บทที่ 464: อย่าประเมินตัวเองต่ำเกินไป

-A A +A

บทที่ 464: อย่าประเมินตัวเองต่ำเกินไป

“อะไรนะ?” เซียวถังถังตกใจจนอ้าปากค้าง “เราเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงได้แค่ไม่กี่วันเอง ทำไมถึงได้เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้?”

เซียวถังอี้ได้แต่จ้องไปที่น้องสาวอย่างเย็นชา ทำให้นางยอมเงียบปากนั่งลงนิ่ง ๆ ทันที

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเสด็จพ่อไม่ได้ถูกวางยาพิษ?” มู่จวินฝานถามขึ้นเสียงทุ้มหลังจากพิจารณาสิ่งที่น้องสาวเล่าให้ฟัง

มู่ไป๋ไป่เม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า “ข้าเองก็ไม่รู้ สหายของข้าไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอื่นใด”

ตามความคิดของเธอ อาการของมู่เทียนฉงน่าจะเหมือนกับการถูกวางยาพิษมากกว่า

แต่เสี่ยวหยินได้ตรวจสอบแล้วก็ไม่พบอะไร ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนตรวจสอบเรื่องนี้อีกแล้ว

“ข้าเข้าใจแล้ว” มู่จวินฝานพยักหน้าก่อนจะยืนขึ้น “ถ้าเช่นนั้นเราก็มาเริ่มกันเลยเถอะ”

ชายหนุ่มไม่อยากชักช้าเสียเวลาอีกต่อไป เขาจึงได้แบ่งตำราแพทย์ในห้องเก็บตำราให้คนของเขารับผิดชอบอ่านในพื้นที่ของตน

นอกจากเซียวถังถัง ทุกคนก็ตั้งใจเปิดตำราแพทย์อ่านกันอย่างละเอียด

ยามนี้หญิงสาวได้แต่มองดูกองตำราแพทย์ตรงหน้าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ “หวานหว่าน เจ้าช่วยแบ่งตำราไปอ่านสัก 2-3 เล่มได้หรือไม่?”

“หืม?” อวี้หวานหว่านถอนสายตาจากคนตรงข้ามไปมองเซียวถังถัง ในขณะที่แก้มของนางยังคงแต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อน “ศิษย์พี่รอง ท่านพูดว่าอะไรนะเจ้าคะ?”

“ข้าบอกว่า…” เซียวถังถังกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเอนตัวไปด้านหน้าและมองไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายเพิ่งมองไป “เฮอะ หวานหว่าน เมื่อกี้เจ้าคงไม่ได้แอบมององค์รัชทายาทอยู่ใช่หรือไม่?”

คำถามนั้นทำให้ดวงตาของอวี้หวานหว่านเบิกกว้าง แล้วนางก็รีบส่ายหัวโบกมือปฏิเสธ “ไม่ ไม่ใช่ ศิษย์พี่รอง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่… แค่…”

“อ๋อ ถ้าเจ้าไม่ได้มองก็อย่ากังวลไปเลย” เซียวถังถังปัดมือแบบไม่ใส่ใจนัก “ศิษย์พี่แค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น”

“หวานหว่าน เจ้าก็รู้ว่าถ้าศิษย์พี่อ่านหนังสือจะรู้สึกปวดหัวมาก ฉะนั้นเจ้าช่วยข้าอ่านตำราสักหน่อยได้หรือไม่ เอาไว้หลังจากเรากลับไป ข้าจะซื้อขนมให้เจ้าเป็นการตอบแทน”

เด็กหญิงเตรียมจะพยักหน้าตอบตกลง แต่แล้วนางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงกระซิบถามว่า “เราต้องออกจากวังหลวงทันทีที่อ่านตำราแพทย์พวกนี้เสร็จหรือเจ้าคะ?”

“ใช่” คนเป็นศิษย์พี่รองมองศิษย์น้องของตนด้วยสายตาประหลาด “วังหลวงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่โหดร้ายมาก พวกเราไม่ควรรั้งอยู่นาน”

“แถมคนของหนานซวนก็จะเดินทางมาถึงวันพรุ่งนี้แล้ว เจ้ายังเด็ก เจ้าคงไม่รู้ว่าคนของหนานซวนนั้นชั่วร้ายเพียงใด หากเราตกเป็นเป้าโจมตีของอีกฝ่าย ไป๋ไป่คงจะลำบากน่าดู”

อวี้หวานหว่านเม้มปาก ก่อนจะตัดสินใจพูดเสียงเบา ๆ ว่า “ข้า… ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ ท่านย่าบอกว่าอีก 3-4 ปีข้าก็ต้องแต่งงานแล้ว”

“หืม?” เซียวถังถังดีดหน้าผากศิษย์น้องด้วยความรู้สึกขบขัน “เจ้าคิดจะแต่งงานเร็วอย่างนั้นหรือ พ่อแม่เจ้าคงไม่เห็นด้วยหรอก”

“ศิษย์พี่รอง… ท่านอย่าทำเหมือนว่าข้าเป็นเด็ก ๆ สิ” อวี้หวานหว่านหลุบสายตาลงต่ำพลางพูดกระเง้ากระงอด “ข้าไม่ช่วยท่านอ่านตำราแล้ว ท่านอ่านเองเลย”

หลังจากพูดจบเด็กหญิงก็เขยิบตัวไปหาศิษย์พี่ใหญ่ที่กำลังถือตำราแพทย์อยู่

ขณะนี้มู่ไป๋ไป่กำลังคุยเรื่องโรคที่บันทึกเอาไว้ในตำราแพทย์กับมู่จวินฝาน พอเธอสังเกตเห็นว่ามีคนขยับมาใกล้ ๆ เธอจึงหันไปมองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถามว่า “หวานหว่าน มีอะไรหรือ เจ้าเหนื่อยหรือเปล่า?”

“ถ้าเจ้าเหนื่อย ข้าจะสั่งให้คนพาเจ้าไปพักผ่อนที่ห้อง เดี๋ยวศิษย์พี่รองของเจ้าจะจัดการส่วนที่เหลือเอง”

เซียวถังถังที่นั่งอยู่ไม่ไกลได้ยินดังนั้นจึงคร่ำครวญออกมา “อ๋า~ ไป๋ไป่ ท่านจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้นะ นี่ข้ายังเป็นศิษย์น้องของท่านหรือไม่?”

มู่ไป๋ไป่เหลือบมองคนพูดด้วยหางตา “ศิษย์น้องที่ข้าเอ่ยถึงคือหวานหว่าน ไม่ใช่เจ้า”

จากนั้นทั้งคู่ก็โต้เถียงกันประหนึ่งกับว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น ขณะที่อวี้หวานหว่านกำลังแอบมองสำรวจมู่จวินฝานเงียบ ๆ

ทางด้านองค์รัชทายาทที่สังเกตเห็นสายตาของนาง เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มจาง ๆ ให้อีกฝ่าย “มีอะไรหรือไม่?”

มู่จวินฝานรู้ว่ามู่ไป๋ไป่ให้ความสำคัญกับคนในหุบเขาหมอเทวดา ดังนั้นเขาจึงทำดีกับคนที่นางรักและเต็มใจที่จะวางท่าทางขององค์รัชทายาทลงและทำตัวเหมือนคนธรรมดากับทุกคน

“เปล่าเพคะ…” อวี้หวานหว่านส่ายหัวเบา ๆ แล้วนางก็รวบรวมความกล้าที่จะก้าวเข้าไปหาชายหนุ่ม “ที่จริงแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่หม่อมฉันไม่ค่อยเข้าใจนัก”

มู่จวินฝานคุ้นชินกับพฤติกรรมแบบเดียวกันกับมู่ไป๋ไป่ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก แต่เมื่อเห็นเด็กหญิงหน้าแดงขึ้นหลังจากพูดได้เพียงไม่กี่ประโยค เขาก็รู้สึกว่ามันดูน่าตลกเล็กน้อย “ข้าได้ยินจากไป๋ไป่ว่าเจ้าเติบโตมากับการอ่านตำราแพทย์ คงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่เข้าใจเรื่องในตำราใช่หรือไม่?”

คำพูดดังกล่าวทำให้ใบหน้าของอวี้หวานหว่านที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงมากขึ้นไปอีก นางรีบหลบสายตาก่อนจะพูดตะกุกตะกักว่า “ศิษย์-ศิษย์พี่กล่าวเกินไปแล้ว หม่อมฉันไม่ได้เก่งกาจเหมือนที่ศิษย์พี่พูด….”

นี่คือความจริง แม้แต่เจียงเหยา แม่ของนางก็ยังบอกว่าพรสวรรค์ของมู่ไป๋ไป่นั้นหาได้ยาก ซึ่งในรอบพันปีจะมีเพียงคนหนึ่ง

นางไม่เคยรู้สึกอิจฉาศิษย์พี่ใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

ยิ่งไปกว่านั้น มู่ไป๋ไป่ก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี อีกทั้งนางไม่ได้มีความคิดที่จะสืบทอดตำแหน่งเจ้าหุบเขาหมอเทวดามากนักด้วย

แทนที่จะเอาแต่อ่านตำราแพทย์ และหมกมุ่นอยู่กับสมุนไพรทุกวัน นางชอบเที่ยวเล่นรอบ ๆ หุบเขาพร้อมกับเซียวถังถังมากกว่า

“เจ้าอย่าได้ประเมินตัวเองต่ำเกินไป” มู่จวินฝานมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตาแน่วแน่ และนึกถึงวัยเด็กของมู่ไป๋ไป่

ในเวลาเดียวกันนั้น จู่ ๆ เขาก็นึกสงสารนางขึ้นมาชั่วขณะ เขาจึงเอื้อมมือไปแตะศีรษะของอีกฝ่ายเหมือนอย่างที่เขาทำกับน้องสาวของตน

ทางด้านอวี้หวานหว่านเอาแต่จ้ององค์รัชทายาทนิ่งแล้วรู้สึกว่าเสียงที่อยู่รอบกายของตนนั้นได้หายไปจนสิ้น

ในสายตาของนางมองเห็นเพียงชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านางเท่านั้น

“คุณหนู! คุณหนู! เกิดเรื่องแล้ว!” จู่ ๆ จื่อเฟิงก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็วจนเกือบจะชนเข้าใส่อวี้หวานหว่านที่ยืนอยู่ไม่ไกล

โชคดีที่มู่จวินฝานตอบสนองเร็วพอจึงได้ดึงเด็กหญิงมาหลบด้านข้างให้พ้นจากแรงปะทะจากชายร่างใหญ่

“จื่อเฟิง ระวังหน่อยสิ” มู่ไป๋ไป่ตกใจจนหัวใจแทบวายตาย “หวานหว่านตัวเล็กนิดเดียว ถ้าท่านชนนางจะทำอย่างไร?”

“ขออภัย คุณหนู ข้ารีบร้อนมากเกินไป” จื่อเฟิงเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าซื่อ ๆ ของเขาฉายแววตื่นตระหนก “ทูตจากแคว้นหนานซวนเพิ่งเข้าเฝ้าฝ่าบาท”

“อะไรนะ?!” มู่ไป๋ไป่กับเซียวถังอี้หันมาสบตากันทันที “พวกเขาจะมาถึงพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ?”

ข่าวจากองครักษ์เงาของเซียวถังอี้ไม่น่าจะผิดพลาด

เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงทางเดียวเท่านั้น…

คนของหนานซวนได้เตรียมตัวที่จะปกปิดที่อยู่ที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ตั้งแต่แรก

แต่พวกเขาทำไปเพื่ออะไรล่ะ?

“ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ” จื่อเฟิงส่ายหัวอย่างเป็นกังวล “แล้ว… แล้วข้าก็ได้ยินมาว่าทูตของหนานซวนทูลขอฝ่าบาทให้ประทานสมรส”

จังหวะนั้นมู่ไป๋ไป่ เซียวถังอี้และมู่จวินฝานต่างก็หน้าถอดสี

มีเพียงเซียวถังถังเท่านั้นที่ยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด “แล้วเขาจะแต่งกับใคร ข้าจำได้ว่าในวังหลวงไม่มีองค์หญิงที่อายุเหมาะสมที่จะแต่งงานเลยนอกจากไป๋ไป่…”

“หรือว่าจะเป็นมู่เชียน?”

“แบบนี้เองสินะ นางถึงได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่านางจะได้มาเข้าเฝ้าในวัง ที่แท้นางกำลังจะสมรสเชื่อมสัมพันธ์กับหนานซวนนี่เอง”

ทางด้านจื่อเฟิงเม้มริมฝีปากโดยที่ไม่พูดอะไร

มู่ไป๋ไป่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะถามว่า “พวกเขาทูลขอประทานสมรสกับข้าหรือ?” 

ลางบอกเหตุที่คอยร้องเตือนอยู่ในใจของเธอตั้งแต่วันวานดูเหมือนว่าจะได้รับการยืนยันแล้ว ยิ่งรู้แบบนี้มันก็ยิ่งทำให้เธอคลายกังวลไม่ได้จริง ๆ

จื่อเฟิงพยักหน้าตอบหนักแน่น “ขอรับ”

“อะไรนะ?!” เซียวถังถังอ้าปากค้าง ในขณะที่นางตื่นเต้นจนเลิกสนใจตำราแพทย์ที่อยู่ใต้เท้าของตัวเองจนเกือบจะสะดุดล้ม “หนานซวนทูลขอประทานสมรสกับไป๋ไป่หรือ?”

“ไม่นะ! อย่าแม้แต่จะคิด!” 

ไป๋ไป่คือพี่สะใภ้ที่ตนหมายตาเอาไว้ นางจะไปแต่งงานกับคนอื่นได้อย่างไรกัน!

“ข้าเข้าใจแล้ว” มู่ไป๋ไป่พยักหน้ารับนิ่ง ๆ “เช่นนั้นเราก็มาอ่านตำราแพทย์กันต่อเถอะ…”

“ไป๋ไป่ ทำไมท่านถึงยังใจเย็นได้ขนาดนี้!” เซียวถังถังขยี้หัวตัวเองด้วยความกระวนกระวาย

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.