการของฝ่าบาท…”
“แต่นี่ไม่ใช่ตำราแพทย์…”
นี่เป็นบันทึกการเดินทางที่มู่ไป๋ไป่เก็บรวมเอาไว้กับตำราแพทย์ซึ่งมันบันทึกเกี่ยวกับสิ่งที่คนเขียนได้พบเจอระหว่างการเดินทางของเขา
หญิงสาวกวาดตามองสิ่งที่เขียนเอาไว้ในตำราตามที่อวี้หวานหว่านชี้อย่างรวดเร็ว แล้วลมหายใจของเธอก็สะดุดอย่างกะทันหัน “อาคม?”
ในเวลาเดียวกัน 2 พี่น้องตระกูลเซียวต่างก็มุ่งความสนใจไปที่ทั้ง 2 คน
“อาคม? นั่นไม่ใช่มีเพียงในตำนานหรอกหรือ?” เซียวถังถังขยี้ตาที่เหมือนจะเห็นตัวหนังสือซ้อนกันอยู่หลายครั้งเบา ๆ
เซียวถังอี้เองก็ขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับพูดว่า “ข้าเคยเห็นคนที่ถูกอาคมมาก่อน อาการของพวกเขาคล้ายคนที่เป็นโรคทางจิตใจบางอย่าง มันไม่เหมือนกับอาการของเสด็จพ่อเจ้าหรอก”
“ท่านพี่ ท่านเคยเห็นคนที่ถูกอาคมมาก่อนหรือ เมื่อไหร่? มันเป็นแบบที่เขาเล่าลือกันจริงหรือ?” เซียวถังถังรู้สึกสงสัยใคร่รู้และอดไม่ได้ที่จะถามออกมาเมื่อได้ยินพี่ชายของตนพูดเช่นนี้
“ตามที่เขียนในตำราเล่มนี้ การใช้อาคมก็เหมือนกับคำสาปอย่างหนึ่ง” มู่ไป๋ไป่อ่านข้อความสั้น ๆ ในบันทึกการเดินทางแล้วพูดขึ้นมาว่า “แสดงว่าอาการของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป…”
พอพูดถึงจุดนี้หญิงสาวก็หยุดชะงัก
ซึ่งสาเหตุที่เธอชะงักไปเป็นเพราะเธอนึกถึงฉากในละครแนวเล่ห์รักวังหลวงที่เธอเคยดูในชาติที่แล้ว
ตอนนั้นเธอคิดว่ามันไร้สาระมาก แต่ปัจจุบันเธอกำบันทึกการเดินทางเล่มนี้แน่นและคิดถึงอาการของมู่เทียนฉง นั่นทำให้มีเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาบนหน้าผากขาวเนียน
ใช่… แม้แต่เธอเองก็ยังสามารถเข้าใจภาษาสัตว์ได้ แล้วนับประสาอะไรกับการที่ในโลกนี้จะมีอาคมด้วยล่ะ?
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้าใช้อาคมเข้าใส่ฮ่องเต้ แสดงว่าผู้ใช้อาคมจะต้องแข็งแกร่งและมั่นใจในตัวเองมาก
“ในนี้มันมีวิธีแก้อาคมหรือไม่?” เซียวถังถังเดินมาอยู่ข้างหน้าศิษย์พี่ใหญ่ “ตอนนี้เราไม่มีวิธีอื่นแล้ว เรามาลองดูกันดีกว่า ถ้าเราสามารถแก้ไขปัญหาได้ก็คงจะดี แต่ถ้าไม่ได้เราก็จะต้องหาวิธีอื่น”
“มันไม่ได้เขียนบอกไว้…” มู่ไป๋ไป่ส่ายหัว ก่อนจะมองเซียวถังอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยปากว่า “ท่านบอกว่าท่านเคยเห็นคนที่ถูกอาคมมาด้วยตาของตัวเอง แล้วสุดท้ายคนผู้นั้นจัดการแก้อาคมได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายแล้วพยักหน้า “แก้ได้”
“พวกเขาใช้วิธีการใด?” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้น จากที่เธอรู้จักเซียวถังอี้มา การที่เขามีท่าทีเช่นนี้ นั่นแปลว่าวิธีการแก้อาคมคงไม่ง่ายนัก ไม่อย่างนั้นเขาคงพูดออกมานานแล้ว
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายว่า “คนในครอบครัวของผู้ที่ถูกร่ายอาคมใส่จะต้องฆ่าผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนใช้อาคม”
“หา?” เซียวถังถังอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “หากเราฆ่าผู้ใช้อาคมสำเร็จ คนผู้นั้นก็จะปลอดภัยหรือ?”
“ใช่” เซียวถังอี้พูดพลางถอนหายใจเบา ๆ “ในตอนนั้นข้าไม่คิดจริง ๆ ว่าคนผู้นั้นจะถูกอาคม”
“ท่านคิดว่านั่นเป็นเพียงการแสดงของผู้ใช้อาคม และต้องการจะฆ่าคนเท่านั้นหรือ?” มู่ไป๋ไป่คิดตามคำกล่าวของชายหนุ่มและพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
แล้วแสงจาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเซียวถังอี้ “ถูกต้อง”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านคิดแบบนั้น” หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ “ถ้าเป็นข้า การใช้อาคมที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้มันดูแปลกประหลาดมากเกินไป ข้าก็ไม่คิดว่านั่นจะเป็นเรื่องจริงเหมือนกัน”
“แล้วมันจริงหรือไม่จริงล่ะ?” เซียวถังถังยังคงรู้สึกสับสนว่าทั้ง 2 คนกำลังเอ่ยถึงเรื่องอะไร “แบบนี้เราจะหาผู้ใช้อาคมได้อย่างไร?”
ดวงตาของมู่ไป๋ไป่หม่นแสงลง ในขณะที่เธอพูดว่า “นี่มันยังไม่ชัดเจนอีกหรือ? ความผิดปกติทั้งหมดของท่านพ่อเริ่มต้นขึ้นตอนที่พบกับลี่เฟย สิ่งที่ข้าอยากรู้ตอนนี้ก็คือ ใครสอนให้ลี่เฟยใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้”
ลี่เฟยน่าจะไม่รู้เกี่ยวกับอาคมมาก่อน อย่างน้อยก็ก่อนที่นางจะถูกส่งไปที่ตำหนักเย็น ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ถูกราชครูปลอมหลอกเอาง่าย ๆ
มีความเป็นไปได้ว่าคงมีคนสอนเรื่องนี้ให้นางหลังจากที่นางเข้าไปอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว
ทันใดนั้นมู่ไป๋ไป่ก็เสียวสันหลังวาบ
“ไม่นะ! ชิงหานกับซั่วเยว่กำลังตกอยู่ในอันตราย!” หญิงสาวหันไปคว้าแขนเสื้อของเซียวถังอี้แน่น “ในเมื่อลี่เฟยสามารถร่ายอาคมใส่ท่านพ่อได้ นางก็คงจะสามารถร่ายอาคมใส่คนอื่นได้อย่างแน่นอน”
ชั่วอึดใจนั้นสีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากสั่งว่า “พวกเจ้าอยู่ในตำหนักอวี๋ชิงอย่าไปไหน ข้าจะไปดูเอง”
“ข้าจะไปกับท่าน!” มู่ไป๋ไป่รู้สึกเป็นกังวลจึงเอ่ยแย้งอีกฝ่าย “ท่านอย่าลืมสิ ข้าเป็นจ้าวอสูร อาคมพวกนั้นคงใช้ไม่ได้ผลกับข้าเหมือนกับแมลงพิษ อย่างน้อยการที่ข้าติดตามท่านไปข้าก็สามารถช่วยท่านได้!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 145
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น